로그인ตอนที่ 10 สำรวจตลาด
เจ้าหรูพาทั้งสองเด็กน้อยขึ้นเขาไปตัดต้นไผ่เพื่อนำมาทดลองใช้เครื่องผลิตกระดาษ ในรายละเอียดการใช้งานเครื่องระบุว่าสามารถใช้ต้นไม้อะไรก็ได้ แต่ก็ยังมีข้อแม้ว่าจะใช้ได้เพียงต้นไม้ชนิดนั้นเท่านั้น ไม่สามารถเปลี่ยนเป็นต้นไม้อย่างอื่นได้อีก
เจ้าหรูตัดสินใจใช้ต้นไผ่ เพราะมันมีเยอะมากมาย และยังสามารถพบเจอได้ง่าย ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็มีต้นไผ่เกิดขึ้นมากมาย บนภูเขา ตามท้องนา หรือในหมู่บ้านก็มีต้นไผ่อยู่ทั่วทุกที่ รับรองว่าเธอไม่ขาดแคลนอย่างแน่นอน
ผลการทดลองใช้ต้นไผ่เพียงหนึ่งลำ สามารถผลิตกระดาษอย่างดีได้ถึง 100แผ่น แต่หากคุณภาพกระดาษลดลงมาก็จะได้จำนวนกระดาษเพิ่มขึ้นเป็น 200 แผ่น แต่ต้องอยู่กับขนาดของลำต้นที่ใช้ด้วยเช่นกัน
ส่วนการใช้ต้นไผ่นั้น... สามารถใส่ลงได้ทั้งต้น ไม่ต้องเอาใบออก เพราะส่วนใบจะนำไปผลิตยางลบกับดินสอได้ด้วย
การทำงานของเครื่องมันดูแปลกและซับซ้อนเกินไป เธอพยายามทำความเข้าใจแต่ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี รู้แค่ว่ามันทำได้เท่านั้นเอง อาจจะเป็นเพราะวิวัฒนาการที่มาจากโลกอนาคต ถึงทำให้เธอเข้าใจได้ยากจนถอดใจ
เจ้าหรูขอแค่มันทำงานได้ตามที่ต้องการก็พอแล้ว เธอเลยเลิกพยายามเข้าใจกระบวนการทำงานของเครื่อง เพราะอย่างไรก็ไม่เข้าใจ แม้แต่คนเอามาอย่างถิงถิงยังไม่รู้เลยว่าเครื่องทำงานอย่างไร
ถิงถิงบอกแค่ว่าเครื่องมันไม่พังง่าย ๆ และสามารถใช้งานได้ตลอด ไม่ว่าจะใช้งานหนักแค่ไหนหรือว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหนก็ตาม สิ่งเหล่านี้ถิงถิงเป็นคนยืนยันกับเธอเอง แต่ไม่รู้จะเป็นแบบนั้นไหม คงต้องรอดูกันต่อไป
วันนี้พวกเราทั้งสามคนเดินเท้าเพื่อเข้าไปในเมือง ซึ่งใช้เวลาเดินไม่ถึง 20 นาทีก็ถึงแล้ว การเข้าเมืองวันนี้เพื่อที่จะสำรวจพื้นที่และสำรวจตลาด เธอไม่ได้รอเวลาหลังหย่าเหมือนตอนแรกที่วางแผนไว้ เนื่องจากถิงถิงยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือหลายอย่าง
"ถิงถิงสามารถให้เงินพี่สาวได้จริง ๆ ใช่ไหม" เจ้าหรูถามย้ำอีกครั้ง
"ได้แน่นอนเจ้าค่ะ ถิงถิงมีเงินหยวนซึ่งเป็นเงินสกุลเดียวกันกับโลกใบนี้เลย" ถิงถิงย้ำให้พี่สาวได้มั่นใจด้วยเช่นกัน
ถิงถิงคิดว่านางร้ายคนที่สองดูโชคดีกว่านางร้ายคนที่หนึ่ง เพราะมีสิ่งของหลายอย่างที่สามารถนำมาใช้ได้ ทั้งที่พรวิเศษยังไม่ปรากฏ นางร้ายอีกคนพรวิเศษปรากฏเร็วก็จริง แต่เธอก็ต้องยึดคืน เพราะมีเหตุผลบางอย่างที่เธอต้องยึดคืน ก่อนที่ทุกอย่างจะหายไปจนหมด เธอเลยต้องยึดบ้านมิติของพี่สาวคืนทั้งที่มันเป็นบ้านของนางร้ายคนที่หนึ่งแท้ ๆ
ตอนนั้นโกดังที่เก็บสิ่งของยังเปิดใช้งานไม่ได้เหมือนตอนนี้ เธอไม่สามารถช่วยพี่สาวหนิงหนิงได้มากนัก ได้แต่ให้ยาที่จำเป็นไว้เท่านั้นเอง นี่คืออีกหนึ่งเหตุผลที่เธอคิดว่าพี่สาวเจ้าหรูโชคดีกว่า ถึงแม้ไม่มีพรวิเศษแต่ยังมีตัวช่วย
"ให้เปล่า ๆ หรือว่าให้ยืม... " เพราะยังไม่ได้พูดคุยถึงเรื่องนี้เลย ต้องถามก่อนที่จะรับเงิน
"ให้เปล่า ๆ แต่ว่าให้เยอะไม่ได้เจ้าค่ะ ให้แค่พอใช้เท่านั้น หากให้มากเกินไปมันจะมีการแลกเปลี่ยนเกิดขึ้น ทางที่ดีเอาแค่พอใช้ดีกว่า เพราะหากมีการแลกเปลี่ยนเกิดขึ้น มันต้องมีบางอย่างที่พี่สาวจะต้องเสียไป และถิงถิงก็ไม่รู้ว่าจะเป็นอะไร จะรู้อีกทีตอนที่จะทำการแลกเปลี่ยนนั่นแหละ ทางที่ดีอย่าเสี่ยงเรื่องแลกเปลี่ยนเลยดีกว่า" นี่คือความจริง หากมากเกินไป ผู้ผ่านทางจะต้องมีของแลกเปลี่ยนทันที
ถิงถิงไม่ได้รู้ทุกเรื่อง บางสิ่งบางอย่างก็เพิ่งรู้เช่นกัน พอเจอโลกใบใหม่ก็จะมีกฎบังคับใหม่เกิดขึ้น ไม่ใช่ว่าเธอไม่อยากช่วย แต่บางอย่างมันอยู่เหนือการควบคุมของเธอจริง ๆ
"ขอบใจมากที่ช่วยพี่สาว" เจ้าหรูเข้าใจเจ้าตัวเล็ก แม้จะไม่เข้าใจเกี่ยวกับเรื่องราวทั้งหลายที่เกิดขึ้น แต่เชื่อเถอะว่าบางอย่างต้องมีการแลกเปลี่ยน มันไม่มีอะไรที่ได้มาง่าย ๆ อย่างแน่นอน
ตั้งแต่ถิงถิงตัวน้อยมาอยู่ด้วย ลูกสาวของเธอก็มีเพื่อนเล่น หัวเราะได้ ยิ้มได้ และยังพาอิงอิงไปหัดว่ายน้ำอีกด้วย ระยะเวลาไม่นาน แต่ทำให้อิงอิงสดใสมากขึ้นกว่าเดิม ไม่ค่อยกลัวอะไรมากนัก แม้กระทั่งฝึกว่ายน้ำยังพัฒนาไปไกลมากกว่าที่เธอฝึกให้เสียอีก
"ตอนนี้เขาเปิดให้ค้าขายได้อย่างเสรีหรือยังเจ้าคะ เพราะบางโลกปีแปดศูนย์สามารถเปิดค้าขายเสรีได้หมดแล้ว" ถิงถิงก็เหมือนผู้มาใหม่ ไม่ใช่ว่าเธอจะรู้ทุกสิ่งทุกอย่าง บางอย่างเธอก็ต้องเริ่มเรียนรู้ใหม่ด้วยเช่นกัน
"จากความทรงจำยังไม่ได้เปิดอย่างเป็นทางการ ต้องรอให้รัฐบาลประกาศออกมาก่อน แต่ไม่แน่ใจว่าจะประกาศช่วงไหน มันจะเหมือนโลกที่เราจากมาไหม ถ้าโลกที่เราจากมามันก็อีกประมาณปีหรือสองปี... ไม่ใช่เหรอ" บอกไปตามตรง เพราะใช่ว่าทุกคนจะรู้ข่าวคราวความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับเรื่องนี้
"บางมิติปีเจ็ดศูนย์ปลาย ๆ ก็เริ่มเปิดแล้ว แต่ละที่แตกต่างกันไป แต่ละโลก แต่ละมิติไม่เหมือนกัน มีเพียงบางส่วนที่คล้ายกันเท่านั้นเองเจ้าค่ะ" เดินทางไปมาหลายโลกหลายมิติ มีแค่คล้ายเท่านั้น
"เราลองไปสอบถามที่ศูนย์ราชการก่อนดีไหม" หากไปที่นั่นอาจได้ข้อมูลดี ๆ มาก็ได้
"หากมีการเปิดขายตึกแถว ขายบ้านได้ มันก็น่าจะเปิดขายอย่างอื่นได้เหมือนกันไม่ใช่หรือเจ้าคะ แต่ถ้าไปสอบถามมันก็ไม่เสียหายอะไร จริงไหมอิงอิง"
"จริงจ้ะ" ถึงไม่รู้เรื่องอะไร แต่ถ้าพี่สาวถิงถิงพูด อิงอิงก็เชื่อหมดแหละ... เหมือนกับที่แม่พูดอะไร อิงอิงก็เชื่อหมดใจเช่นกัน
"อิงอิงรู้เหรอว่าแม่กับพี่ถิงถิงพูดคุยอะไรกัน ทีหลังต้องฟังให้เข้าใจเสียก่อน แล้วค่อยตอบรับ เข้าใจไหม" เจ้าหรูไม่ได้ต่อว่าเป็นจริงเป็นจังมากนัก แต่เตือนเพื่อให้รู้ว่าต้องฟังให้รู้เรื่อง ก่อนที่จะยืนยันออกไป หัดไว้ให้ติดเป็นนิสัย จะได้ระมัดระวังตัวมากกว่านี้
"ทีหลังน้องสาวจะต้องถามก่อนว่าเรื่องอะไร ต้องรอบคอบเข้าใจไหม หากเขาชวนน้องสาวไปทำเรื่องไม่ดีขึ้นมาจะทำยังไง" ถิงถิงก็ย้ำเรื่องนี้เช่นกัน เพื่อไม่ให้น้องน้อยถูกหลอกได้ง่าย ตอนแรกแค่จะชวนน้องน้อยคุยเฉย ๆ หากพี่สาวเจ้าหรูไม่พูดขึ้นมา เธอก็นึกไม่ถึงเหมือนกัน
"เข้าใจแล้วจ้ะ" อิงอิงคิดตามที่แม่และพี่สาวบอก ถึงแม้จะยังไม่เข้าใจแต่ก็รับคำไว้ก่อน
"หากไม่เข้าใจตรงไหนก็ถามแม่ได้ตลอด เราจะเรียนรู้และเติบโตไปพร้อม ๆ กัน" เธอก็เพิ่งเป็นแม่ครั้งแรกเช่นกัน ต้องปรับและเปลี่ยนพร้อมกับเรียนรู้ไปด้วย
ถิงถิงมองดูสองแม่ลูกคุยกันพร้อมกับพยักหน้าอย่างพึงพอใจ ใครจะไปคิดว่านางร้ายหน้าเหวี่ยงจะสอนเด็กได้ดีแบบนี้ คนทุกคนเป็นแม่ได้ แต่จะเป็นแม่ที่มีคุณภาพสอนลูกได้ไหมนั้นเป็นอีกเรื่อง ลูกก็เช่นกัน... จะเป็นลูกที่ดีไหม ก็ต้องขึ้นอยู่กับเด็กด้วยเช่นกัน
"ตอนนี้หนูเริ่มต่อยเป็นแล้ว พี่สาวถิงถิงสอนหลายอย่างเลย" เรื่องนี้คุยไปอีกสามวันสี่วันหรือเป็นอาทิตย์ก็ยังไม่หยุด เพราะจากที่เธอยกขาไม่ไหว ตอนนี้เธอยกขาเตะได้แล้ว
"ของมันแน่อยู่แล้ว... " ถิงถิงยืดอกอย่างภาคภูมิใจ ไม่ได้ได้ยังไง เธอมีตัวช่วยตั้งเยอะ อันไหนกินแล้วดี เธอให้น้องน้อยกินทันที และรับรองว่าปลอดภัยไม่มีผลข้างเคียงแน่นอน
สองแม่ลูกได้กินน้ำจากบ่อมรกตเรียบร้อยแล้ว ต้องบอกว่าสวยขึ้นจนผิดหูผิดตาเลยก็ว่าได้ ผิวพรรณของทั้งสองสว่างขาวใสมาก และเธอยังใจดีเอาตู้ยาวิเศษที่คล้ายตู้ยาสามัญประจำบ้านใส่ไว้ในสร้อยมิติอีกด้วย ในตู้ยามียามากมายหลายอย่าง รักษาได้หลายโรค แต่จริง ๆ แล้วแค่น้ำจากบ่อมรกตก็รักษาได้ทุกอย่างอยู่แล้ว
ไม่ใช่แค่ใส่ไว้ให้พี่สาวเจ้าหรูคนเดียว เธอยังเผื่อไปให้พี่สาวหนิงหนิงพร้อมแนบจดหมายให้อีกด้วย หวังว่าพี่สาวหนิงหนิงคงจะเข้าใจว่าสามารถหยิบใช้ได้สบาย...
เมื่อเข้ามาถึงในเมือง ทุกครั้งเจ้าหรูไม่ค่อยได้มองหรือสังเกตอะไรมากนัก ส่วนมากมาทำธุระเสร็จก็รีบกลับ แต่ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่จะสำรวจให้ทั่ว และทำธุระที่ตัวเองตั้งใจให้เรียบร้อย ทั้งสามคนจูงมือกัน พากันเดินดูสิ่งของไปเรื่อย ๆ มีร้านค้า มีตึกแถวเกิดขึ้นมากมาย บ่งบอกถึงความเจริญที่กำลังเข้ามาเยือนที่เมืองแห่งนี้
"แม่จ๋า... นั่นพ่อใช่ไหมจ๊ะ" อิงอิงพอจำได้ แต่ก็ถามแม่เพื่อความมั่นใจ
"อืม... ใช่ ลูกอยากเข้าไปหาพ่อไหม" เธอไม่มีสิทธิ์กีดกันพ่อลูก ทั้งที่เธอไม่อยากให้ลูกเข้าไป บางอย่างเราสอนได้ แต่อย่าชักนำ ให้ลูกเป็นคนตัดสินใจเองดีที่สุด
"หนูถามเฉย ๆ เขาไม่ใช่พ่อหนู" อิงอิงทั้งพูดและส่ายหน้าเพื่อเป็นการยืนยัน
"อิงอิง... ถึงเราจะไม่ชอบ แต่เราก็ไม่สามารถพูดออกมาได้ เราต้องเงียบไว้ เข้าใจไหมลูก เพราะคนที่จะถูกมองไม่ดีคือลูก บางอย่างเราก็ต้องฝืนใจทำ" ลูกอาจยังไม่เข้าใจที่เธอบอก แต่เธอก็เลือกที่จะพูดออกไป มันอาจจะตรงกันข้ามกับความรู้สึก แต่เชื่อเถอะว่ามันเป็นผลดี เธอไม่ต้องการให้ลูกถูกมองเป็นเด็กอกตัญญู เพราะเธออยากให้คนอื่นมองว่าหลิวเย่คือพ่อที่ไม่ได้เรื่องมากกว่า
"พี่สาว เรื่องสอนน้องไม่ต้องห่วง... ถิงถิงรู้ว่าจะสอนยังไง" เธอสามารถแบ่งเบาภาระพี่สาวได้ ถึงมันจะเป็นทางลัด แต่รับรองได้ผลดีแน่นอน
"ก่อนจะสอนน้อง... ถิงถิงไปสืบให้หน่อยได้ไหมว่าเขามาทำอะไร" เพราะสถานการณ์ของเธอกับเขายังอยู่ในขั้นตอนการตกลงกัน เธอยังไม่รู้ว่ามันจะออกมาแบบไหน และอยากรู้ว่าเขาเข้ามาทำอะไรในเมืองในช่วงเวลานี้ ทั้งยังมาในเขตก่อสร้างอีกด้วย มันคิดได้หลายอย่าง เพราะเขาเป็นหัวหน้าอาจรู้ข่าวอะไรมา และอาจมาทำเรื่องซื้อตึกแถวบริเวณนี้ก็ได้
"เชื่อใจถิงถิงได้เลย" ถึงแม้จะอ่านใจคนได้ แต่หากอยู่ไกลก็ไม่สามารถทำได้ ต้องเข้าไปใกล้ ๆ ไม่อย่างนั้นก็ไม่สามารถอ่านใจได้อย่างแน่นอน
เจ้าหรูพาลูกเข้าไปในร้านหนังสือซึ่งเป็นร้านหนังสือของรัฐบาล เธอเคยมาที่ร้านหนังสือแล้ว และเคยได้คุยกับคุณตาที่เป็นคนดูแลร้านหนังสือแห่งนี้ด้วย
"คุณตาสวัสดีจ้ะ ฉันจะถามเกี่ยวกับหนังสือได้ไหมจ๊ะ" เมื่อมาถึงร้านก็กล่าวทักทายและถามก่อนว่าคุณตาสะดวกพอที่จะมีเวลาตอบในสิ่งที่เธออยากรู้ไหม
"ถามมาได้เลย" เมื่อหันมาเจอว่ามีลูกค้าเข้ามา เขาก็ยิ้มแย้มแจ่มใสตอบรับเป็นอย่างดี หากถามเรื่องหนังสือ เขายินดีตอบทุกเรื่องที่เขารู้เช่นกัน
"หากฉันทำหนังสือขาย ฉันสามารถเอามาส่งให้คุณตาได้ไหมจ๊ะ พอจะแนะนำฉันได้ไหมจ๊ะ" เจ้าหรูถามตรง ๆ เลยจะได้ไม่ต้องเสียเวลา ที่กล้าสอบถามเพราะเคยเห็นคนมาส่งหนังสือทำมือให้ที่ร้าน คุณตาน่าจะมีคำแนะนำดี ๆ ให้เธออย่างแน่นอน
"ต้องบอกก่อนว่าเป็นหนังสือเกี่ยวกับอะไร ใช่ว่าจะรับหนังสือมาขายได้ง่าย ๆ ส่วนมากหนังสือที่ขายในร้านต้องตรวจสอบก่อน เพราะทางรัฐบาลห้ามขายหนังสือที่มีเนื้อหาปลุกปั่นยั่วยุ หนังสือเกี่ยวกับความเชื่อในสิ่งต่าง ๆ แล้วจะทำหนังสือแบบไหนมาขาย" หากไม่ใช่หนังสือต้องห้าม มันก็ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว
"ฉันจะทำเกี่ยวกับหนังสือเรียนภาษาต่างประเทศจ้ะ เป็นหนังสือแบบทดสอบการเรียน ไม่เกี่ยวกับหนังสือต้องห้ามเลยจ้ะ"
"หากเป็นหนังสือเรียนต้องส่งเข้ากระทรวงให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบก่อน ไม่อย่างนั้นก็ไม่สามารถวางขายที่ร้านหนังสือของรัฐได้" ยังไงก็ต้องส่งเข้าตรวจสอบก่อนอยู่ดี หากหนังสือเรียนได้รับการอนุมัติแล้วก็ยังมีเรื่องอื่นที่ต้องกังวลด้วยเช่นกัน
"ฉันสามารถยื่นหนังสือให้ทางกระทรวงตรวจสอบได้ที่ไหนจ๊ะ เพราะกระทรวงทั้งหลายก็ตั้งอยู่ในเมืองหลวงทั้งนั้น" ในเมื่อมาแล้วก็ถามให้มันครอบคลุมเสียทีเดียว
"หากยื่นให้กระทรวง จะต้องมั่นใจว่าสามารถส่งหนังสือให้เขาตามจำนวนที่เขาต้องการ และจำนวนที่กระทรวงสั่งแต่ละครั้งไม่ใช่น้อย ๆ เพราะมันต้องวางขายทั่วประเทศ" ส่วนมากจะเป็นโรงพิมพ์ที่ทำหนังสือส่งขาย หากประชาชนทำหนังสือทำมือ ส่วนมากจะไม่เพียงพอต่อความต้องการของกระทรวงอย่างแน่นอน
"ฉันมีหนังสือส่งครบตามจำนวนแน่นอน ฉันมีตัวอย่างมาให้ดูด้วยจ้ะ" เจ้าหรูยื่นตัวอย่างหนังสือให้คุณตาดู ซึ่งเป็นแบบฝึกหัดภาษา มีทั้งของเด็กเล็ก ระดับประถม มัธยม และมหาวิทยาลัย ในหนังสือระบุไว้ครบหมดแล้ว
"มีกี่ภาษา แล้วนี่มีทุกระดับเลยเหรอ" เมื่อเปิดดูเห็นว่ามันครอบคลุม บอกระดับชั้นตั้งแต่เด็กจนถึงมหาวิทยาลัย หากตรวจสอบแล้วได้มาตรฐาน ถือว่าเป็นหนังสือที่ดีมาก เหมาะแก่การที่จะให้มีหลักสูตรในโรงเรียนเลยทีเดียว
"ตอนนี้ฉันทำมาแค่สองภาษา ภาษาอังกฤษกับภาษาของประเทศเรา แต่ฉันตั้งใจจะทำอีกหลายภาษา" เจ้าหรูบอกไปตามตรง ในเมื่อคิดจะเดินทางสายนี้แล้ว เธอก็ควรพูดออกไปทั้งหมด
แต่หากท่านตาคิดตุกติก เธอก็คงต้องใช้ยาลบความทรงจำที่ถิงถิงให้ไว้
"คุณตาสามารถช่วยพี่สาวได้แน่นอน... อย่าได้ห่วง" ถิงถิงมาถึงก็กระซิบเสียงเบา... เบาในแบบที่ว่าทุกคนหันมามอง... รวมถึงท่านตาร้านขายหนังสือด้วย
"รู้ได้ยังไงว่าตาจะช่วยได้" เมื่อเห็นเจ้าเด็กตัวเล็กพูด เขาก็ถามกลับทันทีพร้อมหัวเราะเบา ๆ ในลำคอ
"คุณตาใจดี ต้องช่วยได้อยู่แล้วเนอะน้องอิงอิง" ถิงถิงก็พูดจาออดอ้อนพร้อมกับหาผู้สนับสนุนด้วยเช่นกัน
อิงอิงผู้เพิ่งถูกสอนว่า... ต้องสอบถามให้รู้เรื่องก่อนถึงจะสามารถเอ่ยสนับสนุนได้ก็ได้แต่ยิ้มหวานส่งไปให้ ไม่พูดไม่จา เพราะเธอยังไม่รู้ว่าคุยเรื่องอะไรกัน ทำได้แค่ส่งยิ้มหวานให้ทุกคนเพียงเท่านั้น...
ตอนที่ 10 สำรวจตลาดเจ้าหรูพาทั้งสองเด็กน้อยขึ้นเขาไปตัดต้นไผ่เพื่อนำมาทดลองใช้เครื่องผลิตกระดาษ ในรายละเอียดการใช้งานเครื่องระบุว่าสามารถใช้ต้นไม้อะไรก็ได้ แต่ก็ยังมีข้อแม้ว่าจะใช้ได้เพียงต้นไม้ชนิดนั้นเท่านั้น ไม่สามารถเปลี่ยนเป็นต้นไม้อย่างอื่นได้อีกเจ้าหรูตัดสินใจใช้ต้นไผ่ เพราะมันมีเยอะมากมาย และยังสามารถพบเจอได้ง่าย ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็มีต้นไผ่เกิดขึ้นมากมาย บนภูเขา ตามท้องนา หรือในหมู่บ้านก็มีต้นไผ่อยู่ทั่วทุกที่ รับรองว่าเธอไม่ขาดแคลนอย่างแน่นอนผลการทดลองใช้ต้นไผ่เพียงหนึ่งลำ สามารถผลิตกระดาษอย่างดีได้ถึง 100แผ่น แต่หากคุณภาพกระดาษลดลงมาก็จะได้จำนวนกระดาษเพิ่มขึ้นเป็น 200 แผ่น แต่ต้องอยู่กับขนาดของลำต้นที่ใช้ด้วยเช่นกันส่วนการใช้ต้นไผ่นั้น... สามารถใส่ลงได้ทั้งต้น ไม่ต้องเอาใบออก เพราะส่วนใบจะนำไปผลิตยางลบกับดินสอได้ด้วย
ตอนที่ 9ลู่ทางหาเงินตอนนี้เจ้าหรูอยู่ในโกดังขนาดใหญ่ โกดังแห่งนี้มีสิ่งของมากมาย สิ่งของเหล่านั้นมาจากโลกต่างๆที่ถิงถิงไปเยือน แล้วนำมาเก็บไว้ในสถานที่แห่งนี้พรวิเศษที่มาจากสร้อยไข่มุกยังไม่ปรากฏ ถิงถิงให้เธอมาหาสิ่งของต่าง ๆ จากโกดังแห่งนี้เผื่อมีสิ่งไหนสามารถเอาไปสร้างอาชีพได้จึงต้องพากันเดินสำรวจก่อนตัดสินใจถิงถิงบอกว่าโกดังแห่งนี้อยู่ในมิติของนายหญิง ต้องมีถิงถิงเป็นคนพาเข้าออก คนนอกไม่สามารถเข้าออกได้ แม้แต่นายท่านยังไม่สามารถเข้ามาได้เลย เจ้าหรูไม่รู้หรอกว่านายท่านคือใคร และไม่ได้ถามต่อด้วยเช่นกัน เล่าให้ฟังแค่ไหนก็ฟังแค่นั้นเอง"เวลาในนี้กับเวลาข้างนอกเท่ากันไหม" เพราะลูกนอนหลับอยู่ข้างนอก เธอจะได้คำนวณเวลาได้ถูก ไม่อยากให้ลูกตื่นมาแล้วไม่เจอใคร"ถิงถิงหยุดเวลาไว้เจ้าค่ะ เราออกไป
ตอนที่ 8ผู้มาเยือนสองแม่ลูกกลับมาอยู่บ้านตัวเองได้เกือบสามวันแล้วเรื่องที่เธอจะหย่ากับสามี เธอได้บอกพ่อ แม่ พี่ชาย พี่สะใภ้แล้ว ทุกคนให้เธอเป็นคนตัดสินใจเอง พวกเขาจะคอยอยู่ข้าง ๆ ไม่ว่าเธอจะตัดสินใจแบบไหนหรือยังไงซึ่งมันเป็นแบบนี้มาตลอด พ่อแม่ไม่เคยซ้ำเติม มีแต่คอยให้กำลังใจและพร้อมจะช่วยเหลือเสมอเจ้าหรูไม่ได้บอกเรื่องที่ตัวเองเรียกเงินจากครอบครัวสามี เพราะเธอรอก่อนว่าทางสามีจะว่าอย่างไร จะตกลงไหม เธอไม่ได้ใจเย็น รอแบบไม่มีระยะเวลากำหนด แต่เธอมีกำหนดเวลาไว้แล้วต่างหากหากว่าพวกเขาคนใดคนหนึ่งดีกับลูกสาวของเธอบ้าง เธอจะไม่ทำถึงขนาดนี้ แต่ครอบครัวหลิวกลับไม่สนใจความรู้สึกของลูกสาวเลยแม้แต่นิดเดียว ไม่สนใจไม่ว่า บางครั้งยังพูดจาไม่ดีใส่อิงอิงอีกด้วย"อิงอิง ลูกอยู่ไหน" เมื่อมอ
ตอนที่ 7ครอบครัวกู้"อิงอิง มาหายาย" หลินฟางเรียกหลานสาวทันทีที่มาถึง"ยายจ๋า... ตาจ๋า... สวัสดีจ้า" อิงอิงวิ่งก้นสายดุ๊กดิ๊กไปหายายกับตาด้วยรอยยิ้มเต็มใบหน้าเจ้าหรูหันไปมองพ่อกับแม่พร้อมกับยิ้มทักทาย พ่อกับแม่ยังแข็งแรงดีและยังเข้าใจเธอเป็นอย่างมากเหมือนเดิม เธอโชคดีที่เกิดมาในครอบครัวนี้ เพราะพ่อกับแม่รับฟังเสมอ ไม่ว่าจะเรื่องอะไร ลูกจะทำผิดแค่ไหน พ่อกับแม่จะใจเย็นแล้วค่อย ๆ ตักเตือนและสอนให้ลูกเข้าใจแต่คนเราไม่ได้โชคดีทั้งหมด เธอมีครอบครัวพ่อแม่ พี่ชายพี่สะใภ้ที่ดี แต่เธอกลับมีสามีที่พยายามตีตัวออกหาก ครอบครัวสามีไม่ต้อนรับ เพราะเธอไม่ใช่คนที่พวกเขาเลือกไว้เท่านั้นเองอาจเพราะเคยผ่านเรื่องราวต่าง ๆ มามากมายแล้ว จึงคิดว่าแค่เรื่องครอบครัวสามีและสามีไม่ต้องการนั้นกลายเป็นเรื่องเล็กน้อยสำหรับเธอไปเส
ตอนที่ 6 แม่สอนลูกสาวผ่านมาหนึ่งอาทิตย์แล้วหลังจากที่เธอพูดคุยเรื่องหย่ากับสามีเขาหายไปตั้งแต่วันนั้นและยังไม่กลับมาไม่แน่ใจว่าคำตอบจะเป็นแบบไหน แต่เจ้าหรูไม่รีบร้อน เธอใจเย็นรอได้เสมอช่วงเวลานี้เธอก็สอนลูกไปด้วย สิ่งที่แม่สอนลูกสาว ส่วนมากเป็นสิ่งที่สอนให้เข้มแข็ง กล้าแสดงออก หากเราไม่ได้ทำอะไรผิดอย่าได้กลัว จงกล้าที่จะพูดเพื่อปกป้องตัวเอง อย่ารอให้คนอื่นมาช่วย ทั้งที่รู้ว่าบางอย่างลูกยังไม่เข้าใจ แต่เธอก็พูดและอธิบายให้ฟัง และเน้นย้ำหากไม่เข้าใจหรืออยากรู้อะไรให้ถามได้เลยช่วงนี้ไม่ใช่แค่เรื่องแม่สอนลูกสาวเพียงอย่างเดียว แม่ต้องคอยถามเรื่องที่ลูกสาวบอกว่าหลิวเย่ไม่ใช่พ่อแล้วยังบอกว่าพ่อของเธอคือใครอีกคนหนึ่ง เจ้าหรูพยายามถามแต่ยังไม่ได้คำตอบอยู่ดีเจ้าหรูเลยคิดว่าลูกสาวอาจสร้างพ่อในจินตนาการขึ้นมา เพราะตอนเด็ก ๆ
ตอนที่ 5 สามีที่น่ารังเกียจผ่านมาสามวันแล้วที่เจ้าหรูมาอยู่ที่โลกใบนี้ สามวันที่เฝ้ารอว่ามีสิ่งของอะไรติดตัวมาบ้าง แต่ทุกอย่างก็ยังเงียบไม่มีปฏิกิริยาตอบรับหรือผิดปกติอะไรเลย แต่เธอก็ยังใส่สร้อยไข่มุกติดตัวอยู่ตลอดเวลา เพราะจำที่ถิงถิงเคยบอกไว้ว่า... บางครั้งพรวิเศษอาจปรากฏช้า เธอเลยเฝ้ารอเวลาอย่างใจจดใจจ่อวันแรกที่เจ้าหรูพาลูกสาวไปหัดว่ายน้ำ เธอรู้ว่ามีคนมายืนดูเธอสองคนแม่ลูกเล่นน้ำ แต่ที่เธอทำตัวปกติเหมือนไม่รับรู้การมีอยู่ของเขา เพราะเขาไม่มีค่ามากพอที่จะทำให้เธอหยุดเล่นสนุกกับลูก รอยยิ้มและเสียงหัวเราะของลูกสาวมีค่ามากกว่าการที่เธอจะหยุดทักทายเขาหากเดาไม่ผิด เธอคิดว่าคนรักของเขาคงไปบอกข่าวเกี่ยวกับเรื่องเธอและลูก เขาถึงออกมาดู แต่เมื่อมาเห็นแล้วว่าเธอกับลูกอยู่ดีมีความสุข เขาก็กลับไปทันที และตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ก็ไม่เห็นเขาออกมาที่นี่อีกเลยเจ้าหรูจะพาลูกสาววิ่งออกกำลังกายในทุกเช้า และต่อด้วยฝึกท่าทางต่าง ๆ ที่เธอเคยเรียนมา ศิลปะการป้องกันตัวทั้งหลายที่เคยเรียนมา เธอก็เอาออกมาฝึกกับลูกสาว ถึงแม้ลูกสาวจะยังเล็ก แต่หากฝึกไปเรื่อย ๆ มันต้องดีขึ้นอย่างแน่นอน ดีที่อิงอิงตัวน้อย







