เปาะแปะ เปาะแปะ เปาะแปะ ซู่ๆๆๆๆ สายฝนกระหน่ำตกลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตา เสียงฝในที่กระทบกับลำธารนั้นช่างทำให้คนที่นอนฟังรู้สึกหนาวเย็น ลูกสนให้ความอบอุ่นได้ดี ไฟไม่แรงจนลุกโชนแสงสลัวแต่อบอุ่น บางครั้งแพก็ขยับไปตามคลื่นน้ำที่กระเพื่อม เฉินผิงผิงเดินไปหาท่านแม่ของนาง
"ท่านแม่ลูกอยากนอนด้วยเจ้าค่ะ"
จ้าวเฟยเฟยที่เริ่มจะตัวร้อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง
"แม่ไม่สบาย ลูกอย่ามาใก้ลจะติดหวัดเอาได้ เด็กดีถ้าแม่หายดีสัญญาจะนอนกับเจ้าดีหรือไม่"
"โอ่ว..ก็ได้ท่านแม่รีบหายนะเจ้าคะ"
เฉินโม่หวายมองน้องสาวที่สีหน้าผิดหวัง หึ..ผิงผิงจริงใจต่อนางแต่นางกลับทำเมือนน้องสาวของเขาไม่อยู่ในสายตา เฉินมู่หยางเห็นสายตาบุตรชายที่มองไปยังร่างบางที่นอนหันหลังให้ก็เอ่ยตำหนิเสียงไม่ดังนัก
"เรื่องเมื่อวานลูกเป็นคนผิด โม่หวายแม้ว่าลูกจะไม่พอใจนางก็ไม่ควรให้คนอื่นมาทำร้ายนางเข้าใจหรือไม่"
"ขอรับท่านพ่อ"
เด้กน้อยพยักหน้ารับปาก บุตรสาวเดินกลับมานั่งตักบิดาก่อนจะเอ่ย
"ท่านพ่อท่านแม่นางไม่สบายกลัวผิงผิงจะติดไข้เจ้าค่ะ ท่านแม่บอกว่าหากนางหายดีจะมานอนกับลูก"
"เช่นนั้นพวกเรานอนกันเถอะนะ พรุ่งนี้ก็ตื่นสายหน่อยเพราะพ่อจะพาลูกทั้งสองเข้าเมืองไปซื้อของที่อยากได้ ดีหรือไม่"
"แต่ท่านแม่ไม่สบายจะไปได้หรือเจ้าคะ"
"ผิงผิงอยากให้ท่านแม่ไปด้วยหรือ"
"เจ้าค่ะ เราพาท่านแม่ไปหาหมอดีไหมเจ้าคะ"
"อืมได้ แต่ตอนนี้พวกเรานอนกันเถอะฝนตกหนักมากแล้ว"
"แพนี่ดีกว่าบ้านดินจริงๆขอรับท่านพ่อ"
"ต้องขอบใจนาง โม่หวายบ้านที่เราจะไปเช่ายังไม่ดีเท่ากับแพหลังนี้เลย นอนกันเถอะ"
แพลำเล็กที่พวกเขาใช้พักอาศัยถูกผูกไว้อย่างมั่นคง กลางลำธาร จุดที่น้ำลึกและนิ่งกว่าริมตลิ่งหลายเท่า ตอไม้ไผ่กั้นหัวท้ายฝั่งละสามต้นกับข้างๆ อีกสามต้นเพื่อกันแพไหลออกไป
จ้าวเฟยเฟยเลือกจุดนี้ด้วยเหตุผลที่รอบคอบ เพราะกลางลำธารนั้นไม่มีหินใหญ่ ๆ ให้แพต้องกระแทกหากเกิดคลื่นแรง ๆ ยามฝนตกหนัก หรือกระแสน้ำไหลเชี่ยว หากจอดแพไว้ใกล้ฝั่ง แม้จะขึ้นลงสะดวกกว่า แต่หินบางก้อนที่โผล่พ้นผิวน้ำเพียงเล็กน้อยก็อาจสร้างรอยร้าวให้แพได้โดยไม่รู้ตัว
ยิ่งไปกว่านั้น ลำธารสายนี้ไม่ได้เป็นเพียงธารน้ำธรรมดา หากแต่ไหลลงมาจาก ทะเลสาบซานเหอ ที่กว้างใหญ่และน้ำเย็นจัดตลอดปี
ยามฤดูฝน น้ำจะไหลแรงและเย็นเฉียบราวน้ำแข็ง คลื่นเล็ก ๆ เพียงแผ่วเบาเคลื่อนตัวรอบแพอย่างนุ่มนวลจากแพ... มองออกไปจะเห็นม่านหมอกบาง ๆ ลอยเหนือผิวน้ำ ทอดยาว เสียงลำธารไหลดังชัดในความเงียบ บ้างเบา บ้างแรง แล้วแต่โขดหินเบื้องล่างจะเรียงตัวกันอย่างไร ที่นี่แม้จะเปลี่ยว แต่กลับเป็นที่ซึ่งจ้าวเฟยเฟยรู้สึกปลอดภัยที่สุด
ทุกคนนอนหลับหมดแล้ว เฉินมู่หยางลุกออกไปจัดการไก่และเป็ดที่นางให้เขาทิ้งไว้ให้ สตรีคนนี้บทจะไม่เอาก็ไม่เอาเลย เขายอมรับว่าบุตรชายทำเกินไป แต่โม่หวายยังเด็กต้องค่อยๆสอน นางกลับใช้คำพูดรุนแรงจะต่อต้านก็ไม่แปลก
ฝนซาแล้วเฉินมู่หยางทำไก่เรียบร้อยแล้ว เขานำไปลนไฟที่ก่อในห้องก่อนจะแขวนตากลม จากนั้นก็เดินไปเตรียมล้มตัวลงนอน เสียงครางเบาๆดังออกมาจากคนตัวเล็กที่นอนอยู่อีกมุม ร่างสูงเดินไปดูก่อนจะเขย่าเรียกนาง
"จ้าวเฟยเฟย เจ้าเป็นอะไรไปไม่สบายหรือ"
"ฮือ..คุณยายขา หนูหนาวจังเลยกอดหนูหน่อย"
เฉินมู่หยางได้ยินนางละเมอเขาจึงใช้หลังมืออังหน้าผากนวล นางตัวร้อนฉี่เลย ทำอย่างไรดี เขาพอจะมียาแก้ไข้อยู่ ร่างสูงลุกไปหยิบหม้อดินเผาใบเล็กก่อนจะไปหยิบห่อยาแก้ไข้มา จากนั้นก็ลงมือต้มยาให้นาง
คนตัวโตเติมลุกสนใส่เตาจากนั้นก็ตั้งหม้อยาเรียบร้อยแล้วทิ้งเอาไว้ เขาเดินไปหยิบผ้าสะอาดผืนเล็กพร้อมกับออกไปข้างนอกนำกาละมังแตกครึ่งตักนน้ำในลำธารมา
จ้าวเฟยเฟยกอดอกแน่น ผ้านนวมถูกดพันร่างกายเอาไว้ เฉินมู่หยางค่อยๆใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดตัวให้นาง เด็กน้อยเฉินโม่หวายลืมตามาเห็นบิดากำลังเช็ดตัวให้กับสตรีร้ายกาจคนนั้น เขาลุกขึ้นและเดินไปหา กอนจะเอ่ยปากถาม
"ท่านพ่อ ท่านทำอันใดอยู่หรือขอรับ"
"นางเป็นไข้ คงจะมาจากแผลที่ถูกตีและวันนี้นางก็แช่นำเย็นทังวัน ลูกไปนอนเถอะพ่อจะดูนางเอง"
เฉินโม่หวายพยักหน้าก่อนจะไปนั่งใช้พัดเก่าๆโบกไปในเตาที่กำลังต้มยขา เฉินมู่หยางมองไปยังร่างเล็กของบุตรชาย แม้ว่าเขาจะเกลียดสตรีผู้นี้แต่ก็ยังทำเพื่อนาง มือเล็กคู่นั้นโบกพัดอย่างสม่ำเสมอ แสงไฟในเตากระทบกับใบหน้าเล็กๆ
จ้าวเฟยเฟยพูดถูก เขาถูกบ้านใหญ่เอาเปรียบเกินไป ลูกๆของเขาควรมีเนื้อหนังมากกว่านี้ แต่ยามนี้รางกับศพแห้งติดกระดูกก็ไม่ปาน เสียงของเฉินโม่หวายดังมาทำให้เขาหยุดความคิดก่อนจะหันมาตามเสียง
"ท่านพ่อ ยาได้ที่แล้วขอรับ"
"พ่อจัดการเองลูกไปนอนเถอะ"
เฉินโม่หวายพยักหน้าจากนั้นก็ลุกไปยังที่นอนของตน บิดาเดินมายกหม้อยาออกก่อนจะมาห่มผ้าให้เขา เด็กน้อยเอ่ยถาม
"ท่านพ่อ นางจะตายหรือไม่ขอรับ"
"เหตุใดถามเช่นนั้น ลูกรังเกียจนางมากเลยหรือ งั้นพ่อหย่านางดีหรือไม่"
"ไม่ต้องหรอกขอรับ วันนี้นางดีกับน้องสาวมาก หรือเพราะว่าพอเราออกมาจากบ้านท่านย่าทวดแล้วนางก็ไม่ร้ายกาจ"
เฉินมู่หยางเห็นด้วยกับบุตรชายก่อนจะเอ่ย
"ต่อไปนางต้องอยู่ดูแลลูกกับน้องสาว หากว่าไม่เหลือบ่ากว่าแรงลูกก็อย่าหาเรื่องนางตกลงไหม"
"ขอรับท่านพ่อ"
"นอนเถอะ ดึกแล้วฝนลงเม็ดหนักอีกแล้ว"
เด็กน้อยพยักหน้าก่อนจะหลับไป ด้วยวัยเยาว์จึงหลับง่าย เฉินมู่หยางนำยาไปให้จ้าวเฟยเฟยดื่ม เขาปลุกนางหลายครั้ง
"จ้าวเฟยเฟย จ้าวเฟยเฟยเจ้าตื่นมากินยาหน่อย"
"ฮื้อ..ฮือๆๆ หนาว หนาวจังเลย"
"เจ้าไม่ตื่นอย่ามาว่าข้าไม่ได้นะ หากเจ้าเกิดเป็นอะไรขึ้นมาข้าไม่ขาดทุนหรือ"
เฉินมู่หยางที่กำลังทำปลาอยู่ก็หันมาทางนางและเด็กๆ เฉินโม่หวายกระดกแก้วไม้ไผ่ทีเดียวเพื่อเอาน้ำข้าวลงท้อง นี่เป็นเงินที่ท่านพ่อหามาอย่างลำบากเพื่อซื้อข้าวสารให้เขา ต้องกินสิเขาไม่ได้กินเพราะนางสั่งให้กินเสียหน่อย กินเพราะเห็นแก่ท่านพ่อต่างหาก เฉินโม่หวายดื่มเร็วไปจึงสำลักออกมา"แค่กๆๆ แค่กๆๆ " มือผอมแห้งทุบหน้าอกตนเอง จ้าวเฟยเฟยเดินไปลูบหลังให้ เขาผงะในใจยังระแวงนางอยู่ จ้าวเฟยเฟยกลอกตามองบนก่อนจะเอ่ย"การเกิดเป็นคนนั้นยากยิ่ง หากเจ้าจะกินมื้อนี้เพื่อสั่งลาข้าก็ไม่ว่า แต่คนเราน่ะนะถ้าอยากตายอย่างน้อยก็ตายอย่างมีศักดิ์ศรีหน่อย ไม่ใช่ตายเพราะตะกละ"เฉินโม่หวายมองหน้านางน้ำตาคลอ สตรีคนนี้ร้ายกาจยิ่งนัก เขาสะบัดหน้าวิ่งเข้าเรือนแพไปนั่งร้องไห้ เฉินมู่หยางเดินมาพอดีก่อนจะส่งปลาที่ทำเรียบร้อยให้กับนาง เขาเอ่ยตำหนิคนตรงหน้า"โม่หวายยังเด็ก แต่ละคำพูดของเจ้าล้วนทำร้ายจิตใจ""แล้วอย่างไร จะกระโดดน้ำตายหรือ หึยายแกนั่นทั้งตบทั้งตี กระทั่งด่าว่าลูกโสเภณียังไม่เห็นตายเลย แต่พอข้าพูดกลับรับไม่ได้หรือ เขาเป็นเด็กผู้ชายอนาคตต้องรับผิดชอบครอบครัวเป็นที่พึ่งให้น้องสาว นิสัยหยุมหย
น้ำเสียงไร้เยื่อใยตอบกลับไปจ้าวเฟยเฟยมองหน้าเขากำหนวดเขาแน่นขึ้นไปอีก โคนหนวดถูกดึงจนตึงจนเฉินมู่หยางนิ่วหน้า ยายเด็กบ้านี่เป็นคนหรือปีศาจกันแน่นะ กระทั่งนางเอ่ยถามเขา"ทำไมไม่ช่วย ข้าต้องการเงินนะ เจ้าไม่อยากได้เงินที่ยายจิ้งจอกแม่เลี้ยงข้ามายืมไปหรือ""ไม่อยากได้ ข้าต้องการคนมาดูและเด็กๆเรื่องนี้ข้าไม่ช่วย"จ้าวเฟยเฟยถึงบางอ้อทันที กลัวนางคืนเงินแล้วจะทิ้งเขากับเด็กทั้งสองคน นางจึงสัญญากับเขา"เอาอย่างนี้นะตาเฒ่าเฉิน ท่านช่วยข้าทวงเงินกลับมา ข้าสัญญาว่าจะอยู่เลี้ยงลูกให้ท่านจนกว่าท่านจะกลับ ที่สำคัญอย่าเดินโง่ๆไปให้ใครเขาเอาดาบเสียบเหลือแต่เถ้ากระดูกกลับมาล่ะ"เฉินมู่หยางมองหน้านาง ตั้งแต่นางถูกตีที่ศีรษะฟื้นขึ้นมาก็เปลี่ยนไป หรือนิสัยจริงๆของนางไม่ได้ร้ายกาจ แต่เพราะบ้านใหญ่ของเขาทำให้นางต้องต่อสู้ เท่าที่เขารู้อยู่บ้านเดิมนางก็ก้มหน้ายอมแม่เลี้ยงกับน้องสาวตลอด จากนั้นก็เอ่ยกับนาง"เจ้าต้องรู้นะหากหนีแต่งงาน มีชู้ หรือว่าสวมหมวกเขียวกฎหมายเป่ยเยี่ยนบอกว่า ต้องเอ่อ""ต้องถูกชำเราจากม้าและสุกร หากรอดตายค่อยถ่วงน้ำ ระหว่างที่ใช้แซ่เฉินของท่านข้าไม่ทำอย่างนั้นห
จ้าวเฟยเฟยสบถใส่ก่อนจะเดินออกไปด้านนอก นางข้ามสะพานไม้ไปยังฝั่งบ้านหลังเก่าก่อนจะแหวกหาสิ่งที่สะดุดตาเมื่อวานนี้ตอนที่นางมาล้างเนื้อล้างตัว กอขิงขึ้นอยู่กระจุกใหญ่ ถัดไปอีกหน่อยมีต้นหอมป่าอยู่ สายตานางเห็นของกินหลายอย่างที่สามารถกินได้ เมื่อได้ขิงกับต้นหอมป่ามาแล้วนางก็มานั่งลงที่สะพานไม้ก่อนจะเอาตะกร้าใบเล้กใส่ขิงเขย่าๆล้างดินออก นางปอกต้นหอมลอกเอาส่วนที่ใบแห้งและเน่าออกไป ตัดรากทิ้ง จากนั้นก็นำไปล้างน้ำอีกที ขณะที่นางกำลังล้างขิงและต้นหอม จี้หยกที่นางผูกไว้ที่ข้อมือก้ส่งแสงสีเขียวจางๆ จ้าวเฟยเฟยไม่ได้สังเกตแต่อย่างใด ฝูงปลาและกุ้งเริ่มว่ายมาหานางมากขึ้น บางตัวว่ายทวนน้ำวนกลับมา จ้าวเฟยเฟยที่ได้ยินเสียงปลาดีดน้ำก้เหลือบมอง ปลามาจากไหนเยอะแยะ มีกุ้งอีกด้วยก่อนจะเห็นสาหร่ายน้ำสีเขียวใต้น้ำขยายกอเพิ่มขึ้น นางรีบยกตะกร้าขึ้นจากน้ำทันที"ผีหลอกหรือ ฉันเห็นสาหร่ายอยู่ๆก็งอกยาว แล้วทำไมยาวแค่ตรงนี้ ปลาพวกนี้อีกนี่มันขัดกฎฟิสิกส์ไหม ปลาโลกไหนว่ายทวนน้ำ เฮ้ยมิตินี้บิดเบี้ยวหรือ"เมื่อนางสังเกตดีๆฝูงปลาค่อยๆแตกกระจายออกไป จ้าวเฟยเฟยคิดไปคิดมาก็มองที่ข้อมือตนเองจากน
ยามเหมาเฉินมู่หยางลุกมาหุงข้าว เมื่อวานเขาขายหมูป่าได้60ตำลึง ต้องแย่งให้สหายครึ่งหนึ่ง ส่วนเงินที่ขายเขากวางได้100ตำลึงเป็นจ้าวเฟยเฟยบอกกับเขาว่าให้แยกชิ้นส่วนขาย เงินส่วนนี้ควรเป็นของนาง เฉินมู่หยางซื้อข้าวสารและเกลือกลับมาด้วยเมื่อวานนี้แต่ไม่มาก เนื่องจากฝนตกบ้านไม่สามารถอยู่ได้ เดิมจะไปเช่าบ้านท่านปู่กั่วต้งแต่พอกลับมาจ้าวเฟยเฟยก็สร้างที่พักเรียบร้อยแล้ว เขาช่วยนางใส่หลังคาและกั้นราวกันตกเท่านั้น เขาคิดไม่ออกจริงๆว่าจะอยู่อย่างไรคิดได้แค่ว่าต้องเช่าบ้านอยู่ไปก่อนจึงไม่อาจซื้อข้าวของได้เยอะแยะมากมาย ไก่ถูกเฉินมู่หยางนำมาสับก่อนจะใส่ลงในหม้อและเติมน้ำ เขาพอทำอาหารได้แต่ไม่ถึงกับรสชาติดี ฝนเพิ่งหยุดตก ฟ้าหม่นแต่ไม่อึมครึมอีกต่อไป จ้าวเฟยเฟยที่เริ่มมีอาการดีขึ้นก็ลืมตาขึ้น นางพับผ้าห่มอย่างเรียบร้อยก่อนจะเดินออกมา สายตาก็เหลือบไปเห็นเฉินมู่หยางกำลังจะลงมือทำอะไรบางอย่างกับหม้อใหญ่หน้าเตาอย่างเก้ๆ กังๆ"ตาเฒ่า ข้าทำเอง!" นางเอ่ยเสียงเรียบๆคนตัวโตชะงักมือ หันกลับมามอง"ท่านช่วยไปล้างผักตีนเป็ดที่ข้าเก็บมาเมื่อวานหน่อย"เฉินมู่หยางเลิกคิ้ว "ของสิ่งนั้นเจ้าเอามาทำอะไร?""กินไ
เฉินมู่หยางรู้สึกถึงความเปียกชื้นที่แขนเสื้อของตนที่นางนอนหนุน นี่นางร้องไห้หรือ ฝันร้ายหรืออย่างไรก่อนจะขยับ ตัวนางไม่ร้อนเท่าไหร่แล้ว เหลือเพียงอุ่นๆเท่านั้น เขาจึงคลายอ้อมกอดแล้วลุกไปอุนยาให้นางอีกครั้ง เมื่อเรียบร้อยก็ยกมาให้นาง เฉินมู่หยางปลุกคนตัวเล็ก"จ้าวเฟยเฟย ตื่นมากินยาได้แล้ว"ฮืม""จ้าวเฟยเฟยกินยาได้แล้ว"ร่างบางตื่นขึ้นมาพร้อมกับมองหน้าคนตัวโต หนวดเครายามเฟิ้มอัปลักษณ์จริงๆ ตาแก่นี่ไม่รู้จักมีดโกนหนวดหรือไงนะ จากนั้นนางก็ลุกขึ้น รู้สึกแสบๆ ที่บริเวณหน้าอก จ้าวเฟยเฟยคลำดูก็สะดุดเข้ากับบางอย่าง เมื่อนางก้มมองก็เห็นจี้หยกของคุณแม่สวมอยู่ที่คอ มันติดมาด้วยตอนที่เธอรถคว่ำหรือ แต่ดูเหมือนเขาไม่เห็นเฮ้อ...ต้องยอมรับจริงๆ ว่าเธอทะลุมิติมาแล้ว ร่างเดิมมีสามีที่มีลูกติดวัยห้าขวบสองคน ให้ตายสิพับผ่าฉันล่ะเกลียดยายแม่เลี้ยงนั่น แต่สุดท้ายกลับต้องมาเป็นแม่เลี้ยงเสียเองจริงๆหรือนี่ จ้าวเฟยเฟยฮึกฮัดก่อนจะบ่นพวกคนแก่ที่นั่งเล่นหมากอยู่ข้างบนตามความเข้าใจของนาง"พวกตาเฒ่าที่อยู่ข้างบนฟังดีๆ นะ ทางที่ดีอย่าให้แม่ได้ขึ้นสวรรค์ล่ะ ถ้าเจอนะแม่จะเตะเรียงตัวเลย เทพชะตาอะไรเจ๊ไม่สนหรอกส่
จ้าวซินซินน้ำตาเอ่อคลอ ปากสั่นสะท้านราวกับโดนรังแก หวังใช้ความสงสารปิดบังความผิดที่ทำจ้าวเหลียนเฟยหัวเราะในลำคอ เสียงเย็นเยียบราวกับน้ำแข็งเกาะปลายมีด“เข้าใจผิด? เข้าใจผิดจนเสื้อผ้าหลุดไปอยู่ใต้เตียงพี่สาวน่ะเหรอ…?”ร่างบางระหงก้าวอย่างมั่นคงเดินเข้าไปใกล้จนอีกฝ่ายต้องถอยหลังหนึ่งก้าว“ช่างเถอะ ยังไงฉันก็ต้องขอบใจเธอนะจ้าวซินซิน ที่ช่วยเอาขยะชิ้นนั้นไปจากชีวิตฉัน คนอย่างถังชุน...มันก็แค่เศษเนื้อเน่าๆ ที่ฉันยังไม่มีเวลาเอาไปทิ้ง ขอบใจที่เธอยอมเก็บเอาไปน่ะ”จ้าวข่ายทนฟังลุกสาวคนโตด่าทอลุกสาวคนเล้กไม่ได้ก็เงื้อมือหวังจะตบเธอ แต่ยังไม่ทันลงมือ ข้อมือของเขาก็ถูกยึดไว้ด้วยมือแข็งกร้าว ก่อนร่างอ้วนพลุ้ยจะถูกเหวี่ยงกระเด็นไปกระแทกโต๊ะอย่างแรงเสียงกรีดร้องจากเลขาหน้าห้องดังขึ้นเบา ๆ ก่อนจะเงียบลงทันทีเมื่อเห็นว่าเป็นใคร"คุณจ้าว...โปรดสำรวมหน่อย" หลิวฮ่าวเอ่ยเสียงเรียบ"หลานสาวผมไม่ใช่คนที่คุณจะมาแตะต้องได้"“หึ! หลิวฮ่าว! นายเป็นคนยุยงให้นางเด็กนี่ทำแบบนี้ใช่ไหม อยากฮุบบริษัทไว้เองใช่ไหม!”เธอก้าวเข้ามาขวางก่อนที่จะเกิดอะไรไปมากกว่านี้ สีหน้าสงบนิ่งแต่แววตาเด็ดขาด"คุณพอเถอะค่ะ น้าของหนูไม