จ้าวเฟยเฟยทำลูกบวบจำนวนแปดลูกจากนั้นก็ตัดไม้ไผ่ยาวเก้าเมตรมาวางขวางและผูกด้วยเถาวัลย์ยึดกับลูกบวบทีละต้นจนเต็มเป็นแพขนาดใหญ่ เฉินผิงผิงเห็นก็ตาโต ท่านแม่ร้ายกาจยิ่งนักนางสร้างบ้านในน้ำได้ด้วย จ้าวเฟยเฟยวางขวางเรียบร้อยเพื่อกันน้ำในลำธารกระฉอกขึ้นมาเปียกนางจึงวางเรียงแนวยาวอีกหนึ่งชั้น กว่าหนึ่งชั่วยามนางจึงได้แพสูงประมาณสามฉื่อ ก่อนจะสับฟากไม้ไผ่มาปูทำพื้นให้เรียบเฉินผิงผิงหยิบกระบอกน้ำมาส่งให้แต่ท่านแม่ของนางอยู่ในลำธารเด็กน้อยลงไปไม่ได้
"ท่านแม่ ดื่มน้ำเจ้าคะ ท่านแช่น้ำนานแล้วหนาวหรือไม่เจ้าคะ"
"อย่ามาใกล้ลำธารมันลื่นเพราะเมื่อคืนฝนตก แม่จะเดินไปเอาเองลูกวางไว้ตรงนั้นแหละ"
เฉินผิงผิงวางกระบอกไม้ไผ่เอาไว้ให้ท่านแม่ของนาง ยามนี้ทานแม่ไม่ดุแล้วอีกทั้งยังป้อนมันเทศและกอดนางด้วย เฉินโม่หวายไม่วางใจสายตายังคงจ้องจ้าวเฟยเฟยอยู่ แต่ด้วยความหิวและกลิ่นหอมเดิมเขาคิดว่าจะไม่กินของสตรีใจร้ายคนนั้น แต่ตอนนี้เขากำลังนั่งเคี้ยวมันเทศอย่างอร่อย
จ้าวเฟยเฟยที่เดิมจะใช้ไม้ไผ่ทำหลังคา แต่นางเดินไปเจอหญ้าคาตอนที่ตัดไม้ไผ่จึงเกี่ยวแล้วผึ่งแดดเอาไว้ก่อน นางเริ่มขึ้นเสาโดยนางวางเสาแปดต้น จากนั้นก็ทำคานใช้ไม้ไผ่มาวางตรงกลาง ก่อนจะเอาไม้ไผ่วางตั้งขึ้นพิงกับคานและปีนขึ้นไป ลมพัดมาทำให้แพกระเพื่อมนางเกือบจะตกจากหลังคา มือคว้าเอาไว้ข้างเดียว แต่กลับรู้สึกว่ามีมือมาโอบเอวนางเอาไว้ เมื่อมองดูก็เห็นเป็นเฉินมู่หยางที่กึ่งอุ้มนาง
"ขอบคุณ"
"ไม่เป็นไร เจ้าทำอะไรข้าบอกจะเช่าบ้านท่านหลี่เจิ้งมิใช่หรือ"
"เจ้าอยากไปเช่าก็ไป ข้าจะสร้างที่พักเอง ไม่อยากให้ญาติเจ้ามาวุ่นวายอีก"
"เอ่อ ข้าไม่ได้ให้เงินพวกเขาวันนี้ข้าขายให้เถ้าแก่สามเจ้าพวกเขาไม่มีเนื้อพอดี เขาซื้อเหมาตัวละสามสิบตำลึง กวางข้าขายได้ยี่สิบตำลึง ข้าเอาเขากวางไปขายร้านยาตามที่เจ้าบอกได้มาหนึ่งร้อยตำลึง เอ่อเงินข้าให้เจ้าเก็บดีหรือไม่"
เฉินมู่หยางเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาต้องบอกนางทั้งที่เมื่อก่อนเขาคร้านจะพูดกับนางด้วยซ้ำ จ้าวเฟยเฟยแค่พยักหน้าก่อนจะทำงานตรงหน้าต่อ เฉินมู่หยางบอกว่าเขาจะขึ้นไปเอง จากนั้นก็ปีนขึ้นไป จ้าวเฟยเฟยไม่พูดมากหากฝนตกจะลำบากนางส่งท่อนไม้ให้กับเขา ไม้ไผ่ซีกถูกมัดขวางไม้ท่อนเป็นเหมือนตารางก่อนที่จ้าวเฟยเฟยจะมัดหญ้าฟางเป็นกำเล็กๆจากนั้นก็ขัดจากด้านล่างสลับหว่างขึ้นไปจนถึงด้านบน
สองคนใช้เวลาสามชั่วยามก็ทำหลังคาเรียบร้อย จ้าวเฟยเฟยหยิบคบเพลิงที่นางทำไว้ก่อนหน้าออกมาแล้วจุด เฉินมู่หยางสับฟากต้นไผ่ก่อนที่จ้าวเฟยเฟยจะนำมาขัดเป็นตารางสลับกันจากนั้นก็นำไปมัดติดกับเสาที่ทำรอเอาไว้ ผนังเรียบร้อยก็เข้ายามซวีพอดี เฉินมู่หยางซื้อซาลาเปามายี่สิบลูกมื้อเย็นจึงไม่ต้องทำ
จ้าวเฟยเฟยตั้งเสาสูงประมาณสี่ฉื่อรอบๆแพเรียบร้อยแล้วเหลือเพียงแค่ใช้ไม้ไผ่ที่นางผ่าซีกมาขัดก็จะได้ราวกั้นแพเพื่อกันเด็กๆตกลงไป ด้านหน้าด้านหลังมีพื้นที่ใช้สอยพอควร รอบๆแพสามารถเดินได้ มองลงไปที่ลำธารไม่ว่านำจะขึ้นสูงเพียงใดแพก็ไม่จมและน้ำไม่อาจเข้ามาถึงด้านบน เฉินมู่หยางทึ่งในฝีมือสร้างแพของนางจริงๆ เขาเองแม้จะเป็นนายพรานบิดาเป็นช่างไม้ก็ไม่อาจสร้างออกมาได้เช่นนี้
"ตาเฒ่า ท่านทำสะพานสักอันข้ามจากตลิ่งมาแพ เอาให้กว้างหน่อย ข้าจะไปขนเสื้อผ้ากับเครื่องเรือนมาไว้ในนี้"
"เราไม่เอาติดริมฝั่งหรือ"
"ข้าจะถ่อแพไปกลางลำธารยามค่ำคืน แม้น้ำจะไม่ลึกเท่าไหร่แต่คงไม่มีใครว่ายน้ำข้ามมาแย่งเสบียงข้าแน่ๆ"
จากนั้นนางก็เดินไปยังบ้านดินที่โดนฝนเมื่อคืนตอนนี้สภาพไม่ต่างกับเศษดินเท่าไหร่
จ้าวเฟยเฟยสร้างแพเล็กๆไว้สำหรับลากขนของหนึ่งแพ นางนำข้าวของใส่แพก่อนจะเข็นไปยังแพใหญ่ เฉินมู่หยางที่สร้างสะพานเสร็จแล้วมองคนตัวเล็กที่กำลังโยนข้าวของจากแพเล็กไปยังแพหลักก็ลุยน้ำมาหานางก่อนจะเอ่ย
"เจ้าแช่น้ำทั้งวันแล้วจะป่วยเอาได้ มาเถอะปล่อยให้ข้าจัดการเอง"
"อืม"
จ้าวเฟยเฟยแบกกระบะดินสองใบที่นางทำไว้สำหรับจุดไฟขึ้นบ้านแพอย่างระมัดระวัง แม้เพียงอุปกรณ์ง่าย ๆ แต่ก็สำคัญยิ่งยามฝนพรำเช่นนี้ เมื่อวางเรียบร้อย นางยกชายกระโปรงเปียกน้ำขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะก้าวขึ้นสะพานไม้ที่เพิ่งสร้างเสร็จ ทว่าความเย็นจากลำธารที่แช่อยู่นาน ทำให้ร่างกายเริ่มสั่นน้อย ๆ
ไม่ทันเอ่ยปาก เฉินมู่หยางก็ก้าวเข้ามา อุ้มร่างบางขึ้นแนบอก ก่อนจะวางนางลงอย่างเบาที่สุดบนสะพาน
“ขอบคุณ”
จ้าวเฟยเฟยพยักหน้าสั้น ๆ ด้วยความเคยชิน แล้วหมุนตัวเดินเข้าห้องพักเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า
เสียงฟ้าร้องคำรามมาแต่ไกล ลมเริ่มพัดใบไม้ปลิวกระจายโชคดีที่วันนี้นางเก็บลูกสนมาได้หลายตะกร้าในตอนข้ามฝั่งไปสำรวจ ลูกสนแห้งไวกว่าฟืนไม้ และหากพรุ่งนี้ฝนตก อย่างน้อยก็พอใช้ได้สักสามสี่คืน
ภายในห้องพักเล็ก ๆ จ้าวเฟยเฟยเปลี่ยนชุดที่เปียกเป็นเสื้อผ้าสะอาด จากนั้นก็นำชุดเดิมไปตากบนราวไม้ด้านข้างที่หันหน้าสู่ลม
กระบะดินถูกวางอย่างมั่นคงบนก้อนหินจากลำธาร นางเตรียมจุดไฟเพื่อให้ความอบอุ่นในคืนนี้ ไฟจากลูกสนเมื่อจุดแล้วจะมีเสียงเปาะแปะ และส่งกลิ่นหอมบาง ๆ
เด็กทั้งสองเดินจูงมือบิดาเพราะแสงสว่างหมดไปแล้ว จะเข้ายามห้ายแล้วท่านพ่อกับท่านแม่เพิ่งจะสร้างที่พักเสร็จ หลังจากข้ามมาเฉินมู่หยางก็เก็บสะพานขึ้น เมื่อเข้ามาข้างในก็เห็นท่านแม่ปูผ้านวมหนาวสองชั้น วันนี้ท่านพ่อซื้อผ้านวมกลับมาสี่ผืนอีกด้วย จ้าวเฟยเฟยกำลังนำผ้าหยาบมากางปิดกำแพงเพื่อไม่ให้ลมลอดเข้ามาได้ เฉินมู่หยางเอ่ยถามนาง
"นั่นเป็นสินเดิมเจ้าเอามาทำเช่นนี้จะดีหรือ"
"สินเดิมแล้วอย่างไร ข้าไม่อยากหนาวตาย หากมีชีวิตรอดก็หาเงินซื้อใหม่ได้ ข้ากินมันเทศอิ่มแล้ว ซาลาเปาพวกเจ้ากินกันเองเถอะ"
จ้าวเฟยเฟยปูที่นอนให้กับเด็กๆโดยใช้ผ้านวมผืนเก่าของนางสองผืนส่วนผ้าห่มก็ใช้ของพวกเขา นางเหลือเพียงผ้านวมผืนเก่าหลือสองผืนที่ยายแม่เลี้ยงให้มาเป็นสินเดิมแม้จะเก่าแต่ก็ยังดีกว่าหนาวตาย ร่างบางกระเถิบไปนอนอีกด้านไม่นอนกับสามพ่อลูกแต่อย่างใด
นางจงใจทำตัวห่างเหินเขาอย่างเห็นได้ชัด นางตั้งใจทิ้งระยะห่างหรือว่านางยังคิดถึงคู่หมั้นเก่าคนนั้นกัน จ้าวเฟยเฟยที่แช่ฝนทั้งคืนแถมวันนี้ยังแช่น้ำทั้งวันเพื่อสร้างที่พักเริ่มมีไข้จึงไม่สนใจใครอีกไม่ใช่ว่านางทำตัวแปลกแยกแต่นางรู้สึกไม่ดีหากเด็กสองคนติดไข้จะยุ่งไปกันใหญ่
เฉินมู่หยางที่กำลังทำปลาอยู่ก็หันมาทางนางและเด็กๆ เฉินโม่หวายกระดกแก้วไม้ไผ่ทีเดียวเพื่อเอาน้ำข้าวลงท้อง นี่เป็นเงินที่ท่านพ่อหามาอย่างลำบากเพื่อซื้อข้าวสารให้เขา ต้องกินสิเขาไม่ได้กินเพราะนางสั่งให้กินเสียหน่อย กินเพราะเห็นแก่ท่านพ่อต่างหาก เฉินโม่หวายดื่มเร็วไปจึงสำลักออกมา"แค่กๆๆ แค่กๆๆ " มือผอมแห้งทุบหน้าอกตนเอง จ้าวเฟยเฟยเดินไปลูบหลังให้ เขาผงะในใจยังระแวงนางอยู่ จ้าวเฟยเฟยกลอกตามองบนก่อนจะเอ่ย"การเกิดเป็นคนนั้นยากยิ่ง หากเจ้าจะกินมื้อนี้เพื่อสั่งลาข้าก็ไม่ว่า แต่คนเราน่ะนะถ้าอยากตายอย่างน้อยก็ตายอย่างมีศักดิ์ศรีหน่อย ไม่ใช่ตายเพราะตะกละ"เฉินโม่หวายมองหน้านางน้ำตาคลอ สตรีคนนี้ร้ายกาจยิ่งนัก เขาสะบัดหน้าวิ่งเข้าเรือนแพไปนั่งร้องไห้ เฉินมู่หยางเดินมาพอดีก่อนจะส่งปลาที่ทำเรียบร้อยให้กับนาง เขาเอ่ยตำหนิคนตรงหน้า"โม่หวายยังเด็ก แต่ละคำพูดของเจ้าล้วนทำร้ายจิตใจ""แล้วอย่างไร จะกระโดดน้ำตายหรือ หึยายแกนั่นทั้งตบทั้งตี กระทั่งด่าว่าลูกโสเภณียังไม่เห็นตายเลย แต่พอข้าพูดกลับรับไม่ได้หรือ เขาเป็นเด็กผู้ชายอนาคตต้องรับผิดชอบครอบครัวเป็นที่พึ่งให้น้องสาว นิสัยหยุมหย
น้ำเสียงไร้เยื่อใยตอบกลับไปจ้าวเฟยเฟยมองหน้าเขากำหนวดเขาแน่นขึ้นไปอีก โคนหนวดถูกดึงจนตึงจนเฉินมู่หยางนิ่วหน้า ยายเด็กบ้านี่เป็นคนหรือปีศาจกันแน่นะ กระทั่งนางเอ่ยถามเขา"ทำไมไม่ช่วย ข้าต้องการเงินนะ เจ้าไม่อยากได้เงินที่ยายจิ้งจอกแม่เลี้ยงข้ามายืมไปหรือ""ไม่อยากได้ ข้าต้องการคนมาดูและเด็กๆเรื่องนี้ข้าไม่ช่วย"จ้าวเฟยเฟยถึงบางอ้อทันที กลัวนางคืนเงินแล้วจะทิ้งเขากับเด็กทั้งสองคน นางจึงสัญญากับเขา"เอาอย่างนี้นะตาเฒ่าเฉิน ท่านช่วยข้าทวงเงินกลับมา ข้าสัญญาว่าจะอยู่เลี้ยงลูกให้ท่านจนกว่าท่านจะกลับ ที่สำคัญอย่าเดินโง่ๆไปให้ใครเขาเอาดาบเสียบเหลือแต่เถ้ากระดูกกลับมาล่ะ"เฉินมู่หยางมองหน้านาง ตั้งแต่นางถูกตีที่ศีรษะฟื้นขึ้นมาก็เปลี่ยนไป หรือนิสัยจริงๆของนางไม่ได้ร้ายกาจ แต่เพราะบ้านใหญ่ของเขาทำให้นางต้องต่อสู้ เท่าที่เขารู้อยู่บ้านเดิมนางก็ก้มหน้ายอมแม่เลี้ยงกับน้องสาวตลอด จากนั้นก็เอ่ยกับนาง"เจ้าต้องรู้นะหากหนีแต่งงาน มีชู้ หรือว่าสวมหมวกเขียวกฎหมายเป่ยเยี่ยนบอกว่า ต้องเอ่อ""ต้องถูกชำเราจากม้าและสุกร หากรอดตายค่อยถ่วงน้ำ ระหว่างที่ใช้แซ่เฉินของท่านข้าไม่ทำอย่างนั้นห
จ้าวเฟยเฟยสบถใส่ก่อนจะเดินออกไปด้านนอก นางข้ามสะพานไม้ไปยังฝั่งบ้านหลังเก่าก่อนจะแหวกหาสิ่งที่สะดุดตาเมื่อวานนี้ตอนที่นางมาล้างเนื้อล้างตัว กอขิงขึ้นอยู่กระจุกใหญ่ ถัดไปอีกหน่อยมีต้นหอมป่าอยู่ สายตานางเห็นของกินหลายอย่างที่สามารถกินได้ เมื่อได้ขิงกับต้นหอมป่ามาแล้วนางก็มานั่งลงที่สะพานไม้ก่อนจะเอาตะกร้าใบเล้กใส่ขิงเขย่าๆล้างดินออก นางปอกต้นหอมลอกเอาส่วนที่ใบแห้งและเน่าออกไป ตัดรากทิ้ง จากนั้นก็นำไปล้างน้ำอีกที ขณะที่นางกำลังล้างขิงและต้นหอม จี้หยกที่นางผูกไว้ที่ข้อมือก้ส่งแสงสีเขียวจางๆ จ้าวเฟยเฟยไม่ได้สังเกตแต่อย่างใด ฝูงปลาและกุ้งเริ่มว่ายมาหานางมากขึ้น บางตัวว่ายทวนน้ำวนกลับมา จ้าวเฟยเฟยที่ได้ยินเสียงปลาดีดน้ำก้เหลือบมอง ปลามาจากไหนเยอะแยะ มีกุ้งอีกด้วยก่อนจะเห็นสาหร่ายน้ำสีเขียวใต้น้ำขยายกอเพิ่มขึ้น นางรีบยกตะกร้าขึ้นจากน้ำทันที"ผีหลอกหรือ ฉันเห็นสาหร่ายอยู่ๆก็งอกยาว แล้วทำไมยาวแค่ตรงนี้ ปลาพวกนี้อีกนี่มันขัดกฎฟิสิกส์ไหม ปลาโลกไหนว่ายทวนน้ำ เฮ้ยมิตินี้บิดเบี้ยวหรือ"เมื่อนางสังเกตดีๆฝูงปลาค่อยๆแตกกระจายออกไป จ้าวเฟยเฟยคิดไปคิดมาก็มองที่ข้อมือตนเองจากน
ยามเหมาเฉินมู่หยางลุกมาหุงข้าว เมื่อวานเขาขายหมูป่าได้60ตำลึง ต้องแย่งให้สหายครึ่งหนึ่ง ส่วนเงินที่ขายเขากวางได้100ตำลึงเป็นจ้าวเฟยเฟยบอกกับเขาว่าให้แยกชิ้นส่วนขาย เงินส่วนนี้ควรเป็นของนาง เฉินมู่หยางซื้อข้าวสารและเกลือกลับมาด้วยเมื่อวานนี้แต่ไม่มาก เนื่องจากฝนตกบ้านไม่สามารถอยู่ได้ เดิมจะไปเช่าบ้านท่านปู่กั่วต้งแต่พอกลับมาจ้าวเฟยเฟยก็สร้างที่พักเรียบร้อยแล้ว เขาช่วยนางใส่หลังคาและกั้นราวกันตกเท่านั้น เขาคิดไม่ออกจริงๆว่าจะอยู่อย่างไรคิดได้แค่ว่าต้องเช่าบ้านอยู่ไปก่อนจึงไม่อาจซื้อข้าวของได้เยอะแยะมากมาย ไก่ถูกเฉินมู่หยางนำมาสับก่อนจะใส่ลงในหม้อและเติมน้ำ เขาพอทำอาหารได้แต่ไม่ถึงกับรสชาติดี ฝนเพิ่งหยุดตก ฟ้าหม่นแต่ไม่อึมครึมอีกต่อไป จ้าวเฟยเฟยที่เริ่มมีอาการดีขึ้นก็ลืมตาขึ้น นางพับผ้าห่มอย่างเรียบร้อยก่อนจะเดินออกมา สายตาก็เหลือบไปเห็นเฉินมู่หยางกำลังจะลงมือทำอะไรบางอย่างกับหม้อใหญ่หน้าเตาอย่างเก้ๆ กังๆ"ตาเฒ่า ข้าทำเอง!" นางเอ่ยเสียงเรียบๆคนตัวโตชะงักมือ หันกลับมามอง"ท่านช่วยไปล้างผักตีนเป็ดที่ข้าเก็บมาเมื่อวานหน่อย"เฉินมู่หยางเลิกคิ้ว "ของสิ่งนั้นเจ้าเอามาทำอะไร?""กินไ
เฉินมู่หยางรู้สึกถึงความเปียกชื้นที่แขนเสื้อของตนที่นางนอนหนุน นี่นางร้องไห้หรือ ฝันร้ายหรืออย่างไรก่อนจะขยับ ตัวนางไม่ร้อนเท่าไหร่แล้ว เหลือเพียงอุ่นๆเท่านั้น เขาจึงคลายอ้อมกอดแล้วลุกไปอุนยาให้นางอีกครั้ง เมื่อเรียบร้อยก็ยกมาให้นาง เฉินมู่หยางปลุกคนตัวเล็ก"จ้าวเฟยเฟย ตื่นมากินยาได้แล้ว"ฮืม""จ้าวเฟยเฟยกินยาได้แล้ว"ร่างบางตื่นขึ้นมาพร้อมกับมองหน้าคนตัวโต หนวดเครายามเฟิ้มอัปลักษณ์จริงๆ ตาแก่นี่ไม่รู้จักมีดโกนหนวดหรือไงนะ จากนั้นนางก็ลุกขึ้น รู้สึกแสบๆ ที่บริเวณหน้าอก จ้าวเฟยเฟยคลำดูก็สะดุดเข้ากับบางอย่าง เมื่อนางก้มมองก็เห็นจี้หยกของคุณแม่สวมอยู่ที่คอ มันติดมาด้วยตอนที่เธอรถคว่ำหรือ แต่ดูเหมือนเขาไม่เห็นเฮ้อ...ต้องยอมรับจริงๆ ว่าเธอทะลุมิติมาแล้ว ร่างเดิมมีสามีที่มีลูกติดวัยห้าขวบสองคน ให้ตายสิพับผ่าฉันล่ะเกลียดยายแม่เลี้ยงนั่น แต่สุดท้ายกลับต้องมาเป็นแม่เลี้ยงเสียเองจริงๆหรือนี่ จ้าวเฟยเฟยฮึกฮัดก่อนจะบ่นพวกคนแก่ที่นั่งเล่นหมากอยู่ข้างบนตามความเข้าใจของนาง"พวกตาเฒ่าที่อยู่ข้างบนฟังดีๆ นะ ทางที่ดีอย่าให้แม่ได้ขึ้นสวรรค์ล่ะ ถ้าเจอนะแม่จะเตะเรียงตัวเลย เทพชะตาอะไรเจ๊ไม่สนหรอกส่
จ้าวซินซินน้ำตาเอ่อคลอ ปากสั่นสะท้านราวกับโดนรังแก หวังใช้ความสงสารปิดบังความผิดที่ทำจ้าวเหลียนเฟยหัวเราะในลำคอ เสียงเย็นเยียบราวกับน้ำแข็งเกาะปลายมีด“เข้าใจผิด? เข้าใจผิดจนเสื้อผ้าหลุดไปอยู่ใต้เตียงพี่สาวน่ะเหรอ…?”ร่างบางระหงก้าวอย่างมั่นคงเดินเข้าไปใกล้จนอีกฝ่ายต้องถอยหลังหนึ่งก้าว“ช่างเถอะ ยังไงฉันก็ต้องขอบใจเธอนะจ้าวซินซิน ที่ช่วยเอาขยะชิ้นนั้นไปจากชีวิตฉัน คนอย่างถังชุน...มันก็แค่เศษเนื้อเน่าๆ ที่ฉันยังไม่มีเวลาเอาไปทิ้ง ขอบใจที่เธอยอมเก็บเอาไปน่ะ”จ้าวข่ายทนฟังลุกสาวคนโตด่าทอลุกสาวคนเล้กไม่ได้ก็เงื้อมือหวังจะตบเธอ แต่ยังไม่ทันลงมือ ข้อมือของเขาก็ถูกยึดไว้ด้วยมือแข็งกร้าว ก่อนร่างอ้วนพลุ้ยจะถูกเหวี่ยงกระเด็นไปกระแทกโต๊ะอย่างแรงเสียงกรีดร้องจากเลขาหน้าห้องดังขึ้นเบา ๆ ก่อนจะเงียบลงทันทีเมื่อเห็นว่าเป็นใคร"คุณจ้าว...โปรดสำรวมหน่อย" หลิวฮ่าวเอ่ยเสียงเรียบ"หลานสาวผมไม่ใช่คนที่คุณจะมาแตะต้องได้"“หึ! หลิวฮ่าว! นายเป็นคนยุยงให้นางเด็กนี่ทำแบบนี้ใช่ไหม อยากฮุบบริษัทไว้เองใช่ไหม!”เธอก้าวเข้ามาขวางก่อนที่จะเกิดอะไรไปมากกว่านี้ สีหน้าสงบนิ่งแต่แววตาเด็ดขาด"คุณพอเถอะค่ะ น้าของหนูไม