ร่างเดิมคนนี้ถูกขายมาเป็นแม่เลี้ยงของเด็กทั้งสอง ทำให้ร่างนี้ไม่พอใจและอาละวาดหาเรื่องบ้านใหญ่อยู่หลายครั้ง สุดท้ายเฉินมู่หยางถูกบังคับให้แยกบ้านออกมาโดยได้เพียงกระท่อมเก่าๆ เชิงเขาที่ดินเพียงสองหมู่เท่านั้น เมื่อคืนนี้ป้าสะใภ้ของเฉินมู่หยางมาเพื่อแย่งชิงไก่ป่าและพลั้งมือผลักร่างเดิมจนหงานหลังศีรษะกระแทกก้อนหิน สุดท้ายนางก็จากไป
เฮ้อ...แล้วให้มาอยู่ในร่างของสตรีที่ทั้งหมู่บ้านรังเกียจเนี่ยนะ พระเจ้าให้ตายไปเลยได้ไหมวะ แม่งเอ๊ย จ้าวเหลียนเฟยที่เข้าใจสถานการณ์ตรงหน้าได้แล้ว เธอมาอยู่ในร่างคนอื่นที่ชื่อจ้าวเฟยเฟย แต่งงานมาเพราะถูกแม่เลี้ยงกับบิดาสารเลวขายมาในราคา3ตำลึง ทำให้บ้านใหญ่ของสามีไม่พอใจเพราะเงิน3ตำลึงสามารถให้คนธรรมดาอยู่ได้ทั้งปี อีกทั้งสินเดิมก็มีแค่เครื่องครัวกับผ้านวมเก่าๆ
แทนที่จะได้คนมาใช้งาน แต่กลับได้สตรีร้ายกาจไม่เห็นหัวผู้อาวุโสมาหนึ่งคน ส่วนร่างเดิมมีเหตุผลให้ต้องร้ายเพราะถูกรังแกและกดดันตั้งแต่เด็กจึงเอาความเกลียดชังที่เคยได้รับมาลงกับคนอื่น
เคยถูกแม่เลี้ยงและน้องสาวทำร้าย เฮ้อเวรกรรม แล้วจะกรรมของใครล่ะถ้าไม่ใช่ฉันเนี่ย จ้าวเหลียนเฟยลำคอแห้งผาก คงน่าจะเพราะมีไข้ สาเหตุจากการที่แช่น้ำและนอนพื้นดินที่ชื้นเย็นทั้งคืน
พ่อของเด็กขึ้นเขาไปล่าสัตว์ตั้งแต่เมื่อวานยังไม่กลับ เด็กสองคนนี่คงยังไม่ได้กินอะไรเหมือนกัน จ้าวเหลียนเฟยเอ่ยกับเด็กทั้งสองตรงหน้าด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง
"เอ่อ...แม่หนูขอน้ำให้น้ากินสักหน่อยสิได้ไหมคะ"
เฉินหยุนผิงค่อยๆ เดินเตาะแตะออกมาจากมุมบ้านก่อนจะทำใจกล้าถามนาง ใกล้เวลาที่ท่านพ่อจะกลับมาแล้วท่านแม่ปีศาจนางคงไม่ตีข้าหรอกก่อนจะเอ่ยตะกุกตะกัก
"ทะ..ท่านแม่ปีศาจ ท่านกระหายน้ำหรือเจ้าคะ ..รอเดี๋ยวนะเจ้าคะผิงผิงจะไปเอามาให้ท่าน"
เฉินหยุนผิงเอ่ยกับแม่เลี้ยงก่อนจะพยายามเดินเตาะแตะๆ ไปเอาชามใส่น้ำ ส่วนเฉินโม่หวายจับแขนน้องสาวเอาไว้ไม่ให้ไป จ้าวเหลียนเฟยจึงกำลังพยายามที่จะลุกไปหยิบเอง ยังไม่ทันถึงชามที่วางไว้ร่างบางก็ถูกเหวี่ยงกระเด็นไปกลางลานนอกบ้านทันที
เมื่อเงยหน้าขึ้นมองก็เห็นผู้ชายหน้าตาอัปลักษณ์มีแต่หนวดเครารุงรัง เขาคือเฉินมู่หยางบิดาของเด็กทั้งสองและเป็นสามีของร่างนี้ จ้าวเหลียนเฟยกลอกตามมองบนทันที หึ ใครอยากอยู่กับเจ้ากันไม่ดูสภาพตัวเองหนวดเครารุงรังเสียเหลือทน แถมบ้านก็สกปรกซะเหลือเกิน กระทั่งเฉินมู่หยางตวาดเธอเสียงดังกังวาน
"เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาใช้ลูกข้าสตรีแพศยา หิวก็คลานไปหากินเอง"
มาถึงก็ปากดีเดี๋ยวแม่ก้ดีดเสียเลบยนี่ไอ้แก่อัปลักษณ์เอ๊ย จ้าวเหลียนเฟยจึงพยุงตัวลุกขึ้น มี่นายพรานอีกหนึ่งคนมองมาที่นาง เขาคือไป๋เซิ่งสหายของเฉินมู่หยาง
ตอนนี้จ้าวเหลียนเฟยยอมรับชะตากรรมแล้วว่าเธอทะลุมิติมาเป็นสตรีที่แต่งงานแล้วแถมสามีก็มีลูกติดสองคน ร่างเดิมร้ายกาจมากนักแถมไอ้สามีตัวดีนี่ก็รังเกียจร่างนี้ที่สุดเพราะความร้ายกาจของยายนี่แหละ เฮ้อ จากนั้นก็ตอบกลับไป
"ก็คนมันไม่สบายจะอะไรนักหนาวะ..ห๊ะ!! แค่ให้ช่วยหยิบน้ำชามเดียวไม่ตายหรอก ไม่ได้ก็ไม่ได้สิวะ ต้องลงมือลงไม้กันด้วย เป็นลูกผู้ชายหรือเปล่า"
สหายของเขาที่ไปล่าสัตว์ด้วยกันกลับมา ได้ยินเข้าก็ทนไม่ได้จึงเอ่ยตักเตือนนาง
"นี่น้องสะใภ้ สามีเจ้าไปเสี่ยงตายเพื่อเลี้ยงครอบครัว เจ้าเป็นภรรยามิควรพูดจาดีๆ หรือ อีกอย่างผิงผิงยังเด็ก ตัวนางยังไม่พ้นขอบโต๊ะจะรินน้ำให้เจ้าได้อย่างไรกัน"
"เฮอะๆๆ เพ้ยๆๆ ..หาเลี้ยงครอบครัวหรือ เจ้าแหกตาดูศีรษะข้าสิไป๋เซิง วันๆ สามีตัวดีของข้ากตัญญูจนโง่งม ส่งส่วยแต่บ้านใหญ่จนลูกเมียอดเหลือแต่กระดูก เงิน3ตำลึงของเจ้ามีค่ามากกระมังเฉินมู่หยาง กตัญญูจนครอบครัวตัวเองเดือดร้อน โง่แล้วอวดฉลาดจริงๆ"
"เจ้าๆๆ ...เฮ้อ...มู่หยางข้ากลับก่อนนะ ไม่ไหวจริงๆ ภรรยาของเจ้าช่างไม่น่าคบหาเอาเสียเลย"
"กลับดีๆ เล่าไม่ส่งนร้า เฮอะ...นี่ตาเฒ่าที่จริงสหายของเจ้าคนนี้นี่นะข้าดูออกว่าเขาอยากได้เจ้าเป็นน้องเขยใจจะขาด ติดที่เจ้ายากจนเกินไปเพราะเอาเงินไปถมบ้านใหญ่จนหมด เจ้าไม่ได้ยากจนธรรมดานะ แต่ จ๊น จน เฮ้อ..อนาถาเสียเหลือเกิน"
"เจ้าถือดีอันใดไปต่อว่าสหายของข้า อีกอย่าง อาหารวันนี้ข้าบอกไว้ก่อนนะไม่มีส่วนของเจ้า หิวไปหาเอง น้ำท่าข้าตักมาเพียงของข้ากับลูกข้าเท่านั้น"
"เฮอะ...ใครง้อเจ้ากัน ไอ้แก่อัปลักษณ์เอ๊ย"
จ้าวเหลียนเฟยไม่สนใจ นางไม่ใช่คนดีแต่แรกอยู่แล้ว ในเมื่อร่างนี้ร้ายกาจนางจะร้ายกาจยิ่งกว่า ใครไม่ยุ่งกับนางๆ ก็จะไม่ยุ่ง แต่ใครล้ำเส้นมาแม่จะตอกให้หน้ายุบเข้าไปเลยเชียว
เฮ้อ...ชาติก่อนถูกแม่เลี้ยงพยายามขายเธอให้แต่งงานกับตาแก่ ส่วนน้องสาวก็แย่งคู่หมั้นของเธอ มาชาตินี้ยังถูกแม่เลี้ยงขายอีก และที่สำคัญคือถูกน้องสาวแย่งคู่หมั้นเหมือนเดิม แตกต่างตรงที่เธอเกลียดการมีแม่เลี้ยง แต่สุดท้ายใครจะคิดว่าเธอจะเป็นฝ่ายมาเป็นแม่เลี้ยงเสียเองเล่า
ตั้งแต่บ้านใหม่เสร็จเรียบร้อยนี่เป็นครั้งแรกที่เลี้ยงอาหาร เฉินกั่วต้งกับท่านย่าใหญ่ภรรยาของเขาก็ได้รับเชิญมาด้วยในวันนี้ สตรีนั่งอีกโต๊ะกับเด็กๆ บุรุษนั่งแยกเสียงพูดคุยกันถึงเรื่องการเดินทางในวันพรุ่งนี้ เฉินกั่วต้งเอ่ยออกมา"มู่หยางเอ๊ย....พรุ่งนี้ยามซื่อใต้เท้าฮั่วจะมารับคนที่หมู่บ้านเราเป็นหมู่บ้านสุดท้ายพวกเจ้าเตรียมตัวดีหรือยัง""ท่านปู่ใหญ่อย่ากังวลเลยขอรับ เสี่ยวเฟยนางเตรียมเสบียงให้พวกเรากว่าสามเกวียน อาหารมีพอจนไปถึงชายแดนแน่ขอรับ""อืม...นางช่างเป็นภรรยาที่ดีเจ้าแต่งนางมาไม่ผิดเลย แล้วพวกเจ้าเล่าบิดามารดานั้นพูดใครสั่งความกันเรียบร้อยหรือยัง จื่อหยวนเจ้ามีไป๋เหยียน คอยดูแลมารดาของเจ้า ส่วนเจ้าฟางฉายอย่ากังวลเลย พวกเจ้าคือวีรบุรุษของหมู่บ้านเรา มารดาเจ้าก็เหมือนกับมารดาคนในหมู่บ้าน พวกเราจะดูแลนางเอง"ฟางฉายคีบขาหมูใส่ในถ้วยของผู้นำหมู่บ้านก่อนจะเอ่ยขอบคุณ"ขอบพระคุณท่านผู้นำขอรับ หมู่บ้านเราโชคดีที่ได้ท่านปกครอง"ไป๋เซิงที่มีน้องสาวคอยดูแลบิดากับมารดาและบุตรสาวก็ไม่กังวลเท่าไหร่ มีเพียงหลิวเยี่ยนฉางที่พี่สาวอยู่ไกล แต่ว่าอาซ้อรับปากแล้วว่าจะดูแลให้เขา
ทั้งสองเดินลงจากเขามาถึงบ้านก็ปลายยามเซินพอดี เฉินมู่หยางอุ้มจ้าวเฟยเฟยเดินข้ามก้อนหินมาตามลำธาร จางซือเหยียนที่อาสาเลี้ยงเด็กๆถึงกับส่ายหน้า หลงพระชายาเพียงนี้หากไม่ติด/ไปชายแดนคงหัวปีท้ายปีกระมัง ก่อนจะเอ่ยกระเซ้าทั้งคู่"มิใช่ไปเก็บเห็ด ไปเก็บบ่อยๆไม่เคยจะเห็นเพลียสักนิด พอมีคนไปด้วยทำเป็นหมดแรง"จ้าวเฟยเฟยนับหนึ่งถึงสิบในใจ ตาเฒ่านี่ต้องโดนสักทีสิน่า ถ้าไม่ติดว่าพรุ่งนี้เดินทางนะ แม่จะใส่ยาถ่ายให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย ใบหน้าหวานที่ซุกอยู่กับอกสามีก็เงยหน้าสบตาหวานฉ่ำเอ่ยออดอ้อนกับเขา"ท่านพี่..เสียงแมลงหวี่แมลงวันน่ารำคาญนัก ท่านช่วยไปหายาไล่แมลงให้ข้าทีนะเจ้าคะ"เฉินมู่หยางสบตาเมียก่อนจะพยักหน้า เขาไม่อาจตอบได้คนหนึ่งก็อาจารย์ที่เคารพ อีกคนก็เมียสุดที่รัก จางซือเหยียนหนวดกระดิกเมื่อได้ยินวาจาของนาง หึ ท่านอ๋องและองค์ชายทั้งหลายยังต้องเกรงใจเขา แต่นี่ท่านอ๋องน้อยที่ยังไม่รู้แม้แต่สถานะตนเองกลับเอาแต่เข้าข้างพระชายาของตน ก่อนจะมองหน้าคนในอ้อมกอดเฉินมู่หยาง เขามองเห็นใบหน้าของนางทับซ้อนกับอีกคนที่อยู่ในวัง"สมกับที่เป็นสายเลือดตาแก่มู่ ตาหลานมิต่างกันจริงพวกปากค
เฉินมู่หยางสอบเอวหนาช้าๆ คนใต้ร่างกอดแผ่นหลังเขาแนบแน่น ไม่ว่าเขาจะจูงไปที่ใดนางก็พร้อมเดินตาม ร่างสูงสอบเอวหนาไม่หยุด เรียกเสียงครางจากเมียสาวดังลั่นห้อง เตียงนี้เด้งจริงๆอย่างที่เมียบอก "อ๊า..ท่านพี่ เร่งอีก ไม่ไหวแล้ว""เสี่ยวเฟยจ๋า เจ้าอย่ารัดพี่แน่นพี่จะไม่ไหว""ท่านพี่ เร่งเถอะ เฉินมู่หยางได้โปรด อ๊ายยย"เฉินมู่หยางเร่งความเร็วสาวเอวถี่ ร่างงามกระตุกเกร็ง กายสาวแอ่นโค้งขึ้น มือบางขยำผ้าปูเตียงเอาไว้ เหงื่อเม็ดเล็กๆซึมใบหน้าของนาง ผมเปียกชื้นแนบไปกับใบหน้าและลำคอ มันเย้ายวนในสายตาเฉินมู่หยางยิ่งนัก เขาส่งนางไปสวรรค์ถึงสามครั้งแล้ว ครั้งนี้เขาจะไปพร้อมกับนาง"อ่าห์ เสี่ยวเฟยพร้อมกันอีกครั้งนะคนดี""อื้อ ท่านพี่เร่งเลย ข้าไม่ไหว อ๊า จะถึงแล้ว ท่านพี่ได้โปรดแรงอีก อื้อ""เสี่ยวเฟยจ๋า อ่าห์มาแล้วพร้อมกันนะ""อ๊าคคค /อ๊ายยย"ทั้งคู่ปลดปล่อยพร้อมกัน สองร่างหอบหายใจอย่างแรง เฉินมู่หยางซบลงกับซอกคอหอมกรุ่น ในขณะที่นางเอกก็กอดตอบเขาแนบแน่น จนทั้งคู่ผ่อนคลายร่างสูงจึงยอมถอยออกมาให้นางได้พัก สายตาเขามองไปยังกลางกายสาวที่มีจุดสีแดงก็ยิ้มภูมิใจก่อนจะเอ่ยกับค
เฉินมู่หยางคลายอ้อมกอดก่อนจะเชยคางนางขึ้น จ้าวเฟยเฟยยิ้มตอบและใช้สองมือคล้องท้ายทอยหนาไว้ สัมผัสอุ่นร้อนจากริมฝีปากหนาแนบลงมายังเรียวปากอวบอิ่มของนางอย่างแผ่วเบา ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นจูบที่ร้อนแรงและดูดดื่ม"ท่านพี่.. ตอนปลดอาภรณ์ของข้าวันนี้ท่านห้ามใช้มือช่วยนะ""ลองภูมิพี่หรือคนดี""ท่านทำได้หรือไม่เล่า หากทำได้กลับไปคืนนี้จะให้ต่อ คิกๆๆ"เสียงหัวเราะยั่วยวนมาจากนาง สายตาซุกซนมองหน้าเขา เฉินมู่หยางจูบนางอีกครั้ง จากนั้นก็ละจากริมฝีปากพรมจูบไต่ลงมา เขาดูดเลียใบหูเล็กจนจ้าวเฟยเฟยสยิวครางกระเส่ามือบางของนางเลื่อนจากท้ายทอยหนาของเขามาด้านหน้า กรีดไล้นิ้วเรียวไปตามลำคอแกร่ง ก่อนจะหยุดที่ปมสายรัดเอวแล้วค่อยๆ คลายออก สองมือผลักเสื้อตัวนอกของเขาออกไปอย่างเชื่องช้าเฉินมู่หยางละจากริมฝีปากนุ่ม พรมจูบไล่ลงมาตามลำคอระหง กดย้ำเบาๆ ให้เป็นรอยประทับ เสียงครางแผ่วหวานของนางดังแว่วในลำคอ เมื่อเขาใช้ปากงับสายเสื้อนอนให้หลุดจากไหล่ทีละข้าง จนลงมากองอยู่ที่เอวบางนางเอ่ยนยั่วยวนสามีน้ำเสียงกระเส่ารัญจวน“ท่านพี่...หนาวยิ่งนัก ขนลุกไปหมดแล้วเจ้าค่ะ” จ้าวเฟยเฟยเอ่ยเสียงกระซิบ ขณะที่นิ้วเรียวของนางกรีดไ
ยามซวีจางซือเหยียนก็มาหาลูกศิษย์ของตนก่อนจะเรียกเฉินมู่หยางออกไปคุย ร่างสูงเดินมาหาชายชราที่ยืนรออยู่ เขามอบจดหมายสองฉบับให้กับเขาจากนั้นก็เอ่ยกำชับ"ต้องส่งมอบด้วยตนเอง และที่สำคัญห้ามให้ใครรู้หาโอกาสที่ปลอดคนเพื่อส่งมอบ แม้แต่สหายของเจ้าทุกคนด้วย""ขอรับท่านอาจารย์ ว่าแต่อาจารย์จะแยกทางกับข้าเลยหรือขอรับ""อืม..ใช่แล้วข้ามีงานต้องไปทำ เสียเวลามามากแล้ว""มิใช่ท่านบอกว่ามาตามหาคนหรอกหรือ เช่นนั้นท่านตามหาคนเจอแล้วหรือขอรับ""ได้ข่าวแล้วจึงต้องรีบไปพบ เจ้าไปพักผ่อนเถอะ มีอะไรก้พูดคุยกันเสียให้เรียบร้อย วันมะรืนต้องเดินทางแล้ว""ขอรับ อาจารย์ท่านก็รีบพักผ่อนเถอะขอรับค่ำมากแล้ว"เฉินมู่หยางหันหลังกลับ แต่หูเขาได้ยินอาจารย์เอ่ยตามมาเบาๆ"ท่านอ๋องน้อย ทรงระวังตัวด้วยนะพ่ะย่ะค่ะ"ร่างสูงหันกลับมาก็เห็นชายชราดีดตัวไปทางหมู่บ้านเรียบร้อยแล้ว เมื่อสักครู่อาจารย์เรียกผู้ใดกัน ท่านอ๋องน้อยเช่นนั้นหรือหมู่บ้านเล็กๆแห่งนี้นอกจากองค์ชายแปดคนนั้นยังมีใครอีก จางนั้นเขาก็สะบัดศีรษะและเลิกสนใจ ไม่ว่าจะเป็นท่านอ๋องหรือองค์ชายก็ไม่เกี่ยวกับเขา ขอเพียงลูกเมียมีความสุขกินอิ่มนอนหลับ
บ้านเฉินมู่หยางจ้าวเฟยเฟยกำลังจัดเสื้อผ้าใส่ห่อให้สามีอยู่ เฉินมู่หยางที่วางข้าวของเรียบร้อยก็ตรงมาหานางสวมกอดจากด้านหลัง มือบางกุมหลังมือของเขาก่อนะเอี้ยวตัวกลับมา ชายหนุ่มกำลังจะจุมพิตเมียตัวเองเสียงเล็กๆก็ดังมา"ท่านพ่อ...ท่านแก่ป่านนี้แล้วเหตุใดยังอ้อนท่านแม่อีกขอรับ ข้าห้าขวบยังไม่ทำตัวเช่นท่านเลย"เฉินมู่หยางหันขวับไปทันที ไอ้ตัวแสบนี่ ตั้งแต่เข้ากันได้ดีกับมารดาก็กีดกันเขายึดเอาท่านแม่ไว้คนเดียว มันน่านักเจ้าลูกชายข้าจะส่งเจ้าไปสำนักศึกษาประจำเสียเลย ก่อนจะเอ่ยยียวน"พ่อจะไปทัพแล้ว ต้องคิดถึงท่านแม่เจ้าเป็นธรรมดา กอดนางนิดหน่อยจะเป็นไรไป"ร่างเล็กเดินตรงมา มือข้างหนึ่งยกขึ้นมาไว้ด้านหน้าระดับเอว อีกข้างไพล่หลังกำเอาไว้ หลังตั้งตรง วางท่าราวกับบัณฑิตผู้เคร่งขรึม ก่อนจะเอ่ยกับเขา"คุณชายเฉิน ท่านจะโอบกอดสตรีในที่สาธารณะนั้นไม่ได้ ต่อให้สตรีนั้นแม้เป็นภรรยาตนก็ย่อมต้องให้เกียรติ ท่านเองเคยเป็นบัณฑิตเรื่องแค่นี้มิเข้าใจหรอกหรือ"เฉินมู่หยาง"............"คิกๆๆๆ จ้าวเฟยเฟยหัวเราะเขา ในที่สุดก็ถูกบุตรชายสั่งสอน เฉินมู่หยางมองบุตรชายตาเขียวก่อนจะเอ่ยกับเมียร