Share

๑๐

last update Last Updated: 2025-05-02 13:05:26

เรื่องทุกอย่างในตระกูลหลิว ขอเพียงผ่านด่านมารดาได้บิดาก็ไม่ใช่เรื่องยาก เพราะว่ามารดาจะช่วยขอบิดาให้อีกทีหนึ่ง 

แต่ว่ามารดาข้าจะใช้วิธีไหนในการขอบิดานั้น อันนี้ข้าไม่ขอออกความเห็นก็แล้วกัน

รถม้าตระกูลหลิวแล่นออกจากจวนตั้งแต่เช้ามุ่งหน้าสู่วัดนอกเมืองหลวงไม่ห่างจากหมู่บ้านที่ขายด้ายมากนัก ความเจริญเหมือนถูกหยุดไว้ที่เมืองหลวง เพราะออกนอกกำแพงมาได้ก็เจอแต่บ้านหลังเล็ก ๆ ที่ไม่ได้แข็งแรงทนทานต่อการอยู่อาศัยนัก

“นาน ๆ ออกจากนอกเมืองที ฝุ่นคลุ้งดีนะขอรับท่านแม่”

หลิวหลี่เฟยย่นจมูกให้กับฝุ่นในอากาศพร้อมใช้มือปัดมันไปมา ท่าทางคุณชายเจ้าสำอางของเขาทำให้หลิวหงเถาอดส่ายหน้าให้ไม่ได้ ปากเอ่ยออกไปอย่างที่ใจคิด

“ถ้าทนความลำบากไม่ได้จะมาทำไมให้เกะกะพื้นที่รถม้า”

หลิวหลี่เฟยกอดอกพร้อมกับเดาะลิ้นจ้องหน้าหลิวหงเถานิ่ง 

“พี่ไม่เชื่อว่าท่านแม่จะมาขอพรให้หวางเฟย เป็นน้องหญิงเล็กที่คิดจะทำอะไรสนุก ๆ แน่ แล้วเช่นนี้พี่ชายเจ้าจะพลาดได้อย่างไร หากไม่มาด้วยก็ถือว่าผิดต่อเจ้าแล้ว”

“ข้ายอมให้เจ้าทำผิดต่อข้าได้หรือไม่”

จูม่านหลิงหัวเราะให้กับการทุ้มเถียงกันของบุตรชายหญิง ครั้งนี้นางไม่ได้ห้ามปราม เพราะการนั่งอยู่ในรถม้าเป็นเวลานานย่อมน่าเบื่อมาก การได้ฟังเด็ก ๆ โต้เถียงกันก็เพลินดีเช่นกัน

ยิ่งรถม้าเคลื่อนออกมาห่างไกลเท่าไร แวดล้อมของถนนก็มีแต่ต้นไม้ใหญ่ ส่งผลให้อากาศเย็นลงจนหลิวหงเถาที่นั่งอยู่ในรถม้ายังเย็นยะเยือกขึ้นมา ด้วยความนึกเป็นห่วงชิงหมินที่นั่งอยู่นอกรถม้ากับคนขับรถม้าขึ้นมา นางจึงยื่นหน้าออกไปส่งเสียงเรียกเขา

“หมินมิ่น”

หลังเสียงเรียกของหลิวหงเถาดังขึ้นไม่นาน ชิงหมินก็เปิดผ้าม่านยื่นหน้าเข้ามาในรถม้า 

“ขอรับ”

“หนาวหรือไม่ พี่ให้ผ้าห่ม”

ชิงหมินรีบส่ายหน้าปฏิเสธทันทีเมื่อเห็นสายตาเขียวปัดของหลิวหลี่เฟยจ้องอยู่ แต่พอฮูหยินใหญ่ของตนเอ่ยอนุญาต เขาจึงได้ยอมรับผ้าห่มจากหลิวหงเถามาไว้แต่โดยดี

“ขอบคุณขอรับ”

สองชั่วยามผ่านไป

กว่ารถม้าจะถึงอาณาเขตของวัด ท้องฟ้าก็อาบไล้ไปด้วยแสงอาทิตย์ในยามสายแล้ว ถนนเส้นทางตัดผ่านของวัดมีรถม้าสัญจรผ่านไปมาอยู่ตลอด นั่นเพราะว่าผู้คนจากทั่วสารทิศต่างหลั่งไหลกันเข้ามาขอพรด้วยเช่นกัน

“พี่เถาเถ่าอยากขอพรว่าอะไรหรือขอรับ”

ชิงหมินถามขึ้นระหว่างที่คณะเดินทางตระกูลหลิวกำลังก้าวขึ้นบันไดหลายสิบขั้นของวัด เขาเดินรั้งท้ายกับหลิวหงเถาโดยที่ตัวเองอยู่ต่ำกว่านางขั้นบันไดหนึ่ง นั่นก็เพื่อเป็นการระวังหลังให้หญิงสาวนั่นเอง

“พี่ยังไม่ได้คิดเลย นั่นสิ ขออะไรดี…”

อาจจะเพราะว่าการขึ้นบันไดหลายขั้นมันเหนื่อยด้วย สมองของหลิวหงเถาจึงไม่แล่น ลมหายใจกำหนดอยู่แต่อาการเหนื่อยของตัวเองอยู่ จวบจนขึ้นมายังบนตัววัดที่อยู่บนภูเขาได้สำเร็จ นางจึงได้คิดออกว่าตัวเองอยากขอพรอะไร

“รู้แล้ว พี่ขอให้ตัวเองไม่เหนื่อยอีก”

ชิงหมินเกาท้ายทอยตนเองอย่างฉงนกับคำพูดของหลิวหงเถา เขาย้อนถามนางขึ้นว่า 

“พี่เถาเถ่า คนที่ไม่ต้องเหนื่อยอีกต่อไปมิใช่คนที่ตายแล้วหรือขอรับ”

“เออใช่!” อาการเหนื่อยหอบของหลิวหงเถาหายไปในทันทีเมื่อคิดว่าที่ชิงหมินกล่าวไว้ก็ไม่ได้ผิด “เช่นนั้นเปลี่ยนใหม่เป็นขอให้พี่มีความสุขก็แล้วกัน”

ชิงหมินยิ้มกว้างพร้อมบอกพรที่ตัวเองจะขอกับเทพเซียน 

“หมินมิ่นก็อยากให้พี่เถาเถ่ามีความสุขขอรับ พี่เถาเถ่าจะทำได้หรือไม่”

หลิวหงเถายังไม่ได้พูดอะไร เสียงหัวเราะของหลิวหลี่เฟยก็ดังแทรกขึ้นมาประหนึ่งคนเหงาที่อยากมีส่วนร่วมด้วย

“เดี๋ยวนะ นี่ข้ากำลังฟังตัวโง่งมสองคนคุยกันอยู่หรือไม่ บอกความปรารถนาของตัวเองออกมาแบบนี้ พรมันจะศักดิ์สิทธิ์ได้ยังไง”

“ศักดิ์สิทธิ์สิ/ศักดิ์สิทธิ์สิ”

หลิวหงเถากับชิงหมินเอ่ยขึ้นมาพร้อมกัน ทำเอาหลิวหลี่เฟยถึงกับมองพวกเขาสองคนสลับกันไปมา ในใจคิด…

นัดกันพูดหรืออย่างไร เหตุใดใจตรงกันแท้

หลิวหงเถาไม่สนว่าพี่ชายฝาแฝดจะคิดอะไรอยู่ อธิบายเหตุผลไปโดยที่ประโยคสุดท้ายหันไปกล่าวกับชิงหมิน

“พรที่ศักดิ์สิทธิ์คือพรที่สามารถเกิดขึ้นจริงหลังคำขอ หมายความว่าหมินมิ่นอยากให้ข้ามีความสุข พี่รับปากว่าจะมีความสุขนะหมินมิ่น”

หลิวหลี่เฟยหน้าบึ้ง อุตส่าห์เรียกร้องความสนใจจากน้องสาวได้แล้วสุดท้ายก็โดนชิงหมินแย่งความสนใจไปอีก

“เอาล่ะเด็ก ๆ ในเมื่อมีพรที่ตั้งใจจะขอกันอยู่แล้ว เช่นนั้นก็ตั้งใจนะ เผื่อองค์เง็กเซียนเห็นความตั้งใจของพวกลูกแล้วจะได้ดลบันดาลให้พรนั้นสมปรารถนา”

ทุกคนตั้งใจขอพรกันจริง ๆ ตั้งใจสวดมนต์ภาวนาตามที่พระท่านสวดนำอยู่ เมื่อทำการขอพรเสร็จแล้วก็เดินออกมาจากอุโบสถ หลิวหงเถาจ้องหน้าแฝดพี่นิ่งจนเขาถามกลับเสียงห้วน

“อะไร”

หลิวหงเถาไม่ตอบแต่หมุนกายรอบหนึ่งแล้วยิ้มกริ่มให้พี่ชายฝาแฝดลองทายดู

“อ้อ อย่าบอกนะว่าเจ้าอิจฉาในความสำรวมของแม่ชีท่าน เจ้าเลยอยากบวชด้วย ฮ่า ๆ เอาสิ! ข้าอยากเห็นเจ้าโกนผม”

หลิวหงเถาหน้าบึ้ง อยากร้องโวยวายกลับไปแต่ติดที่ว่าตอนนี้ตนอยู่ท่ามกลางคนมากมายหลายฐานะ จึงทำเพียงเอ่ยเสียงลอดไรฟันกับพี่ชายฝาแฝดไปเท่านั้น

“ข้าหมายถึงว่าเจ้าเห็นแสงของความเป็นแม่พระออกมาจากตัวข้าหรือไม่ต่างหากเล่า!”  ทุกคนมาวัดเพราะต้องการความสงบใจ นางเลยเก็บแค้นนี้เอาไว้ก่อน สบโอกาสแล้วค่อยเอาคืน “อย่าเผลอนะ”

“พี่หมินมิ่นคิดจะบวชจริง ๆ หรือขอรับ”

ชิงหมินรู้ว่าหลิวหงเถาไม่ทำจริง ๆ หรอก แต่ก็ยังอยากแกล้งเย้าหยอกนางเล่น ซึ่งก็ได้ค้อนวงใหญ่จากคนงามมาเต็ม ๆ ทำเอาจิตใจเขาเบิกบานจนแววตาฉายความสุขออกมาอย่างชัดเจน

“แม่ลองคิดภาพลูกตอนโกนผม น่ารักอยู่นะลูก”

จูม่านหลิงก็เอ่ยแซวบุตรีด้วยอีกคน หลิวหงเถาเห็นว่าครั้งนี้ตัวเองโดนรุมแกล้งจึงได้ร่วมเล่นงานตัวเองด้วยอีกดอก

“ก็ไม่แน่นะเจ้าคะ ถ้าคนที่เถาเอ๋อร์รักมาก ๆ ตายไป เถาเอ๋อร์อาจจะหนีไปบวชก็ได้ อาจจะเป็นวัดนี้ก็ได้เถาเอ๋อร์ชอบ”

“ดูพูดเข้า”

ฮูหยินใหญ่หัวเราะเบา ๆ จากนั้นทุกคนก็เดินลงจากวัดแล้วขึ้นรถม้าเพื่อมุ่งหน้าไปยังหมู่บ้านใกล้ ๆ อันเป็นจุดหมายการเดินทางในครั้งนี้

ด้วยความที่หมู่บ้านค้าขายด้ายและผ้าฝ้ายเสียส่วนใหญ่ ทำให้มีรถพ่อค้าแม่ขายจากทั่วสารทิศหลั่งไหลเข้ามากันไม่ว่างเว้น ชาวบ้านชินกับการได้ต้อนรับลูกค้าใหม่ ฉะนั้นการที่ได้เจอกับคณะเดินทางของตระกูลหลิวเข้าก็ไม่ได้แตกตื่นอะไร

“ข้าอยากได้เส้นด้ายสีน้ำตาล สีดำและสีขาวหม่นเจ้าค่ะ เอากรอใหญ่อย่างละสิบกรอ”

จูม่านหลิงเพียงเดินเข้าร้านมาให้กำลังใจหลิวหงเถาเท่านั้น ปล่อยให้บุตรสาวจัดการเรื่องของตนเองไป ส่วนนางก็เดินดูภาพที่ปักสำเร็จซึ่งวางไว้มุมต่าง ๆ ของร้าน 

ที่นี่นอกจากจะขายเส้นด้ายแล้วยังมีภาพปักสำเร็จไม่ว่าจะปักเป็นลายพัด ปักบนเสื้อผ้า ผ้าเช็ดหน้าหรือปักเพื่อเอาไว้ประดับตกแต่งห้อง มีลวดลายเยอะจนนางที่ชอบงานปักเช่นกันสามารถดูได้ทั้งวัน

“คุณหนูจะเอามาปักภาพวาดหรือเจ้าคะ ต้องขนาดใหญ่เป็นแน่ถึงได้ใช้กรอใหญ่และเยอะถึงเพียงนี้”

“เจ้าค่ะ ข้าจะปักภาพทิวทัศน์ เพื่อให้เห็นความสายงามอย่างละเอียด ข้าจึงอยากได้ภาพใหญ่ ๆ หน่อย แต่ว่างานต้องเร่งส่งภายในอีกหกวันนี้แล้ว ข้าก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะเสร็จทันหรือไม่ เถ้าแก่เนี้ยพอจะรู้จักจวนว่างให้เช่าพร้อมช่างปักฝีมือดีหรือไม่เจ้าคะ ข้าอยากให้เขาช่วยงานในบางส่วน”

เถ้าแก่เนี้ยรีบพยักหน้ารับ นอกจากจะแนะนำจวนว่างให้เช่าในหมู่บ้านนี้แล้ว ยังแนะนำช่างปักฝีมือดีให้นางอีกสองสามคนด้วย นางเป็นแม่ค้า อย่างน้อยนางก็ตาถึงว่าลูกค้าคนไหนกระเป๋าหนัก

“ประเดี๋ยวข้าน้อยจะพาไปดูเดี๋ยวนี้เลยเจ้าค่ะคุณหนู”

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Related chapters

  • ข้ามันสตรีขี้อิจฉา   ๑๑

    เช้าวันต่อมาหลิวหงเถาเป็นคนแรกในบรรดาเจ้านายที่ตื่นขึ้นมาก่อนใคร สิ่งแรกที่นางทำหลังจากนอนเพียงแค่หนึ่งชั่วยามคือการวิ่งไปซื้อผ้าฝ้ายกับด้ายสีน้ำตาลอ่อนมาเพิ่มสำหรับปักในส่วนที่ต้องใช้ความละเอียดเป็นพิเศษ เพราะภาพมันใหญ่มาก นางจึงต้องปักแยกชิ้นส่วนกันแล้วหาทางเพิ่มชิ้นส่วนนี้เข้าไปในภาพใหญ่ในภายหลัง หวังว่าจะไม่เละนะ!เมื่อเข้ามาในห้องโถงสถานที่ที่ใช้ในการปักผ้า นางก็นั่งแหมะลงบนพื้นแล้วปักซอยเพิ่มโครงภาพอีกนิดหน่อย นางตั้งใจปักภาพทิวทัศน์ก็จริง แต่เป็นทิวทัศน์ของเมืองซึ่งมันจะขาดคนไปไม่ได้เลย ใช้เวลาอยู่นานพอสมควรภาพโครงร่างถึงเสร็จ ที่เหลือก็คือลงด้ายซึ่งส่วนนี้นางจะขอความช่วยเหลือจากช่างมีฝีมือมาทำ ด้านการเลือกสีเข้มมากหรือน้อย นางได้วาดภาพแม่แบบไว้ให้อยู่แล้ว ช่างปักในหมู่บ้านที่ได้เห็นต่างก็เอ่ยปากชื่นชมและเฝ้ารอกับผลงานชิ้นนี้“เสร็จ! งามแน่ ๆ อยากกรี๊ด”หลิวหงเถากรีดร้องอยู่ในลำคอเบา ๆ แต่เพราะว่าเรือนที่ทุกคนอยู่มันเล็กมาก เสียงของนางจึงค่อนข้างดังรบกวนการนอนของผู้อื่น“พี่เถาเถ่า”“เฮือก! น้องหญิงเล็ก เกิดอะไรขึ้น!”ชิงหมินเป็นคนแรกที่สะดุ้งตื่นขึ้นมาเพราะเสียงร้องของหลิวหง

    Last Updated : 2025-05-02
  • ข้ามันสตรีขี้อิจฉา   ๑๒

    หลังจากที่จูม่านหลิงกลับไป สามคนจากจวนตระกูลหลิวก็มาดูการสาธิตวิธีการย้อมผ้าจากช่างปักที่ช่วยปักภาพทิวทัศน์ ซึ่งวิธีการที่หลิวหงเถารู้กับเคล็ดลับของชาวบ้านต่างกันตรงที่ตอนต้ม หลิวหงเถาไม่ได้ใส่เกลือลงไปด้วยในตอนที่น้ำเดือด นั่นจึงทำให้สีหลุดง่ายและอีกขั้นตอนหนึ่งตอนที่ล้างน้ำหลังย้อม เมื่อผ้าแห้งแล้วให้ลองแช่ด้วยน้ำอีกครั้งหนึ่ง หากพบว่าสีตกต้องใส่เกลือบดละเอียดลงไปด้วย แช่ทิ้งไปประมาณ 3 ชั่วยาม วิธีนี้จะช่วยทำให้ผ้าดูสดใหม่ได้ในระยะหนึ่ง“ที่จริงเรื่องการย้อมผ้าโดยการใส่เกลือก็ไม่ใช่ความลับอะไร เพียงแค่ไม่ได้ป่าวประกาศออกไปเท่านั้น อีกอย่างด้ายไหมก็เป็นตัวทำเงินให้กับหมู่บ้านของเราอยู่แล้ว คุณหนูจะเอาวิธีการนี้ไปบอกต่อก็ได้นะเจ้าคะ เราไม่ได้หวง”“ขอบคุณแทนทุกคนด้วยนะเจ้าคะ” แต่ข้าไม่บอกใครหรอกหลิวหงเถาย่อกายลงขอบคุณสตรีวัยกลางคนตรงหน้าอย่างนอบน้อม จะว่าไปฝีเข็มของช่างผู้นี้นับว่าเป็นเลิศไม่แพ้ใคร ดูละเอียดประณีตกว่าช่างหลวงที่ปักชุดอภิเษกให้ชินอ๋องกับหวางเฟยเสียอีก“เรื่องเล็กเจ้าค่ะ ว่าแต่คุณหนูคุณชายอยากไปดูตัวหนอนไหมหรือไม่” ช่างปักถามด้วยสีหน้าลุ้น ๆ ซึ่งคนที่ดูจะตื่นเต้นกว่าใ

    Last Updated : 2025-05-02
  • ข้ามันสตรีขี้อิจฉา   ๑๓

    ทางด้านหมู่บ้านด้าย หลังจากที่หลิวหงเถา หลิวหลี่เฟยและชิงหมินไปเก็บใบหม่อนทางอีกฝากฝั่งหนึ่งของหมู่บ้านได้ไม่นาน สิ่งที่ทุกคนไม่คาดคิดว่าจะเกิดขึ้นวันนี้ก็เกิดขึ้นชายฉกรรจ์กว่าห้าสิบคน รูปร่างสูงใหญ่ แต่งกายชุดดำทั้งตัวพร้อมมีผ้าคาดปิดใบหน้าเอาไว้เดินถืออาวุธครบมือกันเข้ามาในหมู่บ้าน สตรีชาวบ้านที่เห็นต่างกรีดร้องพร้อมกับวิ่งหนีความไม่ปลอดภัยที่กำลังคืบคลานเข้ามา“โจรบุก! เตรียมการสู้เร็วเข้า” ส่วนชาวบ้านฝั่งบุรุษนั้นก็เร่งไปให้หาอาวุธเพื่อใช้ในการต่อสู้กับผู้บุกรุก บุรุษในหมู่บ้านเองแม้จะมีฝีมือไม่มาก แต่จำนวนคนที่มีเยอะกว่าทำให้พวกเขาคิดว่าอย่างไรก็พอสู้ได้“ใจเย็นๆ ใจเย็น ๆ” ในกลุ่มโจรมีบุรุษคนหนึ่งนั่งอยู่บนหลังม้า ควบม้าเยาะเบา ๆ เข้ามาตามหลังลูกน้อง “จะเรียกโจรได้เพราะมาจากการปล้น ฉกชิง วิ่งราว แต่วันนี้พวกเราไม่ได้มาปล้น แต่มาขอเงินใช้ต่างหาก”“เจ้าของเขาไม่เต็มใจให้ ความหมายก็คือการปล้นอยู่ดี”ชายชาวบ้านคนหนึ่งตะโกนขึ้นมา ซึ่งสิ่งที่เขาได้รับจากการโต้ตอบกลับไปในครั้งนี้คือการที่บ่าไม่มีศีรษะให้ตั้งไว้อีกต่อไป เป็นการขู่ขวัญที่ทำให้ชาวบ้านกลัว ไม่กล้าขัดขืนอีกเหล่าโจรทำเวลาไ

    Last Updated : 2025-05-02
  • ข้ามันสตรีขี้อิจฉา   ๑๔

    หลิวหงเถาใจกระตุก นางยังคงนอนราบไม่ยันกายขึ้นมานั่ง ลอบกระซิบถามผู้คุ้มกันของตนเอง “ดูจากรูปพรรณสัณฐานแล้ว เจ้าโจรพวกผู้นี้เก่งหรือไม่”ผู้คุ้มกันพยักหน้ารับ “คนที่ขี่ม้าข้อน้อยไม่มั่นในว่าสู้ได้แค่ไหน แต่พวกลูกน้องของมันคนของเราสู้ได้แน่นอนขอรับ”“ข้าเชื่อใจพวกท่านนะ แต่ข้ามีอยู่แผนหนึ่ง…” หลิวหงเถาไม่มั่นใจว่าแผนการณ์นี้ของตนจะได้ผลหรือไม่ แต่นางก็จะลองเสี่ยงดูผู้คุ้มกันเลิกคิ้วขึ้น ยังไม่ทันจะซักถามอะไร มือบางก็คว้าเอามีดสั้นที่พกมาตัดใบหม่อนขว้างมันไปที่ต้นขาของม้าจนมันเจ็บแล้วล้มขาพับไป เป็นเหตุให้ตัวของหัวหน้าโจรล้มลงมาด้วยในจังหวะที่เขายังไม่ทันตั้งตัว หลิวหงเถาที่รออยู่แล้วก็เป่าเข็มอาบยาสลบพุ่งเป้าไปยังทางหัวหน้าโจร เข็มหลายสิบเล่มกระจายไปโดนทั้งม้าและหลุดออกนอกทิศทางไปด้วย แต่หลิวหงเถาก็มั่นใจว่ามันต้องปักอยู่บนร่างกายของหัวหน้าโจรเข้าสักอันหนึ่ง“จัดการต่อ!”ผู้คุ้มกันอีกสามคนที่อยู่ฝั่งตรงข้ามเข้าจัดการลูกน้องของโจรก่อน เพราะฝีมือที่มีมากกว่าทำให้จัดการพวกมันได้โดยง่าย แต่คนที่จัดการยากเห็นทีจะเป็นหัวหน้าโจรที่ลุกขึ้นมาตั้งหลักได้อย่างรวดเร็ว“ข้าประมาทพวกเจ้าเกินไปสิน

    Last Updated : 2025-05-02
  • ข้ามันสตรีขี้อิจฉา   ๑๕

    ชินอ๋องเล่าว่าตนเองวางแผนจับโจรภูเขากลุ่มนี้มานานเป็นปีแล้ว เมื่อได้รับรายงานว่าพวกมันจะออกปล้นเมื่อใด เขาจะเป็นผู้นำในการกวาดล้างกลุ่มโจรด้วยทุกครั้งรวมถึงครั้งนี้ด้วยเช่นกัน น่าเศร้าที่สายข่าวของเขาทำงานช้าไป ผลของมันจึงทำให้ชาวบ้านเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิต“เปิ่นหวางขอเป็นตัวแทนของทุกคนขอบคุณคุณหนูหลิวแล้ว มิเช่นนั้น เราคงจับหัวหน้าโจรกลุ่มนี้ไม่ได้สักที”หลิวหงเถาส่ายหน้าไปมาด้วยไม่กล้ารับคำชม“ท่านอ๋องตรัสเกินไปแล้วเพคะ นี่เป็นเพียงการเอาตัวรอดเท่านั้น อย่าได้ให้ค่าการกระทำของหม่อมฉันถึงเพียงนั้นเลย”ตอนนี้หลิวหงเถาและทุกคนกลับมาที่หมู่บ้านแล้ว ภาพความเสียหายทั้งหมดปรากฏเข้าสู่สายตา กลิ่นคาวเลือด เสียงร่ำไห้ของชาวบ้านทำให้นางรู้สึกหดหู่และอยากร้องไห้ตามไปด้วย“ฮึก ฮือ…”ตอนนี้ผ่านมาหลายชั่วยามแล้ว ชาวบ้านที่เป็นสตรีถูกช่วยไว้ได้ทัน ความสูญเสียจึงหยุดอยู่เพียงเท่านี้ แต่บางคนที่สูญเสียคนในครอบครัวไปก็ยังคงส่งเสียงร้องไห้ออกมาให้ได้ยินอยู่เหตุการณ์เหล่านี้หากมันเกิดขึ้นกับข้าโดยตรง ข้าขอตายตามไปด้วยเลยเสียยังดีกว่า“คุณหนูหลิว”หลิวหงเถาดึงตัวเองออกจากภวังค์พร้อมหันหน้ามายังชินอ๋อง “

    Last Updated : 2025-05-02
  • ข้ามันสตรีขี้อิจฉา   ๑๖

    เพียงชั่วข้ามคืนข่าวอันน่าสลดใจที่เกิดขึ้นกับหมู่บ้านด้ายถูกลือว่อนไปทั่วทั้งเมืองหลวง ชาวเมืองแคว้นชิงชิวที่ทราบข่าวต่างรู้สึกเห็นอกเห็นใจผู้ที่ต้องสูญเสียครอบครัวไปชินอ๋องในฐานะเป็นผู้นำในการจับกุมครั้งนี้ได้รับคำชมจากฮ่องแต้แคว้นชิงชิวต่อหน้าขุนนางทั้งท้องพระโรง ทำให้เสนาบดีหลิวซึ่งมีศักดิ์เป็นพ่อตาพลอยได้หน้าไปด้วย ไม่เพียงแค่นั้น หวางเฟยพระองค์ใหม่ยังช่วยพระสวามีทำคุณงามความดีเพิ่มโดยการเปลี่ยนรูปแบบการจัดงานเลี้ยงสังสรรค์ในวันนี้ให้เป็นในแบบการกุศลแทน ภาพวาดที่คุณหนูทั้งหลายปักจะถูกยกขึ้นมาประมูล โดยรายได้ทั้งหมดจะถูกส่งมอบให้ชาวบ้านผู้ประสบภัยทั้งหมดตามความเสียหายที่ได้รับหลิวหงเถาไม่ได้เข้าร่วมในงานนี้ เพราะว่านางบาดเจ็บที่คอ หากเข้างานโดยที่มีผ้าพันแผลพันรอบคออยู่จะยิ่งเป็นการสร้างความสงสัยให้ผู้อื่นที่สำคัญตั้งแต่กลับมาถึงจวนตระกูลหลิวนางไข้ขึ้นสูงมาก ความอ่อนล้าของร่างกายที่สะสมมาหลายวันกอปรกับการเดินทาง ทำเอานางนอนเป็นผักให้ชิงหมินหยอดน้ำข้าวต้มมาสองมื้อแล้ว“ชินอ๋องทรงพระปรีชายิ่ง ไม่มีใครรู้ข่าวเรื่องที่ลูกประสบเหตุที่นั่นเลย เป็นเพราะพระองค์ทรงปิดข่าวให้เป็นแน่”จูม

    Last Updated : 2025-05-02
  • ข้ามันสตรีขี้อิจฉา   ๑๗

    เช้าวันต่อมาหลิวหงเถาตื่นขึ้นมาด้วยอาการปวดศีรษะ หนักท้ายทอยจนไม่สามารถลุกขึ้นมานั่งได้ ท่านหมอประจำจวนมาตรวจแล้ววินิจฉัยออกมาว่าเป็นเพราะพิษไข้จึงสั่งยาเพิ่ม“ยาได้แล้วขอรับพี่เถาเถ่า”ชิงหมินเดินถือยาเข้ามาให้หลิวหงเถาถึงด้านในห้องนอน ครั้งนี้จัดการเป่ายาให้เสร็จสรรพก่อนที่จะยื่นถ้วยยาจ่อปากนางเป็นการบังคับกินยาไปในตัว“ไม่กินได้หรือไม่ เจ้าดูสีสิ ดำแบบนี้ความขมจะระดับไหน”ชิงหมินส่ายหน้าไม่ยินยอมด้วยเช่นกัน “ไม่กินแล้วจะหายได้อย่างไรกันขอรับ พี่เถาเถ่าปวดศีรษะไม่ใช่หรือ อย่าดื้อเลยนะ”“พูดเหมือนพี่เป็นเด็กอีกแล้วนะ แต่พี่ว่านะ…” หลิวหงเถามุ่นคิ้ว ทำเอาชิงหมินนึกสงสัยตามไปด้วย “หมินมิ่น พี่ว่าตัวเองไม่ได้ปวดศีรษะเพราะว่าพิษไข้หรอก”“แล้วเป็นเพราะอันใดขอรับ”นางทำหน้าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะนึกออกว่าเคยปวดในลักษณะนี้ตอนไหนบ้าง“นึกออกแล้ว เมื่อตอนก่อนที่จะเกิดงานอภิเษกของหวางเฟยหรือไม่นะ จำได้แค่ว่าตอนนั้นเดินไกลมาก ไม่รู้ไปไหนมา ไม่รู้ไปเจอใครแล้วพบกับเหตุการณ์ใดบ้าง พอเช้าวันต่อมาก็ปวดศีรษะคล้ายกับวันนี้” “เช่นนั้นหรือขอรับ”“อือ ว่าแต่วันนั้นก็แปลก ถ้าไม่ปวดขาเพราะเดินไกลก

    Last Updated : 2025-05-02
  • ข้ามันสตรีขี้อิจฉา   ๑๘

    หลังจากที่ประชุมเช้าเสร็จ ไท่จื่อก็ถูกนางกำนัลของฮองเฮาเชิญเสด็จไปยังตำหนักคุนหนิง สถานที่ประทับของมารดาแห่งแผ่นดิน ฝ่าเท้าใหญ่หยุดอยู่ที่หน้าตำหนัก ลอบสูดหายใจเข้าลึกก่อนที่จะเดินเข้าไปยังตำหนักชั้นใน“เชิญเสด็จเพคะ”“อือ” เขาปรับสีหน้าให้เรียบเฉยแล้วเดินเข้าไปด้วยท่าทางหนักแน่นมั่นคง ไม่แสดงอาการหวั่นเกรงออกมาให้ใครจับได้เลยสักนิด เขายังไม่แน่ชัดว่าเสด็จแม่ของตนเชิญเสด็จมาเพราะเหตุผลหลักคือเรื่องใด แต่ที่แน่ ๆ ต้องเกี่ยวข้องกับที่ประชุมเช้าในวันนี้แน่“ถวายพระพรเสด็จแม่พ่ะย่ะค่ะ”ฮองเฮาคือสตรีวัยกลางคนที่ยังคงสิริโฉมงดงามอยู่ไม่เสื่อมคลาย ริมฝีปากทาชาดไว้จนแดงสด แม้จะอยู่ในชุดกึ่งทางการแต่ก็ยังประดับปิ่นหงส์สีทองกับปิ่นเล็ก ๆ อีกสามชิ้นไว้รอบศีรษะ “ตามสบายเถิดไท่จื่อ”นางกำนัลยกน้ำชาและของว่างมาถวายให้ไท่จื่อ ไม่นานจากนั้นก็พากันเดินออกไปอย่างเงียบ ๆ ตามคำสั่งของนางกำนัลคนสนิทซึ่งเป็นคนเดียวที่ฮองเฮาอนุญาตให้อยู่ด้วยในห้องนี้“วันนี้เสด็จอาของไท่จื่อได้รับคำชมจากฝ่าบาทอย่างท้วมท้น หลิวหวางเฟยเองก็ด้วย แม่ช่างเลือกหวางเฟยให้เสด็จอาไท่จื่อได้ดีนัก”เวลาอยู่กันเพียงลำพังเช่นนี้ ฮองเฮ

    Last Updated : 2025-05-02

Latest chapter

  • ข้ามันสตรีขี้อิจฉา   ตอนพิเศษที่ 3 (จบบริบูรณ์)

    ตอนพิเศษที่ : 3เริ่มต้นชีวิตคู่ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยณ ห้องหอของบ่าวสาวคู่ใหม่ในวังปีศาจ สองบ่าวสาวคล้องแขนกันดื่มสุรามงคลที่เถาฮวาเฉินเป็นผู้ทำขึ้นมาเอง แน่นอนว่ารสชาติที่ได้ย่อมต่างจากสุราทั่วไปที่นางให้ผู้อื่น“รู้หรือไม่ว่าสุราที่เราให้ฉางฉ่างดื่มจะทำให้ฉางฉ่างไม่สามารถไปดื่มสุราที่ใดได้อีก”“ข้ารู้”เถาฮวาเฉินเลิกคิ้วขึ้นสงสัย “เหตุใดถึงไม่แปลกใจหรือไม่สงสัยอันใดเลย ไม่คิดบ้างหรือว่าเราอาจจะวางยาอะไรใส่ให้ฉางฉ่างดื่มกินก็ได้”หยิ่นฉางยกยิ้ม ทั้งยังเทสุราใส่จอกแล้วยกดื่มให้นางดูอีกสามครั้ง เป็นการบอกว่าเขาไม่ได้สงสัยในสิ่งนี้ ช่างขยันในการพิสูจน์ด้านการกระทำสำคัญกว่าคำพูดจริง ๆ“ท่านรู้สึกแย่หรือไม่ ที่ข้าไม่ได้บอกท่านก่อนเรื่องที่ให้ท่านพ่อเตรียมงานแต่งงานของเราไว้”ท่าทางของเถาฮวาเฉินไม่แสดงออกว่าโกรธหรือไม่ แต่เขาก็ยังอยากรู้ความรู้สึกลึก ๆ ของนาง“อือ” นางทำท่าคิดอยู่ครู่หนึ่ง แต่คนที่เฝ้ารอคำตอบกลับแอบกลั้นหายใจโดยไม่รู้ตัว “อาจจะตกใจไปบ้าง แต่ก็ไม่ได้รู้สึกแย่อะไรนะ ฉางฉ่างก็อย่าคิดมาก เราเป็นคนตรง ๆ อยู่แล้ว คิดอย่างไรรู้สึกอย่างไรไม่เก็บมาคิดคนเดียวหรอก”“จริงหรือ”“จริงสิ

  • ข้ามันสตรีขี้อิจฉา   ตอนพิเศษที่ 2

    ตอนพิเศษที่ : 2องค์ชายเล็กของแดนปีศาจ“ว้าว~นี่เป็นครั้งแรกเลยกระมังที่เราได้มาเยือนพระราชวังของแดนปีศาจ ใหญ่โตดูมีเสน่ห์ไปอีกแบบเหมือนกันนะฉางฉ่าง”หลังจากที่ผ่านช่วงเวลาแนบชิดกันมาสามวัน คำเรียกของทั้งคู่ก็เปลี่ยนไปแล้ว จาก ‘หยิ่นฉาง’ ก็เป็น ‘ฉางฉ่าง’ และจากเถาฮวาก็เป็น ‘เถาเถ่า’“ต่อไปที่นี่ก็คือบ้านของเถาเถ่า ท่านพ่อต้องชอบท่านแน่ ไม่ต้องกังวลนะ เขาจะดีต่อท่าน”เถาฮวาเฉินพยักหน้ารับพร้อมสูดหายใจเข้าลึก ในใจคิดเหตุใดข้าจึงรู้สึกว่าเพิ่งผ่านช่วงแต่งงานแล้วก็กลับมาเยี่ยมบ้านเจ้าสาวกันนะ ว่าแต่…“จอมปีศาจจะชอบสุราของเราหรือไม่ สุราหมื่นปีแบบนี้แม้จะเป็นของหายาก แต่ไม่ได้มีใครที่จะได้ดื่มกินบ่อย ๆ ไม่แน่ว่าเขาอาจจะไม่คุ้นลิ้น อย่างช่วงงานฉลองราชย์ขององค์เง็กเซียนฮ่องเต้ เราเคยเอาสุราหมื่นปีถวายเช่นกัน แต่พระองค์มิใคร่พอใจนัก ช่างเอาใจยากจริง ๆ”หยิ่นฉางหัวเราะในลำคอเบา ๆ หากบิดาของเขาได้ยินคำบ่นนี้ของนางไม่วายหัวเราะชอบใจที่นางเอ่ยนินทาประมุขของเผ่าสรรค์เช่นนี้“ทุกคนรอเราอยู่ที่ท้องพระโรงใหญ่”“หือ ท้องพระโรงหรือ”เถาฮวาเฉินรู้สึกเอะใจกับคำพูดนี้ของเขามาก จนกระทั่งเขาพานางเดินมาถึงจ

  • ข้ามันสตรีขี้อิจฉา   ตอนพิเศษที่ 1

    ตอนพิเศษที่: 1กิจกรรมที่คนคบกันเขาทำกัน ณ พระราชวังแคว้นชิงชิว “ท่านว่าเรามองนางอยู่เช่นนี้มานานแค่ไหนแล้ว”“ไม่รู้สิ หนึ่งชั่วยามได้แล้วหรือไม่ ถ้าท่านรู้สึกว่าเสียเวลาก็ไปทำงานที่คั่งค้างไว้ก่อนได้เลย ข้าขอดูนางต่ออีกหน่อย”หยิ่นฉางส่ายหน้าเบาๆ “ได้ใช้เวลาอยู่กับท่าน เช่นนี้ไม่เรียกว่าเสียเวลาหรอก แล้วอีกอย่างข้าก็ว่างมากด้วย”ตอนนี้เถาฮวาเฉินและหยิ่นฉางได้ลงมาโลกมนุษย์อีกครั้งเพื่อทำกิจกรรมที่คู่รักเขาทำกัน นั่นคือการทำอะไรก็ได้ให้ใช้เวลาร่วมกันมากที่สุด ซึ่งสิ่งที่เถาฮวาเฉินเสนอมาก็คือการนั่งมององค์หญิงสาม บุตรสาวของหลิวหงเถาที่กำลังนั่งอ่านตำราอยู่เถาฮวาเฉินละสายตาจากองค์หญิงสามเพื่อหันกลับมาจ้องมองหยิ่นฉาง “ใช้คำพูดรุกเราให้ใจเต้นรัวอีกแล้วนะ” จากนั้นก็จูงมือเขาออกจากศาลาที่องค์หญิงสามนั่งอยู่ ทั้งคู่พรางกายเอาไว้ เพื่อป้องกันไม่ให้มีมนุษย์ผู้ใดสามารถมองเห็นได้“ช่วงข้าวใหม่ปลามันจะให้แผ่วได้อย่างไร”ไม่เพียงแต่พูดเท่านั้น แขนยาวยังเอื้อมไปโอบไหล่นางพร้อมซบหน้าลงหัวไหล่ด้วย เถาฮวาเฉินไม่ได้ขัดขืนทั้งยังยกมือขึ้นลูบศีรษะเขาตอบ ทั้งคู่จับมือกันเดินผ่านสวนงดงามของวังหลวงและพูด

  • ข้ามันสตรีขี้อิจฉา   ๕๓

    เถาฮวาเฉินพูด :“อื้อ~สบายจัง”ข้าบิดขี้เกียจพร้อมกล่าวเสียงอู้อี้ออกมาขณะที่ดวงตายังคงปิดสนิทอยู่ ข้ารู้สึกที่นอนนั้นช่างหนานุ่ม สามารถดูดวิญญาณของข้าให้อยู่บนนี้ได้ทั้งวัน แต่เดี๋ยวก่อนนะ…“ข้ามีเตียงแบบนี้ด้วยหรือ”“...จากที่ข้าลอบเข้าไปดูที่แดนดอกท้อ ไม่มีนะท่าน”เฮือก!เพียงแค่ได้ยินเสียงของเขาเท่านั้นข้าก็เด้งตัวขึ้นมานั่ง จากที่ไม่อยากลืมตาสู้แสง ดวงตากลับแจ่มชัดไร้ความพร่ามัว“นี่ท่าน…”กำลังจะตั้งคำถามว่า ‘นี่ท่านมาอยู่ห้องของเราได้อย่างไร’ แต่สุดท้ายก็เงียบไป เพราะคิดได้ว่าตนเองต่างหากที่มาอยู่ในดินแดนของผู้อื่น“ว่าต่อสิ หรือกำลังคิดอยู่ว่าข้าได้ทำอะไรท่านหรือไม่”หยิ่นฉางถามขึ้นยิ้ม ๆ ทั้งยังถอยห่างออกจากข้าดั่งกับว่าเขาอยากให้ข้ารู้สึกปลอดภัย ไม่โดนคุกคามอยู่ นั่นจึงทำให้ข้ารู้สึกดีต่อการกระทำนี้ของเขามาก“เราเปล่าคิดเช่นนั้นสักหน่อย ว่าแต่ท่าน…”ข้าไล่สำรวจเขาทั้งร่าง ตอนแรกก็แค่รู้สึกว่าเขามีอะไรเปลี่ยนไปสักอย่าง พอสำรวจอย่างละเอียดอีกที ที่แท้เป็นเพราะชุดสีขาว“ข้าดูแปลกตาไปใช่หรือไม่ ท่านจึงได้จ้องตาไม่กะพริบถึงเพียงนี้”หยิ่นฉางถามด้วยน้ำเสียงสบาย ๆ ก่อนที่จะยื่นมือม

  • ข้ามันสตรีขี้อิจฉา   ๕๒

    สิ้นคำที่หยิ่นฉางปฏิเสธว่าตนไม่ใช่ ‘สุภาพชน’ เขาก็แสดงอาการตรงข้ามกับคำพูดนี้ทันทีโดยการอุ้มร่างบางเข้าสู่อ้อมแขนแล้วหายวับกลับถิ่น ณ ดินแดนปีศาจในทันทีตุบ!“โอ๊ย!”หยิ่นฉางวางเถาฮวาเฉินลงบนเตียงอย่างแรงจนร่างบางรู้สึกเจ็บจนต้องร้องออกมา ใบหน้างามชักสีหน้าใส่เขา แต่หยิ่นฉางหรือจะสน ร่ายมนตร์สร้างอาณาเขตไว้เพื่อไม่ให้เถาฮวาเฉินใช้พลังหนีออกจากที่นี่ไปได้จนกว่าจะสนทนากันให้รู้เรื่อง“ท่านรู้หรือไม่ว่าตอนนี้ ข้าก็นับว่าเป็นปีศาจที่แข็งแกร่งที่สุดตนหนึ่งในแดนปีศาจ มีทั้งประสบการณ์ด้านการต่อสู้ ไม่ว่าจะทั้งสัตว์อสูรร้ายหรือแม้กระทั่งเทพเซียนที่แข็งแกร่ง ข้าก็ผ่านมาแล้ว สำหรับท่านที่วัน ๆ หมักแต่สุรา...”พูดเพียงเท่านี้ก็เงียบไป อีกทั้งยังส่ายหน้าน้อย ๆ สองครั้ง ทำเอาคนถูกสบประมาทเดาคำว่า ‘สำหรับข้าไม่นับว่าเป็นอะไร จะบีบก็ตายจะคลายก็รอด’ จากท่าทางของหยิ่นฉางได้แล้ว“เมื่อก่อนท่านไม่ได้เป็นแบบนี้ แต่เหตุใดถึงได้เปลี่ยนมาเป็นเช่นนี้”หยิ่นฉางเลิกคิ้ว “ก็ไม่ใช่ว่าท่านบอกให้ข้าลืมเลือนเรื่องในอดีตหรอกหรือ นี่อย่างไร ข้าก็ลืมความอ่อนโยนที่เคยมีให้แล้วแสดงตัวตนที่แท้จริงออกมาแล้ว ตกลงจะเอาอย่าง

  • ข้ามันสตรีขี้อิจฉา   ๕๑

    “หึ! โดนเสด็จพ่อของพวกเจ้าลงโทษเรื่องใดมาเล่า ถึงได้มากวาดลานวัดเช่นนี้”“ท่านน้า”องค์ชายแฝดทั้งสองทิ้งไม้กวาดแล้ววิ่งเข้าไปหา ‘ท่านน้าหยิ่นฉาง’ ผู้ที่เวลาไม่สามารถทำอะไรเขาได้เลย เมื่อก่อนมีรูปลักษณ์เช่นไรตอนนี้ก็ยังเป็นเช่นเดิมไม่แปรเปลี่ยน“พวกเจ้านี่นะ โตจนป่านนี้แล้วยังทำตัวเหมือนกับลูกลิงอยู่ได้ รักษาภาพลักษณ์องค์ชายแห่งแคว้นบ้างเถิด”องค์ชายใหญ่พ่นลมหายใจออกจากจมูกอย่างแรง ก่อนที่จะเอ่ยด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด“ท่านน้า ภาพลักษณ์ของพวกเราไม่เหลือตั้งแต่ที่เสด็จพ่อให้มากวาดลานวัดเช่นนี้แล้วขอรับ”“แต่ข้าว่าไม่เหลือตั้งแต่ไปก๊งเหล้าที่ร้านนั้นแล้วละ”อ๋องน้อยกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ก่อนที่จะเดินเข้ามารวมกลุ่มด้วย ที่จริงเขาไม่ได้โดนลงโทษให้มากวาดลานวัดเช่นนี้ แต่มีหรือที่องค์ชายแฝดจะปล่อยให้เขารอดไปได้ ทั้งยังกล่าวว่า…‘มีสุขร่วมเสพ มีทุกข์ก็ต้องร่วมฝ่าฝันไปด้วยกัน’“หือ” หยิ่นฉางเลิกคิ้วถาม “ร้านใดกันที่ทำให้ท่านอ๋องน้อยแห่งตำหนักชินอ๋องถึงขั้นไปลิ้มลองได้”องค์ชายรองเป็นคนอธิบายคำถามนี้ “เป็นร้านสุราดอกท้อข้างทางเล็ก ๆ ร้านหนึ่งขอรับท่านน้า คนขายเป็นพ่อค้าหน้าหยก รสชาติสุราเป็นร

  • ข้ามันสตรีขี้อิจฉา   ๕๐

    “ต้าเกอ วันนี้กระบวนท่าไม่เลวเลย ฝีมือท่านพัฒนาขึ้นมาก”“เป็นเอ้อร์ตี้ออมมือให้ต่างหาก มิเช่นนั้นเราคงไม่เสมอกันเช่นนี้ เอาเป็นว่าขอบคุณที่ทำให้ต้าเกอไม่เสียหน้าก็แล้วกัน ไม่สิ! ต่อให้แพ้ แต่แพ้เอ้อร์ตี้ ก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกอายอะไร”“ต้าเกอก็ชมข้าเกินไปแล้ว มา! เอ้อร์ตี้คารวะให้ท่านหนึ่งจอก”“ได้เลย”สองบุรุษหน้าตาคล้ายกันเกือบสิบส่วนเอื้อนวาจาเยินยอกันเองก่อนที่จะยกจอกสุราชนกัน ทั้งสองคนที่ว่าก็คือองค์ชายใหญ่และองค์ชายรองของแคว้นชิงชิวนั่นเอง ก่อนทั้งสองกลับวังตนเองทั้งคู่ได้ชวนกันมาร่ำสุราที่ร้านข้างทางเล็ก ๆ ร้านหนึ่ง“อือ สุราดี”รสชาติของสุราทำให้ทั้งสองพอใจเป็นอย่างมาก ขนาดที่ทั้งคู่หันไปชมเถ้าแก่ร้านหน้าละอ่อนไม่หยุด“เถ้าแก่ สุราดอกท้อของท่านรสชาติดียิ่ง ท่านทำเองหรือว่ารับมาขาย”เถ้าแก่ร่างบางตัวเล็กเงยหน้าขึ้นมาก่อนที่จะแย้มยิ้มรับคำชมนั้นอย่างภูมิใจ“แน่นอนว่าข้าย่อมหมักเอง คุณชายทั้งสองสนใจซื้อในปริมาณมากหรือไม่ ข้าน้อยจะคิดราคาให้เป็นพิเศษเลย”“โอ้ เช่นนั้นข้าขอสั่งสักสิบไหได้หรือไม่ เถ้าแก่เชิญคิดราคามาได้เลย”“สิบไหเป็นห้าตำลึงเงินก็แล้วกัน ราคากันเอง”ไม่เพียงองค์ชายทั้

  • ข้ามันสตรีขี้อิจฉา   ๔๙

    หลิวหงเถาพูด:เวลาของโลกมนุษย์และดินเแดนเบื้องบนต่างกัน หนึ่งวันของแดนสวรรค์เท่ากับหนึ่งปีของโลกมนุษย์ ระยะเวลารวมที่ข้าเซียนจากแดนแห่งการชำระล้างจากไปเป็น 40 วัน ของแดนสวรรค์ ในเมืองมนุษย์ก็เท่ากับ 40 ปีใช่! ตอนนี้ข้าตายจากการเป็นมนุษย์และได้กลับมายังดินแดนชำระล้างแล้ว พลังบริสุทธิ์ที่คุ้นเคยทำให้ข้ารู้สึกร่างกายคล้ายกับได้รับการเยียวยา พลังวิญญาณแข็งแกร่งขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก …ที่แท้ความรู้สึกของการเลื่อนขั้นเป็นเช่นนี้ข้าเดินเข้าไปที่ห้องโถงใหญ่อันมีดอกไม้นานาชนิดประดับตกแต่งไว้ ทั้งการจัดโต๊ะ ทั้งบรรยากาศโดยรอบให้ความรู้สึกถึงงานเลี้ยงฉลองไม่มีผิด ทันใดนั้นข้าก็ได้ยินเสียงของสตรีผู้หนึ่งดังขึ้น“ยินดีต้อนรับเซียนเถาฮวา ไม่ใช่สิ! ยินดีต้อนรับเทพเถาฮวากลับสู่แดนชำระล้าง ทั้งหมดนี้คืองานฉลองการต้อนรับกลับบ้าน”คนแรกที่ข้าเห็นยามเดินเข้ามาในห้องโถงคือท่านหัวหน้าดินแดน สิ้นประโยคของนางก็เกิดคลื่นพลังมากมายหลากสีขึ้นมาในห้องโถง พร้อมกับการปรากฏตัวของเทพเซียนองค์อื่น ๆ“ยินดีต้อนรับเถาฮวาเฉิน” พวกนางกล่าวต้อนรับข้าด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ข้าจึงมอบรอยยิ้มจริงใจส่งกลับไปให้ทุกคนเช่นกัน“ขอบคุณ

  • ข้ามันสตรีขี้อิจฉา   ๔๘

    เมื่อยามที่ก้าวเท้าเดินเข้าไปในตำหนักแล้วได้ยินเสียงอ้อแอ้ของเด็กหญิง เสียงพูดไม่ชัดของเด็กชาย เสียงใสของสตรีอันเป็นที่รัก มันทำให้ข้ารู้สึกถึงคำว่า ‘ครอบครัว’นึกอยากขอบคุณเสด็จอาในวันนั้นที่บอกให้เขาอย่าได้สัญญาว่าจะไม่แตะต้องนาง มิเช่นนั้นคืนวันเหล่านี้ก็คงไม่เกิดขึ้นในชีวิตเขา“เสด็จพ่อ”‘อีเกอ’ พระโอรสองค์แรกของเขาวิ่งเข้ามาเกาะขา ร่างสูงก้มตัวลงแล้วอุ้มบุตรชายขึ้นแนบอก กดจมูกหอมแก้มซาลาเปาอย่างหมั่นเขี้ยว การที่มีคนหน้าตาคลายคลึงนางเพิ่มมาถึงสามช่างดีจริง ๆ“ฝ่าบาท…”ฮองเฮาคู่บัลลังก์ของเขาเพียงแค่ส่งยิ้มมอบให้เท่านั้น ไม่ได้ลุกขึ้นทำความเคารพ เพราะเขาเคยห้ามไว้ไม่ให้นางทำในเวลาส่วนตัวเช่นนี้“เป็นอย่างไรบ้าง ตำหนักใหม่ถูกใจฮองเฮาหรือไม่”ฮ่องเต้หนุ่มถามนางขึ้นมาด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำแฝงความนุ่มนวลไว้หลายส่วน นางพยักหน้ารับเบา ๆ แล้วส่งบุตรีคนที่สามมาให้เขาอุ้ม ใบหน้าหล่อเหลาปรากฏรอยยิ้มเมื่อเห็นเหงือกสีชมพูอ่อนไร้ฟันแย้มยิ้มดีใจที่เขาจะอุ้มนาง“เสี่ยวเม่ยของพ่อ”ไทเฮาโปรดหลานสาวคนนี้มากกว่าใคร ฮ่องเต้หนุ่มทราบว่าพระมารดาอยากมีองค์หญิงน้อยมาตลอด แต่ว่าสภาพร่างกายไม่เอื้อต่อการมีบุต

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status