หลิวหงเถาใจกระตุก นางยังคงนอนราบไม่ยันกายขึ้นมานั่ง ลอบกระซิบถามผู้คุ้มกันของตนเอง
“ดูจากรูปพรรณสัณฐานแล้ว เจ้าโจรพวกผู้นี้เก่งหรือไม่”
ผู้คุ้มกันพยักหน้ารับ “คนที่ขี่ม้าข้อน้อยไม่มั่นในว่าสู้ได้แค่ไหน แต่พวกลูกน้องของมันคนของเราสู้ได้แน่นอนขอรับ”
“ข้าเชื่อใจพวกท่านนะ แต่ข้ามีอยู่แผนหนึ่ง…”
หลิวหงเถาไม่มั่นใจว่าแผนการณ์นี้ของตนจะได้ผลหรือไม่ แต่นางก็จะลองเสี่ยงดู
ผู้คุ้มกันเลิกคิ้วขึ้น ยังไม่ทันจะซักถามอะไร มือบางก็คว้าเอามีดสั้นที่พกมาตัดใบหม่อนขว้างมันไปที่ต้นขาของม้าจนมันเจ็บแล้วล้มขาพับไป เป็นเหตุให้ตัวของหัวหน้าโจรล้มลงมาด้วย
ในจังหวะที่เขายังไม่ทันตั้งตัว หลิวหงเถาที่รออยู่แล้วก็เป่าเข็มอาบยาสลบพุ่งเป้าไปยังทางหัวหน้าโจร เข็มหลายสิบเล่มกระจายไปโดนทั้งม้าและหลุดออกนอกทิศทางไปด้วย แต่หลิวหงเถาก็มั่นใจว่ามันต้องปักอยู่บนร่างกายของหัวหน้าโจรเข้าสักอันหนึ่ง
“จัดการต่อ!”
ผู้คุ้มกันอีกสามคนที่อยู่ฝั่งตรงข้ามเข้าจัดการลูกน้องของโจรก่อน เพราะฝีมือที่มีมากกว่าทำให้จัดการพวกมันได้โดยง่าย แต่คนที่จัดการยากเห็นทีจะเป็นหัวหน้าโจรที่ลุกขึ้นมาตั้งหลักได้อย่างรวดเร็ว
“ข้าประมาทพวกเจ้าเกินไปสินะ”
หลิวหงเถาลุกขึ้นยืน สำรวจร่างกายของหัวหน้าโจรว่ามีท่าทีที่จะสลบลงไปหรือไม่ แต่แล้วก็ต้องใจแป้ว เมื่อมือหนาของโจรชั่วหยิบเข็มเล่มเล็กออกจากต้นคอแล้วปาทิ้งไป โดยที่ร่างกายยังคงเป็นปกติทุกอย่าง
“เหตุใดเจ้า…” ไม่เป็นอะไรเลย
หัวหน้าโจรหันมาสบตากับหลิวหงเถา
“ของเด็กเล่นชิ้นนี้เคลือบไว้ด้วยยาพิษเช่นนั้นหรือ คงจะเสียใจน่าดูที่มันทำอะไรร่างกายต้านหมื่นพิษของข้าไม่ได้”
“หมื่นพิษ!”
แต่ว่าของข้าเป็นยาสลบ มันต้านด้วยได้หรือไม่
หัวหน้าโจรแสยะยิ้ม สายตาหยาบโลนไล่มองร่างกายของหลิวหงเถาตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ร่องรอยพอใจฉายชัดจนคนถูกมองเกิดอาการไม่ชอบใจ
“ใช่! เป็นเมียข้าสิ แล้วข้าจะถ่ายทอดวิชาหมื่นพิษให้”
หลิวหลี่เฟย ชิงหมินและผู้คุ้มกันที่ได้ยินรู้สึกโกรธมาก ตั้งแต่คุณหนูของพวกเขาเกิดมายังไม่เคยมีบุรุษใดกล่าวจะทำให้นางเป็นเมียเลยสักครั้ง นั่นจึงเป็นตัวกระตุ้นอย่างหนึ่งที่ทำให้พวกเขาต้องเผด็จศึกชายตรงหน้าให้ได้
“ข้าไม่เชื่อหรอก”
ทุกคนหันขวับไปมองหลิวหงเถา อยู่ ๆ นางไม่เชื่ออันใดขึ้นมา
“ไม่เชื่อว่าข้าจะถ่ายทอดวิชาหมื่นพิษให้เจ้านะหรือ อย่าห่วงเลย! ภูมิใจในตัวเองเถอะที่เจ้าเป็นสตรีในแบบที่ข้าชอบพอดี กลับไปรังโจรพร้อมข้าสิ แล้วเจ้าพวกนี้จะรอดชีวิตไปได้”
“เปล่า ข้าไม่เชื่อว่าเจ้าจะทำให้ข้าเป็นเมียได้ต่างหาก เจ้าลองฟังเสียงนี้ดูสิ”
ตอนแรกโจรชั่วไม่สนใจ เพราะคิดว่ามันเป็นเพียงแค่หลุมพรางของหลิวหงเถา แต่ไม่นานต่อจากนั้น เขาก็ได้ยินเสียงโห่ร้องราวกับอยู่สนามรบดังมาจากทางหมู่บ้าน
“ไปกับข้า!”
“เฮือก!”
ไม่รอช้าโจรชั่วใช้จังหวะที่ทุกคนไม่ทันระวังวิ่งเข้ามาคว้าตัวหลิวหงเถาเข้ามาอยู่ในวงแขน เสียงม้าหลายตัวดังเข้าใกล้ไร่หม่อนมากขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้มันเร่งกึ่งลากกึ่งดึงหลิวหงเถาให้เดินตามไปด้วย
“พี่เถาเถ่า/น้องหญิงเล็ก/คุณหนู!”
ทุกคนตกใจไม่แพ้หลิวหงเถาจนประสานเสียงเรียก ซึ่งนางเองแม้จะเสียเปรียบทางด้านรูปร่าง แต่ก็ไม่ยอมอยู่เฉย ๆ ให้ใครจับตัวไปได้ง่าย ๆ
“ปล่อยข้านะ!”
นางดิ้นอย่างแรงจนสามารถทำให้โจรชั่วเสียหลักได้ แต่ในความเป็นจริงแล้ว สตรีร่างเล็กเช่นนางไม่สามารถทำให้บุรุษร่างโตแบบหัวหน้าโจรขยับเขยื้อนได้เลยสักนิด
ทว่าครั้งนี้หัวหน้าโจรถึงกับซวนเซออกไปไกล พร้อมสะบัดศีรษะไปมาคล้ายกำลังไล่อาการมึน จังหวะนั้นเองหลิวหงเถาจึงหลุดออกจากมือเขามาได้
“คุณหนู!”
ทุกคนพร้อมใจกันวิ่งเข้ามาหาหลิวหงเถา แต่ก้าวออกห่างจากโจรไม่เท่าไร ก็ถูกเขาดึงกลับเข้าหาตัวอีกครั้ง โดยที่ครั้งนี้ได้วางมีดจี้ไว้ที่คอนางด้วย
“ถ้าเข้ามา คุณหนูของพวกเจ้าได้ตายเป็นผีเฝ้าป่าหม่อนแน่”
ขู่ผู้คุ้มกันไว้พร้อมกับดึงหลิวหงเถาลากถอยร่นออกไปเรื่อย ๆ จังหวะไหนที่ตกหลุมเพราะพื้นไม่สม่ำเสมอ คอเล็กก็จะได้เลือดตามไปด้วยทุกครั้ง นั่นยิ่งทำให้ชิงหมินและหลิวหลี่เฟยที่เดินตามมาไม่ห่างปวดใจยิ่ง
“น้องหญิงเล็กเลือดออกแล้ว”
“พี่เถาเถ่า”
สองหนุ่มน้อยสลับกันเรียกหลิวหงเถา คนหนึ่งใบหน้ายับยู่ยี่หวาดกลัวว่าน้องสาวจะเป็นอันตราย อีกคนหนึ่งน้ำตาไหลพรากลงมาอย่างเปิดเผย ทั้งกลัวหลิวหงเถาเป็นอะไรไปและทั้งเจ็บใจที่ตนเองไร้ความสามารถ
คนที่รู้สึกว่าตัวเองเป็นพี่ใหญ่มาตลอดเอ่ยปลอบน้องชายทั้งสอง
“อย่าร้อง พี่ยังไม่ได้ โอ้ย…”
ปลายมีดแหลมได้กินเลือดเพิ่มขึ้น เมื่อโจรร้ายเผลอกดปลายมีดแหลมลงมา มันยังคงพาร่างบางถอยหลังห่างไปเรื่อย ๆ และยิ่งกระชากนางแรงขึ้นเมื่อเห็นม้าสีขาวปลอดวิ่งเข้ามาสู่สายตา
“หลิวหงเถา!”
การมาของเขาทำให้โจรร้ายสบถคำหยาบคายออกมามากมาย น้ำเสียงตอนเรียกฐานะของผู้มาใหม่นั้นบ่งชัดว่าหงุดหงิดใจยิ่ง
“อ๋องจอมแส่!”
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่หัวหน้าโจรผู้นี้ได้เผชิญหน้ากับชินอ๋องแห่งแคว้นชิงชิว ทุกครั้งที่ออกปล้น เขาสามารถเอาตัวเองหลบหนีจากการจับกุมของชินอ๋องมาได้ทุกครั้ง แต่นี่อาจจะเป็นครั้งแรกที่เขา…
ตุ้บ!
“กรี๊ด”
ร่างสูงใหญ่โอนเอนหงายหลังลงล้มตึงพร้อมกับที่ดึงตัวของหลิวหงเถาตามมาด้วย ดวงตาของโจรชั่วปิดไม่สนิท แต่เรี่ยวแรงแขนขาอ่อนเปลี้ยไปหมด ทำให้หลิวหงเถาเป็นอิสระ สามารถลุกขึ้นมาจากการนอนทับร่างเขาได้ หลิวหลี่เฟยและชิงหมินรีบวิ่งเข้ามาหาพี่สาวพร้อมดึงนางออกห่างจากร่างไร้สตินั่น
“มัดร่างมันไว้ก่อน” ชินอ๋องสั่งผู้คุ้มกันของตระกูลหลิวเสียงเข้ม จากนั้นก็วิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาหาหลิวหงเถา “คุณหนูหลิว เจ็บมากหรือไม่”
มือหนายื่นผ้าเช็ดหน้าสีขาวให้หลิวหงเถาไว้ใช้ซับเลือด นางย่อกายทำความเคารพเขา พร้อมรับผ้ามาซับเลือดอย่างไม่ลังเลใด ๆ ดวงตาคู่งามหันไปจ้องโจรร้ายนิ่ง
“นี่หมายความว่า…” เอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือและนิ้วเรียวสั่นเทาชี้ไปยังร่างเขา “เข็มอาบยาสลบของข้าได้ผลใช่หรือไม่”
ชินอ๋องผู้ไม่เข้าใจสถานการณ์จึงเลิกคิ้วถามอย่างสงสัย “คุณหนูหลิวหมายความว่าอย่างไรหรือ”
นางไม่ตอบ แต่แสดงกิริยาดีใจออกมาจนคนที่อยู่ร่วมเหตุการณ์ด้วยตั้งแต่แรกส่งยิ้มเอ็นดูให้
“ใช่จริง ๆ ด้วย เข็มอาบยาสลบของข้าได้ผล!”
ท่าทางดีใจของนางน่าเอ็นดูสำหรับชินอ๋องก็จริง แต่ยามนี้เขาต้องพยายามประมวลเหตุการณ์ทั้งหมดให้ได้ก่อน
“เดี๋ยวก่อน เจ้าโจรผู้นี้แน่นิ่งไปเพราะเข็มอาบยาสลบของคุณหนูหลิวเช่นนั้นหรือ”
“พ่ะย่ะค่ะท่านอ๋อง”
อ้อ! เพราะนางสินะข้าถึงจับหัวหน้าโจรภูเขาที่หมายหัวมาเป็นปีได้
ชินอ๋องเล่าว่าตนเองวางแผนจับโจรภูเขากลุ่มนี้มานานเป็นปีแล้ว เมื่อได้รับรายงานว่าพวกมันจะออกปล้นเมื่อใด เขาจะเป็นผู้นำในการกวาดล้างกลุ่มโจรด้วยทุกครั้งรวมถึงครั้งนี้ด้วยเช่นกัน น่าเศร้าที่สายข่าวของเขาทำงานช้าไป ผลของมันจึงทำให้ชาวบ้านเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิต“เปิ่นหวางขอเป็นตัวแทนของทุกคนขอบคุณคุณหนูหลิวแล้ว มิเช่นนั้น เราคงจับหัวหน้าโจรกลุ่มนี้ไม่ได้สักที”หลิวหงเถาส่ายหน้าไปมาด้วยไม่กล้ารับคำชม“ท่านอ๋องตรัสเกินไปแล้วเพคะ นี่เป็นเพียงการเอาตัวรอดเท่านั้น อย่าได้ให้ค่าการกระทำของหม่อมฉันถึงเพียงนั้นเลย”ตอนนี้หลิวหงเถาและทุกคนกลับมาที่หมู่บ้านแล้ว ภาพความเสียหายทั้งหมดปรากฏเข้าสู่สายตา กลิ่นคาวเลือด เสียงร่ำไห้ของชาวบ้านทำให้นางรู้สึกหดหู่และอยากร้องไห้ตามไปด้วย“ฮึก ฮือ…”ตอนนี้ผ่านมาหลายชั่วยามแล้ว ชาวบ้านที่เป็นสตรีถูกช่วยไว้ได้ทัน ความสูญเสียจึงหยุดอยู่เพียงเท่านี้ แต่บางคนที่สูญเสียคนในครอบครัวไปก็ยังคงส่งเสียงร้องไห้ออกมาให้ได้ยินอยู่เหตุการณ์เหล่านี้หากมันเกิดขึ้นกับข้าโดยตรง ข้าขอตายตามไปด้วยเลยเสียยังดีกว่า“คุณหนูหลิว”หลิวหงเถาดึงตัวเองออกจากภวังค์พร้อมหันหน้ามายังชินอ๋อง “
เพียงชั่วข้ามคืนข่าวอันน่าสลดใจที่เกิดขึ้นกับหมู่บ้านด้ายถูกลือว่อนไปทั่วทั้งเมืองหลวง ชาวเมืองแคว้นชิงชิวที่ทราบข่าวต่างรู้สึกเห็นอกเห็นใจผู้ที่ต้องสูญเสียครอบครัวไปชินอ๋องในฐานะเป็นผู้นำในการจับกุมครั้งนี้ได้รับคำชมจากฮ่องแต้แคว้นชิงชิวต่อหน้าขุนนางทั้งท้องพระโรง ทำให้เสนาบดีหลิวซึ่งมีศักดิ์เป็นพ่อตาพลอยได้หน้าไปด้วย ไม่เพียงแค่นั้น หวางเฟยพระองค์ใหม่ยังช่วยพระสวามีทำคุณงามความดีเพิ่มโดยการเปลี่ยนรูปแบบการจัดงานเลี้ยงสังสรรค์ในวันนี้ให้เป็นในแบบการกุศลแทน ภาพวาดที่คุณหนูทั้งหลายปักจะถูกยกขึ้นมาประมูล โดยรายได้ทั้งหมดจะถูกส่งมอบให้ชาวบ้านผู้ประสบภัยทั้งหมดตามความเสียหายที่ได้รับหลิวหงเถาไม่ได้เข้าร่วมในงานนี้ เพราะว่านางบาดเจ็บที่คอ หากเข้างานโดยที่มีผ้าพันแผลพันรอบคออยู่จะยิ่งเป็นการสร้างความสงสัยให้ผู้อื่นที่สำคัญตั้งแต่กลับมาถึงจวนตระกูลหลิวนางไข้ขึ้นสูงมาก ความอ่อนล้าของร่างกายที่สะสมมาหลายวันกอปรกับการเดินทาง ทำเอานางนอนเป็นผักให้ชิงหมินหยอดน้ำข้าวต้มมาสองมื้อแล้ว“ชินอ๋องทรงพระปรีชายิ่ง ไม่มีใครรู้ข่าวเรื่องที่ลูกประสบเหตุที่นั่นเลย เป็นเพราะพระองค์ทรงปิดข่าวให้เป็นแน่”จูม
เช้าวันต่อมาหลิวหงเถาตื่นขึ้นมาด้วยอาการปวดศีรษะ หนักท้ายทอยจนไม่สามารถลุกขึ้นมานั่งได้ ท่านหมอประจำจวนมาตรวจแล้ววินิจฉัยออกมาว่าเป็นเพราะพิษไข้จึงสั่งยาเพิ่ม“ยาได้แล้วขอรับพี่เถาเถ่า”ชิงหมินเดินถือยาเข้ามาให้หลิวหงเถาถึงด้านในห้องนอน ครั้งนี้จัดการเป่ายาให้เสร็จสรรพก่อนที่จะยื่นถ้วยยาจ่อปากนางเป็นการบังคับกินยาไปในตัว“ไม่กินได้หรือไม่ เจ้าดูสีสิ ดำแบบนี้ความขมจะระดับไหน”ชิงหมินส่ายหน้าไม่ยินยอมด้วยเช่นกัน “ไม่กินแล้วจะหายได้อย่างไรกันขอรับ พี่เถาเถ่าปวดศีรษะไม่ใช่หรือ อย่าดื้อเลยนะ”“พูดเหมือนพี่เป็นเด็กอีกแล้วนะ แต่พี่ว่านะ…” หลิวหงเถามุ่นคิ้ว ทำเอาชิงหมินนึกสงสัยตามไปด้วย “หมินมิ่น พี่ว่าตัวเองไม่ได้ปวดศีรษะเพราะว่าพิษไข้หรอก”“แล้วเป็นเพราะอันใดขอรับ”นางทำหน้าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะนึกออกว่าเคยปวดในลักษณะนี้ตอนไหนบ้าง“นึกออกแล้ว เมื่อตอนก่อนที่จะเกิดงานอภิเษกของหวางเฟยหรือไม่นะ จำได้แค่ว่าตอนนั้นเดินไกลมาก ไม่รู้ไปไหนมา ไม่รู้ไปเจอใครแล้วพบกับเหตุการณ์ใดบ้าง พอเช้าวันต่อมาก็ปวดศีรษะคล้ายกับวันนี้” “เช่นนั้นหรือขอรับ”“อือ ว่าแต่วันนั้นก็แปลก ถ้าไม่ปวดขาเพราะเดินไกลก
หลังจากที่ประชุมเช้าเสร็จ ไท่จื่อก็ถูกนางกำนัลของฮองเฮาเชิญเสด็จไปยังตำหนักคุนหนิง สถานที่ประทับของมารดาแห่งแผ่นดิน ฝ่าเท้าใหญ่หยุดอยู่ที่หน้าตำหนัก ลอบสูดหายใจเข้าลึกก่อนที่จะเดินเข้าไปยังตำหนักชั้นใน“เชิญเสด็จเพคะ”“อือ” เขาปรับสีหน้าให้เรียบเฉยแล้วเดินเข้าไปด้วยท่าทางหนักแน่นมั่นคง ไม่แสดงอาการหวั่นเกรงออกมาให้ใครจับได้เลยสักนิด เขายังไม่แน่ชัดว่าเสด็จแม่ของตนเชิญเสด็จมาเพราะเหตุผลหลักคือเรื่องใด แต่ที่แน่ ๆ ต้องเกี่ยวข้องกับที่ประชุมเช้าในวันนี้แน่“ถวายพระพรเสด็จแม่พ่ะย่ะค่ะ”ฮองเฮาคือสตรีวัยกลางคนที่ยังคงสิริโฉมงดงามอยู่ไม่เสื่อมคลาย ริมฝีปากทาชาดไว้จนแดงสด แม้จะอยู่ในชุดกึ่งทางการแต่ก็ยังประดับปิ่นหงส์สีทองกับปิ่นเล็ก ๆ อีกสามชิ้นไว้รอบศีรษะ “ตามสบายเถิดไท่จื่อ”นางกำนัลยกน้ำชาและของว่างมาถวายให้ไท่จื่อ ไม่นานจากนั้นก็พากันเดินออกไปอย่างเงียบ ๆ ตามคำสั่งของนางกำนัลคนสนิทซึ่งเป็นคนเดียวที่ฮองเฮาอนุญาตให้อยู่ด้วยในห้องนี้“วันนี้เสด็จอาของไท่จื่อได้รับคำชมจากฝ่าบาทอย่างท้วมท้น หลิวหวางเฟยเองก็ด้วย แม่ช่างเลือกหวางเฟยให้เสด็จอาไท่จื่อได้ดีนัก”เวลาอยู่กันเพียงลำพังเช่นนี้ ฮองเฮ
ภายใต้เก๋งจีนขนาดใหญ่ซึ่งตั้งอยู่บนสระบัวกว้าง มีสองสตรีใบหน้างดงามล้มเมืองนั่งจ้องหน้ากันอยู่ ไม่มีใครเอ่ยสิ่งใดขึ้นมาราวกับทั้งคู่กำลังแข่งกันเงียบ ใครหลบตาก่อนแพ้ ใครเอ่ยสิ่งใดขึ้นมาก่อนก็แพ้เช่นกัน “เอาเถอะ ข้ายอมแพ้ก่อนก็ได้”แต่ครู่ต่อมา หลิวหงเถาก็เป็นคนเอ่ยขึ้นมาก่อนพร้อมหลุบตาลงต่ำเอื้อมมือไปหยิบจอกชาที่มีไอสีขาวลอยฟุ้งขึ้นมาเป่าเบา ๆ ดื่มด่ำกับกลิ่นหอมและขนมที่สาวใช้ยกมาให้ตั้งแต่ที่นางมาถึงเรือนของคุณหนูใหญ่ตระกูลจิน“ทำไมถึงเปลี่ยนใจมาได้ล่ะ เมื่อวานยังให้คนมาปฏิเสธข้าอยู่เลย”หลิวหงเถารอจนกลืนขนมลงคอหมดแล้วจึงค่อยเอ่ยคำถามที่ให้อีกคนเลือกคำตอบ“อยากจะฟังเรื่องจริงหรือเรื่องโกหกล่ะ”จินเซียนเหม่ยมุ่นคิ้วน้อย ๆ ไม่ใช่เพราะว่าคำถามของหลิวหงเถา แต่เป็นเพราะเศษขนมที่ติดอยู่มุมปากของนางต่างหาก เร็วกว่าความคิด มือเรียวเล็กก็เอื้อมไปหยิบเศษขนมออกจากปากให้หลิวหงเถาในทันที “เศษขนมติดอยู่ตรงริมฝีปากเจ้า เห็นแล้วขัดตาจึงช่วยเอาออกให้” ที่จริงจินเซียนเหม่ยก็ตกใจในการกระทำของตนเองไม่น้อย แต่ก็ยังแสร้งทำหน้านิ่ง ราวกับว่าสิ่งที่ตนทำไปนั้นไม่ได้มีความหมายอะไรทั้งสิ้น“อ้อ ขอบใจ ว่าแต่
ในที่สุดสิ่งที่เสนาบดีหลิวและฮูหยินกังวลก็ได้รับการยืนยัน เมื่อวันต่อจูม่านหลิงได้ต้อนรับแขกขบวนใหญ่อันประกอบไปด้วยนางกำนัล ขันทีและองครักษ์ส่วนพระองค์จากตำหนักคุนหนิง เพราะหลิวหงเถาไปคลุกตัวอยู่กับว่าที่ไท่จื่อเฟยเพื่อแก้ชุดอภิเษก ทำให้คนในวังพลาดโอกาสที่จะได้เห็นท่าทีของนาง“จวนเสนาบดีหลิวยินดีและเป็นเกียรติที่ได้ต้อนรับท่านกงกงเจ้าค่ะ รอสักครู่นะเจ้าคะเดี๋ยวข้าให้เด็ก ๆ ไปยกน้ำชากับขนมมาให้”“ไม่รบกวนฮูหยิน” ขันทีคนสนิทของฮองเฮาอีกคนหนึ่งยกมือห้าม พร้อมทั้งพูดถึงธุระของตนเองในวันนี้ให้แล้วเสร็จก่อนที่จะไปอีกจวนหนึ่ง“แคว้นซู่ส่งของเข้ามายังตำหนักคุนหนิง ฮองเฮาทรงเห็นว่าเหมาะกับคุณหนูหลิวจึงได้ให้เราเป็นตัวแทนมามอบให้ พระนางยังหวังอีกว่าหลังพิธีอภิเษกเตี้ยนเซี่ย ตำหนักคุนหนิงจะได้ต้อนรับฮูหยินกับคุณหนูหลิว”จูม่านหลิงยิ้มค้างไปแล้ว นางตะลึงไปชั่วขณะจนสาวใช้คนสนิทต้องเข้ามาสะกิดแขนยิก ๆ นางจึงได้รู้ตัวแล้วค้อมศีรษะลงเล็กน้อย“เช่นนั้นรบกวนท่านกงกงทูลเสด็จให้ว่าเรายินดีเจ้าค่ะ”กงกงเฒ่ายกยิ้ม สายตาจิ้งจอกมากเล่ห์เห็นเพียงเท่านี้ก็รู้แล้วว่าฮูหยินของเสนาบดีหลิวมีท่าทีอยางไร แน่นอนว่า
คืนนี้เป็นอีกคืนที่พระจันทร์เต็มดวงให้ความสว่างไสวแก่ใต้หล้า บางคนอาจจะมีความสุขที่ได้นั่งดื่มสุราเคล้าแสงจันทร์ เห็นพระจันทร์เป็นสิ่งสวยงาม แต่สำหรับบางคนแล้วนั้น พวกเขาอาจจะเห็นพระจันทร์สีเหลืองในคืนนี้ถูกย้อมไปด้วยสีแดงเลือดก็ได้ร่างสูงในชุดสีดำสนิทวิ่งขึ้นมาบนหลังคาของหอโคมเขียวขึ้นชื่อในเมือง เขามาที่นี่ไม่ใช่เพราะจะมาเสพสมร่วมระคากับสตรีในที่แห่งนี้ แต่เขามาเพื่อปลิดชีพบุรุษที่กำลังเล่นสนุกกับร่างกายของพวกนางต่างหาก“อยู่ด้วยกันเช่นนี้ก็ดี จะได้จัดการได้ง่าย ๆ”ร่างสูงกระโดดลงจากหลังคาโดยการเข้าทางหน้าต่างพร้อมห้อยโหนไปยังขื่อคานด้วยความรวดเร็ว คนที่อยู่ในห้องพิเศษห้องใหญ่นี้ไม่มีผู้ใดรับรู้การมาถึงของเขาเลยเพราะว่ากำลังมึนเมาได้ที่ อีกทั้งสตรีร่างอรชรอ่อนแอ้นในอ้อมแขนมันน่าสนใจกว่าสิ่งใดเยอะ“พรุ่งนี้ข่าวคงดังกระฉ่อนไปทั้งเมือง บุตรชายคนเล็กของเจ้ากรมพิธีการและบุตรชายคนรองของแม่ทัพเซียวเข่นฆ่ากันเพราะร่ำสุราที่หอโคมเขียวจนมึนเมา พยานรู้เห็นเหตุการณ์ก็มี ดูสิว่าจะมาสืบเรื่องราวสาวต่อยังไง”วิธีที่เขาเลือกใช้จัดการคนแม้จะเป็นการเพิ่มความเสี่ยงให้เขาสำหรับในอีกฐานะหนึ่ง แต่เขาไม่
ในยามดึกสงัดเช่นนี้บางคนอาจจะนอนหลับพักผ่อนกายาไปนานแล้ว แต่สำหรับว่าที่ฮ่องเต้องค์ต่อไปของชิงชิวยังต้องสะสางงานอีกมาก แคว้นชิงชิวเพิ่งสถาปนาได้ไม่นาน ทุกอย่างต้องเร่งสร้างเร่งพัฒนาอีกมาก นอกจากเสด็จพ่อของเขาที่ทรงงานหนักแล้ว ตัวเขาเองก็ต้องเบ่งเบาราชกิจต่าง ๆ ให้ได้มากที่สุดเช่นกัน‘ระวังตัวด้วย ข้าได้กลิ่นปีศาจ’ในระหว่างที่กำลังคร่ำเคร่งกับฎีกาตรงหน้านั้น อยู่ ๆ ไท่จื่อก็ได้ยินเสียงร้องเตือนดังขึ้นมาในหัว “หือ”คิ้วเข้มพาดเฉียงเลิกขึ้นอย่างแปลกใจ แม้ผู้ที่ร้องเตือนจะอยู่กับเขามาตั้งแต่แรกเกิด แต่ทั้งคู่ก็ไม่ได้พูดคุยกันบ่อยนัก ซึ่งส่วนมากที่ร้องเตือนภัยมักจะเป็นเหตุการณ์ร้ายที่เขาไม่อาจต่อสู้ได้เช่น ภูติ ผี หรือปีศาจที่โดนมารครอบงำ ครั้งล่าสุดที่เคยเผอิญได้เจอก็เมื่อสิบปีก่อน ไม่คาดว่าสิบปีไล่หลังมานี้จะได้พบเจออีกหน‘อนุญาตให้ข้าได้ปกป้องเจ้า มิเช่นนั้นเจ้าจะโดนควบคุม มันคืบคลานใกล้มากขึ้นแล้ว!’ไท่จื่อวรยุทธ์แกร่งกล้าไม่แพ้ใครในแคว้นนี้ หากเป็นมนุษย์กับมนุษย์ด้วยกันอย่างไรเขาก็พร้อมสู้ แต่เมื่อสิ่งที่กำลังคืบคลานไม่ใช่มนุษย์ เขาก็ต้องเชื่อฟังมังกรดำ สัตว์เทพที่คุ้มครองเขามาตั้ง
ตอนพิเศษที่ : 3เริ่มต้นชีวิตคู่ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยณ ห้องหอของบ่าวสาวคู่ใหม่ในวังปีศาจ สองบ่าวสาวคล้องแขนกันดื่มสุรามงคลที่เถาฮวาเฉินเป็นผู้ทำขึ้นมาเอง แน่นอนว่ารสชาติที่ได้ย่อมต่างจากสุราทั่วไปที่นางให้ผู้อื่น“รู้หรือไม่ว่าสุราที่เราให้ฉางฉ่างดื่มจะทำให้ฉางฉ่างไม่สามารถไปดื่มสุราที่ใดได้อีก”“ข้ารู้”เถาฮวาเฉินเลิกคิ้วขึ้นสงสัย “เหตุใดถึงไม่แปลกใจหรือไม่สงสัยอันใดเลย ไม่คิดบ้างหรือว่าเราอาจจะวางยาอะไรใส่ให้ฉางฉ่างดื่มกินก็ได้”หยิ่นฉางยกยิ้ม ทั้งยังเทสุราใส่จอกแล้วยกดื่มให้นางดูอีกสามครั้ง เป็นการบอกว่าเขาไม่ได้สงสัยในสิ่งนี้ ช่างขยันในการพิสูจน์ด้านการกระทำสำคัญกว่าคำพูดจริง ๆ“ท่านรู้สึกแย่หรือไม่ ที่ข้าไม่ได้บอกท่านก่อนเรื่องที่ให้ท่านพ่อเตรียมงานแต่งงานของเราไว้”ท่าทางของเถาฮวาเฉินไม่แสดงออกว่าโกรธหรือไม่ แต่เขาก็ยังอยากรู้ความรู้สึกลึก ๆ ของนาง“อือ” นางทำท่าคิดอยู่ครู่หนึ่ง แต่คนที่เฝ้ารอคำตอบกลับแอบกลั้นหายใจโดยไม่รู้ตัว “อาจจะตกใจไปบ้าง แต่ก็ไม่ได้รู้สึกแย่อะไรนะ ฉางฉ่างก็อย่าคิดมาก เราเป็นคนตรง ๆ อยู่แล้ว คิดอย่างไรรู้สึกอย่างไรไม่เก็บมาคิดคนเดียวหรอก”“จริงหรือ”“จริงสิ
ตอนพิเศษที่ : 2องค์ชายเล็กของแดนปีศาจ“ว้าว~นี่เป็นครั้งแรกเลยกระมังที่เราได้มาเยือนพระราชวังของแดนปีศาจ ใหญ่โตดูมีเสน่ห์ไปอีกแบบเหมือนกันนะฉางฉ่าง”หลังจากที่ผ่านช่วงเวลาแนบชิดกันมาสามวัน คำเรียกของทั้งคู่ก็เปลี่ยนไปแล้ว จาก ‘หยิ่นฉาง’ ก็เป็น ‘ฉางฉ่าง’ และจากเถาฮวาก็เป็น ‘เถาเถ่า’“ต่อไปที่นี่ก็คือบ้านของเถาเถ่า ท่านพ่อต้องชอบท่านแน่ ไม่ต้องกังวลนะ เขาจะดีต่อท่าน”เถาฮวาเฉินพยักหน้ารับพร้อมสูดหายใจเข้าลึก ในใจคิดเหตุใดข้าจึงรู้สึกว่าเพิ่งผ่านช่วงแต่งงานแล้วก็กลับมาเยี่ยมบ้านเจ้าสาวกันนะ ว่าแต่…“จอมปีศาจจะชอบสุราของเราหรือไม่ สุราหมื่นปีแบบนี้แม้จะเป็นของหายาก แต่ไม่ได้มีใครที่จะได้ดื่มกินบ่อย ๆ ไม่แน่ว่าเขาอาจจะไม่คุ้นลิ้น อย่างช่วงงานฉลองราชย์ขององค์เง็กเซียนฮ่องเต้ เราเคยเอาสุราหมื่นปีถวายเช่นกัน แต่พระองค์มิใคร่พอใจนัก ช่างเอาใจยากจริง ๆ”หยิ่นฉางหัวเราะในลำคอเบา ๆ หากบิดาของเขาได้ยินคำบ่นนี้ของนางไม่วายหัวเราะชอบใจที่นางเอ่ยนินทาประมุขของเผ่าสรรค์เช่นนี้“ทุกคนรอเราอยู่ที่ท้องพระโรงใหญ่”“หือ ท้องพระโรงหรือ”เถาฮวาเฉินรู้สึกเอะใจกับคำพูดนี้ของเขามาก จนกระทั่งเขาพานางเดินมาถึงจ
ตอนพิเศษที่: 1กิจกรรมที่คนคบกันเขาทำกัน ณ พระราชวังแคว้นชิงชิว “ท่านว่าเรามองนางอยู่เช่นนี้มานานแค่ไหนแล้ว”“ไม่รู้สิ หนึ่งชั่วยามได้แล้วหรือไม่ ถ้าท่านรู้สึกว่าเสียเวลาก็ไปทำงานที่คั่งค้างไว้ก่อนได้เลย ข้าขอดูนางต่ออีกหน่อย”หยิ่นฉางส่ายหน้าเบาๆ “ได้ใช้เวลาอยู่กับท่าน เช่นนี้ไม่เรียกว่าเสียเวลาหรอก แล้วอีกอย่างข้าก็ว่างมากด้วย”ตอนนี้เถาฮวาเฉินและหยิ่นฉางได้ลงมาโลกมนุษย์อีกครั้งเพื่อทำกิจกรรมที่คู่รักเขาทำกัน นั่นคือการทำอะไรก็ได้ให้ใช้เวลาร่วมกันมากที่สุด ซึ่งสิ่งที่เถาฮวาเฉินเสนอมาก็คือการนั่งมององค์หญิงสาม บุตรสาวของหลิวหงเถาที่กำลังนั่งอ่านตำราอยู่เถาฮวาเฉินละสายตาจากองค์หญิงสามเพื่อหันกลับมาจ้องมองหยิ่นฉาง “ใช้คำพูดรุกเราให้ใจเต้นรัวอีกแล้วนะ” จากนั้นก็จูงมือเขาออกจากศาลาที่องค์หญิงสามนั่งอยู่ ทั้งคู่พรางกายเอาไว้ เพื่อป้องกันไม่ให้มีมนุษย์ผู้ใดสามารถมองเห็นได้“ช่วงข้าวใหม่ปลามันจะให้แผ่วได้อย่างไร”ไม่เพียงแต่พูดเท่านั้น แขนยาวยังเอื้อมไปโอบไหล่นางพร้อมซบหน้าลงหัวไหล่ด้วย เถาฮวาเฉินไม่ได้ขัดขืนทั้งยังยกมือขึ้นลูบศีรษะเขาตอบ ทั้งคู่จับมือกันเดินผ่านสวนงดงามของวังหลวงและพูด
เถาฮวาเฉินพูด :“อื้อ~สบายจัง”ข้าบิดขี้เกียจพร้อมกล่าวเสียงอู้อี้ออกมาขณะที่ดวงตายังคงปิดสนิทอยู่ ข้ารู้สึกที่นอนนั้นช่างหนานุ่ม สามารถดูดวิญญาณของข้าให้อยู่บนนี้ได้ทั้งวัน แต่เดี๋ยวก่อนนะ…“ข้ามีเตียงแบบนี้ด้วยหรือ”“...จากที่ข้าลอบเข้าไปดูที่แดนดอกท้อ ไม่มีนะท่าน”เฮือก!เพียงแค่ได้ยินเสียงของเขาเท่านั้นข้าก็เด้งตัวขึ้นมานั่ง จากที่ไม่อยากลืมตาสู้แสง ดวงตากลับแจ่มชัดไร้ความพร่ามัว“นี่ท่าน…”กำลังจะตั้งคำถามว่า ‘นี่ท่านมาอยู่ห้องของเราได้อย่างไร’ แต่สุดท้ายก็เงียบไป เพราะคิดได้ว่าตนเองต่างหากที่มาอยู่ในดินแดนของผู้อื่น“ว่าต่อสิ หรือกำลังคิดอยู่ว่าข้าได้ทำอะไรท่านหรือไม่”หยิ่นฉางถามขึ้นยิ้ม ๆ ทั้งยังถอยห่างออกจากข้าดั่งกับว่าเขาอยากให้ข้ารู้สึกปลอดภัย ไม่โดนคุกคามอยู่ นั่นจึงทำให้ข้ารู้สึกดีต่อการกระทำนี้ของเขามาก“เราเปล่าคิดเช่นนั้นสักหน่อย ว่าแต่ท่าน…”ข้าไล่สำรวจเขาทั้งร่าง ตอนแรกก็แค่รู้สึกว่าเขามีอะไรเปลี่ยนไปสักอย่าง พอสำรวจอย่างละเอียดอีกที ที่แท้เป็นเพราะชุดสีขาว“ข้าดูแปลกตาไปใช่หรือไม่ ท่านจึงได้จ้องตาไม่กะพริบถึงเพียงนี้”หยิ่นฉางถามด้วยน้ำเสียงสบาย ๆ ก่อนที่จะยื่นมือม
สิ้นคำที่หยิ่นฉางปฏิเสธว่าตนไม่ใช่ ‘สุภาพชน’ เขาก็แสดงอาการตรงข้ามกับคำพูดนี้ทันทีโดยการอุ้มร่างบางเข้าสู่อ้อมแขนแล้วหายวับกลับถิ่น ณ ดินแดนปีศาจในทันทีตุบ!“โอ๊ย!”หยิ่นฉางวางเถาฮวาเฉินลงบนเตียงอย่างแรงจนร่างบางรู้สึกเจ็บจนต้องร้องออกมา ใบหน้างามชักสีหน้าใส่เขา แต่หยิ่นฉางหรือจะสน ร่ายมนตร์สร้างอาณาเขตไว้เพื่อไม่ให้เถาฮวาเฉินใช้พลังหนีออกจากที่นี่ไปได้จนกว่าจะสนทนากันให้รู้เรื่อง“ท่านรู้หรือไม่ว่าตอนนี้ ข้าก็นับว่าเป็นปีศาจที่แข็งแกร่งที่สุดตนหนึ่งในแดนปีศาจ มีทั้งประสบการณ์ด้านการต่อสู้ ไม่ว่าจะทั้งสัตว์อสูรร้ายหรือแม้กระทั่งเทพเซียนที่แข็งแกร่ง ข้าก็ผ่านมาแล้ว สำหรับท่านที่วัน ๆ หมักแต่สุรา...”พูดเพียงเท่านี้ก็เงียบไป อีกทั้งยังส่ายหน้าน้อย ๆ สองครั้ง ทำเอาคนถูกสบประมาทเดาคำว่า ‘สำหรับข้าไม่นับว่าเป็นอะไร จะบีบก็ตายจะคลายก็รอด’ จากท่าทางของหยิ่นฉางได้แล้ว“เมื่อก่อนท่านไม่ได้เป็นแบบนี้ แต่เหตุใดถึงได้เปลี่ยนมาเป็นเช่นนี้”หยิ่นฉางเลิกคิ้ว “ก็ไม่ใช่ว่าท่านบอกให้ข้าลืมเลือนเรื่องในอดีตหรอกหรือ นี่อย่างไร ข้าก็ลืมความอ่อนโยนที่เคยมีให้แล้วแสดงตัวตนที่แท้จริงออกมาแล้ว ตกลงจะเอาอย่าง
“หึ! โดนเสด็จพ่อของพวกเจ้าลงโทษเรื่องใดมาเล่า ถึงได้มากวาดลานวัดเช่นนี้”“ท่านน้า”องค์ชายแฝดทั้งสองทิ้งไม้กวาดแล้ววิ่งเข้าไปหา ‘ท่านน้าหยิ่นฉาง’ ผู้ที่เวลาไม่สามารถทำอะไรเขาได้เลย เมื่อก่อนมีรูปลักษณ์เช่นไรตอนนี้ก็ยังเป็นเช่นเดิมไม่แปรเปลี่ยน“พวกเจ้านี่นะ โตจนป่านนี้แล้วยังทำตัวเหมือนกับลูกลิงอยู่ได้ รักษาภาพลักษณ์องค์ชายแห่งแคว้นบ้างเถิด”องค์ชายใหญ่พ่นลมหายใจออกจากจมูกอย่างแรง ก่อนที่จะเอ่ยด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด“ท่านน้า ภาพลักษณ์ของพวกเราไม่เหลือตั้งแต่ที่เสด็จพ่อให้มากวาดลานวัดเช่นนี้แล้วขอรับ”“แต่ข้าว่าไม่เหลือตั้งแต่ไปก๊งเหล้าที่ร้านนั้นแล้วละ”อ๋องน้อยกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ก่อนที่จะเดินเข้ามารวมกลุ่มด้วย ที่จริงเขาไม่ได้โดนลงโทษให้มากวาดลานวัดเช่นนี้ แต่มีหรือที่องค์ชายแฝดจะปล่อยให้เขารอดไปได้ ทั้งยังกล่าวว่า…‘มีสุขร่วมเสพ มีทุกข์ก็ต้องร่วมฝ่าฝันไปด้วยกัน’“หือ” หยิ่นฉางเลิกคิ้วถาม “ร้านใดกันที่ทำให้ท่านอ๋องน้อยแห่งตำหนักชินอ๋องถึงขั้นไปลิ้มลองได้”องค์ชายรองเป็นคนอธิบายคำถามนี้ “เป็นร้านสุราดอกท้อข้างทางเล็ก ๆ ร้านหนึ่งขอรับท่านน้า คนขายเป็นพ่อค้าหน้าหยก รสชาติสุราเป็นร
“ต้าเกอ วันนี้กระบวนท่าไม่เลวเลย ฝีมือท่านพัฒนาขึ้นมาก”“เป็นเอ้อร์ตี้ออมมือให้ต่างหาก มิเช่นนั้นเราคงไม่เสมอกันเช่นนี้ เอาเป็นว่าขอบคุณที่ทำให้ต้าเกอไม่เสียหน้าก็แล้วกัน ไม่สิ! ต่อให้แพ้ แต่แพ้เอ้อร์ตี้ ก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกอายอะไร”“ต้าเกอก็ชมข้าเกินไปแล้ว มา! เอ้อร์ตี้คารวะให้ท่านหนึ่งจอก”“ได้เลย”สองบุรุษหน้าตาคล้ายกันเกือบสิบส่วนเอื้อนวาจาเยินยอกันเองก่อนที่จะยกจอกสุราชนกัน ทั้งสองคนที่ว่าก็คือองค์ชายใหญ่และองค์ชายรองของแคว้นชิงชิวนั่นเอง ก่อนทั้งสองกลับวังตนเองทั้งคู่ได้ชวนกันมาร่ำสุราที่ร้านข้างทางเล็ก ๆ ร้านหนึ่ง“อือ สุราดี”รสชาติของสุราทำให้ทั้งสองพอใจเป็นอย่างมาก ขนาดที่ทั้งคู่หันไปชมเถ้าแก่ร้านหน้าละอ่อนไม่หยุด“เถ้าแก่ สุราดอกท้อของท่านรสชาติดียิ่ง ท่านทำเองหรือว่ารับมาขาย”เถ้าแก่ร่างบางตัวเล็กเงยหน้าขึ้นมาก่อนที่จะแย้มยิ้มรับคำชมนั้นอย่างภูมิใจ“แน่นอนว่าข้าย่อมหมักเอง คุณชายทั้งสองสนใจซื้อในปริมาณมากหรือไม่ ข้าน้อยจะคิดราคาให้เป็นพิเศษเลย”“โอ้ เช่นนั้นข้าขอสั่งสักสิบไหได้หรือไม่ เถ้าแก่เชิญคิดราคามาได้เลย”“สิบไหเป็นห้าตำลึงเงินก็แล้วกัน ราคากันเอง”ไม่เพียงองค์ชายทั้
หลิวหงเถาพูด:เวลาของโลกมนุษย์และดินเแดนเบื้องบนต่างกัน หนึ่งวันของแดนสวรรค์เท่ากับหนึ่งปีของโลกมนุษย์ ระยะเวลารวมที่ข้าเซียนจากแดนแห่งการชำระล้างจากไปเป็น 40 วัน ของแดนสวรรค์ ในเมืองมนุษย์ก็เท่ากับ 40 ปีใช่! ตอนนี้ข้าตายจากการเป็นมนุษย์และได้กลับมายังดินแดนชำระล้างแล้ว พลังบริสุทธิ์ที่คุ้นเคยทำให้ข้ารู้สึกร่างกายคล้ายกับได้รับการเยียวยา พลังวิญญาณแข็งแกร่งขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก …ที่แท้ความรู้สึกของการเลื่อนขั้นเป็นเช่นนี้ข้าเดินเข้าไปที่ห้องโถงใหญ่อันมีดอกไม้นานาชนิดประดับตกแต่งไว้ ทั้งการจัดโต๊ะ ทั้งบรรยากาศโดยรอบให้ความรู้สึกถึงงานเลี้ยงฉลองไม่มีผิด ทันใดนั้นข้าก็ได้ยินเสียงของสตรีผู้หนึ่งดังขึ้น“ยินดีต้อนรับเซียนเถาฮวา ไม่ใช่สิ! ยินดีต้อนรับเทพเถาฮวากลับสู่แดนชำระล้าง ทั้งหมดนี้คืองานฉลองการต้อนรับกลับบ้าน”คนแรกที่ข้าเห็นยามเดินเข้ามาในห้องโถงคือท่านหัวหน้าดินแดน สิ้นประโยคของนางก็เกิดคลื่นพลังมากมายหลากสีขึ้นมาในห้องโถง พร้อมกับการปรากฏตัวของเทพเซียนองค์อื่น ๆ“ยินดีต้อนรับเถาฮวาเฉิน” พวกนางกล่าวต้อนรับข้าด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ข้าจึงมอบรอยยิ้มจริงใจส่งกลับไปให้ทุกคนเช่นกัน“ขอบคุณ
เมื่อยามที่ก้าวเท้าเดินเข้าไปในตำหนักแล้วได้ยินเสียงอ้อแอ้ของเด็กหญิง เสียงพูดไม่ชัดของเด็กชาย เสียงใสของสตรีอันเป็นที่รัก มันทำให้ข้ารู้สึกถึงคำว่า ‘ครอบครัว’นึกอยากขอบคุณเสด็จอาในวันนั้นที่บอกให้เขาอย่าได้สัญญาว่าจะไม่แตะต้องนาง มิเช่นนั้นคืนวันเหล่านี้ก็คงไม่เกิดขึ้นในชีวิตเขา“เสด็จพ่อ”‘อีเกอ’ พระโอรสองค์แรกของเขาวิ่งเข้ามาเกาะขา ร่างสูงก้มตัวลงแล้วอุ้มบุตรชายขึ้นแนบอก กดจมูกหอมแก้มซาลาเปาอย่างหมั่นเขี้ยว การที่มีคนหน้าตาคลายคลึงนางเพิ่มมาถึงสามช่างดีจริง ๆ“ฝ่าบาท…”ฮองเฮาคู่บัลลังก์ของเขาเพียงแค่ส่งยิ้มมอบให้เท่านั้น ไม่ได้ลุกขึ้นทำความเคารพ เพราะเขาเคยห้ามไว้ไม่ให้นางทำในเวลาส่วนตัวเช่นนี้“เป็นอย่างไรบ้าง ตำหนักใหม่ถูกใจฮองเฮาหรือไม่”ฮ่องเต้หนุ่มถามนางขึ้นมาด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำแฝงความนุ่มนวลไว้หลายส่วน นางพยักหน้ารับเบา ๆ แล้วส่งบุตรีคนที่สามมาให้เขาอุ้ม ใบหน้าหล่อเหลาปรากฏรอยยิ้มเมื่อเห็นเหงือกสีชมพูอ่อนไร้ฟันแย้มยิ้มดีใจที่เขาจะอุ้มนาง“เสี่ยวเม่ยของพ่อ”ไทเฮาโปรดหลานสาวคนนี้มากกว่าใคร ฮ่องเต้หนุ่มทราบว่าพระมารดาอยากมีองค์หญิงน้อยมาตลอด แต่ว่าสภาพร่างกายไม่เอื้อต่อการมีบุต