Share

บทที่ 2

last update Last Updated: 2025-05-02 12:18:43

สามวันหลังแต่งงานจะมีธรรมเนียมคู่สามีภรรยากลับมาเยี่ยมบ้านเจ้าสาว ชินอ๋องกับชินหวางเฟยพระองค์ใหม่เองก็ไม่ได้ละเลยธรรมเนียมนี้

รถม้าประจำตำหนักชินอ๋องแล่นมาจอดอยู่หน้าจวนเสนาบดีช้ากว่าเวลาที่นัดไว้โข แต่การมาถึงของคนทั้งคู่ก็เรียกเสียงน่าตื่นเต้นว่า ‘มาแล้ว ชินอ๋องเสด็จแล้ว ชินหวางเฟยเสด็จแล้ว’ จากผู้คนโดยรอบได้เป็นอย่างดี

และยิ่งฮือฮาเข้าไปอีกเมื่อร่างสูงดูสุภาพสง่างามก้าวลงมาจากรถม้าแล้วโปรยยิ้มให้กับประชาชนที่มารับเสด็จ จากนั้นเขาก็หันไปให้ความสนใจพระชายาคนใหม่ของตน

“ชายารักระวังด้วย”

น้ำเสียงทุ้มติดอ่อนโยนเอ่ยขึ้นพร้อมยื่นมือขาวสะอาดไปให้ชายารักจับตอนก้าวลงจากรถม้า ความใส่ใจนี้ทำให้สาวงามในชุดพระชายาเต็มยศยิ้มจนแก้วปริ ทั้งสองประคองกันมายืนตรงหน้าเสนาบดีหลิวโดยที่แขนแกร่งของชินอ๋องไม่ได้ละไปจากร่างของชินหวางเฟยเลย

มองอย่างไรผู้คนก็คิดไปในทางเดียวกันว่าชินหวางเฟยผู้นี้เป็นที่โปรดปรานยิ่งแล้ว

การได้รับความโปรดปรานทั้งจากการกระทำ สายตา คำพูด ไหนจะเรื่องเครื่องแต่งกายของหลิวตันตันควรจะทำให้หลิวหงเถาอิจฉา

แต่ผิดคาด ใบหน้าของนางนิ่งมาก บางคนอาจคิดว่านางแค่เก็บความอิจฉาเอาไว้ในใจ แต่ใครเล่าจะรู้ดีไปกว่านาง

“พี่เถาเถ่าไหวหรือไม่ขอรับ”

ด้วยเพราะเสนาบดีหลิวอยากให้การรับเสด็จในครั้งนี้ออกมาได้น่าประทับใจชินอ๋องที่สุด จึงได้เกณฑ์บ่าวไพร่ทั้งจวนมารับเสด็จตั้งแต่ไก่โห่ จนตะวันขึ้นกลางศีรษะ แดดส่องจนแต่ละคนหน้าดำหน้าแดงกันเป็นแถบ ๆ ก็ยังไม่ยอมให้เข้าร่ม ไม่ให้กางร่ม อ้างว่า ‘เดี๋ยวไม่จริงใจพอ’

“ถ้าจะมาช้าก็ควรส่งคนมาบอกก่อนไหม ยืนรอจนขาแข็งหมดแล้ว”

“พี่เถาเถ่าประเดี๋ยวคนอื่นได้ยินนะขอรับ ใจเย็น ๆ ก่อนนะขอรับ”

ชิงหมินเห็นองครักษ์วังอ๋องยืนอยู่แถวนี้จึงกลัวว่าพวกเขาจะนำคำพูดของหลิวหงเถาไปฟ้องชินอ๋อง

“จะให้เย็นอย่างไรไหว ทีนี้เป็นไงเล่าประทับใจพอไหม แล้วตำหนักนั้นก็กระไร นัดเช้าแต่มาเที่ยง!”

คนที่เห็นท่าทางนี้ของหลิวหงเถานอกจากบ่าวไพร่แล้วก็ยังมีองครักษ์บางคนของชินอ๋อง แม้พวกเขาจะยืนอยู่ห่างแต่ก็ได้ยินคำพูดของหลิวหงเถาชัดเต็มสองหู คราแรกตั้งใจจะดุนางที่วาจาสาวหาว ไม่ยำเกรงต่อเชื้อพระวงศ์

“นี่คุณหนู…”

ทว่าเมื่อเห็นใบหน้าเล็กรูปผลท้อแดงก่ำในยามที่หันกลับมาจ้องทางพวกเขา ซึ่งดูก็รู้ว่ามาจากการตากแดดนานเกินไป ทำเอาพวกเขารู้สึกผิดจนเอ่ยตำหนิไม่ลง ในใจพากันคิดไปว่า

ขออภัยท่านอ๋องที่ข้าน้อยบกพร่องในหน้าที่

แม้หลิวหงเถาจะไม่อยากมานั่งทานอาหารร่วมโต๊ะกับพี่เขยเชื้อพระวงศ์ แต่ก็ไม่อาจหักหน้าพี่สาวได้ อาบน้ำแต่งตัวด้วยชุดใหม่ตามฉบับคุณหนูในห้องหอแล้วมานั่งแก้มป่องมองพี่เขยกับพี่สาวแสดงความรักต่อกัน

คำนี้พี่คีบให้น้องหญิง คำนี้น้องหญิงคีบให้เสด็จพี่ สลับกันไปมาแบบนี้ตลอดมื้ออาหาร สร้างความปลื้มใจให้แก่ผู้เป็นบิดามารดานัก

หนึ่งบุรุษหนุ่มมีรอยยิ้มอ่อนโยนประดับใบหน้าไว้ตลอดเวลากับสาวงามภาพลักษณ์อ่อนหวานแสนดีราวกับแม่พระ ทำให้คนที่มองอยู่ไม่ว่าจะเป็นเสนาบดีหลิว จูม่านหลิงหรือแม้แต่บรรดาบ่าวรับใช้ในห้องอาหารต่างรู้สึกตาพร่าไปตามๆ กัน เว้นอยู่แต่สองคนที่รู้สึกไม่เหมือนกับชาวบ้าน

“ตาข้าจะบอดเพราะพ่อพระแม่พระปล่อยแสงออกมาหรือไม่ ห้องนี้มืดไปหมดเลย สว่างวาบอยู่แค่จุดเดียว”

แฝดพี่หลิวหลี่เฟยแอบขมุบขมิบปากพูดคนเดียว แต่หลิวหงเถาที่นั่งอยู่ข้าง ๆ กลับได้ยินมันชัดเต็มสองหูจึงพยักหน้าเห็นด้วย

“ใช่หรือไม่ อีกนิดข้าจะคิดว่าตัวเองอยู่วัดแล้วนะ จิตใจสงบได้โดยไม่ต้องเคาะเกราะไม้นับลูกประคำ”

“อุก แค่ก แค่ก”

แฝดพี่พยายามกลั้นขำเอาไว้อย่างสุดความสามารถ แต่เมื่อไม่ไหวแล้วจึงได้แสร้งเป็นสำลักอาหารแทน อย่างน้อยวิธีการนี้ก็ยังทำให้เขาถูกตำหนิจากบิดามารดาได้ไม่หนักเท่าการหัวเราะออกมาโดยไร้สาเหตุ ซึ่งในความเป็นจริงแล้วก็เป็นสาเหตุที่บอกไม่ได้เสียด้วย

“แค่ก ๆ ขอประทานอภัยพ่ะย่ะค่ะชินอ๋อง ชินหวางเฟย”

อาการหน้าดำหน้าแดงของหลิวหลี่เฟยทำให้หลิวหงเถาอยากหัวเราะขึ้นมาด้วยเช่นกัน นางพยายามกลั้นขำอย่างเอาเป็นเอาตาย มือกำตะเกียบไว้แน่นจนนิ้วห้อเลือดไปหมด แต่คนเป็นพี่สาวที่เพิ่งหันมาให้ความสนใจกลับคิดว่าน้องสาวตนนั้นกำลัง ‘อิจฉา’ อีกแล้ว ในใจหลิวตันตันคิด…

เอาอีกแล้วแม่ตัวดีคนนี้

หลังมื้ออาหารค่ำจบลงชินอ๋อง เสนาบดีหลิว จูม่านหลิงและหลิวหลี่เฟยได้สนทนากันอยู่อีกห้องหนึ่งโดยมีหลิวหงเถาแยกมานั่งกับหลิวตันตันอีกห้องหนึ่ง เมื่ออยู่กันสองคนพี่น้องแล้วหลิวตันตันก็เอ่ยขึ้น

“น้องหญิงเล็ก รู้หรือไม่ว่าวันนี้เจ้าทำอะไรผิด”

เมื่อกลืนเนื้อแตงโมลงคอได้แล้วหลิวหงเถาก็ถามขึ้นมาอย่างงงงวย “หม่อมฉันทำอันใดผิดไปหรือเพคะหวางเฟย”

ความจริงแล้วนางเป็นคนความจำสั้นมาก เหตุการณ์ในชีวิตประจำวันถ้าไม่จดบันทึกเอาไว้ หรือไม่มีชิงหมินคอยเตือนความจำให้ นางไม่มีทางจำได้เลย ซึ่งข้อนี้คนในครอบครัวของนางรู้ดี

“งั้นเปิ่นหวางเฟยจะทวนความจำให้ดีหรือไม่"

หลิวตันตันไม่อยากใช้คำยกตนแบบเชื้อพระวงศ์มาข่มคนในครอบครัวโดยเร็วขนาดนี้นัก แต่ในเมื่อน้องสาวเป็นคนเอ่ยขึ้นมาก่อน นางจึงไม่คิดเกรงใจแล้วเช่นกัน

“กิริยาอิจฉาของเจ้าที่แสดงเมื่อมื้ออาหารที่ผ่านมา ไม่น่ารักเลยนะ”

หลิวหงเถานิ่งคิด เมื่อเค้นสมองคิดอย่างสุดความสามารถถึงจำได้ว่านางสร้างวีรกรรมอะไรเอาไว้ แต่เดี๋ยวนะ…

“หม่อมฉันเปล่านะเพคะ หม่อมฉันไม่ได้อิจฉาพระองค์เสียหน่อย”

“ผู้ร้ายที่ไหนจะยอมสารภาพความจริง แต่ก็เอาเถอะ เปิ่นหวางเฟยจะทำเหมือนว่าวันนี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ดีแค่ไหนแล้วที่ท่านอ๋องทรงไม่ถือสา แล้วจงสำเหนียกเอาไว้ด้วยว่านั่นเป็นเพราะพี่สาวของเจ้าได้รับความโปรดปรานเป็นล้นพ้น”

กรอบ!

เม็ดแตงโมที่อยู่ในปากหนึ่งเม็ดถูกฟันเล็กขบจนแหลกไม่เหลือชิ้นดี ปกติหลิวหงเถาเกลียดการกินเม็ดแตงโมมาก แต่เมื่ออยู่ในสถานการณ์แบบนี้ทำให้ของที่เคยเกลียดเข้าไส้ก็สามารถเคี้ยวจนเม็ดมันละเอียดไปกับลิ้นได้อย่างไม่นึกรังเกียจ เพราะอย่างน้อยมันก็เป็นวิธีการระบายอารมณ์ที่ดีที่สุดในตอนนี้

“หม่อมฉันจะจำเอาไว้เพคะหวางเฟย”

ในเมื่อยัดเยียดให้กันเช่นนี้แล้ว อิจฉาก็อิจฉา

สองสามีภรรยาอยู่สนทนากับคนตระกูลหลิวไม่นานก็ขอตัวกลับวังอ๋อง เมื่อเดินตัดผ่านสวนมายังหน้าตำหนักใหญ่ ชินอ๋องก็หันมาเอ่ยกับพระชายาคนใหม่

“วันนี้หวางเฟยเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว ไปพักเถิด เปิ่นหวางยังมีงานรออยู่อีกมากมายให้ต้องสะสาง”

คำพูดของพระสวามีสูงศักดิ์ทำให้หลิวตันตันยิ้มค้าง เพราะนั่นหมายความว่า ‘เปิ่นหวางจะไม่มาค้างกับเจ้าแล้ว’ แม้เขาไม่พูดออกมาตามตรง แต่ใครที่ได้ยินก็ล้วนแปลเป็นคำพูดในทางเดียวกันหมด

“เพคะ ถนอมพระวรกายด้วย หม่อมฉันทูลลาตรงนี้”

กล่าวจบก็ย่อกายถวายความเคารพด้วยท่าทางงดงามไร้ที่ติ สมกับเป็นคุณหนูตระกูลใหญ่ที่ถูกอบรมมาอย่างดี ใบหน้าที่มีรอยยิ้มอ่อนหวานทำให้ผู้คนดูไม่ออกเลยสักนิดว่าหลิวตันตัน ‘ไม่พอใจ’ แต่ชินอ๋องกลับจับอาการไม่พอใจนั้นได้อย่างชัดเจน

ชินอ๋องเข้าใจความรู้สึกของหลิวตันตันเป็นอย่างดี ด้วยเพราะว่าทั้งตำหนักมีสตรีที่ถวายการรับใช้เขาอยู่เพียงคนเดียวเท่านั้นก็คือพระชายาหลิวผู้นี้ ซึ่งขนาดมีอยู่เพียงแค่คนเดียวแต่ก็ยังไม่สามารถทำให้ชินอ๋องเสด็จมาหาในคืนที่สี่ได้ ความหมายในที่นี่ก็คือมัดใจสวามีได้เพราะมีธรรมเนียมมาบังคับให้อยู่ค้างสามคืนเท่านั้น เมื่อพ้นธรรมเนียมแล้วก็ไม่คิดที่จะกลับไปหาอีก

เรื่องนี้คงจะเป็นที่เล่าขานทั่วทั้งวังอ๋องเป็นแน่ ซึ่งเจ้าของวังเองก็พอจะเดาเอาไว้อยู่แล้ว ใบหน้าหล่อเหลาที่มองตามแม้จะยังมีรอยยิ้มอ่อนโยนประดับไว้ แต่แววตากลับแข็งกร้าวให้กับการลงเท้าหนักของพระชายา

“ถือสิทธิ์อันใดมาไม่พอใจข้า การแต่งงานครั้งนี้ก็เป็นแค่การแต่งงานการเมืองเท่านั้น อะไรที่ควรทำข้าก็ทำให้แล้ว ยังอยากหวังมากกว่านี้อีกสินะ งั้นก็ลองพยายามดูเถิด มีความสามารถมากพอหรือไม่”

ณ ตำหนักบูรพา

ชินอ๋องและไท่จื่อผู้เป็นรัชยาทของแคว้นชิงชิวอยู่ในวัยใกล้เคียงกัน ชินอ๋องศักดิ์คืออาของไท่จื่อ อายุ 30 พรรษา ส่วนไท่จื่อนั้น 28 พรรษา ทั้งคู่เติบโตด้วยกันมาตั้งแต่วัยเยาว์ จึงค่อนข้างสนิทกันและพูดคุยกันได้ทุกเรื่องไม่เว้นเรื่องอำนาจในการบริหารแว่นแคว้น

“ลำบากเสด็จอาแล้ว”

เมื่ออยู่เพียงลำพังในห้องทรงอักษรปราศจากหูตาจากนางกำนัลขันทีคนใด ไท่จื่อก็เอ่ยขึ้นมาด้วยท่าทางเป็นกันเอง

ซึ่งชินอ๋องเองก็ไม่ได้ถือว่าตนอาวุโสกว่าแต่อย่างใด มือเรียวบางราวกับหยกเนื้อดีตบเบา ๆ บนหลังมือหยาบกร้านแดดของไท่จื่อผู้ฝึกยุทธ์อย่างหนักหน่วงมาทั้งชีวิต

และใช่! ไท่จื่อก็คือต้นแบบของชายหนุ่มนักรบที่สาว ๆ ทั่วทั้งแคว้นต่างหมายปองนั่นเอง

“เพื่อแคว้นของเรา หากไม่ทำเช่นนี้เสนาบดีหลิวคงไม่แคล้วหาทางแปรพักตร์ไปฝั่งกบฏ เขามีอำนาจมากแค่ไหนในแถบทางใต้ พระองค์ก็ทรงรู้”

“เฮ้อ พรุ่งนี้ก็คงถึงตราข้าบ้างแล้วสินะ แต่ช่างเถิด ให้มันเป็นเรื่องของวันพรุ่งนี้ เล่าเรื่องวันนี้ของเสด็จอาให้ข้าฟังดีกว่า เป็นอย่างไรบ้างพ่ะย่ะค่ะ”

ไท่จื่อถามด้วยท่าทางกรุ้มกริ่ม ทั้งสองคนคุยกันทุกเรื่องจริง ๆ รวมถึงเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน

“วันนี้ไปช้ากว่ากำหนดเพราะพระชายามัวแต่แต่งองค์ทรงเครื่องอยู่…นางคงร้อนมากสินะ หน้าแดงก่ำเหมือนผลท้อเลย”

ชินอ๋องคงไม่รู้ว่าตนเองในยามนี้แววตาแปรเปลี่ยนเป็นอ่อนโยนจริงใจมากแค่ไหน ทำเอาคนที่มองดูอยู่ถึงกับยิ้มตามไปด้วย

“แล้วไหนจะแอบซุบซิบกันว่ากระหม่อมเป็นพ่อพระอีก กลั้นขำกันจนมือที่จับตะเกียบแดงก่ำไปหมดแล้ว”

ไท่จื่อไม่ได้สนใจว่าการเล่าเรื่องของชินอ๋องนั้นจะปะติดปะต่อกันหรือไม่ เพราะสิ่งที่เขาสนใจในยามนี้ก็คือ นางผู้นั้นทำให้เสด็จอาของเขายิ้มออกมาด้วยความจริงใจได้

ชักอยากทำความรู้จักกับนางเสียแล้วสิ
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ข้ามันสตรีขี้อิจฉา   บทที่ 83

    ตอนพิเศษที่ : 3เริ่มต้นชีวิตคู่ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยณ ห้องหอของบ่าวสาวคู่ใหม่ในวังปีศาจ สองบ่าวสาวคล้องแขนกันดื่มสุรามงคลที่เถาฮวาเฉินเป็นผู้ทำขึ้นมาเอง แน่นอนว่ารสชาติที่ได้ย่อมต่างจากสุราทั่วไปที่นางให้ผู้อื่น“รู้หรือไม่ว่าสุราที่เราให้ฉางฉ่างดื่มจะทำให้ฉางฉ่างไม่สามารถไปดื่มสุราที่ใดได้อีก”“ข้า

  • ข้ามันสตรีขี้อิจฉา   บทที่ 82

    ตอนพิเศษที่ : 2องค์ชายเล็กของแดนปีศาจ“ว้าว~นี่เป็นครั้งแรกเลยกระมังที่เราได้มาเยือนพระราชวังของแดนปีศาจ ใหญ่โตดูมีเสน่ห์ไปอีกแบบเหมือนกันนะฉางฉ่าง”หลังจากที่ผ่านช่วงเวลาแนบชิดกันมาสามวัน คำเรียกของทั้งคู่ก็เปลี่ยนไปแล้ว จาก ‘หยิ่นฉาง’ ก็เป็น ‘ฉางฉ่าง’ และจากเถาฮวาก็เป็น ‘เถาเถ่า’“ต่อไปที่นี่ก็คื

  • ข้ามันสตรีขี้อิจฉา   บทที่ 81

    ตอนพิเศษที่: 1กิจกรรมที่คนคบกันเขาทำกัน ณ พระราชวังแคว้นชิงชิว “ท่านว่าเรามองนางอยู่เช่นนี้มานานแค่ไหนแล้ว”“ไม่รู้สิ หนึ่งชั่วยามได้แล้วหรือไม่ ถ้าท่านรู้สึกว่าเสียเวลาก็ไปทำงานที่คั่งค้างไว้ก่อนได้เลย ข้าขอดูนางต่ออีกหน่อย”หยิ่นฉางส่ายหน้าเบาๆ “ได้ใช้เวลาอยู่กับท่าน เช่นนี้ไม่เรียกว่าเสียเวลาห

  • ข้ามันสตรีขี้อิจฉา   บทที่ 80

    เถาฮวาเฉินพูด :“อื้อ~สบายจัง”ข้าบิดขี้เกียจพร้อมกล่าวเสียงอู้อี้ออกมาขณะที่ดวงตายังคงปิดสนิทอยู่ ข้ารู้สึกที่นอนนั้นช่างหนานุ่ม สามารถดูดวิญญาณของข้าให้อยู่บนนี้ได้ทั้งวัน แต่เดี๋ยวก่อนนะ…“ข้ามีเตียงแบบนี้ด้วยหรือ”“...จากที่ข้าลอบเข้าไปดูที่แดนดอกท้อ ไม่มีนะท่าน”เฮือก!เพียงแค่ได้ยินเสียงของเขา

  • ข้ามันสตรีขี้อิจฉา   บทที่ 79

    สิ้นคำที่หยิ่นฉางปฏิเสธว่าตนไม่ใช่ ‘สุภาพชน’ เขาก็แสดงอาการตรงข้ามกับคำพูดนี้ทันทีโดยการอุ้มร่างบางเข้าสู่อ้อมแขนแล้วหายวับกลับถิ่น ณ ดินแดนปีศาจในทันทีตุบ!“โอ๊ย!”หยิ่นฉางวางเถาฮวาเฉินลงบนเตียงอย่างแรงจนร่างบางรู้สึกเจ็บจนต้องร้องออกมา ใบหน้างามชักสีหน้าใส่เขา แต่หยิ่นฉางหรือจะสน ร่ายมนตร์สร้างอา

  • ข้ามันสตรีขี้อิจฉา   บทที่ 78

    “หึ! โดนเสด็จพ่อของพวกเจ้าลงโทษเรื่องใดมาเล่า ถึงได้มากวาดลานวัดเช่นนี้”“ท่านน้า”องค์ชายแฝดทั้งสองทิ้งไม้กวาดแล้ววิ่งเข้าไปหา ‘ท่านน้าหยิ่นฉาง’ ผู้ที่เวลาไม่สามารถทำอะไรเขาได้เลย เมื่อก่อนมีรูปลักษณ์เช่นไรตอนนี้ก็ยังเป็นเช่นเดิมไม่แปรเปลี่ยน“พวกเจ้านี่นะ โตจนป่านนี้แล้วยังทำตัวเหมือนกับลูกลิงอยู่

  • ข้ามันสตรีขี้อิจฉา   บทที่ 77

    “จะไปเหมือนได้อย่างไร อันที่ข้าให้พวกเขาหมักแค่หนึ่งวันเท่านั้น แต่แน่นอนว่าสำหรับมนุษย์ก็ถือว่าแรงพอตัว เจ้าพวกนี้ก็นะ ดื่มอย่างกับตายอดตายอยากจากที่ไหนมา ข้าว่าตอนที่ข้าจากมาก็ไม่เคยให้พวกเขาฝึกร่ำอันใดพวกนี้นะ สามปีผ่านไปเท่านั้นชำนาญคอถึงเพียงนี้”บ่นให้แม่ค้าดอกไม้ฟังไปหนึ่งอุบก่อนที่จะหันไปยัง

  • ข้ามันสตรีขี้อิจฉา   บทที่ 76

    “ต้าเกอ วันนี้กระบวนท่าไม่เลวเลย ฝีมือท่านพัฒนาขึ้นมาก”“เป็นเอ้อร์ตี้ออมมือให้ต่างหาก มิเช่นนั้นเราคงไม่เสมอกันเช่นนี้ เอาเป็นว่าขอบคุณที่ทำให้ต้าเกอไม่เสียหน้าก็แล้วกัน ไม่สิ! ต่อให้แพ้ แต่แพ้เอ้อร์ตี้ ก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกอายอะไร”“ต้าเกอก็ชมข้าเกินไปแล้ว มา! เอ้อร์ตี้คารวะให้ท่านหนึ่งจอก”“ได้เลย”

  • ข้ามันสตรีขี้อิจฉา   บทที่ 75

    “เอาเป็นว่าข้าจะทำใจเสียตั้งแต่ตอนนี้นะเจ้าคะ เผื่อตอนเป็นมนุษย์จะได้เป็นคนจิตใจเข้มแข็ง ว่าแต่ท่านเทพยังมีความคิดถึงช่วงเวลายามเป็นมนุษย์อยู่หรือไม่เจ้าคะ”“ไม่มีหรอกเจ้าค่ะความรู้สึกนั้น ก็แค่การไปใช้ชีวิตแบบใหม่เพียงไม่กี่วันเท่านั้นเอง”เซียนดอกเหมยนิ่งไปเมื่อเห็นข้าตอบออกมาแบบไม่คิดเลยสักนิด ข้

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status