ตอนนี้หลิวหงเถากำลังอารมณ์ไม่ดีเอามาก ๆ เพราะถูกมารดาปลุกตั้งแต่เช้าเพื่อจับแต่งตัวไปร่วมงานชมบุปผาที่ตระกูลจิน ตระกูลของเสนาบดีฝ่ายซ้าย ตัวเด่นประจำงานในวันนี้แน่นอนย่อมเป็นจินเซียนเหม่ยที่ใครต่างก็รู้ว่านางคือ ‘ว่าที่ไท่จื่อเฟย’
ซึ่งเพราะรู้เช่นนี้ หลิวหงเถาจึงไม่อยากไปร่วมงานชมบุปผาด้วย จินเซียนเหม่ยเป็นสหายที่เคยเล่นด้วยกันกับหลิวหงเถาตั้งแต่เด็ก ภายนอกอาจจะดูเป็นสหายที่รักกัน แต่ทั้งคู่ล้วนเข้าใจดีว่าเป็นเพื่อนกันทางการเมืองเท่านั้น
บิดาของทั้งคู่เป็นข้าราชสำนักคนละฝ่ายกัน มีหรือที่บิดาค้านกันไปค้านกันมาในท้องพระโรงอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันแล้วคนเป็นบุตรจะสามารถคบกันเป็นสหายได้ด้วยความจริงใจ
“ท่านแม่ช่วยลูกโกหกไปว่าป่วยมิได้หรือเจ้าคะ เถาเอ๋อร์ไม่อยากไปเจ้าค่ะ”
“แม่จะโกหกได้ยังไงกัน รับปากจินฮูหยินไว้เป็นมั่นเป็นเหมาะแล้ว งานไม่ใหญ่มากหรอกลูก นั่งเพียงครู่เดี๋ยวเวลาก็ผ่านไปแล้ว ทนเอาหน่อยนะ”
หลิวหงเถาถอนหายใจยาว ปกติก็ไม่ใช่คนที่เก็บสีหน้าเก่ง แล้วยิ่งต้องไปงานที่รู้ทั้งรู้ว่าเจ้าภาพคิดอย่างไรอยู่ ยิ่งทำให้หลิวหงเถาไม่อยากไป นางอยากจะหายตัวไปอยู่ที่ไหนสักที่ ตายเฉพาะกิจไปเลยได้ยิ่งดี
“ฮือ ก็ได้เจ้าค่ะ ถ้าเถาเอ๋อร์อิจฉาเซียนเหม่ยจนเป็นลมตายขึ้นมา ท่านแม่ก็เตรียมโรงศพงาม ๆ ให้ลูกด้วยนะเจ้าคะ ขอไม้จันทร์ชั้นดีด้วย”
“โถ่ลูกแม่ ฝืนใจนิดนึงนะลูก เอาเช่นนี้ดีหรือไม่ ลูกก็ไม่ต้องคุยกับพวกนางมาก หากถามก็ตอบ ไม่ถามก็นั่งทานขนมจิบชาไปเรื่อย ๆ จนกว่างานจะจบ”
หลิวหงเถาพยักหน้ารับคำของมารดา แต่ในส่วนลึกแล้วนางอยากได้ที่อุดหูเสียมากกว่า
เพราะอะไรนะหรือ…
ณ งานชมบุปผา
“หงเถา กำไลข้อมืออันนี้บิดาข้าได้มาจากทางเหนือ เนื้อหยกสีน้ำนมข้าวที่เพิ่งถูกค้นพบไม่นานมานี้เอง เจ้าอยากได้สักอันหรือไม่ เดี๋ยวข้าจะขอให้ท่านพ่อส่งไปที่เรือนเจ้า”
หลิวหงเถาเอื้อมมือไปสัมผัสเนื้อหยกดูพร้อมตาลุกวาวกับเนื้อสัมผัสเรียบลื่น
“ดี! แพงมากหรือไม่”
“ที่จริงมันก็ตีราคาไม่ได้หรอก เพราะว่ามีเงินก็ใช่ว่าจะหาซื้อกันได้โดยง่าย ต้องมีเส้นสายพอควร”
จูจิ่วลี่ยิ้มกริ่มเมื่อเห็นสีหน้าริษยาของหลิวหงเถา นางคือคุณหนูตระกูลใหญ่หนึ่งในคนที่ชอบอวดข้าวของเครื่องใช้ให้แก่หลิวหงเถาฟังอยู่เสมอ
…ธิดาไร่ขิง
“เช่นนั้นข้าก็ซื้อไม่ได้นะสิ ว้า~แย่จัง! บิดาข้าอุตส่าห์มีเงินมากมาย สุดท้ายใช้ซื้อกำไรแบบของเจ้าไม่ได้เสียงั้น”
“แน่นอน ถึงได้บอกว่าข้าจะส่งไปให้เจ้าเอง ของแบบนี้ถ้าไม่มีเส้นสายไม่ใช่จะได้มาง่าย ๆ นะ อ้อ…เจ้าเห็นลวดลายตรงนี้หรือไม่ ช่างอันดับหนึ่งแห่งเป่ยโจวเป็นผู้สลักให้เองกับมือเชียวนะ ข้านี่ช่างโชคดีจริง ๆ ที่ได้ของหายากเช่นนี้มาครอบครอง”
หลิวหงเถาเม้มปากแน่น ยิ่งฟังใบหน้าก็ยิ่งแดงก่ำเต็มไปด้วยอารมณ์หมั่นไส้เหลือแสน ตอนแรกนางก็อิจฉาอยู่หรอกนะ แต่ยิ่งฟังจูจิ่วลี่โม้โอ้อวดมากขึ้นเท่าไร นางก็ยิ่งทนฟังไม่ได้เข้าไปทุกที
รำคาญแล้วนะจะหยุดได้หรือยัง
“แล้วก็ผ้าเช็ดหน้าผืนนี้…"
ยังมีอีก!
“เส้นด้ายที่ใช้ปักเอามาจากตัวไหมหายากของชาวนอกด่าน กว่าจะได้ด้ายมาแต่ละเส้น กว่าจะเอาทุกเส้นมาอยู่ในผ้าเช็ดหน้าผืนนี้ได้ ยากมาก! นี่กว่าข้าจะได้มาไม่ใช่ง่าย ๆ เลยนะ จะต้องมีเส้นสายพอควรถึงจะ…”
“คุณหนูจูพอเถิดเจ้าค่ะ”
เสียงใสเอ่ยปรามจูจิ่วลี่พร้อมกับที่ร่างงามของจินเซียนเหม่ยเดินนวยนาดเข้าไปนั่งโต๊ะข้าง ๆ ของสองสาว
หลิวตันตันได้ชื่อว่าเป็นหญิงที่ใบหน้างดงามอ่อนหวานที่สุดในเมืองหลวง ส่วนจินเซียนเหม่ยผู้นี้ก็ได้ชื่อว่าเป็นหญิงงามที่มีใบหน้าดูเย้ายวนที่สุดคนหนึ่งของเมืองหลวงเช่นกัน อายุของนาง 18 หนาวเท่ากันกับหลิวหงเถา แต่กลิ่นอายรอบตัว ลักษณะนิสัยล้วนโตกว่าวัยห่างไกลจากคนวัยเดียวกันโข
“คุณหนูจิน”
จูจิ่วลี่ก้มศีรษะทักทายเจ้าภาพตามมารยาท แอบขัดใจเล็กน้อยที่จินเซียนเหม่ยมาขัดจังหวะการพูดคุยของตนกับหลิวหงเถา ในใจคิด…
อดเห็นสีหน้าหายใจออกไม่ได้ หายใจเข้าก็ติดขัดของหลิวหงเถาเลย แต่ไม่เป็นไร ยังไงก็มีคนรับช่วงต่ออยู่ดี
“จิ่วลี่พูดเยอะไปแล้ว ขออภัยด้วยนะเจ้าคะคุณหนูจิน ขอโทษด้วยนะหงเถา”
จูจิ่วลี่นั่งตรงกลางระหว่างจินเซียนเหม่ยกับหลิวหงเถา เวลาพูดนางจึงหันไปมองทางซ้ายทีทางขวาที ปิ่นระย้าที่ปักบนผมดัง ‘กรุ้งกริ้ง’ จนหลิวหงเถาพาลรำคาญปิ่นปักผมนางด้วยแล้ว
“ขอโทษทำไมเล่าจิ่วลี่” หลิวหงเถายกยิ้มที่ดูอย่างไรก็ฝืนใจเต็มทน นางกัดฟันแล้วพูดต่อ “ข้าชอบฟังออก ของที่เจ้าพูดมาก็มีแต่สวย ๆ งาม ๆ ทั้งนั้น”
“งั้นหรือ เฮ้อ…ค่อยโล่งใจหน่อย”
นางยกมือขึ้นทาบอกแล้วถอนหายใจออกมาคล้ายโล่งใจจริง ๆ จากนั้นก็แสร้งทำเป็นนึกอะไรออก
“อ้อ ข้าว่าจะถามเรื่องนี้ตั้งนานแล้ว หลิวหวางเฟยทรงโปรดปรานสิ่งใดเป็นพิเศษหรือไม่ ข้าจะได้เตรียมของติดไม้ติดมือไปได้ถูก”
หลิวหงเถามุ่นคิ้วไม่เข้าใจว่าเหตุใดจะต้องมอบของให้พี่สาวนางด้วย
“ทำไมหรือ ให้เนื่องในโอกาสใด มีอะไรเป็นพิเศษที่ข้าควรรู้หรือไม่”
พอจูจิ่วลี่ได้ยินคำถามของหลิวหงเถาก็ทำเป็นจีบปากจีบคอพูด
“ตายจริง! ข้าเผลอพูดมากไปอีกแล้ว"
พูดสักทีเถอะ!
จินเซียนเหม่ยเห็นหลิวหงเถายังแสดงสีหน้างงงวยอยู่จึงได้เฉลยให้
“พระชายาส่งเทียบเชิญให้ข้าเข้าร่วมงานเลี้ยงเล็ก ๆ ภายในวังอ๋อง แล้วก็มีกิจกรรมพิเศษเรื่องการแข่งปักผ้าด้วย”
อธิบายสั้น ๆ ให้หลิวหงเถาฟังจากนั้นก็หันไปถามจูจิ่วลี่
“คุณหนูจูพูดเช่นนี้แสดงว่าคงจะได้เทียบเชิญแล้วเช่นกัน”
หลิวหงเถานิ่งไปด้วยพูดอะไรไม่ออก ในหัวความคิดตีกันไปหมด บรรดาคุณหนูในงานพูดคุยกันเรื่องอะไร จูจิ่วลี่จะโอ้อวดสิ่งใดหรือจินเซียนเหม่ยจะถามอะไรมาล้วนเข้าหูซ้ายทะลุหูขวา เพราะในหัวเอาแต่ตั้งคำถามขึ้นมาว่า
เหตุใดพี่หญิงใหญ่ไม่บอกอะไรข้าสักคำ หรือเพราะกลัวว่าข้าจะทำให้ขายหน้าหรือ ไม่สิ! พวกนางอาจแค่กำลังอำข้าเล่นเท่านั้น ใช่…ต้องเป็นแบบนั้นแน่ ๆ หากพี่หญิงใหญ่จะจัดงานเลี้ยงจริง คนแรกที่ควรบอกก็ต้องเป็นท่านแม่สิ ถ้าท่านแม่รู้ท่านแม่ก็ต้องบอกข้าอยู่แล้ว
จูจิ่วลี่หัวเราะขึ้นมาเบา ๆ เมื่อเห็นหลิวหงเถาหน้าซีดลงเรื่อย ๆ ส่วนจินเซียนเหม่ยยังคงมีสีหน้าเป็นปกติ แต่จังหวะที่นางยกจอกชาขึ้นมาจิบนั้น มุมปากกลับกระดกยิ้มขึ้นเล็ก ๆ บ่งบอกว่านางพอใจกับการทำให้หลิวหงเถาเสียหน้า
งานชมบุปผาแยกฝั่งบุรุษและสตรีไว้อย่างชัดเจน แต่หากมีคนสำคัญเข้ามาในงาน เสนาบดีจินจะพาบุรุษผู้นั้นมาทักทายฝั่งสตรีชั่วครู่แล้วค่อยแยกไปฝั่งบุรุษอีก จนการมาถึงของบุรุษที่สำคัญสุดในงานวันนี้
“ไท่จื่อเสด็จ~”
เหล่าสาวงามจากที่รู้สึกหงอยเหงาไปบ้างพลันกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งกับการมาของเขาผู้นี้ จริงอยู่ที่ทุกคนรู้ว่าจินเซียนเหม่ยคือว่าที่ไท่จื่อเฟย แต่แล้วอย่างไร ตำแหน่งเฟยที่เหลือก็ยังอยู่ ในอนาคตหากไท่จื่อขึ้นครองราชย์ก็ยังมีตำแหน่งสนมที่สำคัญรอให้ปีนป่ายอยู่ มีหรือที่พวกนางจะไม่พยายามฉายเสน่ห์ในตัวเองออกมาเขาได้เห็น
“ถวายพระพรไท่จื่อเตี้ยนเซี่ย”
สตรีทุกคนยืนขึ้นย่อกายทำความเคารพบุรุษรูปร่างสูงใหญ่คมเข้มจากการกร้านแดด ดวงตาคมกริบกวาดมองเหล่าสาวงามพร้อมยกยิ้มให้ตามมารยาท แต่เพียงเท่านั้นก็ทำให้ใจดวงน้อยของพวกนางชุ่มฉ่ำขึ้นมาแล้ว
จูจิ่วลี่ยิ่งแล้วใหญ่ นางบิดตัวเขินอายทั้ง ๆ ที่ยังยืนอยู่ข้างกายว่าที่ไท่จื่อเฟย เกินหน้าเกินตาคนอื่นไปมากจนจินเซียนเหม่ยเผลอตวัดสายตามองแรง ซึ่งปฏิกิริยาเหล่านี้ก็ไม่อาจรอดพ้นสายตาคมกริบของไท่จื่อ
ในใจเขาแอบขำ แต่พอเลื่อนสายตาไปที่สตรีร่างบางใบหน้าผลท้อเท่านั้นก็กลายเป็นรู้สึกฉงนแทน สิ่งที่เขาเห็นคือนางกำลังก้มหน้าลงต่ำ มือสองข้างซ่อนไว้ใต้แขนเสื้อ ในหัวพลันตั้งคำถามขึ้นมา
คนที่เสด็จอาเคยหมายปองอยู่เป็นอะไรไป