Share

บทที่ 3

last update Last Updated: 2025-05-02 12:19:33

ตอนนี้หลิวหงเถากำลังอารมณ์ไม่ดีเอามาก ๆ เพราะถูกมารดาปลุกตั้งแต่เช้าเพื่อจับแต่งตัวไปร่วมงานชมบุปผาที่ตระกูลจิน ตระกูลของเสนาบดีฝ่ายซ้าย ตัวเด่นประจำงานในวันนี้แน่นอนย่อมเป็นจินเซียนเหม่ยที่ใครต่างก็รู้ว่านางคือ ‘ว่าที่ไท่จื่อเฟย’

ซึ่งเพราะรู้เช่นนี้ หลิวหงเถาจึงไม่อยากไปร่วมงานชมบุปผาด้วย จินเซียนเหม่ยเป็นสหายที่เคยเล่นด้วยกันกับหลิวหงเถาตั้งแต่เด็ก ภายนอกอาจจะดูเป็นสหายที่รักกัน แต่ทั้งคู่ล้วนเข้าใจดีว่าเป็นเพื่อนกันทางการเมืองเท่านั้น

บิดาของทั้งคู่เป็นข้าราชสำนักคนละฝ่ายกัน มีหรือที่บิดาค้านกันไปค้านกันมาในท้องพระโรงอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันแล้วคนเป็นบุตรจะสามารถคบกันเป็นสหายได้ด้วยความจริงใจ

“ท่านแม่ช่วยลูกโกหกไปว่าป่วยมิได้หรือเจ้าคะ เถาเอ๋อร์ไม่อยากไปเจ้าค่ะ”

“แม่จะโกหกได้ยังไงกัน รับปากจินฮูหยินไว้เป็นมั่นเป็นเหมาะแล้ว งานไม่ใหญ่มากหรอกลูก นั่งเพียงครู่เดี๋ยวเวลาก็ผ่านไปแล้ว ทนเอาหน่อยนะ”

หลิวหงเถาถอนหายใจยาว ปกติก็ไม่ใช่คนที่เก็บสีหน้าเก่ง แล้วยิ่งต้องไปงานที่รู้ทั้งรู้ว่าเจ้าภาพคิดอย่างไรอยู่ ยิ่งทำให้หลิวหงเถาไม่อยากไป นางอยากจะหายตัวไปอยู่ที่ไหนสักที่ ตายเฉพาะกิจไปเลยได้ยิ่งดี

“ฮือ ก็ได้เจ้าค่ะ ถ้าเถาเอ๋อร์อิจฉาเซียนเหม่ยจนเป็นลมตายขึ้นมา ท่านแม่ก็เตรียมโรงศพงาม ๆ ให้ลูกด้วยนะเจ้าคะ ขอไม้จันทร์ชั้นดีด้วย”

“โถ่ลูกแม่ ฝืนใจนิดนึงนะลูก เอาเช่นนี้ดีหรือไม่ ลูกก็ไม่ต้องคุยกับพวกนางมาก หากถามก็ตอบ ไม่ถามก็นั่งทานขนมจิบชาไปเรื่อย ๆ จนกว่างานจะจบ”

หลิวหงเถาพยักหน้ารับคำของมารดา แต่ในส่วนลึกแล้วนางอยากได้ที่อุดหูเสียมากกว่า

เพราะอะไรนะหรือ…

ณ งานชมบุปผา

“หงเถา กำไลข้อมืออันนี้บิดาข้าได้มาจากทางเหนือ เนื้อหยกสีน้ำนมข้าวที่เพิ่งถูกค้นพบไม่นานมานี้เอง เจ้าอยากได้สักอันหรือไม่ เดี๋ยวข้าจะขอให้ท่านพ่อส่งไปที่เรือนเจ้า”

หลิวหงเถาเอื้อมมือไปสัมผัสเนื้อหยกดูพร้อมตาลุกวาวกับเนื้อสัมผัสเรียบลื่น

“ดี! แพงมากหรือไม่”

“ที่จริงมันก็ตีราคาไม่ได้หรอก เพราะว่ามีเงินก็ใช่ว่าจะหาซื้อกันได้โดยง่าย ต้องมีเส้นสายพอควร”

จูจิ่วลี่ยิ้มกริ่มเมื่อเห็นสีหน้าริษยาของหลิวหงเถา นางคือคุณหนูตระกูลใหญ่หนึ่งในคนที่ชอบอวดข้าวของเครื่องใช้ให้แก่หลิวหงเถาฟังอยู่เสมอ

…ธิดาไร่ขิง

“เช่นนั้นข้าก็ซื้อไม่ได้นะสิ ว้า~แย่จัง! บิดาข้าอุตส่าห์มีเงินมากมาย สุดท้ายใช้ซื้อกำไรแบบของเจ้าไม่ได้เสียงั้น”

“แน่นอน ถึงได้บอกว่าข้าจะส่งไปให้เจ้าเอง ของแบบนี้ถ้าไม่มีเส้นสายไม่ใช่จะได้มาง่าย ๆ นะ อ้อ…เจ้าเห็นลวดลายตรงนี้หรือไม่ ช่างอันดับหนึ่งแห่งเป่ยโจวเป็นผู้สลักให้เองกับมือเชียวนะ ข้านี่ช่างโชคดีจริง ๆ ที่ได้ของหายากเช่นนี้มาครอบครอง”

หลิวหงเถาเม้มปากแน่น ยิ่งฟังใบหน้าก็ยิ่งแดงก่ำเต็มไปด้วยอารมณ์หมั่นไส้เหลือแสน ตอนแรกนางก็อิจฉาอยู่หรอกนะ แต่ยิ่งฟังจูจิ่วลี่โม้โอ้อวดมากขึ้นเท่าไร นางก็ยิ่งทนฟังไม่ได้เข้าไปทุกที

รำคาญแล้วนะจะหยุดได้หรือยัง

“แล้วก็ผ้าเช็ดหน้าผืนนี้…"

ยังมีอีก!

“เส้นด้ายที่ใช้ปักเอามาจากตัวไหมหายากของชาวนอกด่าน กว่าจะได้ด้ายมาแต่ละเส้น กว่าจะเอาทุกเส้นมาอยู่ในผ้าเช็ดหน้าผืนนี้ได้ ยากมาก! นี่กว่าข้าจะได้มาไม่ใช่ง่าย ๆ เลยนะ จะต้องมีเส้นสายพอควรถึงจะ…”

“คุณหนูจูพอเถิดเจ้าค่ะ”

เสียงใสเอ่ยปรามจูจิ่วลี่พร้อมกับที่ร่างงามของจินเซียนเหม่ยเดินนวยนาดเข้าไปนั่งโต๊ะข้าง ๆ ของสองสาว

หลิวตันตันได้ชื่อว่าเป็นหญิงที่ใบหน้างดงามอ่อนหวานที่สุดในเมืองหลวง ส่วนจินเซียนเหม่ยผู้นี้ก็ได้ชื่อว่าเป็นหญิงงามที่มีใบหน้าดูเย้ายวนที่สุดคนหนึ่งของเมืองหลวงเช่นกัน อายุของนาง 18 หนาวเท่ากันกับหลิวหงเถา แต่กลิ่นอายรอบตัว ลักษณะนิสัยล้วนโตกว่าวัยห่างไกลจากคนวัยเดียวกันโข

“คุณหนูจิน”

จูจิ่วลี่ก้มศีรษะทักทายเจ้าภาพตามมารยาท แอบขัดใจเล็กน้อยที่จินเซียนเหม่ยมาขัดจังหวะการพูดคุยของตนกับหลิวหงเถา ในใจคิด…

อดเห็นสีหน้าหายใจออกไม่ได้ หายใจเข้าก็ติดขัดของหลิวหงเถาเลย แต่ไม่เป็นไร ยังไงก็มีคนรับช่วงต่ออยู่ดี

“จิ่วลี่พูดเยอะไปแล้ว ขออภัยด้วยนะเจ้าคะคุณหนูจิน ขอโทษด้วยนะหงเถา”

จูจิ่วลี่นั่งตรงกลางระหว่างจินเซียนเหม่ยกับหลิวหงเถา เวลาพูดนางจึงหันไปมองทางซ้ายทีทางขวาที ปิ่นระย้าที่ปักบนผมดัง ‘กรุ้งกริ้ง’ จนหลิวหงเถาพาลรำคาญปิ่นปักผมนางด้วยแล้ว

“ขอโทษทำไมเล่าจิ่วลี่” หลิวหงเถายกยิ้มที่ดูอย่างไรก็ฝืนใจเต็มทน นางกัดฟันแล้วพูดต่อ “ข้าชอบฟังออก ของที่เจ้าพูดมาก็มีแต่สวย ๆ งาม ๆ ทั้งนั้น”

“งั้นหรือ เฮ้อ…ค่อยโล่งใจหน่อย”

นางยกมือขึ้นทาบอกแล้วถอนหายใจออกมาคล้ายโล่งใจจริง ๆ จากนั้นก็แสร้งทำเป็นนึกอะไรออก

“อ้อ ข้าว่าจะถามเรื่องนี้ตั้งนานแล้ว หลิวหวางเฟยทรงโปรดปรานสิ่งใดเป็นพิเศษหรือไม่ ข้าจะได้เตรียมของติดไม้ติดมือไปได้ถูก”

หลิวหงเถามุ่นคิ้วไม่เข้าใจว่าเหตุใดจะต้องมอบของให้พี่สาวนางด้วย

“ทำไมหรือ ให้เนื่องในโอกาสใด มีอะไรเป็นพิเศษที่ข้าควรรู้หรือไม่”

พอจูจิ่วลี่ได้ยินคำถามของหลิวหงเถาก็ทำเป็นจีบปากจีบคอพูด

“ตายจริง! ข้าเผลอพูดมากไปอีกแล้ว"

พูดสักทีเถอะ!

จินเซียนเหม่ยเห็นหลิวหงเถายังแสดงสีหน้างงงวยอยู่จึงได้เฉลยให้

“พระชายาส่งเทียบเชิญให้ข้าเข้าร่วมงานเลี้ยงเล็ก ๆ ภายในวังอ๋อง แล้วก็มีกิจกรรมพิเศษเรื่องการแข่งปักผ้าด้วย”

อธิบายสั้น ๆ ให้หลิวหงเถาฟังจากนั้นก็หันไปถามจูจิ่วลี่

“คุณหนูจูพูดเช่นนี้แสดงว่าคงจะได้เทียบเชิญแล้วเช่นกัน”

หลิวหงเถานิ่งไปด้วยพูดอะไรไม่ออก ในหัวความคิดตีกันไปหมด บรรดาคุณหนูในงานพูดคุยกันเรื่องอะไร จูจิ่วลี่จะโอ้อวดสิ่งใดหรือจินเซียนเหม่ยจะถามอะไรมาล้วนเข้าหูซ้ายทะลุหูขวา เพราะในหัวเอาแต่ตั้งคำถามขึ้นมาว่า

เหตุใดพี่หญิงใหญ่ไม่บอกอะไรข้าสักคำ หรือเพราะกลัวว่าข้าจะทำให้ขายหน้าหรือ ไม่สิ! พวกนางอาจแค่กำลังอำข้าเล่นเท่านั้น ใช่…ต้องเป็นแบบนั้นแน่ ๆ หากพี่หญิงใหญ่จะจัดงานเลี้ยงจริง คนแรกที่ควรบอกก็ต้องเป็นท่านแม่สิ ถ้าท่านแม่รู้ท่านแม่ก็ต้องบอกข้าอยู่แล้ว

จูจิ่วลี่หัวเราะขึ้นมาเบา ๆ เมื่อเห็นหลิวหงเถาหน้าซีดลงเรื่อย ๆ ส่วนจินเซียนเหม่ยยังคงมีสีหน้าเป็นปกติ แต่จังหวะที่นางยกจอกชาขึ้นมาจิบนั้น มุมปากกลับกระดกยิ้มขึ้นเล็ก ๆ บ่งบอกว่านางพอใจกับการทำให้หลิวหงเถาเสียหน้า

งานชมบุปผาแยกฝั่งบุรุษและสตรีไว้อย่างชัดเจน แต่หากมีคนสำคัญเข้ามาในงาน เสนาบดีจินจะพาบุรุษผู้นั้นมาทักทายฝั่งสตรีชั่วครู่แล้วค่อยแยกไปฝั่งบุรุษอีก จนการมาถึงของบุรุษที่สำคัญสุดในงานวันนี้

“ไท่จื่อเสด็จ~”

เหล่าสาวงามจากที่รู้สึกหงอยเหงาไปบ้างพลันกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งกับการมาของเขาผู้นี้ จริงอยู่ที่ทุกคนรู้ว่าจินเซียนเหม่ยคือว่าที่ไท่จื่อเฟย แต่แล้วอย่างไร ตำแหน่งเฟยที่เหลือก็ยังอยู่ ในอนาคตหากไท่จื่อขึ้นครองราชย์ก็ยังมีตำแหน่งสนมที่สำคัญรอให้ปีนป่ายอยู่ มีหรือที่พวกนางจะไม่พยายามฉายเสน่ห์ในตัวเองออกมาเขาได้เห็น

“ถวายพระพรไท่จื่อเตี้ยนเซี่ย”

สตรีทุกคนยืนขึ้นย่อกายทำความเคารพบุรุษรูปร่างสูงใหญ่คมเข้มจากการกร้านแดด ดวงตาคมกริบกวาดมองเหล่าสาวงามพร้อมยกยิ้มให้ตามมารยาท แต่เพียงเท่านั้นก็ทำให้ใจดวงน้อยของพวกนางชุ่มฉ่ำขึ้นมาแล้ว

จูจิ่วลี่ยิ่งแล้วใหญ่ นางบิดตัวเขินอายทั้ง ๆ ที่ยังยืนอยู่ข้างกายว่าที่ไท่จื่อเฟย เกินหน้าเกินตาคนอื่นไปมากจนจินเซียนเหม่ยเผลอตวัดสายตามองแรง ซึ่งปฏิกิริยาเหล่านี้ก็ไม่อาจรอดพ้นสายตาคมกริบของไท่จื่อ

ในใจเขาแอบขำ แต่พอเลื่อนสายตาไปที่สตรีร่างบางใบหน้าผลท้อเท่านั้นก็กลายเป็นรู้สึกฉงนแทน สิ่งที่เขาเห็นคือนางกำลังก้มหน้าลงต่ำ มือสองข้างซ่อนไว้ใต้แขนเสื้อ ในหัวพลันตั้งคำถามขึ้นมา

คนที่เสด็จอาเคยหมายปองอยู่เป็นอะไรไป

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ข้ามันสตรีขี้อิจฉา   บทที่ 83

    ตอนพิเศษที่ : 3เริ่มต้นชีวิตคู่ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยณ ห้องหอของบ่าวสาวคู่ใหม่ในวังปีศาจ สองบ่าวสาวคล้องแขนกันดื่มสุรามงคลที่เถาฮวาเฉินเป็นผู้ทำขึ้นมาเอง แน่นอนว่ารสชาติที่ได้ย่อมต่างจากสุราทั่วไปที่นางให้ผู้อื่น“รู้หรือไม่ว่าสุราที่เราให้ฉางฉ่างดื่มจะทำให้ฉางฉ่างไม่สามารถไปดื่มสุราที่ใดได้อีก”“ข้า

  • ข้ามันสตรีขี้อิจฉา   บทที่ 82

    ตอนพิเศษที่ : 2องค์ชายเล็กของแดนปีศาจ“ว้าว~นี่เป็นครั้งแรกเลยกระมังที่เราได้มาเยือนพระราชวังของแดนปีศาจ ใหญ่โตดูมีเสน่ห์ไปอีกแบบเหมือนกันนะฉางฉ่าง”หลังจากที่ผ่านช่วงเวลาแนบชิดกันมาสามวัน คำเรียกของทั้งคู่ก็เปลี่ยนไปแล้ว จาก ‘หยิ่นฉาง’ ก็เป็น ‘ฉางฉ่าง’ และจากเถาฮวาก็เป็น ‘เถาเถ่า’“ต่อไปที่นี่ก็คื

  • ข้ามันสตรีขี้อิจฉา   บทที่ 81

    ตอนพิเศษที่: 1กิจกรรมที่คนคบกันเขาทำกัน ณ พระราชวังแคว้นชิงชิว “ท่านว่าเรามองนางอยู่เช่นนี้มานานแค่ไหนแล้ว”“ไม่รู้สิ หนึ่งชั่วยามได้แล้วหรือไม่ ถ้าท่านรู้สึกว่าเสียเวลาก็ไปทำงานที่คั่งค้างไว้ก่อนได้เลย ข้าขอดูนางต่ออีกหน่อย”หยิ่นฉางส่ายหน้าเบาๆ “ได้ใช้เวลาอยู่กับท่าน เช่นนี้ไม่เรียกว่าเสียเวลาห

  • ข้ามันสตรีขี้อิจฉา   บทที่ 80

    เถาฮวาเฉินพูด :“อื้อ~สบายจัง”ข้าบิดขี้เกียจพร้อมกล่าวเสียงอู้อี้ออกมาขณะที่ดวงตายังคงปิดสนิทอยู่ ข้ารู้สึกที่นอนนั้นช่างหนานุ่ม สามารถดูดวิญญาณของข้าให้อยู่บนนี้ได้ทั้งวัน แต่เดี๋ยวก่อนนะ…“ข้ามีเตียงแบบนี้ด้วยหรือ”“...จากที่ข้าลอบเข้าไปดูที่แดนดอกท้อ ไม่มีนะท่าน”เฮือก!เพียงแค่ได้ยินเสียงของเขา

  • ข้ามันสตรีขี้อิจฉา   บทที่ 79

    สิ้นคำที่หยิ่นฉางปฏิเสธว่าตนไม่ใช่ ‘สุภาพชน’ เขาก็แสดงอาการตรงข้ามกับคำพูดนี้ทันทีโดยการอุ้มร่างบางเข้าสู่อ้อมแขนแล้วหายวับกลับถิ่น ณ ดินแดนปีศาจในทันทีตุบ!“โอ๊ย!”หยิ่นฉางวางเถาฮวาเฉินลงบนเตียงอย่างแรงจนร่างบางรู้สึกเจ็บจนต้องร้องออกมา ใบหน้างามชักสีหน้าใส่เขา แต่หยิ่นฉางหรือจะสน ร่ายมนตร์สร้างอา

  • ข้ามันสตรีขี้อิจฉา   บทที่ 78

    “หึ! โดนเสด็จพ่อของพวกเจ้าลงโทษเรื่องใดมาเล่า ถึงได้มากวาดลานวัดเช่นนี้”“ท่านน้า”องค์ชายแฝดทั้งสองทิ้งไม้กวาดแล้ววิ่งเข้าไปหา ‘ท่านน้าหยิ่นฉาง’ ผู้ที่เวลาไม่สามารถทำอะไรเขาได้เลย เมื่อก่อนมีรูปลักษณ์เช่นไรตอนนี้ก็ยังเป็นเช่นเดิมไม่แปรเปลี่ยน“พวกเจ้านี่นะ โตจนป่านนี้แล้วยังทำตัวเหมือนกับลูกลิงอยู่

  • ข้ามันสตรีขี้อิจฉา   บทที่ 77

    “จะไปเหมือนได้อย่างไร อันที่ข้าให้พวกเขาหมักแค่หนึ่งวันเท่านั้น แต่แน่นอนว่าสำหรับมนุษย์ก็ถือว่าแรงพอตัว เจ้าพวกนี้ก็นะ ดื่มอย่างกับตายอดตายอยากจากที่ไหนมา ข้าว่าตอนที่ข้าจากมาก็ไม่เคยให้พวกเขาฝึกร่ำอันใดพวกนี้นะ สามปีผ่านไปเท่านั้นชำนาญคอถึงเพียงนี้”บ่นให้แม่ค้าดอกไม้ฟังไปหนึ่งอุบก่อนที่จะหันไปยัง

  • ข้ามันสตรีขี้อิจฉา   บทที่ 76

    “ต้าเกอ วันนี้กระบวนท่าไม่เลวเลย ฝีมือท่านพัฒนาขึ้นมาก”“เป็นเอ้อร์ตี้ออมมือให้ต่างหาก มิเช่นนั้นเราคงไม่เสมอกันเช่นนี้ เอาเป็นว่าขอบคุณที่ทำให้ต้าเกอไม่เสียหน้าก็แล้วกัน ไม่สิ! ต่อให้แพ้ แต่แพ้เอ้อร์ตี้ ก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกอายอะไร”“ต้าเกอก็ชมข้าเกินไปแล้ว มา! เอ้อร์ตี้คารวะให้ท่านหนึ่งจอก”“ได้เลย”

  • ข้ามันสตรีขี้อิจฉา   บทที่ 75

    “เอาเป็นว่าข้าจะทำใจเสียตั้งแต่ตอนนี้นะเจ้าคะ เผื่อตอนเป็นมนุษย์จะได้เป็นคนจิตใจเข้มแข็ง ว่าแต่ท่านเทพยังมีความคิดถึงช่วงเวลายามเป็นมนุษย์อยู่หรือไม่เจ้าคะ”“ไม่มีหรอกเจ้าค่ะความรู้สึกนั้น ก็แค่การไปใช้ชีวิตแบบใหม่เพียงไม่กี่วันเท่านั้นเอง”เซียนดอกเหมยนิ่งไปเมื่อเห็นข้าตอบออกมาแบบไม่คิดเลยสักนิด ข้

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status