เป็นอย่างที่จูม่านหลิงได้กล่าวไว้ วันต่อมาหลิวหวางเฟยก็เรียกหลิวหงเถาเข้าเฝ้าที่วังอ๋อง เมื่อไล่เหล่านางกำนัลของวังออกไปหมดแล้ว จนเหลือเพียงหวางเฟยกับสาวใช้คนสนิทจากตระกูลเดิม ใบหน้างดงามอ่อนหวานก็แปรเปลี่ยนไปเรียบตึง ให้อารมณ์ต่างจากก่อนหน้านี้ราวกับเป็นคนละคน
แต่สำหรับหลิวหงเถานั้น ใบหน้าแบบนี้ต่างหากคือสิ่งที่นางชินชา!
“งามหน้านัก ป่านนี้คนเขาคงหัวเราะเปิ่นหวางเฟยกันหมดแล้วว่ารังแกได้แม้แต่น้องสาวแท้ ๆ ของตัวเอง ก็เพราะเจ้าไม่หัดควบคุมสีหน้าตัวเองอย่างไรเล่า เปิ่นหวางเฟยถึงไม่อยากให้เจ้ามาร่วมงานด้วย”
หลิวหงเถาเม้มปากน้ำตาคลอเบ้า
“อ้อ ที่แท้ก็ทรงตั้งใจไม่เชิญหม่อมฉันจริง ๆ สินะเพคะ หากเป็นเช่นนั้นไยไม่ตรัสออกมาตามตรง หม่อมฉันจะได้ไม่ต้องทำให้พระองค์เสียหน้าตั้งแต่ตอนแรก”
“เถียง! เถียงเก่งจริง ๆ ไปหัดควบคุมสีหน้าของตัวเองให้ได้ก่อน แล้วเปิ่นหวางเฟยจะยอมให้เจ้าเข้างานด้วย”
“หม่อมฉันก็ไม่ได้อยากมาหรอกเพคะ แค่รู้สึกเสียหน้าที่โดนเมินเฉยเท่านั้น หวางเฟยคงไม่ได้มีเรื่องอยากตำหนิหม่อมฉันแค่เรื่องนี้เรื่องเดียวกระมัง มีสิ่งใดอยากตรัสเชิญเถิดเพคะ”
หลิวหวางเฟยสูดลมหายใจเข้าลึกก่อนที่จะพยายามปรับอารมณ์ของตนเองให้เป็นปกติ
“เราเป็นถึงหวางเฟยแล้ว คงไม่ต้องลงมือปักผ้าแข่งกับผู้ใด แต่เจ้าไม่ใช่ ทำความดีไถ่โทษโดยการปักผ้าให้ชนะคุณหนูทั้งหลายเสีย…อ้อ แล้วก็อย่าทำให้ฝีเข็มของเจ้าทาบทับฝีเข็มของเปิ่นหวางเฟยเด็ดขาด ไปหาวิธีมาใหม่!”
ฝีเข็มที่แท้จริงของหลิวหงเถาที่ปักผ้าแทนหลิวตันตันมาตลอด แน่นอนว่าย่อมงดงามประณีตเป็นเลิศ แต่เมื่อโดนสั่งห้ามไม่ให้ฝีเข็มคล้ายคลึงกัน แต่ก็ต้องห้ามแพ้อีกด้วย นั่นเท่ากับว่านางต้องไปหาวิธีสร้างเอกลักษณ์ของตนเองใหม่
“หม่อมฉันจะพยายามเพคะ”
หน้าตำหนักชินอ๋องมีชิงหมินยืนชะเง้อมองทางประตูรอคอยการออกมาของหลิวหงเถา ซึ่งเขารออยู่ไม่นานร่างบางก็เดินออกมาพร้อมกับสาวใช้ตระกูลเดิมที่ตอนนี้เปลี่ยนไปเป็นนางกำนัลส่วนพระองค์แล้ว ใบหน้าเล็กผลท้อบูดบึ้งมาแต่ไกล ไม่ต้องเดาชิงหมินก็รู้ว่านางโดนอดีตคุณหนูใหญ่ดุมาอีกแล้ว
“ส่งข้าตรงนี้แหละ”
“เจ้าค่ะ คุณหนูรองเดินทางระวังด้วย”
“อ้อ”
ตอบรับนางกำนัลเพียงสั้น ๆ หลิวหงเถาก็หันไปพยักหน้าให้กับชิงหมินเป็นเชิงบอกว่าเดินทางกันต่อ พอรถม้าเคลื่อนห่างจากวังอ๋องมาได้ระยะหนึ่งแล้วหลิวหงเถาก็ยกมือทุบขาตนเองในทันที
“พี่เถาเถ่า อย่าขอรับ…”
แต่ทุบได้เพียงไม่กี่ทีมือใหญ่ของชิงหมินก็รั้งมือบางเอาไว้ หลิวหงเถาตั้งใจจะเอ็ดเขาที่ขัดขวางการระบายอารมณ์ของนาง แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นมาแล้วเห็นชิงหมินน้ำตาคลอเบ้า จากอารมณ์คุกรุ่นในใจที่กำลังลอยฟุ้งอยู่ในตอนแรกถึงได้ตกตะกอนลง
“ขอโทษที่พี่รักษาคำพูดของตัวเองไม่ได้นะหมินมิ่น” หลิวหงเถาเม้มปากแน่น สูดหายใจเข้าลึกแล้วอธิบายให้ชิงหมินฟังถึงความคิดในตอนนี้ “แต่ว่าพี่ไม่นิยมทำลายข้าวของหรือทำร้ายใครระบายอารมณ์ ถ้าจะให้เอามือไปทุบตีสิ่งของอื่นก็เจ็บมือเปล่า ๆ แต่การตีขาไม่เจ็บเท่าไรนะ”
ประโยคสุดท้ายนางพูดกับตนเอง ทำเอาชิงหมินนิ่งไปครู่หนึ่ง
“พี่เถาเถ่า...ฮ่า ๆ”
จากตอนแรกที่น้ำตากำลังจะร่วงเพราะความปวดใจ แต่พอหลิวหงเถาอธิบายแบบนี้เขาก็หัวเราะออกมาทั้งน้ำตา ทำเอาหลิวหงเถาหัวเราะตามไปด้วย
“อยู่กับท่าน ข้าหลายอารมณ์มากเลยขอรับ”
“ใช่หรือไม่ พี่ถึงได้บอกอย่างไรเล่าว่าลำบากหน่อยนะ”
มือบางเช็ดน้ำตาให้ชิงหมิน จากนั้นก็เล่าเรื่องที่ตนเองไปเผชิญมาให้ชิงหมินฟังทั้งหมดพร้อมบอกถึงปัญหาในตอนนี้ด้วย
“ปัญหาของพี่ตอนนี้คือจะสร้างเอกลักษณ์การปักผ้าแบบใดขึ้นมาดี”
ชิงหมินนิ่งคิดเพียงครู่ก่อนที่จะเสนอ “ลองไปเดินฝั่งตลาดกลางน้ำดีหรือไม่ขอรับ เผื่อจะได้แรงบันดาลใจใหม่”
“เข้าท่า!”
หลิวหงเถาพยักหน้าเห็นด้วยกับความคิดของชิงหมิน จากนั้นก็สั่งให้คนบังคับรถม้าเปลี่ยนทิศทางไปยังตลาดกลางน้ำแทน ใช้เวลาไม่นานรถม้าประจำตระกูลหลิวก็แล่นมาจอดยังจุดพักรถม้าของตลาด
ชิงหมินเป็นคนลงจากรถม้าก่อนจากนั้นก็ส่งมือรอรับหลิวหงเถาประคองนางลงจากรถม้าอย่างทะนุถนอม
“พี่เถาเถ่าไม่ได้ลืมเอาเงินมาอีกใช่หรือไม่ขอรับ”
“ไม่ลืม ครั้งนี้พี่จะไม่ทำให้ตัวเองเสียหน้าอีก ไปกันเถอะ!”
หลิวหงเถาดึงแขนชิงหมินให้เดินเคียงคู่ไปกับนาง คุณหนูตระกูลอื่นอาจจะมีสาวใช้ประจำตัวไปไหนมาไหนด้วย แต่สำหรับหลิวหงเถาแล้วนั้นนางชอบให้ชิงหมินไปกับนางด้วยมากกว่า ส่วนสาวใช้ส่วนตัวจะได้ทำหน้าที่ของตัวเองก็ต่อเมื่อนางอยู่จวน ช่วยอาบน้ำสระผมให้จำพวกนี้
และอาจเพราะพวกเขาตัวติดกันเกินไปด้วย หลิวหลี่เฟยจึงไม่ชอบขี้หน้าชิงหมิน โทษฐานที่ทำให้แฝดพี่อย่างเขาหมดความสำคัญ
“พี่เถาเถ่านั่งร้านนี้ดีหรือไม่ขอรับ ให้บริการวาดภาพทั้งยังมีชากับขนมบริการด้วย”
ชิงหมินภายนอกอาจดูเซ่อซ่า แต่ในความเป็นจริงแล้วเขาแทบจะเป็นตัวนำทางชีวิตให้กับหลิวหงเถาหลายอย่าง ‘พี่เถาเถ่าอันนั้นดีหรือไม่ อันนี้ดีหรือไม่’ แต่ละอย่างที่แนะนำให้นางล้วนเป็นสิ่งที่ดีต่อหลิวหงเถาทั้งสิ้น
“ใช้ได้เลย แล้วเจ้าหิวหรือไม่ อยากทานอะไรก็สั่งมาได้เลย”
“ไม่ขอรับ ตอนนี้ยังอิ่มอยู่ พี่เถาเถ่าไม่ต้องสนใจหมินมิ่นก็ได้ขอรับ หมินมิ่นโตแล้ว”
หลิวหงเถาร้อง ‘จ้า’ ในใจ แต่ไม่ได้พูดอะไรนอกจากเอื้อมมือไปขยี้ศีรษะเขาด้วยความเอ็นดู นางขออุปกรณ์วาดภาพจากเถ้าแก่ร้าน สั่งขนมน้ำชามาให้ชิงหมิน จากนั้นก็นั่งมองวิวทิวทัศน์ของเมืองไปเรื่อย ๆ
ตลาดกลางน้ำเป็นตลาดที่ตั้งอยู่ริมน้ำขนาดเล็ก เรียกว่าเป็นคูน้ำก็ได้ เรือที่แล่นไปมามีทั้งเรือโดยสารและเรือสำหรับขายสินค้า บริเวณคูน้ำนอกจากจะมีร้านขายของขนาดเล็กแล้ว ยังมีโรงเตี๊ยม โรงงิ้ว โรงน้ำชาใหญ่เล็กตั้งอยู่เต็มไปหมด การตกแต่งของสิ่งก่อสร้างไม่ได้แตกต่างกันมาก ทั้งยังมีโคมสีแดงให้แสงสว่างในบรรยากาศคล้ายคลึงกัน
ใบหน้างามเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า วันนี้เมฆปกคลุมเยอะจนน้ำสีใสกลายเป็นสีขาวไปด้วย นิ้วเรียวยกพู่กันค้างไว้มุมหนึ่งที่สะพานทรงสูงโค้งเป็นวงจันทร์ซึ่งกำลังมีเรือใหญ่รอดผ่าน ในค่ำคืนที่พระจันทร์เต็มดวง หากมองจากจุดนี้ จะเห็นว่าพระจันทร์ลูกกลมโตอยู่ใต้สะพานห่างกันเพียงแค่เอื้อมมือ
ถ้าเป็นไปได้นางอยากขอมารดาออกจากเรือนมาวาดภาพเก็บไว้ยิ่ง แต่เสียดายที่ทำอย่างนั้นไม่ได้ เมื่อตะวันลับฟ้ามารดาไม่ยอมให้นางออกมาจากจวน ยกเว้นช่วงเทศกาลที่บิดาพาออกมาเที่ยวช่วงกลางคืน
เฮ้อ~การไม่มีพี่ชายมันแย่อย่างนี้สินะ หลิวหลี่เฟยก็พึ่งพาอะไรไม่ได้อีก
“ก่อนจะตายพี่ต้องมาวาดรูปพระจันทร์ใต้สะพานนี้ให้ได้ ฟังแต่คนเขาบอกเล่ามาไม่สู้เห็นด้วยตาตนเองแล้ววาดภาพเก็บไว้…เฮือก! พี่รู้ละว่าจะปักผ้ารูปใดดี”
ชิงหมินเพียงยิ้มให้หลิวหงเถาอย่างยินดีด้วยเท่านั้น ไม่ได้ถามว่านางจะทำอย่างไร การเฝ้ารอชมผลงานของนางคือสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นเสมอ ครั้งนี้เขาก็จะรอเช่นกัน
“ยินดีด้วยขอรับพี่เถาเถ่า”
“อือ”
หลิวหงเถายิ้มตอบ วาดรูปร่างคร่าว ๆ ของสิ่งที่จะปักลงในกระดาษ ในหัวก็คิดไว้แล้วว่าจะต้องปักให้หนาเท่าไรบางเท่าไรเพื่อที่จะให้ภาพสมจริงมีมิติ เมื่อได้ภาพแล้วนางก็ชวนชิงหมินไปหาด้ายที่จะใช้ปักต่อ
ทั้งสองเดินเข้าร้านขายอุปกรณ์เย็บปักผ้าแล้วถามถึงด้ายที่ต้องการ
“ตอบคุณหนูท่านนี้ ด้ายขาดตลาดหมดเลยเจ้าค่ะช่วงนี้ แอบกระซิบบอกท่านว่าตำหนักของชินอ๋อง หวางเฟยพระองค์ใหม่จะจัดการแข่งปักผ้าขึ้น คุณหนูในห้องหอจึงกว้านซื้อกันไปหมดเลยเจ้าค่ะ เหลือเพียงแค่สีขาวเท่านั้น”
ร้านขายอุปกรณ์ปักผ้าในเมืองหลวงค่อนข้างผูกขาด ร้านที่หลิวหงเถามากับชิงหมินถือเป็นร้านใหญ่ที่สุดในเมืองหลวงแล้ว หากร้านนี้ไม่มี ร้านอื่นก็ไม่ต้องหวัง
“เรื่องด้ายสีหมดก็ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ แต่ข้าอยากได้ด้ายที่ออกสีน้ำตาล สีดำ สีขาวขุ่นอะไรแบบนี้มากกว่า ไม่มีเลยหรือเจ้าคะ”
“ของจะนำเข้ามาอีกทีก็อีกสองวันเลยเจ้าค่ะ คุณหนูรอได้หรือไม่ หากรอไม่ได้ ข้าน้อยแนะนำแหล่งให้ดีหรือไม่เจ้าคะ”
หลิวหงเถาช่างใจว่าจะรอหรือว่าจะไปเลือกดูเส้นด้ายด้วยตัวเองดี แต่เมื่อตรองดูแล้ว ระยะเวลาที่นางจะใช้ปักผ้าอาจต้องใช้เวลามากกว่าห้าวัน การที่จะรอถึงสองวันนางไม่สามารถรอได้ถึงเพียงนั้น มีแต่นางจะต้องไปถึงแหล่งแล้วลงมือปักผ้าที่นั่นเลย
“ว่ามาสิ ขอบคุณ”