Home / รักโบราณ / ข้ามาทวงแค้นแม่ดอกบัวขาว / บทที่ 71 บัวขาวอีกหนึ่งดอก

Share

บทที่ 71 บัวขาวอีกหนึ่งดอก

Author: BigM00N
last update Last Updated: 2025-05-23 21:40:30

เฉินฮองเฮาแห่งแคว้นต้าเยียนทรงสิริโฉม เต็มเปี่ยมไปด้วยสติปัญญา ได้รับความรักและความให้เกียรติจากสวามีจนสตรีทั่วแคว้นต่างโจษจันกันไปจนทั่ว สตรีทุกนางล้วนริษยาในความพรั่งพร้อมและสมบูรณ์พูนสุขของพระนางนาง พระนางประสูติพระโอรสสองพระองค์พระธิดาหนึ่งพระองค์แม้ว่าจะทรงมีพระชันษามากแล้วความงามของพระนางก็ยังคงเป็นที่กล่าวขานถึง

“นี่ใช้คำว่ารักและให้เกียรติได้อย่างไรกัน ต้องใช้คำว่ารักและเคารพมากกว่า” หลี่เทียนหลงองค์รัชทายาทแคว้นต้าเยียนเอ่ยกับพระอนุชาด้วยสุรเสียงแผ่วเบา

“รักหรือไม่ข้าไม่แน่ใจ แต่เคารพและเกรงกลัวข้าขอยืนยันว่าเป็นความจริง เสด็จพี่ทรงทอดพระเนตรดูขุนนางที่ไม่รู้จักตายนั่นสิ พยายามจะยัดเยียดบุตรสาวโฉมงามให้เสด็จพ่อ แถมยังโอ้อวดว่าทั้งร่างกายและจิตใจบุตรสาวของเขาล้วนงดงามพิสุทธิ์หาผู้ใดเทียม ช่างไม่ดูเสียบ้างว่ายามนี้สีพระพักตร์ของเสด็จพ่อซีดเซียวเสียยิ่งกว่าไก่ในโถน้ำแกงเสียอีก” หลี่เทียนเฮ่าผู้เป็นองค์ชายรองเอ่ยกับพระเชษฐาด้วยน้ำเสียงซุกซน โดยไม่สนพระทัยหลี่เทียนหรูพระขนิษฐาพระองค์เล็กที่ในยามนี้หลบไปนั่งอยู่กับบรรดาสตรีในจวนผิงกั๋วกงแล้ว 

ค่ำคืนนี้เป็นงานเลี้ยงฉลองเทศกาลหยวนเซียวที่จัดขึ้นในวังหลวง เหล่าขุนนางต่างพาครอบครัวมาเข้าร่วมในงานกันอย่างพร้อมหน้า มีขุนนางที่ไม่เกรงกลัวพระราชอำนาจคิดจะผลักดันบุตรสาวก้าวขึ้นไปเป็นนางหงส์ แต่กลับถูกรัศมีของนางพญาหงส์อย่างเฉินฮองเฮาทำให้ธิดาของพวกเขาต้องตกอับไปหลายรายแล้ว

เฉินเจียวเจียวจ้องมองแม่ดอกบัวขาวตัวน้อย ที่กำลังพยายามชูช่อโอ้อวดความงามของตนแล้วก็ปรายสายตาไปมองสวามีของตนเพียงครู่หนึ่ง ข้อดีของหลี่ไท่หลงในชาตินี้ก็คือลดความเหี้ยมโหดลงไปมากแล้ว อย่างน้อยบุตรธิดาของขุนนางและข้าราชบริพารที่คิดป่ายปีนเตียงของเขาก็ไม่มีผู้ใดต้องตายไปอย่างหาสาเหตุไม่ได้อีกต่อไปแล้ว มีเพียงนางที่ต้องแบกรับชื่อเสียงว่าเป็นสตรีขี้หึงเอาไว้ แต่แล้วจะเป็นอันใดไปเล่าชื่อเสียงย่ำแย่แต่ชีวิตกลับเต็มไปด้วยความสุขเช่นนี้นางย่อมยินดีที่จะไม่สนใจชื่อเสียง

นางเหลือบไปมองทางโต๊ะของโซ่วอ๋องแล้วก็ส่งรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความเข้าอกเข้าใจให้แก่โม่หลันพระชายาเอกของโซ่วอ๋อง วันนี้หลี่ไท่หลงฮ่องเต้ทรงมีโทสะเมื่อได้ยินว่าน้องชายของเขาถูกพระชายาเอกโบยตีอีกแล้ว กำลังจะส่งหนังสือตำหนิพระชายาไปที่จวนอ๋องแต่เฉินเจียวเจียวกลับห้ามไว้ 

เมื่อสอบถามอย่างละเอียดจึงรู้ว่า โซ่วอ๋องเกิดไปถูกตาต้องใจหญิงชาวบ้านที่ขายตัวฝังศพบิดาเข้า นอกจากจะช่วยนางฝังศพบิดาแล้วยังแอบชุบเลี้ยงนางเอาไว้นอกจวน เมื่อพระชายาของเขารู้เข้าจึงไล่โบยตีกันจนเป็นที่ขบขันของผู้คนในเมืองหลวง

โซ่วอ๋องอ่อนแอเป็นที่รู้ดีของทุกคนในเมืองหลวง แต่ก็เป็นพระอนุชาที่ฝ่าบาททรงโปรดปรานมากเช่นกัน อ๋องคนอื่นๆ หากไม่ถูกกำจัดก็ล้วนถูกถอดยศหรือไม่ก็ถูกส่งตัวไปอยู่ในดินแดนของตนเอง มีเพียงโซ่วอ๋องที่ยังคงได้รั้งอยู่ในเมืองหลวงและยังคงสามารถเข้าออกวังหลวงได้ประดุจเป็นบ้านของตนเอง ยามนี้ทุกคนต่างก็รอดูกันว่าพระชายาเอกที่กล้าลงมือโบยตีสวามีต่อหน้าธารกำนัล ในวันนี้จะถูกฝ่าบาททรงสั่งลงโทษเช่นใด

แต่แล้วก็ต้องพากันแปลกใจเมื่อไม่มีความเคลื่อนไหวจากทางวังหลวง มีเพียงพระราชเสาวนีย์จากฮองเฮาให้มอบเงินจำนวนหนึ่งพร้อมกับที่ดินเล็กๆ อีกแปลงหนึ่งให้แก่สตรีของโซ่วอ๋อง พร้อมกับให้นางเลือกเอาว่าจะยินยอมจากไปในรูปแบบที่ยังมีชีวิตแล้วใช้ชีวิตอย่างสงบสุขหรือว่าจะยินยอมจากไปอย่างไร้ลมหายใจแล้วถูกฝังลงดินในที่ดินแปลงนั้น แน่นอนว่าสตรีผู้นั้นย่อมเลือกอย่างแรก นอกจากนี้ยังมีหนังสือตำหนิประทานให้พระชายาอีกหนึ่งฉบับ ส่วนใหญ่น่าจะเป็นเรื่องการตำหนิเรื่องที่พระชายาไม่ให้เกียรติสวามีหากจะโบยตีก็ให้กลับไปทำที่จวนอีกหนึ่งฉบับ

การกระทำของเฉินฮองเฮาถูกกล่าวถึงกันอย่างแพร่หลายอีกครั้ง บางคนก็กล่าวว่าพระนางทำเช่นนี้ไม่เหมาะสม บางคนก็เห็นด้วยกับพระนางในฐานะที่เป็นพี่สะใภ้ ช่วยจัดการเรื่องในครอบครัวอันยุ่งเหยิงของน้องสามีแล้วจะมีอันใดที่ไม่เหมาะสม แต่สิ่งที่ทุกคนต่างเห็นตรงกันก็คือ หลี่ไท่หลงฮ่องเต้ทรงตามพระทัยฮองเฮาพระองค์นี้เป็นอย่างมาก ที่สำคัญพระองค์ทรงเป็นฮ่องเต้ที่ไม่เคยแต่งตั้งสนมหรือรับสตรีอื่นเข้าวังเลยสักคน

“ท่านเจ้ากรมพิธีการ ข้ารู้ว่าบุตรสาวของเจ้านั้นดีมาก ยามนี้ข้าก็อายุมากแล้ว เจ้าอย่าได้ทำให้ข้าลำบากใจเลย” ยามนี้หลี่ไท่หลงฮ่องเต้ทรงกำลังปฏิเสธเจ้ากรมพิธีการกับการพยายามถวายบุตรสาวของตนให้มารับใช้ใต้เบื้องยุคลบาท เฉินฮองเฮาที่ยังคงนั่งอยู่เคียงข้างทรงกำลังนั่งแกะเมล็ดแตงวางใส่ชามของพระสวามีด้วยสีพระพักตร์ที่เต็มไปด้วยรอยพระสรวล

“หม่อมฉันยินดีถวายการรับใช้ต่อฝ่าบาทและฮองเฮาเพคะ” น้ำเสียงอ่อนหวานท่วงท่าอ่อนช้อยและเย้ายวน หากบอกว่านางเป็นที่สองย่อมไม่มีที่หนึ่ง คุณหนูจากจวนของเจ้ากรมพิธีการผู้นี้มีทั้งความอ่อนเยาว์และมีรูปโฉมเฉิดฉันยากจะมีผู้ใดมาเทียบเคียงได้

“เจ้ายินดี แต่ข้าไม่ยินดี!” พระดำรัสนี้ถูกตรัสออกมาพร้อมโดยสายพระเนตรที่เต็มไปด้วยความดุดัน เด็กสาวตรงหน้าถึงกับผงะและถอยออกไปหลายก้าว คนที่สนิทที่รู้ถึงอุปนิสัยของฝ่าบาทเป็นอย่างดีถึงกับพากันหลั่งเหงื่อเย็นออกมา ท่านเจ้ากรมพิธีการรีบก้มหน้าลงเพื่อหลบสายพระเนตรนี้ในทันที

“ในเมื่อคุณหนูจวนเจ้ากรมพิธีการอยากจะถวายการรับใช้ข้าย่อมยินดี เพียงแต่ตำหนักในของข้าไม่เคยเปิดรับสตรีอื่นเข้ามา มีเพียงศาลบรรพชนเพียงเท่านั้นที่ยังเปิดกว้างอยู่ เจ้ายังยินดีจะสวมชุดขาวถือศีลกินเจเฝ้าศาลบรรพชนให้ราชวงศ์ของข้าหรือไม่” เมื่อเฉินฮองเฮาเอ่ยประโยคนี้ออกมาทุกคนต่างพากันเงียบกริบมีเพียงหลี่ไท่หลงฮ่องเต้ที่เอ่ยออกมาเพียงเท่านั้น

“เจ้าจะมั่นใจได้อย่างไรว่านางจะถือศีลจริง มิสู้ส่งไปด้วยร่างไร้ลมหายใจเสียเลยน่าจะดีกว่า เด็กๆ รีบเข้ามานำตัวนางไปจัดการให้สะอาดแล้วส่งไปรับใช้บรรพบุรุษของข้าที่ศาลบรรพชน” คำพูดนี้ของหลี่ไท่หลงฮ่องเต้ทำให้เด็กสาวผู้นั้นถึงกับรีบคุกเข่าลงบนพื้นในทันที

“ขอฝ่าบาททรงมีพระเมตตาไว้ชีวิตหม่อมฉันด้วยเถิดเพคะ” นางเอ่ยพลางโขกศีรษะออกมาอยู่หลายครั้งจนหน้าผากอันงดงามปรากฏรอยเลือดติดอยู่ หยาดน้ำตาร่วงรินลงมาจากดวงหน้าอันงดงามของนางทำให้ผู้คนที่อยู่โดยรอบต่างทอดถอนใจออกมา

“ใบหน้างดงามเช่นนี้ช่างล่อลวงจิตใจ ข้าเปลี่ยนใจแล้วส่งนางไปที่หออวี้หลันที่อยู่นอกเมืองก็แล้วกัน นางอยู่ที่นั่นน่าจะใช้ความงามให้เป็นประโยชน์ได้มากกว่า ยังมีผู้ใดคิดจะส่งบุตรสาวมาให้ข้าอีกไหม ข้าจะได้ส่งไปที่หออวี้หลันพร้อมกับคุณหนูผู้นี้ไปเสียเลย อยู่กันอย่างสงบดีๆ ไม่ชอบ ชอบหาเรื่องปวดหัวมาให้ข้ากันดีนัก เช่นนั้นข้าก็จะส่งบุตรสาวของพวกเจ้าไปใช้ความงามให้มีประโยชน์ที่หอนางโลมเสียเลย ส่วนเงินค่าตัวที่ได้จากพวกนาง ข้าก็จะนำไปทำบุญเสีย ถือเป็นการสั่งสมบุญกุศลให้แก่พวกนางในชาติหน้าก็แล้วกัน” ถ้อยดำรัสประโยคนี้ทำให้เฉินฮองเฮาลอบยินดีอยู่ในใจ 

เดิมทีพระนางรู้แผนการของเจ้ากรมพิธีการอยู่ก่อนแล้ว จึงได้ส่งคนสนิทไปพูดคุยกับคุณหนูใหญ่ผู้นี้อย่างลับๆ พร้อมกับยื่นข้อเสนอว่าถ้าหากว่านางไม่ยินดีเข้าวังพระนางจะช่วยเป็นแม่สื่อหาคู่ครองที่ดีให้ แต่คุณหนูผู้นี้กลับไม่รับความหวังดีเช่นนั้นก็จงรับผลของการกระทำของตนเองไปเสียเถิด

“ส่วนเจ้ากรมพิธีการการเอาใจใส่ดูแลเราไปจนถึงเรื่องในวังหลังเช่นนี้เรารู้สึกปลาบปลื้มในความหวังดีของท่านจริงๆ เช่นนั้นพรุ่งนี้ก็ไม่ต้องมาทำงานให้ข้าแล้ว ใช้เวลาในช่วงชีวิตที่เหลืออยู่คอยดูเรือนหลังของจวนเจ้าให้ดีเถิด” คำพูดนี้ของหลี่ไท่หลงทำให้เจ้ากรมพิธีการรีบโขกศีรษะตามบุตรสาวในทันที เฉินเจียวเจียวนั่งมองภาพตรงหน้าด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้ม พลางยกถ้วยชาขึ้นไปส่งให้สวามีแล้วเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน

“ทรงระงับโทสะด้วยเถิดเพคะ” องค์ฮ่องเต้หลี่ไท่หลงรีบหันไปสังเกตสีพระพักตร์ของฮองเฮาเมื่อเห็นว่าดวงหน้างามยังคงยิ้มแย้มอยู่จึงได้ลอบทอดถอนพระปัสสาสะออกมา แล้วรับถ้วยชาขึ้นมาเสวยอย่างเอาอกเอาใจคนงามที่ประทับอยู่ข้างกาย

ราชองครักษ์รีบเข้าไปควบคุมตัวสองพ่อลูกที่นั่งโขกศีรษะตรงหน้าพระพักตร์ออกไปในทันที รองเจ้ากรมพิธีการก็รีบคว้าโอกาสอันดีนี้ไว้รีบส่งสัญญาณให้นางรำและนักดนตรีเข้ามาทำการแสดงต่อในทันที เมื่อหลี่ไท่หลงฮ่องเต้ทรงมีสีพระพักตร์ดีขึ้นงานเลี้ยงจึงได้ดำเนินต่อไปโดยไม่ติดขัด

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ข้ามาทวงแค้นแม่ดอกบัวขาว   บทที่ 72 บทส่งท้าย

    หลังเสร็จสิ้นงานเลี้ยงเฉินฮองเฮาจึงได้ปลีกตัวกลับตำหนักอันหนิงไปก่อนเหลือเพียงหลี่ไท่หลงฮ่องเต้ที่ทรงเรียกน้องชายเข้ามาตักเตือนเป็นการส่วนพระองค์โดยมีองค์ชายทั้งสองประทับอยู่ด้วย“จนถึงยามนี้แล้วเจ้าก็ยังคิดไม่ได้อีกหรือ น้องรองพระชายาของเจ้าผู้นี้แม้ว่าจะไม่ได้งดงาม รูปร่างก็ใหญ่โตแต่สิ่งที่นางมีเหนือผู้อื่นก็คือความจริงใจ แม้ว่าจะดุดันและไม่ช่างเอาอกเอาใจแต่เจ้าก็ไม่ต้องคอยระมัดระวังตัวและคอยคาดเดาอารมณ์ของนาง นางโกรธเจ้าก็รู้ นางโมโหเข้าก็แค่ถูกด่าหลังจากถูกโบยตีไม่กี่ทีนางก็กลับไปเป็นปกติแล้ว” หลี่ไท่หลงฮ่องเต้ทรงตรัสพลางถอนพระปัสสาสะออกมา“ในขณะที่คนงามส่วนใหญ่กลับซับซ้อนมากกว่านั้นภายใต้สีหน้ายิ้มแย้มของพวกนางมีความคิดมากมายซุกซ่อนอยู่ภายในใจ ข้าเชื่อว่าเจ้าไม่มีทางจะคาดเดาความคิดของนางได้แน่ น้องรองเจ้าโชคดีแล้วที่ได้โม่หลันเป็นพระชายา อย่าได้คิดหาเศษหาเลยแล้วทำให้ชีวิตของตนเองต้องตกต่ำอีกเลย” เมื่อหลี่ไท่หลงฮ่องเต้ทรงตรัสเช่นนี้โซ่วอ๋องที่คุกเข่าขอรับผิดอยู่ตรงหน้าก็เงยหน้าขึ้นมาแล้วเอ่ยถามด้วยสีหน้าไม่เข้าใจ“เสด็จพี่! แล้วพระองค์ทรงไม่เคยหวั่นไหวบ้างเลยหรือ มีคนงามมาอยู่ตรงห

  • ข้ามาทวงแค้นแม่ดอกบัวขาว   บทที่ 71 บัวขาวอีกหนึ่งดอก

    เฉินฮองเฮาแห่งแคว้นต้าเยียนทรงสิริโฉม เต็มเปี่ยมไปด้วยสติปัญญา ได้รับความรักและความให้เกียรติจากสวามีจนสตรีทั่วแคว้นต่างโจษจันกันไปจนทั่ว สตรีทุกนางล้วนริษยาในความพรั่งพร้อมและสมบูรณ์พูนสุขของพระนางนาง พระนางประสูติพระโอรสสองพระองค์พระธิดาหนึ่งพระองค์แม้ว่าจะทรงมีพระชันษามากแล้วความงามของพระนางก็ยังคงเป็นที่กล่าวขานถึง“นี่ใช้คำว่ารักและให้เกียรติได้อย่างไรกัน ต้องใช้คำว่ารักและเคารพมากกว่า” หลี่เทียนหลงองค์รัชทายาทแคว้นต้าเยียนเอ่ยกับพระอนุชาด้วยสุรเสียงแผ่วเบา“รักหรือไม่ข้าไม่แน่ใจ แต่เคารพและเกรงกลัวข้าขอยืนยันว่าเป็นความจริง เสด็จพี่ทรงทอดพระเนตรดูขุนนางที่ไม่รู้จักตายนั่นสิ พยายามจะยัดเยียดบุตรสาวโฉมงามให้เสด็จพ่อ แถมยังโอ้อวดว่าทั้งร่างกายและจิตใจบุตรสาวของเขาล้วนงดงามพิสุทธิ์หาผู้ใดเทียม ช่างไม่ดูเสียบ้างว่ายามนี้สีพระพักตร์ของเสด็จพ่อซีดเซียวเสียยิ่งกว่าไก่ในโถน้ำแกงเสียอีก” หลี่เทียนเฮ่าผู้เป็นองค์ชายรองเอ่ยกับพระเชษฐาด้วยน้ำเสียงซุกซน โดยไม่สนพระทัยหลี่เทียนหรูพระขนิษฐาพระองค์เล็กที่ในยามนี้หลบไปนั่งอยู่กับบรรดาสตรีในจวนผิงกั๋วกงแล้ว ค่ำคืนนี้เป็นงานเลี้ยงฉลองเทศกาลหยวนเซี

  • ข้ามาทวงแค้นแม่ดอกบัวขาว   บทที่ 70 เพลิงโทสะ

    หลังจากเสร็จสิ้นพิธีอภิเษกไปเพียงไม่กี่วัน เฉินเจียวเจียวก็ต้องสวมชุดไว้ทุกข์ให้แก่จ้าวไทเฮา แม้ว่าจะเป็นเรื่องที่คาดเดาได้อยู่แล้ว แต่เพลิงพิโรธของหลี่เซียวหลงฮ่องเต้ผู้เป็นราชบิดาของสามีก็ยังทำให้นางอดใจสั่นไม่ได้“เจ้าลูกเลว! หากเจ้าไม่ส่งคนไปบอกยามนี้พระนางก็คงจะยังทรงดำเนินชีวิตได้ตามปกติ” พระสุรเสียงที่ทรงตรัสออกมาทำให้เฉินเจียวเจียวที่คุกเข่าอยู่ทางด้านข้างขององค์รัชทายาทไม่กล้าเงยหน้าขึ้น“ลูกก็แค่คิดว่าไม่ควรจะหลอกลวงพระนางอีกต่อไป”“ยังไม่สำนึกอีก! หลี่ไท่หลงนางคือเสด็จย่าของเจ้านะ นางคือแม้แท้ๆ ของข้า และก็เป็นนางที่ผลักดันจนข้าได้ขึ้นเป็นฮ่องเต้จวบจนทุกวันนี้” ถ้อยคำนี้ของหลี่เซียวหลงฮ่องเต้ทรงเต็มไปด้วยกระแสอารมณ์อันเศร้าโศกและโกรธเกรี้ยว เฉินเจียวเจียวที่ก้มหน้าอยู่อดเหลือบมองสวามีของตนเองที่ยามนี้เงยหน้าขึ้นไปทุ่มเถียงกับพระราชบิดาของตนเองไม่ได้“แต่ก็เป็นพระนางที่วางแผนปลิดชีพพระมารดาของลูก เป็นพระนางที่ยึดครองพระราชอำนาจของเสด็จพ่อไปตั้งนานหลายปี แล้วก็เป็นพระนางที่สนับสนุนสกุลจ้าวให้ทะเยอทะยานและก้าวล้างพระราชอำนาจของเสด็จพ่ออยู่หลายครั้ง ลูกเข้าใจในความรักความผูกพัน

  • ข้ามาทวงแค้นแม่ดอกบัวขาว   บทที่ 69 พระชายาองค์รัชทายาท

    พิธีอภิเษกขององค์รัชทายาทและคุณหนูใหญ่จวนผิงกั๋วกงถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ บุรุษของจวนผิงกั๋วกงเดินทางเข้าเมืองหลวงพร้อมกันอีกครั้งเพื่อเข้าร่วมในพิธีครั้งนี้ เฉินเจียวเจียวแต่งกายอย่างดงามสวมมงกุฎหงส์และผ้าคลุมหน้าที่ปักลวดลายอันวิจิตรนั่งเกี้ยวเข้าวังหลวงอย่างยิ่งใหญ่ การแต่งงานในชาตินี้นับว่าเป็นการแต่งงานที่ยิ่งใหญ่กว่าในชาติที่แล้ว คนที่รอรับนางลงจากเกี้ยวก็ไม่ใช่คนเดิม นางจึงไม่กล้าตั้งความหวังต่อชีวิตการแต่งงานเท่าใดนัก ไม่คาดหวังก็ย่อมจะไม่ผิดหวัง เรื่องนี้นางสามารถเรียนรู้มาจากชาติที่แล้ว ในชาตินี้ชีวิตของนางจึงถูกเติมเต็มไปด้วยความสุข“ฮู่ว ในที่สุดก็ได้พบหน้ากันโดยไม่ต้องปีนกำแพงเสียที” องค์รัชทายาทเอ่ยหลังจากที่ใช่คันชั่งเปิดผ้าคลุมหน้าของนางแล้ว เขาจ้องมองนางอยู่ครู่หนึ่งด้วยสายตาอันแวววาว แล้วจึงได้เอ่ยถ้อยคำชื่นชมออกมาอย่างที่ควรจะเป็น“เจ้างามมาก” คำพูดประโยคนี้ของเขาทำให้นางอดยิ้มออกมาไม่ได้ฝ่าบาททรงประทานงานเลี้ยงฉลองให้แก่ผู้มาร่วมงานภายในวัง แต่เพราะเขามีฐานะเป็นถึงองค์รัชทายาทจึงไม่ต้องออกไปคารวะสุรามงคลให้แก่ผู้ใด ยามนี้ภายในห้องหอจึงมีเพียงเขาและนางเพียงเท่านั้น

  • ข้ามาทวงแค้นแม่ดอกบัวขาว   บทที่ 68 ฝันร้ายของโซ่วอ๋อง

    พิธีปักปิ่นของคุณหนูใหญ่ของจวนผิงกั๋วกงถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ ในฐานะว่าที่พระชายาองค์รัชทายาท ย่อมมีเจ้าหน้าที่จากกรมพิธีการมาช่วยเหลือในการดำเนินพิธี เฉินเจียวเจียวนั่งอยู่ท่ามกลางเหล่าฮูหยินผู้เต็มไปด้วยโชคลาภทั้งหลายด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้ม พวกนางช่วยหวีผมให้พร้อมคำอวยพรอันเป็นมงคลปิ่นแรกที่ปักลงมาบนมวยผมคือปิ่นพระราชทานจากเฉียวกุ้ยเฟย ตามมาด้วยปิ่นของพระนางเต๋อเฟย และบรรดาพระสนมที่เฉินเจียวเจียวเคยพบ ฮูหยินผู้เฒ่าจวนผิงกั๋วกงและฮูหยินผู้เฒ่าจวนสกุลหยวนนำปิ่นมาปักลงบนมวยผมของเฉินเจียวเจียวด้วยตนเอง ต่อมาก็เป็นสตรีอาวุโสในจวนและสตรีอาวุโสที่มีความสัมพันธ์กันดีกับจวนผิงกั๋วกงเมื่อเสร็จสิ้นพิธีปักปิ่นเฉินเจียวเจียวก็ลูกขึ้นคารวะขอบคุณอย่างเต็มพิธีการสามครั้งแล้วจึงเข้าสู่งานเลี้ยง เฉินเจียวเหม่ยและเฉินเจียวมี่ที่ได้รับหน้าที่ถือพานใส่หวีและปิ่น ต่างรีบจับจูงนางกลับเรือนด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้ม มีคุณหนูจากหลายจวนที่มีความสัมพันธ์อันดีมาร่วมแสดงความยินดีด้วย แน่นอนว่าคนที่มาย่อมขาดหวังฮุ่ยหลิงและองค์หญิงเก้าหลี่ถังหรูไม่ได้เหตุการณ์ปราบกบฏสกุลเจ้าเกิดขึ้นเร็วกว่าในชาติที่แล้ว ในชาตินี้เซียว

  • ข้ามาทวงแค้นแม่ดอกบัวขาว   บทที่ 67 พบหน้า

    เมื่อบ้านเมืองสงบสุขชีวิตความเป็นอยู่ของชาวประชาก็กลับมาดำเนินไปตามปกติ เกิดแก่เจ็บตายล้วนเป็นไปตามยถากรรมของโลก ในเมื่อหลินชิงเหมยไม่สามารถทนรับความบอบช้ำของร่างกายไม่ไหว นางจึงได้ตายจากไปในที่สุด ในตอนที่นางจะตายนางยังเคยอดสงสัยไม่ได้ว่า หากนางไม่ทะเยอทะยาน หากนางไม่คิดจะร่วมมือกับสกุลจ้าวชีวิตของนางจะต้องจบลงเช่นนี้ไหม น่าเสียดายที่ต่อให้นางสงสัยมากเพียงใดก็ไม่อาจจะทำอันใดได้แล้วแม้ว่าจะเป็นเช่นนั้นแต่นางกลับรู้สึกอยู่ลึกๆ ว่า การตายเช่นนี้กลับดีมากแล้ว เพราะในความฝันของนาง นางเคยต้องเผชิญกับความตายที่น่ากลัวกว่านี้ ทั้งถูกทุบตี ทั้งถูกรุมย่ำยีแถมยังถูกทารุณกรรมจนไม่เหลือสภาพความเป็นคน อยากตายก็ไม่ได้ตาย ลืมตาขึ้นมาในแต่ละวันต้องร้องไห้ทุกครั้งที่พบว่าตนเองยังมีชีวิตอยู่ การถูกโบยจนตายน่าจะเป็นการตายที่สวรรค์ปรานีสำหรับนางมากแล้ว นี่คือความคิดสุดท้ายในห้วงความนึกคิดของนาง ตอนที่โซ่วอ๋องมารับร่างที่ไร้ลมหายใจของนางจึงได้เห็นว่าแม้ในยามหลับบนใบหน้าของนางก็ยังมีรอยยิ้มประดับอยู่หลินชิงเหมยตายแล้ว โซ่วอ๋องจะทุกข์ใจหรือไม่เฉินเจียวเจียวไม่ได้ให้ความสนใจอีกแล้ว เรื่องราวในกาลก่อนราวกับ

  • ข้ามาทวงแค้นแม่ดอกบัวขาว   บทที่ 66 โทษทัณฑ์

    สกุลจ้าวก่อกบฏต้องโทษประหารทั้งสกุล เหตุการณ์ในครั้งนี้ก่อให้เกิดความวุ่นวายอยู่ไม่น้อย แต่เพราะมีกองกำลังของสกุลหยวน สกุลเซียวและสกุลเฉินคอยตรึงกำลังอยู่จึงทำให้ใช้เวลาเพียงไม่กี่เดือนก็สามารถเก็บกวาดคนสกุลจ้าวและผู้เกี่ยวข้องกับการก่อกบฏได้อย่างรวดเร็วและสะอาดหมดจดเฉินเจียวเจียวยืนมองลานประหารที่เจิ่งนองไปด้วยเลือดด้วยสีหน้าเย็นชา คนที่เคยผ่านความเป็นความตายมาแล้วเช่นนางย่อมไม่ได้รู้สึกสะเทือนใจกับเหตุการณ์นองเลือดเช่นนี้มากนัก“เจ้าจะขอให้ไว้ชีวิตนางไปเพื่อเหตุใด” องค์รัชทายาทหลี่ไท่หลงที่ยามนี้บนใบหน้ามีแต่ความเหนื่อยล้าและเคร่งเครียดเอ่ยถามนางด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจ“ถึงอย่างไรนางก็เป็นคนสกุลหลิน เป็นบุตรสาวของท่านลุงทางฝั่งมารดาของหม่อมฉัน หากนางต้องโทษกบฏคนสกุลหลินก็คงจะถูกลากลงไปแปดเปื้อนกับนางด้วย มิสู้ทำให้นางกลายเป็นสตรีต้องโทษด้วยข้อหาวางแผนให้ร้ายผู้อื่น ล่วงเกินเบื้องสูงและให้การเท็จโทษทัณฑ์ของนางก็คงจะเบาบางลงมาก” คำพูดของเฉินเจียวเจียวทำให้องค์รัชทายาทหลี่ไท่หลงแค่นหัวเราะออกมา“หากไม่รู้อะไรก็คงจะคิดว่าเจ้ามีเมตตาต่อนาง แต่จากที่ข้ารู้โทษทัณฑ์ที่นางจะได้

  • ข้ามาทวงแค้นแม่ดอกบัวขาว   บทที่ 65 โชคดี

    เช้าวันรุ่งขึ้นราชสำนักต้าเยียนก็เกิดความวุ่นวาย โม่เจาเจ้ากรมอาญาถวายฎีกาขอถอดถอนตำแหน่งเสนาบดีฝ่ายขวาของจ้าวฉี ขุนนางในท้องพระโรงถูกแบ่งออกเป็นสองฝ่าย ขุนนางส่วนใหญ่ต่างคัดค้านการถอดถอนตำแหน่งของจ้าวฉี แต่เมื่อเจ้ากรมอาญาโม่เจาแจกแจงความผิดอย่างละเอียดแล้วไม่ใช่แต่เพียงเสนาบดีฝ่ายซ้ายจ้าวฉีที่ควรถูกถอดถอน ยังมีขุนนางอีกไม่น้อยที่โยงใยและเกี่ยวข้องต่อการทุจริตหลี่เซียวหลงฮ่องเต้ทรงพิโรธอย่างหนัก ทั้งสั่งจับกุมทั้งสั่งจำคุกขุนนางที่มีความผิด ที่สำคัญทรงมีราชโองการปลดจ้าวฉีออกจากตำแหน่งอัครเสนาบดีฝ่ายซ้าย และสั่งให้กรมอาญาสอบสวนเรื่องที่จ้าวฉีซ่องสุมกำลังพล เหตุการณ์ในท้องพระโรงล้วนเป็นไปตามการคาดการณ์ของเฉินเจียวเจียวเกือบทั้งสิ้น แต่ที่นางคาดไม่ถึงก็คือจ้าวฉีไม่เพียงไม่ยินยอมรับราชโองการ แต่กลับป่าวประกาศออกมาว่าตนเองถูกใส่ร้ายจ้าวฉีไม่ยอมเข้าประชุมขุนนางในยามเช้าที่ท้องพระโรง แต่กลับพาครอบครัวหลบหนีออกไปอยู่นอกกำแพงเมืองตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว เขานำกองกำลังมาล้อมรอบเมืองหลวงเอาไว้แล้วประกาศต่อผู้อื่นว่าองค์รัชทายาทหลี่ไท่หลงต้องการแก้แค้นเขาด้วยเรื่องส่วนตัวโดยร่วมมือกับท่านเจ้ากรมอาญ

  • ข้ามาทวงแค้นแม่ดอกบัวขาว   บทที่ 64 แย่งชิงอำนาจ

    การตายของจ้าวซีเฉิงทำให้ทุกคนต่างพากันทอดถอนใจด้วยความเสียดาย โดยเฉพาะองค์รัชทายาทหลี่ไท่หลงที่ได้แต่ทอดถอนใจออกมาด้วยคิดเสียดายต่อการตัดสินใจด้วยอารมณ์ของคุณชายใหญ่ผู้นี้ จ้าวซีเฉิงคงจะคิดว่าขอแค่เพียงเขาตาย บิดาของเขาก็คงจะสามารถโยนความผิดทั้งหมดมาที่เขาถึงยามนั้นคนสกุลจ้างก็คงจะปลอดภัย เพียงแต่โทษกบฏนั้นย่อมไม่สามารถที่จะจบลงที่คนเพียงคนเดียวได้อยู่แล้ว“สตรีนางนี้ฝากกรมอาญาขังเอาไว้ก่อน อย่างน้อยก็ยังสามารถใช้นางเป็นพยานยืนยันว่าจวนสกุลจ้าววางแผนยุยงให้โซ่วอ๋องมีความแตกแยกกับข้า เจ้ามีความเห็นว่าอย่างไรเล่าน้องรอง” ประโยคสุดท้ายองค์รัชทายาทหันไปเอ่ยกับโซ่วอ๋อง“เรื่องนี้กระหม่อมไม่มีความเห็นพ่ะย่ะค่ะ ในเมื่อมีพยานหลักฐานยืนยันว่านางทำผิดจริง กระหม่อมเองก็คงไร้หนทางจะช่วยเหลือนางแล้ว” โซ่วอ๋องเอ่ยพลางหลุบตาลง“ต่อให้เจ้าอยากช่วยก็คงจะไม่ได้ นางไม่ใช่สตรีไร้เดียงสาอย่างที่เจ้าคิดยามนี้เจ้าก็เห็นแล้ว หากปล่อยให้นางอยู่ข้างกายเจ้าชีวิตของเจ้าในวันหน้าคงยากที่จะสงบสุข” องค์รัชทายาทเอ่ยด้วยสีหน้าเคร่งขรึมแล้วจึงได้สั่งให้คนของกรมอาญาพาหลินชิงเหมยไปขังเอาไว้ก่อน ส่วนสาวใช้ของหลินชิงเหมยแ

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status