นางพาอาหูออกไป เหล่าหวังรออยู่ในห้องโถงรับแขกจนหงุดหงิด เมื่อเห็นนางออกมาก็ชกหมัดหนึ่งไปทางหน้าอก จ่านเหยียนเบี่ยงตัวหลบเล็กน้อยทันที เอ่ย “เกิดอะไรขึ้น? พอเจอข้าก็จะชกข้าเสียแล้ว?”เหล่าหวังถลึงตาใส่แรง ๆ “ช่วงนี้เจ้าไปไหนมา? หาตั้งหลายครั้งก็ไม่เจอ ไปที่จวนของเจ้าแม้แต่คนขานหน้าประตูก็ไม่มี มาหาที่จวนอ๋อง พวกเขาก็บอกว่าเจ้าไม่อยู่”สายตาของเหล่าหวังต้องกับสายตาของมู่หรงฉิงเทียน อีกฝ่ายจ้องเขาราวกับจะฆ่าจะแกง นี่มันเกิดอะไรขึ้น? เขาทำอะไรผิด?!จ่านเหยียนดึงเขานั่งลงแล้วถาม “ข้าออกไปข้างนอกมา เจ้ามาหาข้ามีธุระสำคัญอะไรหรือ?”เหล่าหวังถอนหายใจเฮือกหนึ่ง “ก็ต้องมีธุระสำคัญสิ ก่อนหน้านี้ก็บอกกับเจ้าแล้วมิใช่หรือ? ที่บ้านไม่ยอมรับเรื่องการแต่งงานของหว่านจวินกับฉีซุน ข้าจึงคิดจะรีบหาคนดีให้นางสักคน สั่งให้ท่านแม่ไปจัดการเรื่องนี้ จากนั้นทางสกุลเฉินก็มาทาบทามเรื่องแต่งงานพอดี เจ้าก็รู้จักสกุลเฉินกระมัง? ธุรกิจใบชาเลื่องชื่อ คุณชายรองเฉินปีนี้สิบแปด เป็นคนหนุ่มมากความสามารถ มีลักษณะดี จึงรับปากเรื่องการแต่งงานนี้ ผลคือนังเด็กหว่านจวินทำจนข้าจะโมโหตายแล้ว”เหล่าหวังเล่าถึงตรงนี้ก็หยุด ก่อน
คนรับใช้ยกน้ำชามาให้ จ่านเหยียนยกมาดื่มคำหนึ่ง เอ่ย “ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาเล่นงานเขา ถงไทเฮาเชื่อใจเขาเช่นนี้ และข้าก็สามารถควบคุมเขาอยู่ในมือได้ คนประเภทนี้จัดการง่าย”มู่หรงฉิงเทียนรู้สึกว่าการพูดของนางพิลึกเล็กน้อย “ท่านใช่บุตรสาวของหลงฉางเทียนหรือไม่กันแน่?”จ่านเหยียนเอียงศีรษะคิด คำถามนี้มีระดับความยากอยู่บ้างจริง ๆ “ข้าคือบุตรสาวสกุลหลง”มู่หรงฉิงเทียนมองนาง ก่อนจะเอ่ยอย่างจิตใจล่องลอยเล็กน้อย “ท่านมีความลับมาก”เขาแสร้งทำเป็นพูดประโยคนี้ลอย ๆ ราวกับไม่มีความกริ่งเกรง ‘ความลับ’ ของนางแม้แต่น้อย ทว่าในความเป็นจริง ในใจของเขามีความสับสนมาก เพราะเขาแทบไม่รู้อะไรเกี่ยวกับนางเลยเขารู้ว่าคนผู้นั้นก็ชื่อหลงจ่านเหยียนเหมือนกัน เป็นบุตรสาวของหลงฉางเทียน ขี้ขลาดดังมุสิก เติบโตท่ามกลางความทรมานถูกลบหลู่เหยียดหยามแต่เขาไม่คิดว่า ‘หลงจ่านเหยียน’ ผู้นี้จะเป็นคนเดียวกับ ‘หลงจ่านเหยียน’ ผู้นั้นเขาไม่ค่อยชอบความรู้สึกที่เรื่องราวอยู่เหนือการควบคุมของเขาแบบนี้จริง ๆ ต่อให้เขารู้ทั้งรู้ว่าหลงจ่านเหยียนไม่มีประสงค์ร้ายกับเขา เขาก็ยังไม่ชอบความรู้สึกแบบนี้อยู่ดีโดยเฉพาะอย่างยิ่งในฐานะที่เป็
ความคิดของมู่หรงฉิงเทียนก็ประหลาดใจมาก ยามที่เขาอยู่ตรงหน้าจ่านเหยียน เขารู้สึกว่าจ่านเหยียนไม่ใช่คนที่มีจิตใจดีคนหนึ่ง และก็จริง ซูกงกงก็เคยเปรยกับเขาเหมือนกัน วันที่ลงมือกับคนของหอเงาจันทร์ที่จวนสกุลหลง นางชมอยู่ข้าง ๆ อย่างบันเทิงใจมาก แล้วยังผสมโรงกับเขาอย่างเต็มที่อีกวิธีการของคุกทักษิณ อย่าว่าอิสตรีคนหนึ่ง แม้ผู้ที่เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายเห็นการฆ่าฟันในสมรภูมิจนเคยชินก็ยังรู้สึกครั่นคร้ามแต่นางกลับสามารถชมได้เช่นนี้... ออกอรรถรสเช่นนี้ คนประเภทนี้จะเป็นคนมีจิตเมตตาได้อย่างไร?แต่... ยามที่เขาอยู่กับจ่านเหยียน เขาก็รู้สึกอีกว่าจ่านเหยียนเป็นแค่กระต่ายน้อยสีขาวไร้พิษไร้ภัยตัวหนึ่ง นางจะทำร้ายเขาได้อย่างไร? ดูสินางยิ้มแย้มได้สดใสเพียงไร? รอยยิ้มหนึ่งก็ทำให้คนสดใสเช่นนี้ จะมีใจคิดร้ายคนได้อย่างไร?ความขัดแย้งในใจนี้ปะทะกันอยู่ในหัวใจของเขาตลอดเวลา เขารู้สึกว่าตัวเองใกล้จะบ้าแล้ว“มู่หรง ได้ยินว่าท่านกำลังสืบคดีที่ครอบครัวหญิงม่ายแซ่เซวถูกฆ่าล้างตระกูลอยู่” จ่านเหยียนรู้จากอาเสอว่าคนของมู่หรงฉิงเทียนกำลังสืบเรื่องนี้และได้เรื่องแล้วมู่หรงฉิงเทียนจงใจมองข้ามการเรียกของนาง “ถูกต้อง”
มู่หรงฉิงเทียนมองนางนิ่ง ๆ ความหมายของนางคือต่อไปเขาจะใช้ชีวิตเหมือนคนปกติได้แล้วหรือ?“คนปกติ?” เขาพึมพำในปาก กล่าวตามจริง ข่าวนี้มากะทันหันเกินไป เขารู้สึกเหลือเชื่อเล็กน้อย ก่อนหน้านี้นางไม่เคยบอกว่าครั้งนี้วิญญาณมังกรจะเข้าไปอยู่ในร่างของเขาโดยตรง ดังนั้นเขาจึงไม่รู้ว่ามันมีความแตกต่างมากเช่นนี้จ่านเหยียนพยักหน้า “ถูกต้อง ต่อไปท่านสามารถแตะต้องหญิงสาวเหมือนบุรุษทั่วไปได้แล้ว” นางรู้ว่าที่จวบจนวันนี้มู่หรงฉิงเทียนยังไม่แต่งภรรยา เป็นเพราะหัวใจของตัวเองไม่เต้น เขาไม่อยากให้คนอื่นรู้ความลับนี้ แค่เขาใกล้ชิดกับผู้หญิง อีกฝ่ายก็สามารถรู้จ่านเหยียนถอนหายใจในใจ การที่ผู้ชายเต็มวัยคนหนึ่งไม่แตะต้องผู้หญิงหลายปีคือเรื่องโหดร้ายเรื่องหนึ่งจริง ๆเพียงแต่นางกล่าวเช่นนี้ กลับทำให้มู่หรงฉิงเทียนมองนางด้วยสายตาประหลาด ราวกับกำลังคาดเดาความหมายของนางแต่... ความจริงก็ไม่ได้มีความหมายอื่น“ข้ายังไม่ได้แต่งงาน” มู่หรงฉิงเทียนถอนสายตากลับ เอ่ยราบเรียบ ราวกับเขาไม่เคยนำพากับปัญหาที่นางกล่าว“ไม่แต่งงานก็มีอนุได้ ข้าได้ยินมาว่าจวนหลี่ชินอ๋องมีอนุหลายคน แน่นอน เขามีพระชายาเอก” จ่านเหยียนล้วงห่อ
ฮุ่ยอวิ่นไปบอกมู่หรงฉิงเทียนก่อนว่าหลงจ่านเหยียนมาจวนอ๋องมู่หรงฉิงเทียนขมวดคิ้ว “ก็บอกเจ้าว่าอย่าบอกนางเยอะอย่างนั้นมิใช่หรือ?” ทว่าในใจยังมีความสุขสันต์เล็ก ๆ นางมาเพราะได้ยินว่าเขาถูกพิษหรือ?ฮุ่ยอวิ่นเอ่ยอ้อมแอ้ม “นางฉลาดออกอย่างนั้น หลอกนางไม่ได้หรอก”อาซิ่นถามอยู่ด้านข้าง “ใครตามนางออกวังมาหรือขอรับ?”“คืออาหูบ้านเจ้า!” ฮุ่ยอวิ่นกลอกตาขาวกับเขาแบบหงุดหงิด “เจ้าโง่ เจ้ารักข้างเดียวละสิ ไม่เห็นอีกฝ่ายจะชอบเจ้าเลย”อาซิ่นหัวเราะแหะ ๆ “พบมากหน่อยก็ดีเองขอรับ”“หมดทางเยียวยา ถูกความสวยครอบงำไปหมดแล้ว” ฮุ่ยอวิ่นแจกลูกมะกอกให้เขาอีกหน“ข้าจะออกไปพบนาง นางอยู่ที่ไหน?” มู่หรงฉิงเทียนถาม“ศาลาเล็กตรงระเบียงทางเดิน”ยังไม่ทันกล่าวจบก็ไม่เห็นเงามู่หรงฉิงเทียนแล้วฮุ่ยอวิ่นเอ่ยแบบอึ้ง ๆ “เร็วอย่างนี้เชียว? อาซิ่น...”อาซิ่นล่ะ? อาซิ่นก็หายไปแล้ว“เหตุใดเรื่องนี้มีกลิ่นตุ ๆ?” ฮุ่ยอวิ่นพึมพำแล้วเดินตามออกไปมู่หรงฉิงเทียนยืนอยู่ตรงทางเลี้ยว มองหญิงที่นั่งอยู่ในศาลาผู้นั้นนางอยู่ในชุดสีขาวราบเรียบ รวบเส้นผมหลวม ๆ ด้วยผ้ารัดผมเส้นเดียว ทั้งคนดูเอื่อยเฉื่อยเหม่อลอยนางมองมาพอดี ดวง
อาหูนำน้ำมาถ้วยหนึ่งตามคำบอก แล้วส่งไปถึงตรงหน้าจ่านเหยียนจ่านเหยียนวางเข็มลงไปในน้ำแล้วแกว่งเล็กน้อย ตามด้วยจิบตรงริมฝีปากฮุ่ยอวิ่นตกตะลึงโพล่งปากขึ้นมา “บ้าไปแล้วหรือ? มีพิษนะ!”อาหูยิ้มเอ่ยกับฮุ่ยอวิ่น “คุณชายมิต้องกังวล คุณหนูใหญ่ไม่กลัวพิษเจ้าค่ะ”“ไม่กลัวพิษ?” ฮุ่ยอวิ่นมองจ่านเหยียนด้วยความแปลกใจ นี่มันคนประเภทไหน? แม้แต่พิษก็ไม่กลัว? นางคงมิได้เป็นปีศาจจิ้งจอกกระมัง?จ่านเหยียนชิมคำหนึ่งแล้วจึงใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดมุมปาก “กระเรียนแดง”“กระเรียนแดง? พิษที่เจอเลือดผนึกลม?” ฮุ่ยอวิ่นแอบด่าทอสาปแช่งคำหนึ่ง “ถ้าไม่ใช่ว่าร่างกายของเทียนต่างจากคนอื่น มันคงสมใจไปแล้ว”จ่านเหยียนเงยหน้ามองเขาฉับพลัน “อะไรนะ? เข็มเล่มนี้ฝังเข้าร่างกายของมู่หรงฉิงเทียนหรือ?!”ฮุ่ยอวิ่นนึกถึงคำสั่งของมู่หรงฉิงเทียนว่าไม่ให้ปากมาก แต่ตอนนี้พูดออกไปแล้ว จะเก็บกลับคืนก็ไม่ได้ จึงได้แต่บอกเล่าเรื่องที่ราชครูถงมาท้าทายกับจ่านเหยียนตามความจริงจ่านเหยียนกระวนกระวายเล็กน้อย เอ่ย “ขอบอกท่านตามความจริง ในวิญญาณมังกรมีเลือดของข้าสามหยด แม้ไม่สามารถแทนที่การเต้นของหัวใจกับถ่ายเลือดที่ส่งไปตามจุดต่าง ๆ แต่เนื่อ