Share

บทที่ 40

Author: ลิ่วเยว่
สีหน้าของฮ่องเต้แปรเปลี่ยนในฉับพลันทันใด “มีคำอธิบายเพียงแค่นี้?”

หลงจ่านเหยียนพยายามอธิบายอย่างเต็มที่ “ยังมีอีกคำกล่าวหนึ่ง ฝ่าบาทเคยเห็นหนอนจิ้นฉานเพคะ? หนอนจิ้นฉานคือหนอนพิษที่มีพิษร้ายแรงที่สุดในใต้หล้านี้ หากใช้ขวดใบหนึ่งใส่สิ่งมีชีวิตที่มีพิษร้ายแรงที่สุดในโลกนี้ ทั้งหนอนพิษ ตะขาบพิษ รวมถึงพิษทั้งหลายที่ผ่าบาททรงนึกถึง ล้วนไม่มีพิษไหนที่ร้ายแรงได้ถึงหนึ่งในหมื่นของหนอนจิ้นฉานเลย หากในแคว้นแคว้นหนึ่ง มีหนอนพิษบรรจุอยู่มากมายเช่นนี้ ผลที่ตามมาจะเป็นเช่นไร มิต้องให้หม่อมฉันพูด ฝ่าบาทก็น่าจะนึกออกนะเพคะ!”

ฮ่องเต้ร่างกายซวนเซไปเล็กน้อย ความผิดหวังแผ่ซ่านอยู่เต็มดวงหน้าขาวซีด

เขารู้ดีว่าสิ่งที่หลงจ่านเหยียนพูดออกมาทั้งหมดนั้นล้วนเป็นความจริง หนอนที่มีพิษร้ายเหล่านั้นก็คือตระกูลถง พวกเขาค่อย ๆ กลืนกินแคว้นต้าโจวทีละน้อย กระทั่งผลัดเปลี่ยนราชวงศ์ เปลี่ยนเจ้าของแผ่นดิน

รัชทายาทคือหุ่นเชิดของพวกเขา แม้ว่าองค์รัชทายาทจะมีความสามารถอยู่บ้าง ทว่าท้ายที่สุดแล้วก็ไร้ซึ่งโอกาสก้าวหน้า วันข้างหน้าหลังจากได้ดูแลราชกิจด้วยตนเองแล้ว คงเลี่ยงที่จะไม่พึ่งพาตระกูลถงไม่ได้ วันเวลาที่ตระกูลถงจะควบคุ
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter
Comments (1)
goodnovel comment avatar
Piyarat
จะเป็นอีกเรื่องที่โดนเทมั๊บ
VIEW ALL COMMENTS

Related chapters

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 41  

    ฮ่องเต้ตรัส “เจ้าช่างให้คำแนะนำที่ดีมากกับเรา เพียงแต่ เราจำเป็นต้องรู้ว่าเจ้าเป็นเทพเจ้าจากแห่งหนใด เจ้ามิใช่บุตรีของหลงฉางเทียนเด็ดขาด” หลงจ่านเหยียนรู้ดีว่าการมีข้อสงสัยในใจแต่มิได้รับการคลี่คลายนั้นเป็นเรื่องที่น่าทรมานเพียงใด ก็เหมือนกับการที่นางติดตามอ่านนิยายสืบสวนเรื่องหนึ่ง ทว่านักเขียนกลับทิ้งเรื่องไปกะทันหัน และปล่อยให้กลายเป็นหลุมใหญ่ยักษ์หมื่นปี นางคิดว่านี่เป็นเรื่องที่โหดร้ายอย่างยิ่งเรื่องหนึ่ง ดังนั้นนางจึงได้แต่อธิบายออกไปว่า “ความจริงหม่อมฉันมิใช่บุตรีของหลงฉางเทียนเพคะ ทว่านามว่าหลงจ่านเหยียนนี้ หาใช่เรื่องโป้ปดมดเท็จ หม่อมฉันเป็นผู้ฝึกบำเพ็ญเพียรเพคะ” วิธีการพูดเช่นนี้ นางรู้สึกไม่เหมาะสมเท่าใดนัก ทว่าคำอธิบายเช่นนี้กลับทำให้คนฟังเข้าใจได้ง่ายที่สุดแล้ว ถึงอย่างไรจะให้บอกเขาว่านางคือผู้ควบคุมกฎของสามโลกผู้ซึ่งเกิดจากดวงจิตของมหาเทพผานกู่ก็คงไม่ได้กระมัง? เดาว่าต่อให้บอกไป เขาก็คงไม่ทราบว่าคืออะไร ฮ่องเต้มองนางอย่างเงียบเชียบอยู่ครู่หนึ่ง ค่อยเอ่ยขึ้นด้วยความประหลาดใจ “อายุยังเยาว์วัยก็เป็นผู้ฝึกบำเพ็ญเพียรแล้วหรือ? อย่างไรก็ดี เราจะลองเชื่อเจ้าสักครั้ง” 

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 42  

    ขณะที่หมอหลวงกำลังวินิจฉัยชีพจร ก็มีเด็กชายบุคลิกสง่าผ่าเผยอีกหลายคนรีบร้อนเข้ามาจากนอกตำหนัก…เอ่อ อาจจะเป็นหนุ่มแล้วก็ได้กระมัง เพียงแต่ ในสายตาของหลงจ่านเหยียน ไม่ว่าผู้ใดล้วนเป็นเด็กน้อยสำหรับนางทั้งสิ้น หนึ่งในคนกลุ่มนั้นดูจะโดดเด่นออกมาจากทุกคน เขาสวมชุดคลุมยาวผ้าแพรสีขาวทั้งตัว ศีรษะสวมกวานทองคำ ดวงหน้าหล่อเหลาดุจหยก แววตาเป็นประกายดุจดวงดาราคิ้วหนาคมเข้ม งดงามยิ่งนัก นัยน์ตาของเขาดูคล้ายฮ่องเต้ คิดดูแล้ว บุคคลผู้นี้ต่อให้มิใช่องค์รัชทายาท ก็ต้องเป็นพระโอรสของฮ่องเต้แน่ ส่วนเด็กหนุ่มคนอื่นอีกสามคน วัยน่าจะไล่เลี่ยกับเขา คิ้วคางเครื่องหน้าดูคล้ายคลึงกัน เดาว่าต้องเป็นพี่น้องกัน จริงดังคาด ข้าหลวงทยอยงอเข่าลงทำความเคารพ “ถวายบังคมองค์รัชทายาท คารวะองค์ชายทุกพระองค์” รัชทายาทสืบเท้าสวบ ๆ ไปถึงเบื้องพระพักตร์ฝ่าบาท มิได้เอ่ยวาจาทว่าน้ำตาไหลพรากออกมาก่อน และเอ่ยอย่างซาบซึ้งตื้นตันเป็นที่สุด “เสด็จพ่อ ท่านฟื้นแล้ว ลูกกลุ้มใจแทบแย่พ่ะย่ะค่ะ!” อีกสามคนที่เหลือ ก็ทยอยกันคุกเข่าลงตามเขา ทว่าไม่มีน้ำตา ได้แต่ก้มศีรษะพลางเอ่ยปากเปล่งคำพูดปีติยินดีออกมาเท่านั้น ฮ่องเต้ที่กำลังถูกห

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 43  

    พระพักตร์ฝ่าบาทผ่อนคลายลงแล้ว ก่อนจะแย้มพระโอษฐ์เล็กน้อยและตรัสว่า “เรารู้มาตลอดว่าท่านราชครูเป็นบุคคลมีความสามารถ เสด็จแม่โปรดอย่าดูแคลนพิธีสมรสเพื่อขจัดเคราะห์ภัยนี้เลย เกรงว่าเบื้องหลังคงผลาญพลังของท่านราชครูไปไม่น้อย” “แน่นอนเพคะ!” ไทเฮาค่อยลอบถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง ขณะที่ไทเฮากำลังตรัส ถงกุ้ยเฟยเอาแต่ก้มศีรษะอยู่ตลอด กระทั่งไทเฮาตรัสจบ นางค่อยสืบเท้าไปด้านหน้าและคุกเข่าลง น้ำตาคลอเบ้า พลางเอ่ยอย่างสะอึกสะอื้นว่า “หม่อมฉันบริหารดูแลวังหลังเอื่อยเฉื่อยเชื่องช้า ฝ่าบาทได้โปรดลงทัณฑ์!” ฝ่าบาททรงถอนหายใจออกมาอย่างแผ่วเบา “เราหรือจะไม่รู้จักเจ้า? เจ้าเป็นคนขี้ขลาดมาตลอด ยิ่งมีนิสัยอ่อนโยนมีเมตตาเช่นนั้นด้วยแล้ว ไหนเลยจะฝืนใจลงทัณฑ์เจ้าได้? เดิมทีเราก็คิดว่าชะตาเราคงถึงฆาตแล้ว จึงกลัวว่าด้วยนิสัยของเจ้า อาจจะถูกข่มเหงรังแกจากในวังหลังแห่งนี้ จึงมีราชโองการสั่งให้ฮองเฮาอย่างเจ้าตามเราไปสู่แดนสุขาวดี คิดดูแล้ว ราชโองการนี้คงทำให้เจ้าตกใจแย่แล้วกระมัง?” ถงกุ้ยเฟยร่ำไห้พลางเอ่ย “ฝ่าบาทและหม่อมฉันครองคู่กันเป็นสามีภรรยามานานหลายปี ย่อมสมควรร่วมเรียงเคียงหมอน และตายเคียงข้างกันเพคะ รา

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 44  

    หลงจ่านเหยียน “ไม่ระวัง” จนบังเอิญเห็นว่าไทเฮาและถงกุ้ยเฟยเองก็มีสีหน้าดูแคลนนางเช่นกัน แววตาเช่นนี้ ทำให้หลงจ่านเหยียนรู้สึกว่าพวกนางกำลังมองอุจจาระสุนัขกองหนึ่งอย่างไรอย่างนั้น และนาง ก็คืออุจจาระสุนัขกองนั้นที่ทำให้ผู้คนรังเกียจขยะแขยง ไทเฮารีบเก็บซ่อนความดูถูกเหยียดหยามนั้นไว้ และตรัสกับจิ้นหรูกูกูด้วยความห่วงใยว่า “ฮองเฮาคงเหนื่อยล้า รีบพยุงไปนั่งพักบนตั่งเร็วเข้าเถิด!” จิ้นหรูกูกูรับคำสั่ง ก็พยุงหลงจ่านเหยียนที่ขาอ่อนแรงไปพักบนตั่งราวกับเป็นสุนัขรับใช้ ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “ฮองเฮาคงหิวแล้วกระมัง? บ่าวจะไปสั่งให้คนไปเตรียมพระกระยาหารมาสักหน่อย ให้ฮองเฮาร่วมเสวยกับฝ่าบาทนะเพคะ!” หลงจ่านเหยียนซึ้งใจยิ่งนัก อะไรคือคนดีอย่างนั้นหรือ? คนดีก็คือผู้ที่มอบถ่านให้ในยามหิมะตก ผู้ที่มอบอาหารให้ในยามหิวโหยนั่นแหละเรียกว่าคนดี ขออวยพรให้คนดีมีความสุขสงบไปตลอดชีวิต หากฮ่องเต้จะร่วมเสวยพระกระยาหารพร้อมกับฮองเฮา แน่นอนว่าจำเป็นต้องชำระล้างสถานที่ให้สะอาดเสียก่อน ยิ่งไปกว่านั้นหลงจ่านเหยียนเชื่อว่ายังมีอีกหลายคนที่ต้องการปลีกตัวออกไปจากที่แห่งนี้โดยเร่งด่วนเช่นกัน เพื่อจะได้หา

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 45  

    จิ้นหรูกูกูผงะไปเล็กน้อย ก่อนจะส่ายหน้าทันใด “ฝ่าบาท เช่นนี้ผิดประเพณีเพคะ!” ฮ่องเต้กลับตรัสด้วยท่าทีนิ่งเฉย “ถึงขั้นนี้แล้วยังจะพูดถึงประเพณีอะไรอีก? เจ้ากับเราเติบโตมาด้วยกัน วันวานที่ผ่านมาก็ร่วมโต๊ะรับประทานอาหารมาด้วยกันตั้งไม่รู้กี่ครั้งแล้ว” ใบหน้าของจิ้นหรูกูกูฉายประกายอึดอัดใจ ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ท้ายที่สุดก็ไปนั่งข้างกายฮ่องเต้ “หลงอู่ เราฝากจิ้นหรูไว้กับเจ้า เราต้องการให้เจ้าเอ่ยคำสาบาน ไม่ว่าเมื่อใด จะต้องปกป้องจิ้นหรูให้พ้นภัยเสมอ!” ฮ่องเต้พลันตรัสอย่างจริงจังขึ้นมา “ฝ่าบาท…” จิ้นหรูกูกูน้ำตาคลอเบ้า มองเขาด้วยความเจ็บปวดโศกเศร้า ฝ่าบาทกุมมือของนางไว้ ในดวงตาเต็มไปด้วยความรู้สึกนับร้อยนับพันที่มิอาจแปลความหมายออกมาได้ สีหน้าแววตาเลือนรางล่องลอย คล้ายว่ากำลังหวนคิดถึงเศษเสี้ยวความทรงจำในอดีตที่ผ่านมา จิ้นหรูกูกูเองก็มองเขาด้วยสายตาเป็นประกายเช่นกัน ในอากาศคล้ายจะเจือด้วยความโศกเศร้าของการตายจากกันชั่วนิรันดร์ และคล้ายจะเคล้าด้วยความอบอุ่นของความสุขที่ในท้ายที่สุดหัวใจก็ได้เชื่อมโยงถึงกันเสียที ทว่าความเป็นจริงหลงจ่านเหยียนกำลังหิวถึงขีดสุด จึงส่งเสียงกระแอมออกมา

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 46  

    ตอนที่หลงจ่านเหยียนได้ยินครั้งแรก กลับมิได้สนใจพระอาจารย์เป่ากวงท่านนี้เลย ยังคิดว่าเป็นแค่ภิกษุหรือไม่ก็พระอาจารย์ท่านหนึ่งจากอารามทั่วไป อีกอย่างคำว่าภิกษุ ในยุคปัจจุบันก็มิได้มีความหมายเหมือนเดิมแล้ว ดังนั้น นางจึงมิได้คิดจะให้ความสำคัญอะไร ไม่นานนักพระอาจารย์เป่ากวงก็ถูกเชิญเข้ามา การเคลื่อนไหวของเขาเนิบนาบเฉื่อยช้าอย่างถึงที่สุด ทว่าดูไม่คล้ายการเสื่อมถอยของคนชรา กลับคล้ายว่าเขาเดินเหินเช่นนี้มาตั้งนานนมแล้ว เขาสวมผ้าจีวรสีแดงปักดิ้นทองคำ จีวรส่องสะท้อนลำแสงสีทองนับหมื่นนับพันเส้นออกมาภายใต้แสงเปลวเทียน ทว่ามิได้ทำให้รู้สึกแสบตา มองแล้ว กลับรู้สึกว่าอบอุ่นถึงที่สุด ดวงหน้าของเขามองไม่ออกว่ามีอายุเท่าใด ไม่มีหนวดเคราไม่มีเส้นผม ทว่าขนคิ้วกลับดกดำอย่างถึงที่สุด ใบหน้าประดับด้วยรอยเหี่ยวย่นจำนวนมาก เพราะถือศีลกินมังสวิรัติ สีหน้าจึงดูขาวผ่องอย่างเห็นได้ชัด อายุของคนธรรมดา เมื่อถึงวัยเจ็ดสิบแปดสิบแล้ว ขนคิ้วก็จะเปลี่ยนเป็นสีขาว แม้ว่าจะไม่ขาวทั้งหมด แต่ถึงอย่างไรก็ต้องมีเส้นสีขาวแซมบ้าง ทว่าขนคิ้วของเขากลับเป็นสีดำอย่างสมบูรณ์ จะบอกว่าเขายังวัยรุ่นอยู่ ก็ดูจะไม่ใช่เสียที

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 47  

    ถึงแม้ว่าเขารู้ตั้งแต่ตอนเจอหลงจ่านเหยียนครั้งแรกแล้วว่านางมิใช่คนธรรมดาทั่วไป กลับคิดไม่ถึงว่าแม้แต่พระอาจารย์เป่ากวงก็ยังเทิดทูนและให้ความเคารพนางมากถึงเพียงนี้ บัดนี้แม้ใบหน้าเขาจะไม่แสดงสีหน้าใดออกมาให้เห็น ทว่าก้นบึ้งของหัวใจกลับกำลังปั่นป่วนรุนแรง เขาต้องใช้กำลังทั้งหมดที่มีถึงจะสามารถข่มโลหิตที่กำลังเดือดพล่านไว้ในใจได้ ความจริงแล้ว จนถึงบัดนี้สิ่งเดียวที่ทำให้เขาไม่สามารถปล่อยวางได้ก็คือแผ่นดิน บ้านเมือง และอาณาประชาราษฎร์ วันนี้เวลานี้ที่สกุลถงเรืองอำนาจยิ่งใหญ่ล้นเหลือ ก็เป็นเพราะผลจากการกระทำของเขาเอง หากว่าท้ายที่สุดแล้วแผ่นดินจะต้องตกไปอยู่ในมือของสกุลถง หรือจะเกิดสงครามกลางเมืองขึ้นในแคว้นต้าโจวเพราะการเข่นฆ่าแย่งชิงราชบัลลังก์หลวงขึ้นมาจริง ๆ เช่นนั้นแล้วเขาคงไม่มีหน้าไปพบฮ่องเต้ไท่จูในปรโลกแล้ว วันคืนที่เหลืออยู่ของเขามีไม่มากแล้ว ไร้ซึ่งกำลังต้านกระแสคลื่นคลั่ง หากว่าในยามนี้มีใครสักคนสามารถช่วยแผ่นดินต้าโจวให้พ้นภัยร้ายได้จริง ต่อให้เขาจะไม่ได้ไปผุดไปเกิดตลอดกาล เขาก็ไม่ลังเล ดังนั้น แม้บทสนทนาระหว่างพระอาจารย์เป่ากวงกับหลงจ่านเหยียนจะมิได้เปิดเผยสิ่งใดออกมาชัดเ

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 48  

    และสุดท้าย จิ้นหรูก็เล่าว่าฝ่าบาทได้ตรัสกลางท้องพระโรงความว่าก่อนหน้านี้พระองค์ทรงพระประชวรหนักสติสัมปชัญญะไม่แจ่มชัด ได้มีราชโองการสั่งฝังฮองเฮาทั้งเป็นเพื่อจะเสด็จสวรรคตไปพร้อมกัน ซึ่งถือเป็นเรื่องโหดร้ายไร้มนุษยธรรมอย่างถึงที่สุด ฉะนั้น พระองค์จึงมีดำรัสให้ยกเลิกราชโองการฉบับนั้นเสีย จิ้นหรูอยากให้หลงจ่านเหยียนสบายใจ แม้ว่าฝ่าบาทจะเสด็จสวรรคต ทว่าเขาก็มิได้ต้องการให้มีการฝังทั้งเป็นอีกแล้ว หลงจ่านเหยียนเพียงผุดยิ้ม และมิได้เอ่ยวาจาใดอีกเช่นเคย จิ้นหรูคอยสังเกตสีหน้าของนางอย่างละเอียดอยู่ตลอด หวังจะจับพิรุธบางอย่างผ่านการแสดงออกทางสีหน้า ทว่าสุดท้ายนางก็ต้องผิดหวัง เพราะหลงจ่านเหยียนดูเหมือนจะไม่สนใจอะไร กับสิ่งที่นางกำลังพูดอยู่เลยแม้แต่น้อย จ่านเหยียนสวมชุดราชพิธีของฮองเฮา พูดตามตรง ด้วยรูปร่างทรวดทรงของนางตอนนี้ดูไม่เหมาะกับอาภรณ์ที่เปี่ยมล้นด้วยอำนาจและความน่าเกรงขามนี้เลย แต่กลับชวนให้รู้สึกกระอักกระอ่วนเหมือนเด็กน้อยที่แอบเอาเสื้อผ้าอาภรณ์ของผู้ใหญ่มาสวมเล่นมากกว่า โภชนาการห่วยแตกฆ่าคนตายได้จริง ๆ! ยุคนี้ ยังไม่มีรองเท้าส้นสูงด้วยซ้ำไป และต่อให้นางจะพยายามใช้ปัจจัยภ

Latest chapter

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 280

    ไม่นานเรื่องที่จ่านเหยียนพังตำหนักชิงหนิงก็ดังกระฉ่อนไปทั่ววังหลวงจงเสี้ยนไทฮองไทเฮากริ้วหนัก แต่นางไม่ได้ทำอะไร การที่หลงจ่านเหยียนกล้าพังตำหนักชิงหนิง เป็นการพิสูจน์แล้วว่าวันนี้มิอาจเทียบวันวานนึกถึงตอนที่นางเข้าวังใหม่ ๆ แล้วมาคารวะ ใจเสาะขี้กลัวปานนั้น แม้แต่คุกเข่าก็ยังถลาลงไปกับพื้น ชวนให้คนตลกขบขันใครจะคิด วันนี้นางกลับกล้าพังตำหนักชิงหนิง?ดูท่านางคงบรรลุข้อตกลงบางอย่างกับเซ่อเจิ้งอ๋องแล้ว มิเช่นนั้น ด้วยเบื้องหลังของฐานะนาง นางจะไม่กล้าทำเช่นนี้เด็ดขาดหากเป็นเช่นนี้ เช่นนั้นที่พังตำหนักชิงหนิงในวันนี้ก็คงเป็นแผนการของเซ่อเจิ้งอ๋องเหมือนกันเขาจะทำอะไร?ฉวยโอกาสที่ตอนนี้ถงจื่อหยาเกิดเรื่อง โจมตีสกุลถงต่อ?“หย่าจู้ เจ้าเห็นว่าอย่างไร?” ไทฮองไทเฮาถามหมัวมัวด้านข้างหย่าจู้คิดแล้วจึงเอ่ย “หลงจ่านเหยียนผู้นี้เหนือความคาดหมายอยู่บ้างจริง ๆ ก่อนหน้านี้แทรกแซงเรื่องของหยวนผินยังพอพูดได้ว่าอยากได้หน้า แต่การพังตำหนักชิงหนิงนี้ เรื่องนี้ไม่เหมือนเรื่องที่สตรีผู้หนึ่งจะทำได้ โดยเฉพาะนางที่เป็นสตรีเช่นนี้เพคะ”“พูดอีกอย่างหนึ่ง เจ้าคิดว่าเซ่อเจิ้งอ๋องคือผู้บงการหรือ?”“ยาก

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 279

    นางทิ้งมือทั้งสองลง จากนั้นก็ค่อย ๆ หลับตาอาเสอตกใจ ยื่นมือออกไปทดสอบลมหายใจของนางฉับพลัน จากนั้นก็เงยหน้ามองจ่านเหยียนอย่างตกตะลึงจ่านเหยียนเอ่ยเสียงหนัก “ปกป้องหัวใจของนางก่อน”ถงไทเฮาหัวเราะเสียงเย็น ในดวงตามีความกระหยิ่มยิ้มย่องและสาแก่ใจ “นางตายแน่”อาเสออุ้มจิ้นหรูเข้าไปในตำหนัก แต่ช้าไป นางมิอาจช่วยไว้ได้จ่านเหยียนลุกขึ้นยืนแล้วกล่าวกับอาหู “รอพวกเราออกไปแล้วก็พังตำหนักชิงหนิงเสีย”อาหูฉายรอยยิ้มหนาวเหน็บ “เพคะ!”“หลงจ่านเหยียน เจ้าน่าจะรู้นะ ภัยเกิดจากปาก ต่อให้วันนี้เจ้าพังตำหนักชิงหนิงของข้าไม่ได้ ข้าก็บันทึกแค้นนี้เอาไว้แล้ว” ถงไทเฮาเอ่ยข่มขู่จ่านเหยียนยิ้มระรื่น “วางใจ ไม่ว่าเรื่องใดที่ลงมือได้ ข้าจะไม่เปลืองน้ำลายเด็ดขาด”ผ่านไปพักหนึ่ง อาเสออุ้มจิ้นหรูออกมาแล้วพยักหน้ากับจ่านเหยียน “กลับไปเถอะ!”จ่านเหยียนเดินตามอาเสอออกไป จากนั้นก็หันมาสั่งกับอาหู “พังตำหนักชิงหนิงแล้วไปพาอาถงกับอาเถี่ยออกมาจากห้องมืดเถอะ”“รับบัญชา!” อาหูขานรับอย่างเริงร่าสวรรค์รู้ นางเห็นจิ้นหรูมีเลือดเต็มตัวแล้วอยากฆ่านางอัปลักษณ์ผู้นี้แค่ไหน หากติดตามนายที่เอาแต่พูดเรื่องคุณธรรมจริยธ

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 278

    จ่านเหยียนนั่งอยู่บนเก้าอี้ไท่ซือด้วยท่าทางผ่อนคลาย นั่นคือตำแหน่งที่ถงไทเฮานั่งยามมีนางสนมมาเข้าเฝ้านางเอ่ยกับอาเสอและอาหู “ค้นตำหนักชิงหนิงให้ทั่ว ข้าต้องพบจิ้นหรู”“ช้าก่อน!” ถงไทเฮามองจ่านเหยียนแบบคล้ายยิ้มแต่มิได้ยิ้ม “น้องหญิงตั้งใจจะมาอาละวาดที่นี่หรือ? คิดถึงผลที่จะตามมาหรือไม่?”จ่านเหยียนโบกมือ “เรื่องอาละวาดต้องอาละวาดแน่แล้ว สำหรับผลที่จะตามมา ยังไม่มีเวลาคิดจริง ๆ และไม่คิดจะคิดด้วย”อาเสอและอาหูได้ยินคำนี้ของจ่านเหยียนก็ยิ้มร้ายกับถงไทเฮา จากนั้นก็จะเข้าไปค้นทันทีทันใดนั้นก็มีองครักษ์สิบกว่าคนออกมาขวางอาหูกับอาเสอปีศาจสองตนนี้เอาไว้มีหรือเหล่าองครักษ์จะเห็นพวกนางอยู่ในสายตา ผู้ที่อยู่ข้างหน้าคือหัวหน้าองครักษ์ของตำหนักชิงหนิง เขาตวาดกับอาเสอและอาหู “พวกเจ้ากล้าเหิมเกริมในตำหนักชิงหนิงหรือ?! อย่าหาว่าข้าลงมือไม่ยั้งไมตรีก็แล้วกัน!”กระบี่ยาวชี้มาทางอาเสอด้วยความเร็วยิ่ง ปลายกระบี่มาพร้อมกับคมกระบี่ อาเสอเคยเห็นอาซานแสดงฝีมือมาก่อน แม้เขาจะมีฝีมือด้อยกว่าอาซาน แต่ก็นับว่าเป็นยอดฝีมือชั้นนำแล้วกระบี่ของเขาเร็วนั้นไม่ผิด กลับไม่ส่งผลกระทบซึ่งเป็นการไม่เกรงใจอาเสอใ

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 277

    ส่วนกัวอวี้นึกว่าจ่านเหยียนซื้อตัวองครักษ์ในวัง ดังนั้นองครักษ์จึงทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นกับการเดินออกไปของพวกนาง“เข้าไปเถอะ!” อาเสอไม่อยากพูดมาก เดินฉับเข้าไปอย่างเร่งรีบจี๋เสียงกับหรูอี้เพิ่งเรียกกับพู่หยกไปสองสามที เห็นพู่หยกไม่มีปฏิกิริยายังนึกว่าไม่ได้ผล ใครจะรู้พอหันกลับไปก็เห็นจ่านเหยียนกับพวกอาเสอยืนอยู่หน้าห้องแล้ว“คุณหนูใหญ่! ทรงเสด็จกลับมาก็ดีแล้วเพคะ!” จี๋เสียงกับหรูอี้ปรี่ไปหา พูดน้ำเสียงสะอื้น “เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือ?” กัวอวี้รีบถามจี๋เสียงสะอึกสะอื้น “เป็นเช่นนี้ วันนี้ตอนกลางวันมีคนมาจากตำหนักถงไทเฮาเชิญจิ้นหรูกูกูไป แต่ไม่กลับมาสักที อาถงจึงให้พวกบ่าวสองคนไปถาม แต่พอไปถึงนอกตำหนักชิงหนิง หรูหัวกูกูก็ไม่ให้เข้า ซ้ำยังไล่พวกบ่าวออกมา เพียงแต่... เพียงแต่บ่าวได้ยินเสียงกรีดร้องมาจากในตำหนัก ถึงไม่ยืนยันว่าใช่เสียงร้องของจิ้นหรูกูกูจริงหรือไม่ แต่ฟังแล้วเหมือนมาก ตอนหลังอาถงกับอาเถี่ยก็ไปหา แต่ก็ไม่กลับมา...”จี๋เสียงเหม่อลอย แม้พูดไม่ปะติดปะต่อ แต่ก็ยังอธิบายเรื่องราวชัดเจน“คุณหนูใหญ่ ถงไทเฮาให้จิ้นหรูไป จะเกิดอะไรหรือไม่เพคะ?” กัวอวี้ถามจ่านเหยียนนึกถึงเรื่องข

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 276

    ทั้งสองจะยอมหรือ? จึงบอกจะเข้าไปพูดกับจิ้นหรูกูกู หรูหัวกลับหน้าขรึม “พวกเจ้าเห็นตำหนักชิงหนิงคือสถานที่ใด? พวกเจ้าอยากเข้าก็เข้าได้ตามใจชอบหรือ?”อาถงข่มอารมณ์โกรธ กล่าวขอร้อง “กูกูอย่าทำให้พวกเราลำบากใจเลย พวกเราก็ทำงานตามคำสั่ง หากเชิญจิ้นหรูกูกูกลับไปไม่ได้ หมู่โฮ่วฮองไทเฮาต้องพาลมาถึงเราแน่ กูกูคงไม่อยากเห็นพวกเราถูกลงโทษกระมัง?”“พวกเจ้าถูกลงโทษหรือไม่ เกี่ยวอันใดกับข้า? ข้าแค่ฟังคำสั่งของเซิ่งหมู่ฮองไทเฮาเท่า...”อาถงกับอาเถี่ยรีบฉวยโอกาสตอนที่หรูหัวพูดบุกเข้าไปเพียงแต่ทั้งสองเพิ่งวิ่งไปได้ไม่กี่ก้าวก็ถูกองครักษ์สองสามคนขวางเอาไว้“บุกรุกตำหนักของไทเฮา พวกเจ้ามีกี่ชีวิต? เอาตัวไป!” หรูหัวเอ่ยเสียงกร้าวกระบี่หลายเล่มพาดอยู่ตรงลำคอของอาถงกับอาเถี่ย ทั้งสองไม่กล้าต่อต้าน จึงได้แต่หันไปมองหรูหัวและเอ่ย “กูกู พวกเรามิได้จงใจบุกรุก กูกูโปรดเมตตา อนุญาตให้เราไปพบจิ้นหรูกูกูหน่อยเถอะ”หรูหัวหัวเราะเสียงเย็น ส่งสายตากับองครักษ์ “เอาตัวไป ขังอยู่ในห้องมืดก่อน”ห้องมืดใช้กักขังคนในตำหนักที่กระทำความผิดโดยเฉพาะ บ้างเข้าห้องมืดไม่กี่วันก็ออกมา แต่ทั่วไปแล้วมักมอบให้หัวหน้าขันทีในวั

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 275

    ทั้งสองคิดไปก็มิใช่วิธี จึงให้จี๋เสียงกับหรูอี้ไปถ่ายทอดพระเสาวนีย์หมู่โฮ่วฮองไทเฮา ตามจิ้นหรูกลับมาปรนนิบัติที่ตำหนักครั้นจี๋เสียง หรูอี้ไปถึงตำหนักชิงหนิงกลับเข้าไปไม่ได้ ได้แต่ให้ขันทีในตำหนักไปถ่ายทอดพระเสาวนีย์ของหมู่โฮ่วฮองไทเฮาผ่านไปพักหนึ่ง หรูหัวก็ยิ้มตาหยีเดินออกมา “เซิ่งหมู่ฮองไทเฮากำลังเดินหมากกับจิ้นหรูกูกู นี่กำลังสนุกเลย จะอย่างไรเซิ่งหมู่ฮองไทเฮาก็ไม่ยอมให้กูกูไป พวกเจ้าสองคนกลับไปทูลรายงานหมู่โฮ่วฮองไทเฮาว่าจะส่งคนกลับไปดึกหน่อยแล้วกัน”“อ๊าาา”เสียงร้องดังมาจากข้างในอีก จี๋เสียง หรูอี้สบตากันทีหนึ่ง สีหน้าเริ่มกังวลเล็กน้อยหรูหัวเอ่ยเรียบ “มีนางกำนัลคนหนึ่งไม่ทันระวังทำน้ำชาหกใส่หลังมือของจิ้นหรูกูกู นี่อย่างไร กำลังถูกโบยอยู่เลย”“แต่... เหตุใดเสียงนี้ฟังดูแล้วจึงเหมือนเสียงของจิ้นหรูกูกูล่ะ?” จี๋เสียงเอ่ยอย่างขลาด ๆ“เหลวไหลอันใด?” หรูหัวเปลี่ยนสีหน้าฉับพลัน “เจ้าจะบอกว่าเซิ่งหมู่ฮองไทเฮาทรมาทรกรรมจิ้นหรูกูกูหรือ? ยังมิได้กล่าวถึงจิ้นหรูกูกูเป็นคนข้างพระวรกายของหมู่โฮ่วฮองไทเฮา แค่อดีตนางคือนางกำนัลคนสนิทของอดีตฮ่องเต้ ทั้งยังมีไมตรีกับเซิ่งหมู่ฮองไทเฮามาต

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 274

    จิ้นหรูหัวใจรัดแน่น สุดท้ายดวงตาก็ฉายความแตกตื่นออกมา “พระองค์คิดจะทำอันใดกันแน่เพคะ?”“ถามได้ดี!” ถงไทเฮาลุกขึ้นยืนช้า ๆ แล้วเดินก้าวหนึ่ง เหยียบหลังมือของจิ้นหรู ออกแรงขยี้ มองดูความทรมานบนใบหน้าของจิ้นหรู ก่อนจะหัวเราะเบา ๆ “เจ็บหรือ?”จิ้นหรูกัดฟัน “ไทเฮาจะลงโทษบ่าวอย่างไรก็ได้เพคะ”อย่างมากก็แค่ตาย ตายแล้วก็คือหลุดพ้น แต่... นางรู้ ถงไทเฮาแค้นนางที่สุด จะไม่ให้นางตายง่าย ๆ เด็ดขาด“ข้าได้ยินว่าคุกทักษิณมีทัณฑ์ทรมานมากมาย เพียงแต่ไม่รู้ว่าหากเทียบกับข้าที่นี่แล้ว จะเหนือกว่าหรือไม่? มิสู้จิ้นหรูกูกูช่วยข้าเปรียบเทียบสักหน่อย” ถงไทเฮาโน้มตัวลงเชยคางของจิ้นหรู มุมปากแย้มยิ้มชั่วร้ายเหี้ยมเกรียมเดิมรูปลักษณ์ก็มิได้งามวิไล ยามนี้ใบหน้าเต็มไปด้วยความดุดัน ยิ่งทำให้ดุร้ายอัปลักษณ์มากกว่าเดิมจิ้นหรูขวัญผวา ไม่กล้ามองดวงตากระหายเลือดของนาง จึงก้มหน้ากัดริมฝีปาก อดทนต่อความเจ็บที่ส่งมาถึงแต่... นี่ยังห่างไกลกับจุดสิ้นสุดหรูหัวยกตะปูมากะละมังหนึ่ง พวกมันมิใช่ตะปูเหล็ก แต่เป็นตะปูไม้ท้อทุกเล่มทำจากไม้ท้อ ส่วนปลายแหลมคมเงาวับ“ถ้าเจ้าร้องสักแอะ ข้าจะเพิ่มตะปูอีกเล่ม” ถงไทเฮาเอ่ย

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 273

    ด้วยประการละฉะนี้ ทุกคนจึงนึกว่าฮ่องเต้โปรดปรานแต่ฮองเฮา ทอดทิ้งวังหลังแม้นางสนมจะตำหนิไม่พอใจ แต่เพราะฮองเฮาคือคนสกุลถง จึงไม่มีใครกล้าพูดฮองเฮารูปโฉมไม่โดดเด่น กลับได้รับความโปรดปรานจากฮ่องเต้เพียงนี้ เห็นได้ว่าฮ่องเต้รักนางจริง ๆชั่วขณะ ฮองเฮาบารมีไร้ที่สิ้นสุด รั้งตำแหน่งฮองเฮา ทั้งยังมีความโปรดปรานของฮ่องเต้มั่นคงดั่งขุนเขา ทำให้สกุลถงเหิมเกริมมากขึ้นทุกวันเขาใช้การกระทำบอกนาง ในใจของเขามีแต่นางเท่านั้นสามสิบกว่าปีแล้ว นางเข้าวังในวัยสิบสอง บัดนี้สี่สิบสาม อดีตฮ่องเต้คือแผ่นฟ้าของนาง คือสามีของนาง คือนายของนางเขาจากไปก่อนนาง แม้นางจะเสียใจ แต่ก็มิได้แสดงออกว่าเสียใจมาก เพราะนางรู้ว่าเขากำลังรอนางอยู่ตรงนั้น สุดท้ายนางจะได้ไปพบกับเขานางรู้ ยามนี้ได้เวลาแล้ว“พูด!” หรูหัวดุดันขึ้นมา ตบหน้านางฉาดหนึ่งจิ้นหรูหน้าเอียงไปข้างหนึ่ง แก้มบวมขึ้นรอยประทับนิ้วมือทันทีจิ้นหรูคุกเข่าตัวตรง “บ่าวไม่มีอะไรจะพูดเพคะ”“เจ้ามอบความบริสุทธิ์ของเจ้าให้ผู้ใด?” ถงไทเฮาไม่แสดงออกว่าโกรธมาก ในทางกลับกัน นางพรูลมยาว ข้อกังขาที่เก็บอยู่ในใจนางยี่สิบกว่าปี กระจ่างแจ้งในที่สุด“บ่าวไม่ทร

  • ข้ามเวลามาเป็นไทเฮาสุดแกร่ง   บทที่ 272

    หรูหัวลากนางเข้าตำหนักชั้นในไปอย่างไม่ให้ปฏิเสธจิ้นหรูมองเสื้อผ้าบนฉากบังลมด้วยความประหลาดใจ เหตุใดหรูหัวจึงมีเสื้อผ้าวางอยู่ในตำหนักบรรทมของไทเฮาได้แต่นางมิได้ถาม เพราะถามแล้วก็คงไม่บอก นางมองเสื้อผ้านางกำนัลชุดนี้ มิได้สงสัยเรื่องอื่นก็เข้าไปเปลี่ยนชุดด้านหลังฉากบังลมนางเพิ่งถอดเสื้อผ้า หรูหัวก็เข้ามา “อุ๊ย ข้าลืมบอกเจ้าไป ชุดนี้เคยใส่แล้ว เปลี่ยนอีกชุดเถอะ!”นางยื่นชุดสีเหลืองอ่อนในมือให้จิ้นหรู พร้อมกับกวาดสายตามองบริเวณแขนของจิ้นหรูอย่างรวดเร็ว เมื่อนั้นก็เปลี่ยนสีหน้าเล็กน้อย ก่อนจะออกไปจิ้นหรูเพิ่งแต่งตัวเสร็จก็มีหญิงสูงวัยดุดันเข้ามาสองคน ลากแขนจิ้นหรูคนละข้างออกไปข้างนอกจิ้นหรูตกตะลึงพรึงเพริดถามขึ้นว่า “นี่พวกเจ้าจะทำอะไรน่ะ?”หญิงสูงวัยสองคนนั้นลากนางไปแล้วผลักจนนางสะดุดล้มลงพื้น ถงไทเฮามองนางจากมุมสูง ดวงหน้าอ่อนโยนเมื่อครู่แปรเปลี่ยนเป็นโหดเหี้ยมอำมหิต“เซิ่งหมู่ฮองไทเฮา บ่าวทำอะไรผิดไปเพคะ?” จิ้นหรูหัวใจหนักอึ้ง แต่ยังสงบสติอารมณ์แล้วถาม“ทำอะไรผิด?” เสียงของถงไทเฮาราวกับส่งมาจากขุมนรก พกพากลิ่นอายเย็นยะเยือกชุ่มชื้น “แต้มพรหมจรรย์ของเจ้าเล่า?”จิ้นหรูหัวใจ

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status