กว่าสามคนพ่อลูกจะกลับมาถึงหมู่บ้านก็เป็นช่วงเวลาเกือบเที่ยงวันแล้ว พอมาถึงทุกคนก็แยกย้ายกันทำหน้าที่ของตัวเอง เมื่อรู้ว่าซานเฉียวเตรียมตัวจะไปซื้อตั๋วรถไฟเดินทางไปปักกิ่งในวันพรุ่งนี้
"งั้นแม่กับย่าจะช่วยกันทำเนื้อแห้งเองนะลูก"
"พ่อกับเจ้าใหญ่กับปู่จะช่วยกันปลูกข้าวให้ได้อีกซัก 3 ไร่ เสร็จแล้วจะไปสีข้าวที่เหลืออยู่ให้เป็นข้าวสาร ระหว่างนี้ลูกก็เริ่มเก็บของที่แม่กับย่าแยกไว้เข้าไปเก็บในมิติเลยนะลูก"
"ได้ค่ะพ่อ"
พอตกลงกันได้แบบนั้นซานเฉียวก็พาทุกคนเข้าไปในมิติ ส่วนตัวเธอเองก็รีบเก็บของทั้งหมดเข้าไปในมิติไม่เว้นแม้แต่ฟืนหรือไม้อ่อยไฟที่จำเป็นต้องใช้ เหลือไว้เพียงที่นอนและผ้าห่มที่ต้องใช้ในคืนนี้เท่านั้น เพียงไม่นานสิ่งของจุกจิกโต๊ะและชั้นวางของต่าง ๆ ก็ถูกย้ายไปไว้ในมิติจนหมดพอถึงเวลาค่ำทุกคนก็ออกมาใช้ชีวิตนอกมิติเพื่อให้เพื่อนบ้านไม่เกิดความสงสัยเกินไป
เช้าวันต่อมา
ข้าว 3 ไร่ที่ปลูกไว้ถูกเกี่ยวและกรอกถุงจัดเรียงใส่เกวียนไว้เรียบร้อยตั้งแต่เช้ามืด ทันทีที่ทำงานเสร็จ 3 คนพ่อลูกก็ออกเดินทางเข้าเมืองโดนที่ซานเฉียวแยกตัวออกไปที่สถานีรถไฟเพียงคนเดียว ส่วนฮั่วซานถังกับลูกชายจำเป็นต้องขับรถไถไปคนละ 1 คันเพื่อรอให้โรงสีเปิดทำการและส่งมอบให้เสร็จสรรพ
พอมาถึงสถานีรถไฟซานเฉียวก็เห็นว่ามีผู้คนมากมายที่กำลังวิ่งไปรอรถไฟที่กำลังจะเข้าเทียบชานชาลาในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า โดยมีเจ้าหน้าที่คอยโบกธงและดูแลความเรียบร้อยอยู่ไม่ห่าง
ไม่ไกลกันนักมีช่องซื้อขายตั๋วที่กำลังชุลมุนกันอยู่ ซานเฉียวจึงเลือกที่จะนั่งรอให้คนเบาบางลงก่อน ขณะเดียวกันเธอได้มองเห็นผู้คนมากมายที่ต้องการเดินทางไปทำงานในเมืองใหญ่ บ้างก็เดินทางเพียงลำพัง บ้างก็หอบหิ้วลูกหลานได้ด้วยเป็นครอบครัวใหญ่
พอเห็นว่าผู้คนเบาบางลงแล้ว ขบวนรถไฟก็เคลื่อนตัวออกจากชานชาลาไปแล้ว ซานเฉียวจึงเดินไปที่ช่องขายตั๋ว หลังจากที่เธอมองดูที่กระดานใหญ่มาสักพักแล้วว่าตารางเดินรถมีวันละกี่รอบ
"สวัสดีค่ะ ฉันขอรบกวนสักครู่นะคะพี่ชาย ไม่ทราบว่ารถไฟที่จะเดินทางไปปักกิ่งรอบ 5 โมงเย็นของวันนี้พอจะมีตั๋วว่างไหมคะ"
"มีสิ ตอนเย็นไม่ค่อยมีคนเดินทางหรอก จะเยอะหน่อยก็คือช่วงเช้า ว่าแต่น้องสาวอยากได้กี่ที่นั่งล่ะ เอาแบบห้องหรือแบบธรรมดา"
คำถามของเจ้าหน้าที่ขายตั๋วทำให้ซานเฉียวตอบได้โดยที่ไม่ต้องคิด ยังไงเสียนั่งแบบเป็นห้องพิเศษย่อมสะดวกกับการเข้าออกมิติได้มากกว่า
"ห้องพิเศษนั่งได้กี่คนคะพี่ชาย"
"ห้องพี่เศษนั่งได้ 4 คน ค่าโดยสาร 40 หยวน ระยะเวลาเดินทางประมาณ 3 วัน ส่วนที่นั่งปกติคนละ 4 หยวนเท่านั้นครับ"
"งั้นเอาห้องพิเศษ 1 ห้อง แล้วก็ตั๋วที่นั่งปกติอีก 2 ที่ค่ะ"
"ได้เลย รอแป้บนึงนะ"
พอซานเฉียวตัดสินใจได้เจ้าหน้าที่ขายตั๋วก็รีบทำการออกตั๋วโดยสารให้ซานเฉียวทันที
"..."
"ได้แล้วครับ ทั้งหมด 48 หยวน ยังไงให้มาก่อนเวลาสัก 30 นาทีนะครับ"
"ได้ค่ะ นี่เงิน 50 หยวนค่ะ"
เงินจำนวน 50 หยวนถูกยื่นให้กับเจ้าหน้าที่ขายตั๋ว หลังจากที่ซานเฉียวรับตั๋วรถไฟมาเรียบร้อยแล้ว ไม่นานเธอก็ได้รับเงินทอนที่เหลือ ซานเฉียวเดินไปดูรถรับจ้างที่อยู่บริเวณนั้น
"มองหาอะไรล่ะนังหนู"
หญิงวัยกลางคนที่นั่งขายผลไม้อยู่แถวนั้นเอ่ยถามซานเฉียวเมื่อเห็นเธอชะเง้อคอมองหาอะไรบางอย่าง
"หนูหารถรับจ้างค่ะป้า ป้าพอจะแนะนำให้ได้ไหมคะ"
"จะเหมารถเหรอ จากไหนไปไหนล่ะ ผัวป้าก็รับจ้างอยู่นะ ตอนนี้ตาแก่มันกำลังออกไปส่งผู้โดยสารอยู่ โน่นไง มาโน่นแล้ว"
ระหว่างที่กำลังคุยกันอยู่หญิงวัยกลางคนก็หันไปชี้ที่รถกระบะคันหนึ่งที่กำลังวิ่งเข้ามาจอดที่ข้างร้านของนาง
"มีอะไรกันเหรอ แม่หนูจะเหมารถเหรอลูก"
ลุงคนขับลงมาจากรถได้ก็รีบถามไถ่เด็กสาวที่กำลังยืนคุยอยู่กับภรรยาของตนเองอยู่
"ใช่จ้ะลุง หนูอยากให้ลุงออกไปรับที่หมู่บ้านตอนบ่าย 3 โมงของวันนี้ หนูกับครอบครัวมีกันทั้งหมด 6 คน ลุงจะคิดค่าโดยสารเท่าไหร่คะ"
ซานเฉียวรีบยื่นแผนที่ไปหมู่บ้าน ที่พี่ชายของเธอเป็นคนวาดให้กับคุณลุงได้ดูเพื่อประเมินราคา
" 6 หยวนไหวไหมแม่หนู ลุงจะออกจากที่นี่ตั้งแต่บ่าย 2 ครึ่ง ไปถึงหมู่บ้านของแม่หนูก็บ่าย 3 พอดี"
"ได้ค่ะ หนูต้องมัดจำไว้ก่อนไหมคะ"
"ไม่ต้องหรอก ยังไงก็ต้องมาขึ้นรถไฟที่นี่อยู่แล้ว เอาเป็นว่าลุงจะไปรับตามเวลาที่นัดหมายนะ แม่หนูกลับไปเตรียมตัวเถอะ"
"ขอบคุณค่ะลุง โอ๊ะ ป้าขายมันนึ่งด้วยเหรอคะ มีแบบที่ยังไม่นึ่งด้วยรึเปล่าคะ หนูอยากได้"
ก่อนจะเดินออกมาซานเฉียวเห็นว่าอีกฝ่ายตกลงกันง่าย เธอจึงอยากจะอุดหนุนสินค้าที่ป้ากำลังขายอยู่เพื่อเป็นการตอบแทน โชคดีที่เธอเห็นเข้ากับมันหวานนึ่งจึงอยากได้ไปฝากปู่กับย่า และอยากได้ไปปูไว้ในมิติด้วย
"มีสิลูก ถุงละ 2 เหมา หนูจะเอากี่ถุงดีล่ะ"
"เอาแบบนึ่งแล้ว 2 ถุงค่ะ แบบยังไม่นึ่ง 3 ถุง นี่เงิน 1 หยวนค่ามันหวานค่ะป้า"
"จ้ะ ๆ อ่ะนี่ได้แล้ว ขอบใจมากนะแม่หนู เดี๋ยวตอนบ่ายลุงเค้าจะออกไปรับนะลูก"
"ค่ะคุณป้า หนูไปแล้วนะคะ"
เมื่อหารถได้แล้วซานเฉียวจึงรีบปั่นจักรยานกลับไปหาพ่อกับพี่ชายของเธอที่โรงสีนอกเมือง ใช้เวลาไม่ถึง 20 นาทีซานเฉียวก็ไปถึงที่หมายอย่างปลอดภัย ไปถึงเธอก็พบว่าพ่อกับพี่ชายออกมารออยู่ที่หน้าโรงสีแล้ว
"มาแล้วเหรอลูก แล้วนั่นซื้ออะไรมาด้วย"
ฮั่วซานถังเอ่ยถามลูกสาว ขณะเดียวกันก็ช่วยลูกสาวยกจักรยานขึ้นบนเกวียนแล้วเตรียมตัวออกเดินทางทันที
"มันนึ่งค่ะพ่อ เรารีบกลับหมู่บ้านกันเถอะ หนูได้ตั๋วรถไฟรอบ 5 โมงเย็น แต่หนูเหมารถให้ออกไปรับเราตอนบ่าย 3 โมง หนูอยากไปเก็บของแล้วก็ตรวจความเรียบร้อยให้ดีก่อนเดินทาง"
"งั้นขึ้นมาเลยอาเฉียว ส่วนนี่เป็นเงินค่ารถไถ 8,000 หยวน แล้วก็เงินค่าข้าวที่ขายได้อีก 1,300 หยวน น้องเอาไปเก็บไว้ในที่ปลอดภัยก่อน"
ซานหลางยื่นถุงเงินทั้งหมดให้น้องสาวเก็บเอาไว้ในที่ปลอดภัย จากนั้นเขาก็ขับรถไถออกไปจากโรงสีทันที พอปลอดสายตาผู้คนพวกเขาก็เปลี่ยนมาใช้จักรยาน กระทั่งใกล้ถึงหมู่บ้านจึงเปลี่ยนเป็นการเดินเท้าเปล่าแล้วเก็บทุกอย่างเข้ามิติจนหมด
"กลับมากันแล้วเหรอ อาเฉียวมาดูนี่เร็วเข้า วันนี้แม่กับย่าโชคดีมากเลยรู้ไหม"
นางฮั่วเจินพอเห็นว่าลูกและสามีกลับมาถึงบ้านก็รีบเรียกลูกสาวให้มาดูเห็ดซงหยงที่หายากมากกว่าจะพบ โชคดีที่วันนี้นางกับพ่อแม่สามีออกบ้านแต่เช้ามืดแล้วเดินขึ้นเขาไปสูงพอสมควรจึงได้เห็ดชนิดนี้มาเกือบ 10 ดอก
"เห็ดอะไรเหรอจ๊ะแม่"
"เห็ดซงหยง เช็ดออกดี ๆ หั่นเป็นชิ้น ๆ แล้วจิ้มกับซีอิ๊วอีกซักหน่อยอร่อยเหาะเลยนะลูก"
"ว้าว งั้นต้องลองซะแล้ว แม่อย่าลืมเอาส่วนที่ขูดออกเก็บไว้นะจ๊ะ หนูจะเอาไว้ปลูก"
"ได้ลูกได้"
ซานเฉียวรีบร้อนเดินเข้าไปหยิบมีดกับเขียงรวมไฟถึงซีอิ๊วในครัวจนลืมเล่าเรื่องการเดินทางไปเสียหมด ทำเอาซานหลางต้องส่ายหัวเบา ๆ ให้กับน้องสาว
"ปู่ ย่า แม่ครับ พวกเราต้องเดินทางวันนี้แล้วนะครับ ผมว่าเราทำมื้อเที่ยงกินก่อนเวลาสักหน่อยดีไหม อาเฉียวได้ตั๋วรถไฟรอบ 5 โมงเย็นวันนี้ อีกไม่นานก็จะมีรถที่จ้างไว้มารับเราไปขึ้นรถไฟในเมือง รถจะมาถึงบ้านเราตอนบ่าย 3 โมง"
ซานหลางบอกเล่าทุกอย่างให้ทุกคนได้รู้แล้วจะได้เตรียมตัวได้ทันเวลา
"เร็วขนาดนั้นเลยเหรอลูก งั้นเรารีบทำกับข้าวกินกันเลย กินเสร็จจะได้ช่วยกันเก็บของเข้าไปไว้ใน... เสร็จแล้วจะได้อาบน้ำเตรียมเดินทางต่อ"
ฮั่วเจินตอบลูกชาย จากนั้นนางก็รีบเดินไปช่วยลูกสาวเตรียมอาหารออกมาให้ทุกคนกิน อาหารมื้อนี่เป็นเพียงอาหารง่าย ๆ จากเสบียงที่มีอยู่อย่างเนื้อแห้ง ข้าวหอมมะลิที่ถูกหุงเอาไว้เต็มหม้อ กับน้ำแกงผักหวาน ๆ ที่โรยด้วยเนื้อแห้งที่ย่างแล้วทุบก่อนจะนำมาฉีกเป็นชิ้นฝอย ๆ แล้วโรยบนน้ำแกงให้คนแก่กินได้ง่าย ๆ ขาดไม่ได้ก็คือเห็ดซงหยงจิ้มซีอิ๊วที่เป็นทีเด็ดของมื้อนี้
"หื้ออ อร่อยมากเลยค่ะปู่ ปู่ลองกินเห็ดดูรึยังคะ นี่เลยหนูคีบให้ ของย่าด้วย"
"กินเถอะลูก ปู่เคยกินแล้ว หลานเพิ่งได้กินก็กินให้เยอะ ๆ "
"ได้ยังไงกันคะ หนูรู้นะว่าทุกคนกลัวหนูไม่อิ่ม แต่ไม่ต้องห่วงหนูหรอกค่ะ พรุ่งนี้เราก็จะมีเห็ดซงหยงให้กินอีก เพราะฉะนั้นวันนี้ทุกคนต้องกินเยอะ ๆ ตุนแรงไว้เก็บของก่อนเดินทาง"
"รู้แล้ว ๆ บ่นเก่งเหมือนย่าของหลานไม่มีผิด"
ในที่สุดคนเป็นปู่ก็ต้องยอมแพ้ให้กับเหตุผลของหลานสาว แต่ก็ไม่วายที่จะหาเรื่องภรรยาแก้เขินที่หลานสาวรู้ทัน
"ย่าคะ ปู่ว่าย่าอีกแล้วอ่ะ"
"เดี๋ยวเถอะตาเฒ่า"
เป็นอีกมื้ออาหารที่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและรอยยิ้ม หลังจากกินข้าวเสร็จทุกคนก็ช่วยซานเฉียวเก็บของเข้ามิติจนหมด กระทั่งถึงช่วยบ่าย 2 โมงถึงได้สับเปลี่ยนกันไปอาบน้ำแต่งตัวจนครบทุกคน แล้วซานเฉียวก็เก็บของเข้ามิติอีกครั้งจนในบ้านไม่เหลืออะไรสักอย่าง
15.00 น.
ปี๊ก ปี๊ก
"ใช่บ้านของแม่หนูซานเฉียวรึเปล่า"
เสียงแตรรถที่ดังมาจากหน้าบ้านทำให้ทุกคนรีบเปิดประตูออกไปดู เมื่อเห็นว่าเป็นรถกระบะที่ซานเฉียวจ้างเอาไว้มารับแล้วพวกเขาจึงรีบขึ้นไปนั่งบนท้ายรถทันที ส่วนฮั่วซานถังผู้เป็นพ่อขึ้นไปนั่งที่หน้ารถเป็นเพื่อนคนขับ
"ใช่ครับ ทุกคนขึ้นรถเลย เดี๋ยวผมปิดบ้านเอง"
ซานหลางเป็นคนสุดท้ายที่ขึ้นไปนั่งหลังรถ หลังจากที่เขาปิดประตูบ้านเรียบร้อยแล้ว ทุกคนจ้องมองบ้านที่เคยอยู่อาศัยมากว่า 20 ปีเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่รถจะเคลื่อนตัวออกจากหมู่บ้านไป
มีชาวบ้านเพียงไม่กี่คนที่เห็นรถกระบะขับออกไปจากหมู่บ้าน เพราะเป็นช่วงที่ชาวบ้านแยกย้ายออกไปทำงาน และด้วยการแต่งตัวที่มิดชิดจึงไม่ทันมีใครได้สังเกตว่าบนรถคือคนบ้านฮั่วที่กำลังจะเดินทางจากไป
20 นาทีต่อมา รถกระบะก็พาทุกคนมาถึงสถานีรถไฟอย่างปลอดภัย ซานเฉียวจ่ายค่าจ้างให้คุณลุงไป 10 หยวนโดยไม่รับเงินทอน จากนั้นทุกคนจึงพากันไปนั่งรอเวลาที่รถไฟจะมาถึงโดยไม่มีใครเดินไปไหนมาไหน ระหว่างนั้นซานเฉียวก็เห็นว่าพี่ชายของเธอกำลังวาดแบบรถอะไรซักอย่าง เธอจึงลองถามดูความตั้งใจของอีกฝ่าย
"พี่จะทำอะไรเหรอพี่ใหญ่ เกี่ยวกับเหล็กแล้วก็ล้อรถที่ซื้อมาใช่ไหม?"
"ใช่แล้ว ตาถึงหนิเรา พี่ตั้งใจว่าจะให้เวลา 3 วันที่อยู่บนรถไฟทำเจ้ารถลากตัวนี้ให้เสร็จ พอไปถึงปลายทางเราจะได้เอาออกมาใช้งานได้สะดวก เผื่อต้องขนข้าวหรือขนอะไรไปขายอีก"
"โห พี่ชายฉันก็เป็นนักประดิษฐ์คนนึงเลยนะเนี่ย หนูสนับสนุนเต็มที่เลยพี่ใหญ่ ไม่แน่นะถ้ามีคนมาสนใจรถลากของพี่ อนาคตมันอาจจะสร้างรายได้ให้พี่เป็นกอบเป็นกำก็ได้นะ"
"ถ้าเป็นแบบนั้นได้ก็ดีสิ พี่จะได้แบ่งเบาอะไรน้องได้บ้าง"
"คิดอะไรแบบนั้น ดูโน่น รถไฟมาแล้ว เตรียมตัวได้แล้วพี่ชาย"
ขบวนรถไฟมาเทียบท่าที่ชานชาลาตามเวลาที่กำหนด ซานเฉียวกับแม่ รวมไปถึงปู่ย่าได้เข้าไปนั่งในห้องพิเศษตามตั๋วที่จองไว้ ส่วนซานหลางกับพ่อต้องนั่งที่นั่งธรรมดาไปก่อน รอจนกว่ารถไปเคลื่อนตัวออกจากชานชาลา เจ้าหน้าที่มาตรวจความเรียบร้อยเสร็จ สองพ่อลูกจึงเดินเข้าห้องพิเศษไปหาทุกคน
พอปิดล็อกห้องเรียบร้อยซานเฉียวก็พาครอบครัวเข้าไปอยู่ในมิติ พ่อกับพี่ชายของเธอก็ลงมือช่วยกันทำรถลากทันที ส่วนเธอกับแม่ก็ช่วยกันเพาะต้นองุ่นสองสายพันธุ์ตามที่มีเมล็ดอยู่ในมิติ ทางด้านปู่กับย่าก็กำลังสนุกอยู่กับการหว่านเชื้อเห็ดซงหยง
ส่วนเห็นโคนที่หว่านเชื้อเอาไว้ก็เกิดขึ้นมาเป็นกลุ่มใหญ่หลายกลุ่ม ผู้เฒ่าทั้งสองจึงเก็บมาทำกับข้าวแล้วขูดส่วนดินตรงโคนเห็นเอาไว้หว่านเป็นหัวเชื้อให้ขยายออกไปมากกว่าเดิม
เสิ่นซานเฉียวกำลังยืนมองแปลงผักในไร่ของเธอด้วยรอยยิ้ม แต่งงานกันมาหลายเดือนเสิ่นตงหยางทำหน้าที่สามีคอยดูแลเธอเป็นอย่างดี ชีวิตหลังแต่งงานของทั้งคู่เป็นไปอย่างราบรื่น ซานเฉียวได้มีเวลาให้กับไร่มากขึ้น ช่วยเหลือพี่ชายและดูแลบ้านเรือนไปพร้อม ๆ กันส่วนเสิ่นตงหยางก็แบ่งเวลาทำงานและเวลาอยู่กับครอบครัวได้อย่างลงตัว ยกเว้นในกรณีที่ต้องทำงานเร่งด่วน เขาก็จะพาลูกน้องมาทำงานที่บ้าน เพื่อที่จะได้อยู่ใกล้ ๆ กับซานเฉียวมากที่สุด"ทำอะไรอยู่ครับ"ร่างอรชรถูกโอบกอดเอาไว้ด้วยแขนแกร่งของผู้เป็นสามี ช่วงนี้ตงหยางโชคดีหน่อยที่เพื่อน ๆ ของลูกชายแวะเวียนมาที่ไร่ตลอด ทำให้เจ้าหนูตัวป่วนต้องกลายเป็นไกด์นำเที่ยวจนไม่มีเวลามาเฝ้าหม่าม๊าของเขา"อยากกินมะม่วงดองค่ะ ถ้าได้กินอะไรเปรี้ยว ๆ คงจะสดชื่นขึ้น"มีบางอย่างเริ่มเปลี่ยนแปลงไป ซานเฉียวเริ่มรู้สึกอยากกินอาหารรสเปรี้ยวเป็นพิเศษ อารมณ์ของเธอก็แปรปรวนง่าย เดี๋ยวดีใจ เดี๋ยวเสียใจ และมักจะหงุดหงิดกับเรื่องเล็กน้อย ร่างกายของเธอดูอวบอิ่มมีน้ำมีนวลขึ้นอย่างเห็นได้ชัด"เปลี่ยนเป็นมะม่วงสดดีกว่า พี่ไม่อยากให้หนูกินของดอง เดี๋ยวพี่ให้คนไปเก็บที่หลังตึกมาให้""ขอบคุณค
หนึ่งเดือนต่อมา งานแต่งงานของเสิ่นตงหยางและซานเฉียวก็ได้จัดขึ้นเล็ก ๆ ณ บ้านสกุลเสิ่น ซึ่งตั้งอยู่ติดกับไร่องุ่นของซานเฉียว บรรยากาศเต็มไปด้วยความสุขและความอบอุ่น บ่าวสาวอยู่ในชุดแต่งงานสีแดง ทั้งคู่กำลังเข้าพิธีคำนับฟ้าดินตามประเพณี"คำนับฟ้าดิน""คำนับพ่อแม่""คำนับกันและกัน""ยกน้ำชา"คู่บ่าวสาวเริ่มยกน้ำชาให้กับปู่ย่าตายายรวมไปถึงพ่อแม่ของทั้งสองฝ่าย หลังจากเสร็จสิ้นพิธีการต่าง ๆ ก็ถึงเวลาของงานเลี้ยงฉลอง บรรยากาศภายในงานเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและเสียงดนตรี ทุกคนต่างก็มีความสุขที่ได้มาร่วมเป็นสักขีพยานในวันสำคัญของทั้งคู่"ดีใจด้วยนะซานเฉียว ในที่สุดเธอก็จะได้รู้ว่าการมีสามีมันดียังไง"ยังคงเป็นคุณแม่สุดแซ่บที่แซวซานเฉียวไม่หยุดหย่อน จนใบหน้านวลขึ้นสีแดงเรื่องจนเห็นได้ชัด"เธอไปแซวซานเฉียวแบบนั้นได้ยังไงเฉิงฮวน นี่เป็นของขวัญวันแต่งงานที่ฉันกับเฉิงฮวนเตรียมมาให้เธอนะซานเฉียว สัญญากับพวกเรามาก่อนว่าวันนี้เธอต้องใช้มัน อย่าลืมอ่านคู่มือที่ฉันให้ไปด้วยล่ะ"กล่องสีแดงขนาดเท่าครึ่งหน้าสมุดถูกยื่นเข้ามาในมือของซานเฉียว เพื่อนสาวทั้งสองยังคงย้ำนักย้ำหนาว่ายังไงเธอก็ต้องใช้ภายในวันนี้ มัน
1 ปีผ่านไปเรื่องยุ่ง ๆ ที่เกิดขึ้นผ่านมาได้ปีกว่าแล้ว ตอนนี้การเรียนของซานสปาเกตตีเข้าสู่โค้งสุดท้าย อีกไม่กี่วันเธอก็จะได้เข้ารับปริญญาบัตรในระดับบัณฑิตตามที่เธอใฝ่ฝันเอาไว้ แน่นอนว่าทุกคนในครอบครัวต่างก็ภูมิใจในตัวของลูกสาวคนนี้ทางด้านฮั่วซานหลางเองก็ทำหน้าที่เป็นผู้นำครอบครัวที่ดีไม่แพ้ผู้เป็นน้องสาว ตลอดหลายปีซานหลางทุ่มเทให้กับครอบครัวซ้ำยังเป็นกำลังหลักในการผลักดันให้ไร่องุ่นสกุลฮั่วเติบโตมาจนถึงวันนี้ โดยมีหวังห้าวเฉิงคนรักของเขาคอยเป็นกำลังใจให้ตอนนี้กู้เฉิงฮวนคลอดลูกคนที่ 2 จนเจ้าหนูเวินตงตงมีอายุได้ 1 ขวบ ส่วนชางหนิงซินก็คลอดลูกคนที่ 2 ได้ประมาณ 8 เดือนแล้ว เหลือเพียงเจ้าหนูตัวป่วนเสิ่นหาวห่าวเท่านั้นที่พร่ำขอให้หม่าม๊ามีน้องให้เขาสักทีซานเฉียวเลือกที่จะทำวิทยานิพนธ์จากข้อมูลในไร่ของเธอเอง ไม่ว่าจะเป็นการศึกษา สำรวจข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับสินค้า หรือบริการจากลูกค้าหรือกลุ่มเป้าหมาย เช่น ความต้องการ ความคิดเห็น ความพึงพอใจ ทัศนคติ ภาพลักษณ์ ที่ลูกค้าหรือกลุ่มเป้าหมายมีต่อไร่ของเธอการเปรียบเทียบสินค้าและบริการของเธอกับคู่แข่งขัน พฤติกรรมการซื้อสินค้า ปัจจัยที่มีผลต่อการตัดส
ชายสูงวัยในชุดฮั่นฝูแบบโบราณ แต่เนื้อผ้ากลับเป็นแบบที่ชาวบ้านสวมใส่เดินเข้ามาพร้อมกับหลานชายวัยแรกรุ่น ทั้งคู่จ้องมองดูซานเฉียวที่หมดสติอยู่ในอ้อมกอดของตงหยาง ก่อนที่มือของผู้เฒ่าจะหยิบสร้อยคอที่ซานเฉียวสวมใส่ขึ้นมาดู"หากเจ้าต้องการช่วยชีวิตนางก็รีบพานางตามข้ามา""ผมจะรู้ได้ยังไงว่าคุณไม่ใช่คนของเฮียฮ้อ"ชายชราไม่ตอบกลับแต่เขาเดินนำหน้าเข้าไปในถ้ำทันที เด็กหนุ่มที่ตามมาด้วยจึงเป็นคนตอบคำถามแทนผู้เป็นปู่"พี่ชายไม่ต้องเป็นห่วง เพราะสร้อยคอเส้นนั้นพวกพี่ถึงได้รับการช่วยเหลือจากหมู่บ้านของเรา ตามมาเร็วเข้า ไม่มีเวลาแล้ว"ตงหยางก้มมองดูใบหน้าซีดเซียวของซานเฉียว สุดท้ายเขาจึงตัดสินใจตามทั้งคู่เข้าไปในถ้ำ โดยที่มีเด็กหนุ่มคอยถือไฟฉายส่องทางให้เส้นทางในถ้ำสลับซับซ้อนคล้ายเขาวงกตและยังมีหลายทางให้เลือกเดิน หากไม่ชำนาญทางมีหวังคงต้องเดินวนอยู่ในถ้ำใหญ่แห่งนี้ไปจนตาย ใช้เวลาเกือบ 15 นาที ในที่สุดตงหยางก็เดินมาจนถึงปากทางออกอีกด้านหนึ่งของถ้ำแสงแดดส่งลอดผ่านม่านหมอกและเครือไม้ที่บดบังทิวทัศน์ตรงหน้า ภาพทุกอย่างค่อย ๆ เด่นชัดขึ้นเมื่อตงหยางเดินห่างออกจากตัวถ้ำไปเรื่อย ๆ "ตามมาทางนี้เร็วเข้าพี
ซานเฉียวที่ถูกขังอยู่ในห้อง พอทุกคนออกไปหมดกระท่อมน้อยก็ถูกล็อกจากด้านนอก เธอจึงใช้โอกาสนี้หลบเข้าไปในมิติของเธอทั้งที่มือและเท้าของเธอยังถูกมัดติดกับเก้าอี้อยู่"เอาว่ะ! ยังไงถูกมัดอยู่ในมิติก็ยังดีกว่าถูกมัดอยู่ในห้องนี้"พรึบทันทีที่เข้าไปในมิติด้วยสภาพที่ทุลักทุเล ซานเฉียวต้องใช้แรงที่มีพาตัวเธอกับเก้าอี้กระโดดไปจุดที่เคียวดายหญ้าวางอยู่ตรงโคนต้นไม้ตุ๊บ!ซานเฉียวจำต้องตะแคงข้างให้เก้าอี้ล้มลง แม้จะทำให้แขนของเธอต้องเจ็บจากการถูกเก้าอี้กดทับ แต่มันก็ทำให้เธอคว้าเอาเคียวดายหญ้ามาถือไว้ในมือได้สำเร็จครืด คราด ครืด คราด ครืด คราด"โอ๊ย! ซี๊ดดด"เสียงของเคียวดายหญ้าถูกใช้ตัดเชือกไปมาอยู่ด้านหลัง แต่การที่ไม่สามารถมองเห็นได้ทำให้คมของเคียวดายหญ้าบาดลึกลงที่ผิวหนังบริเวณข้อมือของซานเฉียวจนเลือดซึมออกมา แต่เธอก็ยังไม่ยอมหยุดมือซ้ำยังเร่งมือมัดเชือกออกให้เร็วที่สุดก่อนที่เธอจะไม่มีแรงปึ๊ด"ขาดซักที ซี๊ดด เจ็บชะมัด!"ซานเฉียวรีบประคองตัวเองขึ้นนั่งอย่างยากลำบาก ก่อนที่เธอจะเริ่มลงมือตัดเชือกที่มัดเท้าเธออยู่ ไม่นานเชือกก็ขาด มือและเท้าของเธอก็ได้รับอิสระอีกครั้ง ซานเฉียวเห็นว่าข้างนอกย
วันเวลาผ่านไปจนซานเฉียวกับหาวห่าวกลับไปเรียนตามปกติ ช่วงที่ผ่านมาเสิ่นตงหยางให้คนคอยเฝ้าดูแลทั้งคู่อย่างเข้มงวด กระทั่งถึงตอนนี้จึงผ่อนคลายลงบ้านเพราะทั้งคู่ต่างก็ต้องออกไปใช้ชีวิตกันตามปกติ"เฉิงเฉิง ม่านม่าน พวกเธอขึ้นห้องเรียนไปก่อนเลยนะ เดี๋ยวฉันตามไป"ซานเฉียวที่เพิ่งเดินมาจากโรงอาหารเตรียมจะเข้าเรียนคาบบ่าย แต่รู้สึกปวดท้องจึงขอแยกตัวออกไปเข้าห้องน้ำสักครู่ ทั้งไม่อยากให้เพื่อน ๆ ต้องมารอเธอคนเดียว"แล้วเธอจะไปไหนเฉียวเฉียว""ฉันจะไปเข้าห้องน้ำแป้บนึ่ง พวกเธอขึ้นห้องไปก่อนเลยม่านม่าน เดี๋ยวอาจารย์มาถึงก่อนลำบากแย่เลย""ได้ ๆ งั้นเดี๋ยวฉันเช็กชื่อไว้รอแล้วกัน""จ้ะ" ฮั่วซานเฉียวเดินออกมาจากกลุ่มเพื่อนเพื่อเข้าห้องน้ำหญิง เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ พยายามผ่อนคลายความตึงเครียดจากการเรียน ก่อนจะก้าวเท้าเข้าไปในห้องน้ำที่เงียบสงบ เพราะตอนนี้นักศึกษาต่างก็เร่งฝีเท้าเข้าห้องเรียนกันหมดแล้วแกร๊กซานเฉียวล็อกประตูห้องน้ำแล้วจัดการทำธุระส่วนตัวจนเสร็จ ไม่นานเธอก็เดินออกมาจากห้องน้ำทว่า.. ทันทีที่ประตูห้องน้ำเปิดออก ร่างของชายแปลกหน้าสองคนก็ปรากฏตัวขึ้นด้านหน้าของซานเฉียว"พวกคุณเป็นใคร นี่มันห