โรงพยาบาล B – ชั้นบนสุดของตึกศัลยกรรมประสาท
เสียงกรีดของลิฟต์ดังขึ้นเบา ๆ ก่อนประตูจะเปิดออก เผยให้เห็นทางเดินยาวที่เงียบสงัด มีเพียงแสงจากหลอดไฟสีขาวนวลส่องลงบนพื้นสะอาดสะอ้านที่สะท้อนเงาร่างของใครบางคน “หือ” จันทร์สิตาก้าวเท้าเข้าไป พลางเหลียวมองป้ายชื่อห้องเล็ก ๆ ที่ติดอยู่หน้าประตูไม้ทึบ ห้องผ่าตัด 7 – ผู้รับผิดชอบ: นพ. อนล ศิระภพ “ฟู่ว”เธอสูดหายใจลึก แล้วเดินไปยังมุมห้องพักญาติซึ่งติดกระจกใสสามารถมองลอดเข้าไปยังโซนรอผ่าตัดได้ เขาอยู่ที่นั่นแล้ว อนลในชุดผ่าตัดสีน้ำเงินเข้ม กำลังเช็คผล CT Scan บนจออย่างนิ่งสงบ ใบหน้าคมนั้นถูกปิดครึ่งล่างด้วยหน้ากาก แต่ดวงตานั่นยังคงทรงพลังจนไม่อาจละสายตาได้ “เขาไม่ใช่แค่หมอที่เก่ง” เสียงผู้ช่วยของจันทร์สิตาดังขึ้นเบา ๆ ข้างหู “เขาคือเครื่องจักรที่ไร้ร่องรอยของความลังเลทุกครั้งที่อยู่ในห้องผ่าตัด” “ไร้ร่องรอย...” จันทร์สิตาพึมพำ “แม้แต่ในชีวิตส่วนตัวด้วยสินะ” การเผชิญหน้าที่คาดไม่ถึง เย็นวันนั้น ในโรงอาหารของโรงพยาบาล เธอเจอเขาอีกครั้งโดยไม่ตั้งใจ หรือเธอจงใจเดินเข้าไปหาเขาในจังหวะที่ไม่มีใครอยู่โต๊ะ “คุณหมออนล” เขาเงยหน้าจากถาดอาหารที่แทบไม่ได้แตะ ดวงตาเรียบนิ่งยังคงมองตรงมาโดยไม่สะทกสะท้าน “มีอะไรให้ช่วยไหมครับ คุณ...” “จันทร์สิตา” เธอยิ้มบาง ๆ “ฉันมีเรื่องอยากถามค่ะ” เขาวางช้อนอย่างเป็นระเบียบ “เชิญครับ” “คุณอยู่ที่นี่มานาน แต่ไม่มีใครรู้เรื่องส่วนตัวของคุณเลย คุณไม่เคยให้สัมภาษณ์ ไม่เคยปรากฏตัวในสื่อ ทำไม?” “คุณถามในฐานะฝ่าย CSR หรือในฐานะ...คนแปลกหน้าที่สนใจเรื่องส่วนตัวของผู้อื่น?” เธอยิ้มอีก “ในฐานะคนที่สงสัยค่ะ” เขานิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบเบา ๆ “บางสิ่งยิ่งถูกเปิดเผยมาก ยิ่งไม่มีความปลอดภัย” “แล้วคุณกลัวอะไรคะ?” “ผมไม่ได้กลัว” เขายิ้มจาง ๆ เป็นครั้งแรก “แต่ผมไม่ประมาท” เธอเริ่มรู้สึก... “เขามีบางอย่างที่ปิดไว้” จันทร์สิตาพูดระหว่างทางกลับที่พัก “แต่ฉันกลับรู้สึกว่า...เขาไม่ได้พยายามปิด เพราะกลัวถูกเปิดโปง เขาแค่...เลือกจะไม่ให้ใครเข้ามา” “หรือเพราะเคยให้ใครเข้ามา แล้วเจ็บ?” ผู้ช่วยแย้มยิ้มเย้า จันทร์สิตาไม่ตอบทันที เธอแค่ถอนหายใจ แล้วพึมพำกับตัวเอง “นั่นสิ...ผู้ชายที่ควบคุมได้ทุกอย่าง ทำไมถึงมีแววตาเศร้าขนาดนั้นเวลามองออกไปนอกหน้าต่าง” คืนนั้น จันทร์สิตาได้รับไฟล์ที่ทีมแฮกเกอร์ของเธอส่งมาให้ เป็นรายชื่อผู้บริจาคนิรนามรายใหญ่ของโรงพยาบาลในช่วงห้าปีย้อนหลัง ‘A.S.’ – บริจาครวมกว่า 300 ล้านบาท เธอกดเปิดข้อมูลภายในลึกลงไป ที่อยู่: ตึกบัญชาการเก่าของกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ที่เคยมีข่าวพัวพันกับกลุ่มอิทธิพลมืด ไม่มีใครรู้ว่าใครอยู่เบื้องหลังเงินนี้ แต่มันผูกกับการซื้อเครื่องมือผ่าตัดพิเศษในแผนกของหมออนลทุกครั้ง “เขาไม่ใช่แค่หมอธรรมดาแน่”ดวงจันทร์ลอยอยู่เหนือแม่น้ำสะท้อนบนผืนน้ำที่นิ่งงันราวกับกระจกแผ่นใหญ่ แต่ในใจของใครบางคนกลับปั่นป่วนอย่างไม่อาจสงบลงได้ง่าย ๆ จันทร์สิตายืนกอดอกอยู่ตรงระเบียงมืด ดวงตาของเธอทอดมองไปยังผืนน้ำอย่างครุ่นคิด คำพูดของหมออนลในค่ำคืนนั้นยังวนเวียนอยู่ในหัว…“ผมอยู่ในวันที่พ่อคุณหายตัวไป”คำพูดเพียงประโยคเดียว เหมือนโยนระเบิดลูกใหญ่เข้าใส่ใจกลางความทรงจำของเธอพ่อ… ชายผู้หายตัวไปจากชีวิตเธออย่างไร้ร่องรอยเมื่อสิบห้าปีก่อน ทิ้งเพียงคำสั่งเสียที่ไม่มีใครเข้าใจ“อย่าไว้ใจระบบ… จงมองคนจากสิ่งที่เขาไม่ยอมพูด”เธอไม่เคยลืมประโยคนั้น และคืนนี้… จู่ ๆ ก็ดูเหมือนมันจะกลับมามีความหมายอีกครั้งเสียงเคาะประตูเบา ๆ ดังขึ้นจากทางเข้าห้องพัก เธอหันกลับไปเล็กน้อยก่อนเอ่ยเสียงเบา“เปิดเข้ามาได้ค่ะ”ประตูเปิดออกอย่างช้า ๆ ก่อนจะเผยร่างสูงในชุดเสื้อเชิ้ตสีกรมและกางเกงสแลคสีเข้มอนล ศิระภพ เดินเข้ามาโดยไม่พูดอะไร ร่างกายสูงสง่าของเขาราวกับกลืนกับความมืดรอบห้อง แต่แววตานั้นกลับคมชัดจนน่ากลัว“คุณยังไม่นอนอีก” เขาถามเบา ๆ“คุณก็เหมือนกัน” เธอตอบโดยไม่หันกลับไปมองเขาเดินมายืนข้างเธอ ห่างแค่ระยะห
สายลมในยามเช้าอบอุ่นและปลอดโปร่งกว่าคืนก่อน แต่ในใจของจันทร์สิตายังเต็มไปด้วยคำพูดที่เขากระซิบข้างหู — อย่าทำตัวเหมือนนางเอกที่คิดว่าความลับของพระเอกจะโรแมนติกเสมอเธอคิดวนอยู่กับคำคำนั้นไม่หยุดตลอดเช้า แม้กระทั่งในเวลาที่ควรจดจ่อกับงานของตน เธอเลือกไปนั่งที่ระเบียงกาแฟด้านหลังโรงพยาบาล แสงแดดอ่อน ๆ ยามสายสาดกระทบผิวของเธอ จนใบหน้าสวยนั้นดูนุ่มนวลกว่าทุกวัน“มาคนเดียวอีกแล้วเหรอครับ?”เสียงนั้นดังขึ้นจากด้านหลัง ทำให้เธอชะงัก มือที่ถือแก้วกาแฟสั่นเล็กน้อยก่อนจะวางลงช้า ๆ“หมออนล” เธอเอ่ยชื่อของเขาโดยไม่ได้หันกลับไปมองเขาเดินอ้อมมานั่งที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้าม สีหน้าราบเรียบ แต่ในแววตานั้นคล้ายมีรอยยิ้มบาง ๆ“ขอโทษที่เมื่อวานพูดแรงไป” เขาเอ่ยเธอสบตาเขาตรง ๆ “เพราะฉันกำลังล้ำเส้นใช่ไหมคะ?”“เพราะคุณอาจเจอสิ่งที่ไม่ควรรู้”เสียงลมพัดผ่านต้นไม้ในสวนหลังโรงพยาบาลอย่างแผ่วเบา กลิ่นดอกไม้ปนกับกลิ่นยาปฏิชีวนะจากอาคารข้างเคียง“คุณเคยคิดอยากมีชีวิตธรรมดาไหมคะ?” จันทร์สิตาถามโดยไม่มองเขาเขาเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ “เคย… แต่ผมไม่มีสิทธิ์เลือกตั้งแต่ยังไม่ทันโตเต็มวัย”“แล้ว
ห้องสมุดชั้นล่างของโรงพยาบาล B เงียบสงบในเวลาเกือบค่ำ แสงจากโคมไฟหัวโต๊ะส่องสว่างเฉพาะจุด ท่ามกลางกลิ่นกระดาษเก่าที่ไม่อาจปกปิดได้แม้จะเป็นสถานที่ทันสมัยแค่ไหนก็ตามจันทร์สิตานั่งอยู่มุมหนึ่ง สายตาไล่ไปตามเอกสารปึกหนาที่เธอแอบดึงออกจากคลังข้อมูลลับของโรงพยาบาล — แบบฟอร์มขอเครื่องมือผ่าตัดชนิดพิเศษ พร้อมลายเซ็นดิจิทัลที่ถูกเข้ารหัส“ทั้งหมดนี้…ผูกกับชื่อของเขา” เธอกระซิบกับตัวเอง ขณะพลิกดูเอกสารหน้าแล้วหน้าเล่า “แต่วิธีขอ ไม่ผ่านระบบราชการของโรงพยาบาล…เขาใช้สิทธิ์พิเศษอะไรบางอย่าง”เธอไม่ใช่นักสืบมือใหม่ การดูข้อมูลแบบนี้คล้ายการคลำในความมืด แล้วค้นหาแสงเล็ก ๆ ที่รั่วออกมาจากรอยแยกของความลับและในที่สุด…เธอก็เจอชื่อหนึ่งซ้ำ ๆดร. ก้องภพ ศิระภพ“นามสกุลเดียวกัน…”เธอล้วงโทรศัพท์ขึ้นมาค้นประวัติเบื้องต้น แต่ข้อมูลแทบไม่มี มีเพียงข่าวเล็ก ๆ เมื่อหกปีก่อน — นักธุรกิจด้านอาวุธรายใหญ่ หายตัวไปกะทันหัน ทิ้งบริษัทที่ไร้เจ้าของ และ…ข่าวลือเรื่องการถูกลอบสังหาร“คุณหมออนลให้เชิญคุณไปรับประทานอาหารกลางวันร่วมกันที่ห้องพักแพทย์ค่ะ”จันทร์สิตาหันไปมองพยาบาลสาวที่ยืนส่งยิ้มหวาน เหมือนข่าวลือว่าหมออน
โรงพยาบาล B – ชั้นบนสุดของตึกศัลยกรรมประสาทเสียงกรีดของลิฟต์ดังขึ้นเบา ๆ ก่อนประตูจะเปิดออก เผยให้เห็นทางเดินยาวที่เงียบสงัด มีเพียงแสงจากหลอดไฟสีขาวนวลส่องลงบนพื้นสะอาดสะอ้านที่สะท้อนเงาร่างของใครบางคน“หือ” จันทร์สิตาก้าวเท้าเข้าไป พลางเหลียวมองป้ายชื่อห้องเล็ก ๆ ที่ติดอยู่หน้าประตูไม้ทึบห้องผ่าตัด 7 – ผู้รับผิดชอบ: นพ. อนล ศิระภพ“ฟู่ว”เธอสูดหายใจลึก แล้วเดินไปยังมุมห้องพักญาติซึ่งติดกระจกใสสามารถมองลอดเข้าไปยังโซนรอผ่าตัดได้เขาอยู่ที่นั่นแล้วอนลในชุดผ่าตัดสีน้ำเงินเข้ม กำลังเช็คผล CT Scan บนจออย่างนิ่งสงบ ใบหน้าคมนั้นถูกปิดครึ่งล่างด้วยหน้ากาก แต่ดวงตานั่นยังคงทรงพลังจนไม่อาจละสายตาได้“เขาไม่ใช่แค่หมอที่เก่ง” เสียงผู้ช่วยของจันทร์สิตาดังขึ้นเบา ๆ ข้างหู “เขาคือเครื่องจักรที่ไร้ร่องรอยของความลังเลทุกครั้งที่อยู่ในห้องผ่าตัด”“ไร้ร่องรอย...” จันทร์สิตาพึมพำ “แม้แต่ในชีวิตส่วนตัวด้วยสินะ”การเผชิญหน้าที่คาดไม่ถึงเย็นวันนั้น ในโรงอาหารของโรงพยาบาล เธอเจอเขาอีกครั้งโดยไม่ตั้งใจ หรือเธอจงใจเดินเข้าไปหาเขาในจังหวะที่ไม่มีใครอยู่โต๊ะ“คุณหมออนล”เขาเงยหน้าจากถาดอาหารที่แทบไม่ได้แตะ
“ยิ้มอีกนิดสิคะคุณจันทร์ กล้องจะได้รัก”เสียงจากช่างภาพหนุ่มดังขึ้นพร้อมแฟลชวาบ หญิงสาวเจ้าของชื่อเพียงกระตุกยิ้มเล็กน้อย มุมปากที่ยกขึ้นนิดเดียวกลับเต็มไปด้วยแรงดึงดูดราวกับกำลังปิดบังอะไรบางอย่างเอาไว้เธอสวมเดรสซาตินแดงเข้มที่แนบไปกับร่างระหง ผิวขาวอมชมพูทำให้แสงไฟที่สะท้อนบนเนื้อผ้าเหมือนเล่นกล เส้นผมสีน้ำตาลเข้มถูกรวบหลวม ๆ ดวงตาคมลึกของเธอมองกล้องโดยไม่มองใครเลย“ได้แล้วครับ!” ช่างภาพยกนิ้ว เขาหันไปพึมพำกับทีม “สวยแบบนี้ไม่ต้องรีทัช”แต่เธอไม่ได้ยิน และถ้าจะได้ยินก็คงไม่ใส่ใจ จันทร์สิตาหันหลังให้แสงไฟ ก้าวเดินออกจากสตูดิโอราวกับทุกการเคลื่อนไหวผ่านการซ้อมมาอย่างแม่นยำ ผู้ช่วยสาวของเธอรีบวิ่งตามมาพร้อมแฟ้มเอกสาร“คุณจันทร์คะ เย็นนี้มีงานเลี้ยงต้อนรับของเครือโรงพยาบาลใหญ่ที่เราจะเข้าไปร่วมงานด้วย ให้ฉันตอบรับไหมคะ?”“ไม่” เธอพูดทันที โดยไม่หันกลับไปมอง“แต่ในลิสต์แขกมีบอร์ดบริหารหลายท่านเลยนะคะ ถ้าเราสร้างสัมพันธ์ไว้ก่อน—”“ฉันไม่ได้สนใจบอร์ดพวกนั้น” เธอหยุดกะทันหัน ทำให้ผู้ช่วยแทบชนหลัง“ฉันสนใจคนที่ไม่มีข้อมูล” เธอพลิกแฟ้มขึ้น “หมออนล ศิระภพ ศัลยแพทย์สมองที่ไม่มีประวัติในโลกออนไ