แชร์

ตอนที่ 3 เอาชนะ

ผู้เขียน: ฟู่จินเฟย
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-02-17 16:22:53

“ท่านย่าของขวัญชิ้นนี้ของหลานเป็นผ้าปักคำอวยพร เชิญท่านย่าเจ้าค่ะ” ชิงเยว่ผายมือเชื้อเชิญให้ผู้เป็นย่าได้ดูผ้าสีทองที่สาวใช้นำมากางออก ทันทีที่ผ้ากางออกก็เกิดเสียงฮือฮาขึ้นในงานเพราะภาพปักรูปนกกระเรียนเหยียบบนกิ่งสนยืนต้นตาย ซ้ำปีกนกกระเรียนยังปักให้คล้ายกำลังจะทะยานโบยบินอีกเสียนี่ จึงทำให้เกิดเสียงฮือฮาขึ้นเซ็งแซ่จนทำให้ชิงเยว่ยิ้มย่องในใจ

โดยหารู้ไม่ว่าบัดนี้ในงานถูกแบ่งออกเป็นสองฝั่ง ฝั่งขุนนางและบรรดา     ฮูหยินที่รู้เพียงความหมายด้านเดียวมิรู้จักตีความต่างแย้มยิ้มชื่นชมคุณหนูรองที่มีความสามารถปักลายผ้าออกมาได้ประณีตซ้ำความหมายล้ำลึก แต่หากฝ่ายบัณฑิตเล่าต่างกลืนน้ำลายฝืด ๆ สีหน้าเจื่อนเต็มที รวมไปถึงจ้าวหยางและเหออ๋องต่างก็มีสีหน้าไม่สู้ดีนัก

‘แปะ ๆ ๆ’

“ล้วนงดงาม ๆ อะเอ่อหลานย่าไม่ว่าเจ้าปักสิ่งใดย่าก็ล้วนชอบ ๆ หลานย่าช่างมีความสามารถจริง ๆ ขอบคุณ ๆ”

สีหน้าของเหล่าฮูหยินเองก็ยิ้มเพียงครึ่งมิเต็มปาก เอ่ยน้ำเสียงเพียงแบ่งรับแบ่งสู้เพียงเท่านั้น ความผิดปกติที่รับรู้ได้ทำให้ชิงเยว่และซูฉีฮูหยินเริ่มรู้ตัว สองแม่ลูกได้แต่หันมองหน้ากันคล้ายสงสัยก่อนนางจะกลับเข้ามานั่งประจำที่ตนเมื่อถึงคราผู้เป็นพี่สาวนำของขวัญมามอบบ้าง

“ท่านย่าเจ้าคะ น้องรองยังเด็กและซูเหยาเกรงว่าท่านบัณฑิตที่รู้ความหมายอีกแง่ของภาพปักของน้องรองจะมิสบายใจ แต่อย่าได้ถือสานางเลยเจ้าค่ะซูเหยาเชื่อว่าในงานวันนี้ก็มีบางท่านที่ยังมิรู้ความหมายอีกแง่ของมัน ช่างบังเอิญเสียจริงเราสองพี่น้องจิตใจตรงกันภาพปักนกกระเรียนคู่สนนี้ซูเหยาเองก็ตั้งใจปักขึ้นเพื่ออวยพรให้ท่านย่าเช่นกันเพียงแตกต่างเล็กน้อยเจ้าค่ะ ถานเยว่ ” เสียงหวานที่พูดเชื้อเชิญอย่างจงใจเสียดสีคุณหนูรองนั้นทำให้ผู้คนในงานมิทันได้เฉลียวใจ แต่หยางจวิ้นอ๋องนั้นกลับมองได้อย่างทะลุปรุโปร่งว่าซูเหยานั้นต้องการทำสิ่งใด และสองแม่ลูกก็ถึงกับควันอออกหูเลยทีเดียวพวกนางแทบเก็บอารมณ์ไว้ไม่มิดเมื่อรู้ตัวว่าถูกซูเหยาเล่นงานเข้าเสียแล้ว

“หยางเอ่อร์ ๆ ข้าว่าครอบครัวนี้น่าสนใจดีเสียจริง หึ ๆ คุณหนูใหญ่ผู้นี้แสบอยู่มิน้อยทีเดียวล่ะ นางเอ่ยตำหนิผู้อื่นได้อย่างแยบยลนักเกรงว่าครอบครัวเสนาบดีหลินนั้นจะมีคลื่นใต้น้ำเข้าให้แล้วล่ะ ฮ่า ๆ ” เหออ๋องยกสุราขึ้นจิบพร้อมชมเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างสนใจและรู้สึกบันเทิงอยู่มิน้อย

“หึ! นางจิตใจชั่วร้ายต่างหากเล่าท่านอา” จ้าวหยางเอ่ยมิผิด เขารึจะดูนางไม่ออกใบหน้างดงามที่ซ่อนความร้ายกาจไว้ล่อลวงผู้อื่น เกรงว่าเหตุการณ์วันนี้ก็เป็นนางที่ตั้งใจกลั่นแกล้งชิงเยว่ แม้ในใจจะไม่พอใจแต่จ้าวอ๋องยังคงท่าทีนิ่งเฉยมองซูเหยาแสดงต่อนิ่ง ๆ

“ท่านอ๋อง” ชิงเยว่เมื่อดูท่าแล้วครานี้เป็นนางที่เพลี่ยงพล้ำจึงหันมาส่งสายตาน่าสงสารกับหยางจวิ้นอ๋องเพื่อขอความเห็นใจแทน และไม่ผิดนางได้รับฝ่ามือใหญ่ของเขาตบเข้าเบา ๆ ที่มือเพื่อปลอบประโลมนั่นทำให้นางแย้มยิ้มออกมาได้ ข้าเสียหน้าแล้วอย่างไรเล่าซูเหยาขอแค่ตอนนี้ท่านอ๋องเข้าใจข้าก็เป็นพอ นี่มิใช่หรือที่เป็นชัยชนะที่แท้จริง หึ!

ซูเหยาที่บัดนี้รอสาวใช้เปิดม้วนผ้าที่นางปักอยู่และด้วยที่ยืนหันหลงให้จ้าวอ๋องจึงมิได้ทันเห็นท่าทีคลอเคลียกันของทั้งสอง

“ท่านย่าภาพของหลานนี้ก็เป็นนกกระเรียนคู่สนเจ้าค่ะ เพียงต้นสนของหลานเป็นต้นสนที่เขียวชะอุ่มหมายถึงท่านย่าที่สู่ฟันฝ่าความยากลำบากเสียหลายปีจนนำพาตระกูลหลินของเราให้ยิ่งใหญ่และอุดมสมบูรณ์มาจนทุกวันนี้ และนกกระเรียนที่หลานปักนี้ก็เพื่ออาศัยความหมายอวยพรให้ท่านย่าแข็งแรงอายุยืนนานเจ้าค่ะ ” ซูเหยากล่าวจบก็แย้มยิ้มโค้งคำนับขอบคุณเสียงปรบมือจากบรรดาแขกในงานอย่างนอบน้อม ก่อนจะชะงักพลันรอยยิ้มจางหายเมื่อเห็นท่าทางสนิทสนมกันของจ้าวหยางและน้องสาวตนเข้า เพียงครู่ก็ปรับสีหน้าท่าทางเป็นปกติเมื่อท่านย่าเรียกนางเข้าไปกอดพร้อมทั้งมอบรางวัล

“คุณหนูใหญ่นางช่างลึกล้ำภาพปักนี้ของนางสื่อความหมายตรงไปตรงมาเปิดเผย ความหมายมีเพียงด้านเดียวมิมีแอบแฝง ท่านหลินช่างมีบุตรสาวที่ทั้งงดงามและฉลาดเฉลียวเพียบพร้อมด้วยสติปัญญายิ่งนักขอรับ”

“นั่นหนะสิ ข้าเห็นด้วย ๆ นางยังมิออกเรียนมิใช่หรือ เห็นทีข้าต้องลองให้แม่สื่อมาทาบทามกับท่านหลินแล้วหล่ะ”

“นางช่างงามและเฉลียวฉลาดเสียจริง”

“ฮ่า ๆ ไม่ขนาดนั้นหรอก ซูเหยาวันนี้เจ้าหนะทำดีมากดูท่านย่าเจ้าสิยิ้มเสียไม่หยุดเลยนั่น” เสนาบดีหลินพูดอย่างอารมณ์ดีก่อนจะยกเหล้ามงคลเชิญชวนแขกในงานให้ร่วมดื่ม

“ขอบคุณเจ้าค่ะ” ซูเหยาแย้มยิ้มที่ผู้เป็นพ่อเอ่ยชม

“หลานรักของย่าเจ้าช่างเป็นเด็กดี ดูสิมือเจ้า มือสวย ๆ คู่นี้ต้องทนปักผ้าผืนใหญ่ขนาดนี้ช่างกตัญญูเสียจริง มา ๆ อ่ะนี้กำไลหยกนี้ย่าสวมมิเคยถอดเป็นของแทนใจของปู่เจ้า หยกมันแพะของฮองเฮาจิ้นหนาน เกรงว่าบัดนี้คงราคาสูงลิ่วและเป็นของล้ำค่าหายากแล้วล่ะ เจ้าเก็บเอาไว้นะ ไหนมาดูซิ อืม ๆ เข้ากับข้อมือสวย ๆ นี้ของหลานย่าเสียจริง” เหล่าฮูหยินทั้งกอดทั้งหอมหลานรักอย่างเอ็นดู หลานคนนี้นางเลี้ยงมาเองกับมือด้วยมารดาเสียไปตั้งแต่ยังเล็กจึงรักนางมากเป็นพิเศษ

“ขอบคุณเจ้าค่ะท่านย่า แต่ว่าหลานว่าของแทนใจของท่านปู่นี้...” แม้       ซูเหยาจะลำบากใจที่จะรับไว้แต่นางก็พ่ายแพ้ต่อท่านย่าอยู่ดี

“ท่านย่าเจ้าคะ” ซูเหยากำชับอ้อมกอดผู้เป็นย่าสายตาไหวระริกมอง   จ้าวหยางและชิงเยว่ที่พะเน้าพะนอกันในใจร้าวราน และหยางจวิ้นอ๋องก็กะไรอยู่เขามิเห็นรึไรว่านางมองอยู่เหตุใดถึงแสดงออกโจ่งแจ้งนัก ต่อหน้าแขกในงานมากมายเขาอยากประกาศความสัมพันธ์กับน้องรองของนางเลยรึไรกัน และตลอดทั้งงานเลี้ยงอันคึกครื้นซูเหยากลับใจอยู่ไม่สุขเลยตลอดทั้งงาน นางได้แต่กำมือแน่นทนพูดคุยกับบรรดาเหล่าคุณชายคนอื่น ๆ ที่เข้ามาทักทาย โดยที่สายตาคอยวนเวียนเฝ้ามองแต่หยางจวิ้นอ๋องที่นั่งพูดคุยกับผู้เป็นบิดา และข้างกายเขานั้นมี  ชิงเยว่นางคอยปรนนิบัติอยู่ไม่ห่างอย่างเจ็บแค้นในใจ

‘ไม่! นางมิยินยอม เหตุใดจ้าวหยางถึงได้ทำเช่นนี้ ทั้งที่เขาและนางนั้น หึ! ชิงเยว่ในเมื่อจะเป็นศัตรูกับข้าเจ้าก็จงเตรียมรับความพังพินาศไปเสียเถอะ’

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ข้าลุ่มหลง แต่พระองค์กลับไร้ใจ   ตอนที่ 44 ครรลอง ของสองเรา

    หลังจากดูถูกหยางจวิ้นอ๋องครานั้นซูเหยาก็ไม่คิดจะทำอีกเลย เขาพละกำลังล้นเหลือราวม้าศึกมิรู้จักเหน็ดเหนื่อยจนซูเหยาประจักษ์แจ้งแก่ใจนัก หลังจากวันนั้นนางก็ร่างกายอ่อนแรงนี่ก็เข้าเดือนที่สองแล้วกระมังที่นางมักเวียนศีรษะอยู่บ่อย ๆ อีกทั้งยังต้องเทียวไปมาระหว่างจวนตระกูลหลินกับตำหนักป่าไผ่ทำให้หลายวันมานี้นางถึงกับทนไม่ไหวเวียนศีรษะจนสำรอกออกมาเสียกลางทาง ทั้งร่างกายมิมีแรงไหนจะทั้งรู้สึกง่วงนอนอยู่ตลอดเวลาอีกเล่าแต่อาการเหล่านี้นั้นช่างน่าประหลาดยิ่งซูเหยาค้นพบว่าอาการนางจะทุเลาลงถึงขั้นหายไปเมื่อได้สูดดมกลิ่นกายของหยางจวิ้นอ๋อง ซึ่งน่าประหลาดนักทำให้หลัง ๆ มานี้จากที่เขาติดนางกลายเป็นนางที่ติดเขาแทนไปเสียแล้ว“ท่านอ๋อง”“ซูเหยาลุกขึ้นก่อนเถิดท่านหมอมาแล้ว” ซูเหยาฝืนอาการเวียนศีรษะหน้ามืดนางพยายามมองดูจ้าวหยางแต่กลับพบว่าบัดนี้มิได้มีเพียงหมอหลวง กลับมีญาติฝั่งนางมาครบอีกแม้กระทั่งพระชายาและท่านปู่ของเขาก็ยังมาด้วย นางเห็นเช่นนั้นก็พยายามลุกขึ้นเพื่อถวายความเคารพ แต่ก็ถูกผู้ใหญ่ทัดทานเอาไว้เสียก่อนเมื่อเห็นใบหน้านางซีดเผือดมิสู้ดีนัก“ซูเหยาเจ้าไม่ต้องลุก ๆ นอนลง ๆ เดี๋ยวให้หมอหลวงตรวจให

  • ข้าลุ่มหลง แต่พระองค์กลับไร้ใจ   ตอนที่ 43 คลี่คลาย

    [จวนตระกูลหลิน]ซูเหยาบัดนี้รู้สึกอึดอัดเป็นอย่างมากเมื่อบิดาเอาแต่จ้องตนแต่มิยอมพูดจา นางจึงได้แต่ก้มหน้าแล้วจับชายอาภรณ์พลิกไปพลิกมาแทนเมื่อเริ่มรู้ถึงสถานการณ์กดดัน และเป็นนางที่เป็นฝ่ายทนไม่ไหวต้องยอมเอ่ยปากกับผู้เป็นบิดาก่อน ส่วนท่านย่านั้นมิได้ถูกเชิญออกมากลัวว่าได้ยินเรื่องราวของนางแล้วเดี๋ยวเป็นการซ้ำเติมอาการเข้าไปใหญ่“ท่านพ่อ...”“เจ้ารู้ความผิดตัวเองรึไม่!” หลินเจียงเอ่ยด้วยใบหน้าเข้มน้ำเสียงราบเรียบจนซูเหยานึกขยาดเสียวสันหลังวาบดวงตาเริ่มแดงก่ำเจือด้วยหยาดน้ำวาววับ“ทะท่านพ่อลูกผิดไปแล้วเจ้าค่ะ ขะข้าทำให้ท่านต้องเสื่อมเสีย ละลูก”“นางมิผิด หากจะผิดล้วนเป็นข้าที่ผิด” จ้าวหยางที่นึกเป็นห่วงนางหลังพูดคุยกับมารดาเสร็จก็รีบควบม้าวิ่งทะยานตรงมาหานางที่จวนในทันที“ทะท่านอ๋อง” เสนาบดีเจียงลุกขึ้นทำความเคารพตามปกติแต่บรรยากาศโดยรอบนั้นกลับเต็มไปด้วยเมฆหมอกอึมครึม“ท่านหลินเป็นข้าทั้งนั้นที่ผิดเจ้าอย่าได้โทษนาง ทุกอย่างที่เกิดขึ้นล้วนถูกล่อลวงจากข้าทั้งนั้น”“ไม่ใช่นะเจ้าคะท่านพ่อ มิใช่เช่นนั้นเป็นข้าเองที่ชอบท่านอ๋องมาก” ซูเหยาที่นึกกลัวผู้เป็นพ่อที่มีท่าทางเอาจริงเอาจังอย่างที่ไม

  • ข้าลุ่มหลง แต่พระองค์กลับไร้ใจ   ตอนที่ 42 โฉมหน้าที่แท้จริิง

    การที่องค์ชายรองประคองมารดาเดินมาชมบุปผาในอีกด้านนั้นก็พอดีกับเหล่าขุนนางที่ว่าราชการจบ ไท่จื่อเฟยจึงได้ถือโอกาสเชิญพวกเขามาดื่มชา ชมบุปผางามเพื่อผ่อนคลายจากงานราชกิจ โดยทุกอย่างนั้นล้วนถูกจ้าวหยางและมารดาจัดแจงความเป็นไปไว้เสียหมดสิ้น“ท่านแม่ ๆ ท่านแม่ว่าป่านนี้พี่สาวของข้านางจะเป็นเช่นไรบ้างเจ้าคะ หึ!”.”ก็คงนอนตายอยู่ใต้หน้าผาลึกแล้วกระมัง ฮ่า ๆ ช่างเถอะคนมันไม่มีวาสนาก็เหมือนแม่นางนั้นแหละ ชะตาอาภัพผู้ใดจะคิดกันเล่านังเด็กซูเหยานั้นออกจะเก่งกาจจะมาตายง่ายดายถึงเพียงนี้ หึ ๆ”“แต่ท่านแม่หากท่านพ่อรู้เล่าเจ้าคะ ท่านพ่อต้องถามหานางแน่ ๆ” ชิงเยว่เมื่อนึกถึงผู้เป็นพ่อขึ้นมาก็กลับเกิดหวาดกลัวขึ้นในใจ“พ่อเจ้าหนะรึโง่สิ้นดีหนะสิ ขนาดฮูหยินใหญ่นางตายเพียงข้าโกหกเพียงนิด บีบน้ำตาเสียหน่อยเขาก็คิดเสียแล้วว่าการตายของนางเป็นอุบัติเหตุ” ซูฉีที่นางมั่นใจเพียงนี้นั้นก็เพราะตระกูลนางกว้างขวางซ้ำร่ำรวยทำสิ่งใดจึงมิต้องได้เปลืองแรงมากนัก สองแม่ลูกพูดคุยกันเพลิดเพลินโดยหารู้ไม่ว่าบัดนี้คนที่อยู่นอกห้องนั้นได้ยินถ้อยคำพวกนางเสียหมดสิ้น“ซูฉี! หลินชิงเยว่! ” เสนาบดีหลินเดินออกมาอย่างเลื่อนลอยแต่ใ

  • ข้าลุ่มหลง แต่พระองค์กลับไร้ใจ   ตอนที่ 41 กระชากหน้ากาก

    “ท่านแม่ ๆ มีเทียบเชิญเข้าเฝ้าพระชายาเช่นนั้นรึเจ้าคะ” ชิงเยว่รีบวิ่งหน้าตั้งมาหาผู้เป็นมารดาที่เรือน หลายวันมานี้นางมิต้องสำรวมสิ่งใด ท่านย่าป่วย ท่านพ่ออยู่ว่าช่วยราชกิจฝ่าบาทในวัง อีกทั้งนังพี่สาวตัวดีหายสาบสูญ ดูเถิดคนในเรือนนางยังคิดว่านายหญิงพวกมันอยู่ที่ตำหนักป่าไผ่ หึ! เป็นซากศพเฝ้าหน้าผาลึกต่างหากเล่า ช่วยมิได้ใครใช้ให้เจ้ากล้ามาแย่งชิงความชอบขององค์ชายรองกับข้า“ใช่ ๆ เจ้าหนะหัดสำรวมเสียบ้าง ไม่เช่นนั้นเกิดผู้ใดทะเล่อทะล่าเข้ามาเห็นเข้าแล้วเอาไปพูดต่อละก็ไม่ดีแน่” ซูฉียิ้มปริ่มนึกปลาบปลื้มในใจที่เทียบเชิญเขียนชื่อชิงเยว่กับนางเพียงสองคน ไม่มีชื่อนังเด็กซูเหยา ใช่สิ! จะมีได้เช่นไรในเมื่อนางส่งมันไปหาแม่มันด้วยมือตนเอง หึ!“แม่นมอวิ๋นเร็วเข้าไปเตรียมรถม้าให้เร็ว ข้าจะพาลูกข้าไปซื้อหาอาภรณ์ใหม่เสียหน่อยเข้าวังครานี้จะน้อยหน้าสตรีอื่นได้เช่นไร”“เจ้าค่ะฮูหยิน”“ท่านแม่ดีที่สุด วันพรุ่งลูกต้องโดดเด่นกว่าใครในงานชมบุปผาให้ได้” ชิงเยว่ยิ้มอีกทั้งกอดแขนมารดาอย่างออดอ้อน[ตำหนักเทียนจื่อ]“ท่านอ๋องพระองค์อยู่นิ่ง ๆ เถิดเลิกกลั่นแกล้งข้าเพียงครู่ ข้าขอดูเหล่าบรรดาคุณหนูพวกนั้น

  • ข้าลุ่มหลง แต่พระองค์กลับไร้ใจ   ตอนที่ 40 พยานรัก

    “แค่ก ๆ” เสียงไอแห้ง ๆ ติดกันเรียกความสนใจให้จ้าวหยางที่อ่านฎีกาต้องรีบวางมือและเข้ามาโอบประชิดร่างบางเข้าแนบอก พร้อมฝ่ามือใหญ่ที่ลูบตามตัวนางไปมาอย่างต้องการปลอบประโลม“ซูเหยาเป็นเช่นไร ยังเจ็บส่วนใดอยู่รึไม่ ข้าขอโทษ ๆ ข้าไม่น่าเอาแต่ใจนัดเจ้าออกมาวันนี้เลยจริง ๆ ข้าขอโทษ หากว่าข้าไปช่วยไว้ไม่ทันป่านนี้ ๆ เกรงว่าข้าคงจะเสียเจ้าไปแล้ว” จ้าวหยางพูดทั้งหมดความที่มีอยู่ในใจเสียหมดสิ้นจนทำให้ซูเหยาที่ถูกกดศีรษะให้แนบชิดฝังแน่นกับอกแกร่งต้องลอบยิ้มกับแผ่นอกกว้างทั้งน้ำตา พร้อมกับมือบางที่ค่อย ๆ ยกขึ้นทำทีคล้ายจะกอดตอบ นางชั่งใจอยู่เพียงครู่ก่อนจะตัดสินใจโอบกอดร่างหนาไว้เฉกเช่นกัน“ซูเหยา” จ้าวหยางที่รับรู้ว่านางกอดตอบตนมาเช่นนั้นก็เผยยิ้มดีใจ ทั้งสองตกอยู่ในห้วงภวังค์ของกันและกันมีเพียงเสียงลมหายใจระหว่างกันให้ได้ยิน ซ้ำไร้การเอื้อยเอ่ยบทสนทนาใด ๆ ออกมาใช้เพียงใจและกายสื่อความรู้สึกถึงกันและกัน“องค์ชาย...อะเอ่อคือกระหม่อม คือกระหม่อมว่าควรออกไปดีกว่าพ่ะย่ะค่ะ” เหยียนเฟิงที่บังเอิญเข้ามาถูกจังหวะก็รีบหันตัวกลับแทบจะในทันที ก่อนจะเอ่ยเสียงตะกุกตะกักจนจ้าวหยางเอ่ยออกคำสั่งให้รายงานได้จึงได้

  • ข้าลุ่มหลง แต่พระองค์กลับไร้ใจ   ตอนที่ 39 ลอบทำร้าย

    หลังจากวันนั้นซูเหยาก็รู้สึกหายใจโล่งนักที่หยางจวิ้นอ๋องมิได้มาตามตื้อก่อกวนนาง แต่นั้นเพียงกลางวันกลางคืนเล่าท่านอ๋องกลับทำตัวเป็นโจร บุปผาลอบเข้าออกเรือนนางราวเรือนตน ทั้งที่นางจ้างคนมาเฝ้าเรือนนางมากขึ้นแต่นั่นก็มิได้เป็นอุปสรรค ทั้งนางข่มขู่ก็แล้ว ต่อว่าก็แล้ว นางใช้สารพัดวิธีแต่ก็มิอาจขัดขวางเขาได้ และเหตุผลที่ให้แก่นางคือ ทำลูกและวันนี้เป็นอีกวันที่นางถูกเขาเชิญให้ไปตำหนักป่าไผ่เหตุผลแกมข่มขู่คือให้หมอหลวงตรวจชีพจรว่านางนั้นท้องแล้วรึไม่ และเป็นนางเองที่เริ่มคิดแล้วว่าสรุปเป็นผู้ใดกันแน่ที่อยากมีลูกเขานั้นดูจริงจังกว่านางมากนัก ซ้ำยังน่าไม่อายกลับกางตำรากามสูตรบ้าบอนั่นให้นางดูถึงท่วงท่าทำรักที่ว่าท่าใดได้บุตรชายท่าใดได้บุตรสาวอีกทั้งให้นางเลือก องค์ชายรองผู้นี้เดิมทีสุขุมเยือกเย็นมาบัดนี้นางกลับค้นพบอีกตัวตนหนึ่งของเขาเข้าเสียอย่างนั้น“คนหน้าไม่อายชิ!” ซูเหยาที่เดินทางมาเพียงลำพังโดยเข้าใจว่าขึ้นรถม้าที่นางขึ้นนั่งนั้นเป็นของตำหนักป่าไผ่ส่งมารับ จึงได้แต่บ่นต่อว่าหยางจวิ้นอ๋องกับลมกับฟ้าโดยหารู้ไม่ว่ารถม้าที่ตนนั่งมานั้นหาใช่ของตำหนักป่าไผ่ไม่“ท่านแม่จะได้ผลแน

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status