แชร์

ตอนที่ 4 เมื่อรักมิอาจถอนใจ

ผู้เขียน: ฟู่จินเฟย
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-02-17 16:23:29

งานเลี้ยงฉลองยังดำเนินไปอย่างครึกครื้นจนกระทั่งล่วงเข้าสู่ยามซวี [20.00 น.] แขกในงานก็เริ่มทยอยกลับไปเกือบหมด จะเหลือก็แต่หยางจวิ้นอ๋องที่ปลีกตัวไปนั่งดื่มชาต่อที่เรือนของชิงเยว่ ส่วนเหออ๋องนั้นมีภารกิจต่อขอปลีกตัวกลับไปเมื่อโหย่วแล้ว 

การมาร่วมงานวันเกิดเหล่าฮูหยินตระกูลหลินในวันนี้ จ้าวหยางมาในนามผู้เป็นมารดา และเป็นเขาที่ไม่ต้องการให้เอิกเกริกมากนักจึงมีเพียงกงกงและองครักษ์มาด้วยอย่างละคน ทั้งสองพูดคุยกันอย่างสนุกสนานกระเซ้าเย้าแหย่กันไปมาราวสนิทสนมกันมาเสียเนิ่นนานทั้งที่ซูเหยามั่นใจว่าไม่มีทางเป็นไปได้ เหตุใดคนทั้งคู่ถึงได้ทำราวกับรู้จักกันมานาน โดยนางมิได้เฉลียวใจซักนิดว่าการที่ชิงเยว่ ออกไปนอกจวนบ่อยครั้งโดยอ้างว่าไปตรวจร้านทางตลาดฝั่งเหนือที่ผู้เป็นบิดาแบ่งให้นางดูแลนั้นแท้จริงแล้ว ลอบไปอยู่ที่ตำหนักกลางป่าไผ่ของหยางจวิ้นอ๋องต่างหากเล่า

และนั้นล้วนอยู่ในแผนของชิงเยว่ทั้งหมดที่นางให้คนลอบไปสืบจนรู้ว่าจ้าวหยางตั้งแต่กลับจากออกศึกนั้นมักไปที่ใด การสืบนั้นก็ไม่ยากเพียงแอบตามพี่สาวนางไปเพียงเท่านั้น ที่เหลือนางเพียงสร้างสถานการณ์เป็นสาวงามจิตใจดี คุณหนูผู้สูงส่งอ่อนแอแต่มีจิตใจเมตตาต่อผู้ยากไร้ แจกข้าวแจกน้ำซ้ำบริจาคทรัพย์นางทำเช่นนี้อยู่ประมาณสี่วันก็ได้ผูกมิตรกับหยางจวิ้นอ๋องในที่สุด ส่วนว่าเหตุใดนางถึงทำได้แยบยลและซูเหยาไม่ทันรู้ตัวหนะหรือ

หึ! เพียงให้ท่านย่าทานยาฉางฮวากุยในข้าวต้มที่ให้บ่าวรับใช้นำไปใส่ มันออกฤทธิ์ไม่อันตรายเพียงแค่ทำให้อ่อนแรงเล็กน้อย ซ้ำตรวจพบต้นตอของยาได้ยากจึงมิต้องกลัวว่าจะถูกพบและจับได้ เมื่อท่านย่าไม่สบายมีรึหลานรักเช่นซูเหยานางจะมีจิตใจทำสิ่งอื่นใด นั่นจึงเป็นโอกาสอันหอมหวานของนางที่จะได้ใกล้ชิดองค์ชายผู้หล่อเหลาเช่นองค์ชายรอง และยิ่งได้ชิดใกล้นางกลับรู้สึกลุ่มหลงในพระองค์ไม่ต่างจากซูเหยาเลยทีเดียว

“องค์ชายวันนี้ชิงเยว่ทำขายหน้าท่านแล้ว” ชิงเยว่แสร้งทำใบหน้าสลดเผยยิ้มน้อย ๆ ฝืดเฝื่อนดวงตาเอ่อคลอด้วยน้ำตาทำทีราวเสียใจที่ถูกผู้เป็นพี่ทำให้อับอาย ครู่ต่อมาก็มีท่าทีเอียงอายเมื่อถูกอ้อมแขนแกร่งโอบกอดเข้าแนบอก

“ช่างนางเถอะเจ้าทำดีที่สุดแล้ว เจ้าหาได้มีเจตนาอื่นแอบแฝงจริงรึไม่ เช่นนั้นก็ย่อมไม่ผิด” จ้าวหยางนึกเห็นใจจึงเอื้อมแขนไปคว้านางเข้ามากอดเพื่อปลอบประโลม

“เอ่อท่านอ๋องซูเหยานางมองพวกเราอยู่ ชิงเยว่เกรงว่านางจะ…”

“จะตบตีเจ้าเช่นนั้นรึ หึ! หากนางกล้าทำเช่นนั้นให้เจ้ามาบอกข้า ต่อไปนี้ข้าจะปกป้องเจ้าเอง อย่าได้เกรงใจรู้รึไม่ ฮึ” จ้าวหยางบอกอย่างหนักแน่นในใจนึกชังสตรีผู้นี้ยิ่งนัก ยามอยู่ต่อหน้าเขานางมีเพียงสีหน้าอ่อนแอหน้าสงสาร แต่เมื่อนางอยู่กับชิงเยว่นางกลับแตกต่างราวคนละคน

ในขณะที่กำลังปลอบใจชิงเยว่อยู่นั้นฉับพลันหางตาคมได้ทันเห็นซูเหยาที่แอบมองพวกเขาอยู่ก่อนแล้ว ใบหน้าคมพลันเหยียดยิ้มเยาะน้อย ๆ แล้วกอดกระชับร่างบอบบางในอ้อมกอดให้แน่นขึ้น อีกทั้งเลือกเชยคางเล็กของชิงเยว่ขึ้น หากนางมองจากมุมที่นางอยู่คงเห็นเป็นว่าเขากำลังจูบน้องสาวนางอยู่เป็นแน่ หึ!

ใช่มีเพียงจ้าวอ๋องที่เห็นนาง ชิงเยว่เองก็ล้วนเห็นนางจึงแย้มยิ้มส่งให้         ซูเหยาไปหนึ่งคราก่อนที่คางมนจะถูกเชยขึ้นจากหยางจวิ้นอ๋อง

ตึก ตึก ตึก! บัดนี้ใจของชิงเยว่สั่นระรัวราวกองศึก ใบหน้าคมที่ชิดใกล้ทำให้นางเผลอจินตนาการคิดไปไกล มือบางกำชายอาภรณ์ตัวเองแน่นเนื้อตัวสั่นระริกด้วยมิเคยให้บุรุษคนใดใกล้ชิดนางเฉกเช่นนี้มาก่อน ก่อนจะหลับตาลงช้า ๆ เพื่อรอรับจุมพิตจากจ้าวหยาง

“โอ๊ย!”

“มานี่เลย! หลินชิงเยว่! ท่านอ๋อง! กลางแจ้งเช่นนี้พวกท่านกล้าทำเรื่องบัดสีนี้ได้เช่นไรกัน ไม่อายพวกบ่าวไพร่รึไร!” ซูเหยาเดินปรี่ออกจากที่ซ่อนวิ่งมาผลักทั้งคู่ให้แยกออกจากกัน ก่อนจะพูดเสียงดังกล่าวหาชิงเยว่ และยังพานไปถึงกงกงที่ไม่รู้จักห้ามองค์ชายรอง

“หานกงกงท่านนี่ก็กะไร เหตุใดไม่ห้ามพวกเขา!”

“เอ่อคุณหนูใหญ่ใจเย็น ๆ ก่อน ข้ายังมิเห็นว่าองค์ชายจะทำสิ่งใดผิดนี่” หานกงกงพูดอย่างเกรงใจทั้งห้ามปรามนางให้ออกห่างองค์ชายและคุณหนูรอง

ส่วนจ้าวหยางบัดนี้เพียงนั่งยกชาขึ้นจิบด้วยท่าทางเรียบนิ่ง ใบหน้าเย็นชา มองซูเหยาอาระวาดอย่างเอือมระอา ริมฝีปากเพียงกระตุกยิ้มเยาะน้อย ๆ เมื่อได้ชมสิ่งที่บันเทิงก่อนกลับเล็ก ๆ น้อย ๆ จากการยั่วอารมณ์นาง

เสียงดังจากเรือนคุณหนูรองทำให้สาวใช้ที่เห็นท่าไม่ดีต้องรีบวิ่งไปตามท่านเสนาบดีและฮูหยินให้มาห้ามปรามคุณหนูใหญ่ เกรงว่าหากปล่อยให้นางอาระวาดต่อไปหัวคงได้หลุดออกจากบ่ากันทั้งจวนเป็นแน่

“เอะอะอะไรกัน ซูเหยาหยุด เงียบ! ข้าบอกให้เงียบ!” หลินเจียงที่วิ่งหน้าตั้งมาทั้งชุดนอนพร้อมซูฉีรีบปรี่เข้าไปห้ามปรามบุตรีคนโตที่กำลังเสียงดังอาระวาดอยู่ต่อหน้าองค์ชายรองอย่างร้อนรน ก่อนจะสั่งให้สาวใช้ตักน้ำขึ้นมาสาดซูเหยาเมื่อห้ามอย่างไรนางก็มิยอมหยุดโวยวาย นั่นแหละนางถึงได้สงบพร้อมกับร่างบางที่ทรุดนั่งลงที่พื้นนิ่งเงียบคล้ายได้สติ

“ท่านพ่อ!”

“ซูเหยา เอ่อท่านอ๋องเป็นความผิดข้าที่ไม่สั่งสอนบุตรให้ดี ขอท่านอ๋องโปรดอภัยด้วยเถอะพ่ะย่ะค่ะ” หลินเจียงอุทานเรียกบุตรสาวที่ตัวปียกโชกก็นึกสงสาร ก่อนจะรีบคำนับรับโทษแทนนางด้วยเสียงสั่นเทา

“เฮ้อ เอาล่ะข้าไม่อยากเอาโทษให้มากความ แต่จะว่าไปคุณหนูใหญ่ของท่านช่างต่างจากคุณหนูรองลิบลับเห็นได้ชัดว่า หึ! ช่างเถอะข้าเองวันนี้ก็รั้งอยู่นานเป็นภาระท่านเสนาบดีพอสมควรแล้ว เห็นทีคงต้องกลับเสียแล้วล่ะ หานกงกงไปเถอะ” จ้าวหยางพูดพร้อมมองเหยียดสบดวงตากลมโตของซูเหยาที่ไหวระริก ดวงตาที่เขามักเห็นจนชินชา ดวงตาที่นางชอบใช้มองเขาไม่ว่าเวลาที่อยู่ใต้ร่างเขารึเวลาที่นางแสดงอารมณ์ร้ายกาจ หึ! ช่างน่าสมเพช ช่างเป็นสตรีที่น่าเบื่อ

‘ท่านอ๋อง’ ซูเหยาได้แต่เพียงครางในใจ เหตุใดพระองค์ถึงมักพูดตัดรอนทำร้ายจิตใจนางอยู่เรื่อย เหตุใดถึงไม่เคยมองเห็นความรักที่นางเฝ้าเทินทูนบ้างเล่า เหตุใดเลือกมองเห็นแต่ด้านร้าย ๆ ของนาง การที่นางหึงหวงพระองค์นางผิดมากรึไร นางเพียงแค่ไม่ต้องการเป็นเหมือนมารดาก็แค่นั้น ท่านอ๋องรักผู้ใดก็ย่อมได้แต่ไม่ใช่ลูกของสตรีที่เป็นต้นเหตุให้มารดานางต้องตายเช่นนาง! ซูเหยาไม่อาจทนสบตาของจ้าวหยางได้อีกต่อไปจึงได้แต่เสก้มมองพื้น ก่อนจะถูกบ่าวรับใช้พยุงให้ลุกขึ้นพร้อมนำเสื้อคลุมมาคลุมให้เมื่อเห็นผู้เป็นนายห่อไหล่น้อย ๆ และอาภรณ์ตัวงามก็เปียกโชกจากน้ำอย่างน่าสงสาร

เปรี้ยง! ซ่า ๆ ยังมิทันหยางจวิ้นอ๋องจะก้าวเดินเสียงคำรามลั่นก่อนสายฟ้าจะฟาดลงมาเสียงดังสนั่นรุนแรงพร้อมกับหยาดพิรุณที่กระหน่ำเทลงมาอย่างหนัก

“ขอบพระทัยท่านอ๋อง เอ่อท่านอ๋อง เหตุใดจู่ ๆ ฝนตกหนักเพียงนี้ ไม่เห็นมีเคล้าเลยนี่ แล้วทำเช่นไรดีเล่านี่ก็ดึกมากแล้ว” หลินเจียงถึงกับกุมขมับ ในใจอยากให้หยางจวิ้นอ๋องเสด็จกลับโดยเร็วจะได้ไม่ต้องมากความกันอีก แต่นี่สวรรค์กำลังกลั่นแกล้งเขาอยู่รึไร

“เอ่อท่านหลิน ในเมื่อนี่ก็ดึกมากแล้วซ้ำฝนก็ตกหนักเช่นนั้นคืนนี้เอ่อ” หานกงกงเพียงเอ่ยยังมิทันได้จบ หลินเจียงที่พอมองออกก็รีบสั่งสาวใช้ให้จัดเรือนรับรองเพื่อให้องค์ชายรองประทับ ดูท่าแล้วฝนฟ้าครานี้คงมิยอมหยุดง่าย ๆ เป็นแน่

เหตุนี้ในกลางดึกจวนตระกูลหลินจึงวุ่นวายกันพอสมควร เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยทุกคนก็สลายตัวแยกย้ายกันกลับไปปฏิบัติภารกิจตน ซึ่งซูเหยานั้นน้อยใจจ้าวหยางและผู้เป็นบิดาจึงได้แต่ปลีกตัวออกมาเงียบ ๆ ตลอดทางเดินกลับนางมิอาจหักห้ามน้ำตาไว้ได้อีกต่อไป ได้แต่ปลดปล่อยมันออกมามีเพียงเสียงสะอื้นน้อย ๆ ที่เล็ดรอดออกมาให้บรรดาบ่าวรับใช้ได้ยิน

จ้าวหยางมองซูเหยาเดินกลับเรือนพลันนึกในใจ มิใช่ว่าลอบร้องไห้กลับไปตลอดทางเสียหรอกนะ

‘สตรีนี้ช่างเป็นเพศที่เข้าใจยาก และน่ารำคาญเสียจริง’

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ข้าลุ่มหลง แต่พระองค์กลับไร้ใจ   ตอนที่ 44 ครรลอง ของสองเรา

    หลังจากดูถูกหยางจวิ้นอ๋องครานั้นซูเหยาก็ไม่คิดจะทำอีกเลย เขาพละกำลังล้นเหลือราวม้าศึกมิรู้จักเหน็ดเหนื่อยจนซูเหยาประจักษ์แจ้งแก่ใจนัก หลังจากวันนั้นนางก็ร่างกายอ่อนแรงนี่ก็เข้าเดือนที่สองแล้วกระมังที่นางมักเวียนศีรษะอยู่บ่อย ๆ อีกทั้งยังต้องเทียวไปมาระหว่างจวนตระกูลหลินกับตำหนักป่าไผ่ทำให้หลายวันมานี้นางถึงกับทนไม่ไหวเวียนศีรษะจนสำรอกออกมาเสียกลางทาง ทั้งร่างกายมิมีแรงไหนจะทั้งรู้สึกง่วงนอนอยู่ตลอดเวลาอีกเล่าแต่อาการเหล่านี้นั้นช่างน่าประหลาดยิ่งซูเหยาค้นพบว่าอาการนางจะทุเลาลงถึงขั้นหายไปเมื่อได้สูดดมกลิ่นกายของหยางจวิ้นอ๋อง ซึ่งน่าประหลาดนักทำให้หลัง ๆ มานี้จากที่เขาติดนางกลายเป็นนางที่ติดเขาแทนไปเสียแล้ว“ท่านอ๋อง”“ซูเหยาลุกขึ้นก่อนเถิดท่านหมอมาแล้ว” ซูเหยาฝืนอาการเวียนศีรษะหน้ามืดนางพยายามมองดูจ้าวหยางแต่กลับพบว่าบัดนี้มิได้มีเพียงหมอหลวง กลับมีญาติฝั่งนางมาครบอีกแม้กระทั่งพระชายาและท่านปู่ของเขาก็ยังมาด้วย นางเห็นเช่นนั้นก็พยายามลุกขึ้นเพื่อถวายความเคารพ แต่ก็ถูกผู้ใหญ่ทัดทานเอาไว้เสียก่อนเมื่อเห็นใบหน้านางซีดเผือดมิสู้ดีนัก“ซูเหยาเจ้าไม่ต้องลุก ๆ นอนลง ๆ เดี๋ยวให้หมอหลวงตรวจให

  • ข้าลุ่มหลง แต่พระองค์กลับไร้ใจ   ตอนที่ 43 คลี่คลาย

    [จวนตระกูลหลิน]ซูเหยาบัดนี้รู้สึกอึดอัดเป็นอย่างมากเมื่อบิดาเอาแต่จ้องตนแต่มิยอมพูดจา นางจึงได้แต่ก้มหน้าแล้วจับชายอาภรณ์พลิกไปพลิกมาแทนเมื่อเริ่มรู้ถึงสถานการณ์กดดัน และเป็นนางที่เป็นฝ่ายทนไม่ไหวต้องยอมเอ่ยปากกับผู้เป็นบิดาก่อน ส่วนท่านย่านั้นมิได้ถูกเชิญออกมากลัวว่าได้ยินเรื่องราวของนางแล้วเดี๋ยวเป็นการซ้ำเติมอาการเข้าไปใหญ่“ท่านพ่อ...”“เจ้ารู้ความผิดตัวเองรึไม่!” หลินเจียงเอ่ยด้วยใบหน้าเข้มน้ำเสียงราบเรียบจนซูเหยานึกขยาดเสียวสันหลังวาบดวงตาเริ่มแดงก่ำเจือด้วยหยาดน้ำวาววับ“ทะท่านพ่อลูกผิดไปแล้วเจ้าค่ะ ขะข้าทำให้ท่านต้องเสื่อมเสีย ละลูก”“นางมิผิด หากจะผิดล้วนเป็นข้าที่ผิด” จ้าวหยางที่นึกเป็นห่วงนางหลังพูดคุยกับมารดาเสร็จก็รีบควบม้าวิ่งทะยานตรงมาหานางที่จวนในทันที“ทะท่านอ๋อง” เสนาบดีเจียงลุกขึ้นทำความเคารพตามปกติแต่บรรยากาศโดยรอบนั้นกลับเต็มไปด้วยเมฆหมอกอึมครึม“ท่านหลินเป็นข้าทั้งนั้นที่ผิดเจ้าอย่าได้โทษนาง ทุกอย่างที่เกิดขึ้นล้วนถูกล่อลวงจากข้าทั้งนั้น”“ไม่ใช่นะเจ้าคะท่านพ่อ มิใช่เช่นนั้นเป็นข้าเองที่ชอบท่านอ๋องมาก” ซูเหยาที่นึกกลัวผู้เป็นพ่อที่มีท่าทางเอาจริงเอาจังอย่างที่ไม

  • ข้าลุ่มหลง แต่พระองค์กลับไร้ใจ   ตอนที่ 42 โฉมหน้าที่แท้จริิง

    การที่องค์ชายรองประคองมารดาเดินมาชมบุปผาในอีกด้านนั้นก็พอดีกับเหล่าขุนนางที่ว่าราชการจบ ไท่จื่อเฟยจึงได้ถือโอกาสเชิญพวกเขามาดื่มชา ชมบุปผางามเพื่อผ่อนคลายจากงานราชกิจ โดยทุกอย่างนั้นล้วนถูกจ้าวหยางและมารดาจัดแจงความเป็นไปไว้เสียหมดสิ้น“ท่านแม่ ๆ ท่านแม่ว่าป่านนี้พี่สาวของข้านางจะเป็นเช่นไรบ้างเจ้าคะ หึ!”.”ก็คงนอนตายอยู่ใต้หน้าผาลึกแล้วกระมัง ฮ่า ๆ ช่างเถอะคนมันไม่มีวาสนาก็เหมือนแม่นางนั้นแหละ ชะตาอาภัพผู้ใดจะคิดกันเล่านังเด็กซูเหยานั้นออกจะเก่งกาจจะมาตายง่ายดายถึงเพียงนี้ หึ ๆ”“แต่ท่านแม่หากท่านพ่อรู้เล่าเจ้าคะ ท่านพ่อต้องถามหานางแน่ ๆ” ชิงเยว่เมื่อนึกถึงผู้เป็นพ่อขึ้นมาก็กลับเกิดหวาดกลัวขึ้นในใจ“พ่อเจ้าหนะรึโง่สิ้นดีหนะสิ ขนาดฮูหยินใหญ่นางตายเพียงข้าโกหกเพียงนิด บีบน้ำตาเสียหน่อยเขาก็คิดเสียแล้วว่าการตายของนางเป็นอุบัติเหตุ” ซูฉีที่นางมั่นใจเพียงนี้นั้นก็เพราะตระกูลนางกว้างขวางซ้ำร่ำรวยทำสิ่งใดจึงมิต้องได้เปลืองแรงมากนัก สองแม่ลูกพูดคุยกันเพลิดเพลินโดยหารู้ไม่ว่าบัดนี้คนที่อยู่นอกห้องนั้นได้ยินถ้อยคำพวกนางเสียหมดสิ้น“ซูฉี! หลินชิงเยว่! ” เสนาบดีหลินเดินออกมาอย่างเลื่อนลอยแต่ใ

  • ข้าลุ่มหลง แต่พระองค์กลับไร้ใจ   ตอนที่ 41 กระชากหน้ากาก

    “ท่านแม่ ๆ มีเทียบเชิญเข้าเฝ้าพระชายาเช่นนั้นรึเจ้าคะ” ชิงเยว่รีบวิ่งหน้าตั้งมาหาผู้เป็นมารดาที่เรือน หลายวันมานี้นางมิต้องสำรวมสิ่งใด ท่านย่าป่วย ท่านพ่ออยู่ว่าช่วยราชกิจฝ่าบาทในวัง อีกทั้งนังพี่สาวตัวดีหายสาบสูญ ดูเถิดคนในเรือนนางยังคิดว่านายหญิงพวกมันอยู่ที่ตำหนักป่าไผ่ หึ! เป็นซากศพเฝ้าหน้าผาลึกต่างหากเล่า ช่วยมิได้ใครใช้ให้เจ้ากล้ามาแย่งชิงความชอบขององค์ชายรองกับข้า“ใช่ ๆ เจ้าหนะหัดสำรวมเสียบ้าง ไม่เช่นนั้นเกิดผู้ใดทะเล่อทะล่าเข้ามาเห็นเข้าแล้วเอาไปพูดต่อละก็ไม่ดีแน่” ซูฉียิ้มปริ่มนึกปลาบปลื้มในใจที่เทียบเชิญเขียนชื่อชิงเยว่กับนางเพียงสองคน ไม่มีชื่อนังเด็กซูเหยา ใช่สิ! จะมีได้เช่นไรในเมื่อนางส่งมันไปหาแม่มันด้วยมือตนเอง หึ!“แม่นมอวิ๋นเร็วเข้าไปเตรียมรถม้าให้เร็ว ข้าจะพาลูกข้าไปซื้อหาอาภรณ์ใหม่เสียหน่อยเข้าวังครานี้จะน้อยหน้าสตรีอื่นได้เช่นไร”“เจ้าค่ะฮูหยิน”“ท่านแม่ดีที่สุด วันพรุ่งลูกต้องโดดเด่นกว่าใครในงานชมบุปผาให้ได้” ชิงเยว่ยิ้มอีกทั้งกอดแขนมารดาอย่างออดอ้อน[ตำหนักเทียนจื่อ]“ท่านอ๋องพระองค์อยู่นิ่ง ๆ เถิดเลิกกลั่นแกล้งข้าเพียงครู่ ข้าขอดูเหล่าบรรดาคุณหนูพวกนั้น

  • ข้าลุ่มหลง แต่พระองค์กลับไร้ใจ   ตอนที่ 40 พยานรัก

    “แค่ก ๆ” เสียงไอแห้ง ๆ ติดกันเรียกความสนใจให้จ้าวหยางที่อ่านฎีกาต้องรีบวางมือและเข้ามาโอบประชิดร่างบางเข้าแนบอก พร้อมฝ่ามือใหญ่ที่ลูบตามตัวนางไปมาอย่างต้องการปลอบประโลม“ซูเหยาเป็นเช่นไร ยังเจ็บส่วนใดอยู่รึไม่ ข้าขอโทษ ๆ ข้าไม่น่าเอาแต่ใจนัดเจ้าออกมาวันนี้เลยจริง ๆ ข้าขอโทษ หากว่าข้าไปช่วยไว้ไม่ทันป่านนี้ ๆ เกรงว่าข้าคงจะเสียเจ้าไปแล้ว” จ้าวหยางพูดทั้งหมดความที่มีอยู่ในใจเสียหมดสิ้นจนทำให้ซูเหยาที่ถูกกดศีรษะให้แนบชิดฝังแน่นกับอกแกร่งต้องลอบยิ้มกับแผ่นอกกว้างทั้งน้ำตา พร้อมกับมือบางที่ค่อย ๆ ยกขึ้นทำทีคล้ายจะกอดตอบ นางชั่งใจอยู่เพียงครู่ก่อนจะตัดสินใจโอบกอดร่างหนาไว้เฉกเช่นกัน“ซูเหยา” จ้าวหยางที่รับรู้ว่านางกอดตอบตนมาเช่นนั้นก็เผยยิ้มดีใจ ทั้งสองตกอยู่ในห้วงภวังค์ของกันและกันมีเพียงเสียงลมหายใจระหว่างกันให้ได้ยิน ซ้ำไร้การเอื้อยเอ่ยบทสนทนาใด ๆ ออกมาใช้เพียงใจและกายสื่อความรู้สึกถึงกันและกัน“องค์ชาย...อะเอ่อคือกระหม่อม คือกระหม่อมว่าควรออกไปดีกว่าพ่ะย่ะค่ะ” เหยียนเฟิงที่บังเอิญเข้ามาถูกจังหวะก็รีบหันตัวกลับแทบจะในทันที ก่อนจะเอ่ยเสียงตะกุกตะกักจนจ้าวหยางเอ่ยออกคำสั่งให้รายงานได้จึงได้

  • ข้าลุ่มหลง แต่พระองค์กลับไร้ใจ   ตอนที่ 39 ลอบทำร้าย

    หลังจากวันนั้นซูเหยาก็รู้สึกหายใจโล่งนักที่หยางจวิ้นอ๋องมิได้มาตามตื้อก่อกวนนาง แต่นั้นเพียงกลางวันกลางคืนเล่าท่านอ๋องกลับทำตัวเป็นโจร บุปผาลอบเข้าออกเรือนนางราวเรือนตน ทั้งที่นางจ้างคนมาเฝ้าเรือนนางมากขึ้นแต่นั่นก็มิได้เป็นอุปสรรค ทั้งนางข่มขู่ก็แล้ว ต่อว่าก็แล้ว นางใช้สารพัดวิธีแต่ก็มิอาจขัดขวางเขาได้ และเหตุผลที่ให้แก่นางคือ ทำลูกและวันนี้เป็นอีกวันที่นางถูกเขาเชิญให้ไปตำหนักป่าไผ่เหตุผลแกมข่มขู่คือให้หมอหลวงตรวจชีพจรว่านางนั้นท้องแล้วรึไม่ และเป็นนางเองที่เริ่มคิดแล้วว่าสรุปเป็นผู้ใดกันแน่ที่อยากมีลูกเขานั้นดูจริงจังกว่านางมากนัก ซ้ำยังน่าไม่อายกลับกางตำรากามสูตรบ้าบอนั่นให้นางดูถึงท่วงท่าทำรักที่ว่าท่าใดได้บุตรชายท่าใดได้บุตรสาวอีกทั้งให้นางเลือก องค์ชายรองผู้นี้เดิมทีสุขุมเยือกเย็นมาบัดนี้นางกลับค้นพบอีกตัวตนหนึ่งของเขาเข้าเสียอย่างนั้น“คนหน้าไม่อายชิ!” ซูเหยาที่เดินทางมาเพียงลำพังโดยเข้าใจว่าขึ้นรถม้าที่นางขึ้นนั่งนั้นเป็นของตำหนักป่าไผ่ส่งมารับ จึงได้แต่บ่นต่อว่าหยางจวิ้นอ๋องกับลมกับฟ้าโดยหารู้ไม่ว่ารถม้าที่ตนนั่งมานั้นหาใช่ของตำหนักป่าไผ่ไม่“ท่านแม่จะได้ผลแน

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status