“คืนนี้พักที่นี่...รับไป...หิวก็รองท้องเสียข้าไม่ได้เตรียมอาหารมา” เว่ยเฉาโยนแผ่นแป้งย่างให้สตรีตัวเล็ก จากนั้นก็กัดแผ่นแป้งย่างอีกแผ่นบรรเทาความหิว “ไม่กินก็เอามา” ใบหน้างามมองแผ่นแป้งย่างอย่างรังเกียจ เว่ยเฉาจึงแบมือขออาหารหนึ่งเดียวที่ประทังความหิวตอนนี้ได้คืน
เสียงอวิ๋นกลืนน้ำลายลงคอสายตาจับจ้องของในมือ นางรังเกียจแผ่นแป้งแข็ง ๆ นี้ เกิดมาไม่เคยกินของแบบนี้มาก่อน อาหารของนางชั้นเลิศและดีที่สุด ไม่คิดไม่ฝันว่าจะต้องมาลำบากกัดกินแป้งที่แข็งกระด้างประทังชีวิต ดวงตาหงส์ช้อนมองบุรุษที่แบมืออยู่ ริมฝีปากขยับเล็กน้อย อยากถามว่าเปลี่ยนเป็นเนื้อได้รึไม่ ทว่านางรู้ดีว่ามันเป็นไปไม่ได้จึงไม่เอ่ยออกมา
เสียงท้องร้องดังโครก ไม่อยากกินก็ต้องกินนางกัดแผ่นแป้งนั้นไปหนึ่งคำ ความรู้สึกแสบร้อนผุดขึ้นในดวงตา คิดถึงมารดาที่อยู่บนสวรรค์ คิดถึงเนื้อย่างหอมกรุ่นที่บิดาเคยป้อน กลืนแป้งแข็งกระด้างไปแล้วกัดกินอีกคำ น้ำอุ่น ๆ ไหลอาบแก้ม เหตุใดชีวิตนางต้องมาพบกับชะตากรรมเช่นนี้
เดินตามคนตัวโตไป ฝีเท้าหยุดชะงักเมื่อเข้าใกล้สถานที่พัก น่ารังเกียจกว่าแผ่นแป้งคงจะเป็นกระท่อมร้างผุพังที่บังลมบังฝนไม่ได้จะซุกหัวนอนอย่างไรก่อน บุรุษคนนั้นแค่จับประตูก็พังลง เสียงอวิ๋นย่นคิ้ว “ไม่มีสถานที่ดีกว่านี้แล้วรึ”
“จูฮูหยินเจ้าฝันอยู่รึ ข้าจับเจ้ามาเป็นตัวประกันไม่ได้พามาเที่ยวเล่น”
“ข้านอนไม่ได้”
“เช่นนั้นเจ้าก็เฝ้ายามรอคนของสามีเจ้าเถิด”
ไม่มีทางเลือกเดินตามบุรุษผู้นั้นเข้าไป ในกระท่อมว่างเปล่าไม่มีแม้กระทั่งตั่งนั่งหรือตะเกียง เป็นห้องโล่งกว้างคงเป็นที่สำหรับพักเหนื่อยของนายพรานมากกว่าที่พักอาศัย
“เจ้าอย่าไปอยู่คุยกับข้าก่อน” เมื่อเห็นบุรุษคนนั้นจะออกจากกระท่อมร้างจึงเอ่ยรั้งไว้ และชวนคุยเพื่อไม่ให้เขาทิ้งนางไว้ลำพัง “เจ้ากับท่านพี่มีเรื่องใดบาดหมางกันรึ”
เว่ยเฉาเห็นแววตาหวาดกลัวของสตรีตัวเล็กก็นั่งลงพื้นไม่ไกลจากนาง “เป็นเรื่องระหว่างข้ากับเขาไม่เกี่ยวกับเจ้า”
เพลิงโทสะเจิดจ้านัยน์ตาของเว่ยเฉา ไอสังหารสะท้อนออกมาจนเสียงอวิ๋นรู้สึกหนาวสั่นเลือดลมปั่นป่วน รีบเอ่ยหยุดเขาก่อนที่จะกระอักเลือดออกมา “เจ้าดึงข้าเข้ามาในกระดานหมากของพวกเจ้าแล้ว ตอนนี้ข้าก็ถูกเจ้าจับตัวมามิใช่รึ”
เว่ยเฉาลดแรงกดดันลงแล้วยิ้มมุมปาก ความอดทนสูงดีนี่ น่าสนใจ “เป็นความบังเอิญต่างหาก ตอนนั้นใครใช้ให้เจ้าอยู่ที่นั่น อีกอย่างจับเจ้ามามีประโยชน์อันใด ดูเอาเถิดจนป่านนี้สามีเจ้าก็ไม่ส่งใครมาช่วย ข้าอยู่นานไม่ได้เจ้ารอสามีเจ้าอยู่ที่นี่เถิด”
หัวใจถูกกรีดซ้ำด้วยคำพูดเสียดสี ความเจ็บเสียดแทงหัวใจจนอธิบายไม่ได้ว่ารู้สึกอย่างไร แผลที่แขนเริ่มปวดระบมมือเล็กลูบตรงบาดแผลใบหน้าเหยเก ฝ่ามือนุ่มเต็มไปด้วยรอยถลอก นี่เป็นบาดแผลที่เขาฝากไว้ตอนอยู่ในจวน นิ้วเรียวลูบหน้าผากปูดนูน เลือดแข็งตัวจนแห้งกรัง สภาพเช่นนี้เสียงอวิ๋นรับตัวเองไม่ได้
“เอาไป ข้าต้องไปแล้วหากสามีเจ้าส่งคนมาข้าจะซวยเอาได้” เว่ยเฉาโยนขวดกระเบื้องเคลือบสีขาวให้สตรีที่แสดงท่าทีขยะแขยงตัวเอง ในนั้นเป็นยาสมานแผลถึงแม้เขาจะแค้นสหายเก่า ทว่าไม่เกี่ยวกับสตรีตรงหน้าความแค้นนี้เขาจะเอาคืนกับหลี่เฉียงเท่านั้น จับนางมาก็รู้สึกผิดแล้วแต่ เพื่อคนของตน เขาก็ต้องเสี่ยงดวงดูว่าเจ้านั่นจะถอนกำลังที่ล้อมภูเขาลั่ววั่งออกหรือไม่
“นี่เป็นยาที่เจ้าจะใช้แก้แค้นสามีได้ ไม่อันตรายถึงชีวิตแค่ดวงตามืดบอดมองสิ่งใดไม่เห็น ข้าว่าไม่เลวนะ เขาจะได้หนีจากเจ้าไม่ได้อย่างไรเล่า” เว่ยเฉาโยนยาห่อเล็กให้อีกฝ่าย เอ่ยจบก็ก้าวเท้าออกจากกระท่อมโกโรโกโส ที่คล้ายกับว่าจะต้านไม่ได้แม้แต่สายลมบางเบา หันไปมองสตรีตัวเล็กครู่หนึ่งแล้วคิดในใจ นางคงไม่โชคร้ายขนาดนั้น
ค่ำคืนเงียบสงัดความหนาวเย็นชำแรกเข้าสู่ร่างกาย สายลมพัดหวีดหวิววังเวง เสียงอวิ๋นนั่งกอดไหล่ตัวเองอยู่มุมหนึ่งของกระท่อม ร่างเล็กสั่นเทานางถูกทิ้งให้อยู่ลำพังจนได้ หวังก็เพียงเศษเสี้ยวความรักที่คิดว่าเขามีให้ ส่งใครก็ได้มาช่วยนางในยามนี้
รอบด้านมืดสนิทผืนฟ้าเป็นสีดำทะมึน แผลที่ถูกธนูเฉือนคล้ายจะอักเสบเจ็บรุนแรงเหมือนโดนมีดกรีดซ้ำ ๆ น้ำตาพรั่งพรูลงมาอีกครั้ง นางหวังอะไรอยู่ผ่านมาจนจะสว่างอยู่รอมร่อเขาก็ยังไม่ส่งใครมา
เปลือกตาหนักอึ้งกล้ำกลืนฝืนความเจ็บไว้แทบหายใจไม่ออก สายฝนเทกระหน่ำลงมาราวกับหัวเราะเยาะในโชคชะตาของนาง ลมพายุพัดรุนแรงแหงนมองหลังคาที่มุงด้วยใบจากปลิวว่อนไปทีละแผ่น
เสียงอวิ๋นเดินโซซัดโซเซออกจากกระท่อมเพื่อหาที่หลบฝน ออกมาได้ไม่นานกระท่อมร้างก็พังลง ร่างที่สั่นปานลูกนกตกน้ำยืนเคว้งคว้างอยู่กลางป่าไม่รู้จะไปทางไหน หยาดน้ำฝนซึมผ่านอาภรณ์ไหลอาบผิวกายจนเปียกโชกไปทั้งตัว ยามสายลมพัดโชยเย็นยะเยือกเสียดกระดูก เนื้อตัวเย็นเยียบสั่นสะท้าน คล้ายกับถูกเลาะเอาเนื้อหนังที่ให้ไออุ่นออกไปหมด
เดินหาที่หลบฝนอย่างสิ้นหวัง ไม่คาดคิดว่าชีวิตคุณหนูแสนสุขสบายของนางจะจนตรอกได้เพียงนี้ ถูกหลอกไปจนสิ้น ถูกทิ้งไม่ไยดี หมดสิ้นทุกอย่าง กิจการของตระกูลก็ไม่เหลือ หัวใจของนางยังถูกคนใจร้ายยึดไป ไม่เหลืออะไรเลย นางไม่เหลืออะไรแล้ว ทรุดลงบนพื้นที่เต็มไปด้วยดินโคลน
ร่างเล็กโอนเอนล้มไปกับพื้น นอนขดไปกับดินโคลนไร้แรงขยับ ตากฝนมาหลายชั่วยาม ร่างกายรู้สึกสะบัดร้อนสะบัดหนาว ลมหายใจอุ่นร้อนติดขัดจุกแน่นจนหายใจไม่ออก รับรู้ถึงความเจ็บเจียนขาดใจที่บาดแผล ท่ามกลางเม็ดฝนที่ตกกระทบผิวกาย ภาพใบหน้าไร้ความรู้สึกของสามี ยามเอ่ยปากให้นางแทงคอตัวเองก็ฉายชัดขึ้น ทับซ้อนไปกับภาพยามเขากล่าวยกนางให้บุรุษอื่นอย่างไม่แยแส
ยอมรับเสียทีเสียงอวิ๋นเขาไม่รักเจ้า
จะตายแล้วใช่รึไม่ บริเวณบาดแผลเจ็บปวดแสนสาหัสปวดจนนางจะทนไม่ไหว ลมหายใจก็เริ่มติดขัด ตายเสียได้ก็ดี ตายแล้วจะได้ไม่เจ็บปวดอีก มองแผ่นฟ้าที่เริ่มสว่างเม็ดฝนที่กระหน่ำมาลงเริ่มเบาลง
เสียงอวิ๋นจงจดจำความเจ็บปวดเจียนตายนี้ให้ขึ้นใจ นางบอกตัวเองแล้วยิ้มให้แผ่นฟ้าพร้อมหลับตาลงช้า ๆ ไม่รับรู้อะไรอีก
หลังจากส่งเว่ยเฉาหลี่เฉียงพาเสียงอวิ๋นกลับจวนเพื่อรับจิ่นซางเข้าวัง เนื่องด้วยขันทีข้างพระวรกายไท่ซ่างหวงมาตามเป็นครั้งที่ร้อยแล้วก็ว่าได้ เพราะตั้งแต่รับราชโองการฝ่าบาทครั้งนั้นหลี่เฉียงก็ยุ่งกับแผนการกำจัดต้วนอ๋อง ทำให้ยังไม่ได้พาจิ่นซางและเสียงอวิ๋นไปเข้าเฝ้าไท่ซ่างหวงหลี่เฉียงคุกเข่าสองมือกุมหมัด “กระหม่อมถวายบังคมไท่ซ่างหวงขอพระองค์อายุยืนหมื่นปี หมื่น ๆ ปี“หม่อมฉันขอพระองค์อายุยืนหมื่นปีเพคะ” เสียงอวิ๋นเองก็คุกเข่าคำนับเต็มพิธีการ“ยายหนูพาจิ่นซางน้อยลุกขึ้นเถิด มาตรงนี้มาให้ปู่ดูหน่อยว่าเจ้าหน้าตาเหมือนใคร ฮ่าฮ่า จิ่นซางน้อยของปู่เจ้าเหมือนเหล่าเซี่ยมาก ดีแล้วที่เจ้าเหมือนปู่ของเจ้า ปู่ของเจ้ามีคุณธรรมโอบอ้อมอารี มีลูกศิษย์เยอะแยะมากมาย ไม่รู้ใครบางคนไปเอานิสัยแย่ ๆ มาจากไหน”หลี่เฉียงขมวดคิ้วเล็กน้อย เหตุใดไท่ซ่างหวงไม่บอกให้เขาลุกขึ้นบ้างเล่า แล้วพูดเช่นนั้นกำลังเหน็บแนมเขาหรือ เสด็จพ่อข้าเป็นบุตรบุญธรรมท่านนะ ท่านต้องเข้าข้างข้าถึงจะถูก หลี่เฉียงโอดครวญในใจ ยามนี้คุกเข่าจนขาเริ่มชาแล้ว ทว่าไท่ซ่างหวงกับเสียงอวิ๋นไม่มีใครสนใจเขาสักคน เอาแต่หยอกล้อบุตรชายหน้าเหม็นของเขาที่หั
“ฮูหยินอีกสักรอบเถอะ”“อีกรอบบ้านท่านสิ” เสียงอวิ๋นถีบหลี่เฉียงลงจากเตียง เมื่อมือไม้ของเขาเริ่มอยู่ไม่นิ่งอีกแล้ว สามวันมานี้เขาเคี่ยวกรำนางจนลงจากเตียงไม่ไหว พอลุกขึ้นจะไปหาจิ่นซางขานางก็สั่นก้าวไม่ออกมารราคะตนนั้นเท้าศีรษะมองนางแล้วยิ้มขำ บอกนางว่าจิ่นซางมีแม่นมดูแล จากนั้นก็อุ้มนางกลับมาที่เตียงและเริ่มบรรเลงเพลงรักอีกครั้งและอีกครั้งเสียงอวิ๋นรู้สึกว่าก่อนหน้านั้นนางทรมานหลี่เฉียงน้อยเกินไป พอให้อภัยเขา เขาก็เรียกคืนนางจนร่างแทบแหลก เจ็บใจเสียจริง!!รู้แบบนี้ทำตามที่เว่ยเฉากระซิบก็ดี แสร้งหย่าแล้วเดินทางไปท่องเที่ยวกับเว่ยเฉา ปล่อยให้เขาโดดเดี่ยวอยู่ที่ต้าเยี่ยลำพังเป็นนางเองที่ใจอ่อนเมื่อเห็นสีหน้าสำนึกผิดของเขา เสียใจตอนนี้ไม่ทันแล้วถูกเขากินทั้งเนื้อทั้งตัวมาสามวันเต็ม“เอาล่ะ ไม่แกล้งเจ้าแล้วมากินข้าว” ว่ากันว่าภรรยาถีบเพราะรักเขาไม่ถือสา เห็นนางไร้เรี่ยวแรงหลี่เฉียงทั้งสงสารทั้งเอ็นดู เดินเข้าไปหานางเพื่ออุ้มนางมากินข้าว พอเห็นท่าทางระแวดระวังของนางเขาก็อยากแกล้งนางอีกแล้ว “กินเจ้าก่อน...ค่อยกินข้าวก็ดีเหมือนกัน”คนบ้า!!หากยังกินนางอีกคงไม่มีแรงลุกไปส่งเว่ยเฉาเสียงอวิ๋นมอ
“มันจะเหมือนกันได้อย่างไรนี่เป็นของแทนใจพ่อลูก เจ้าจะเข้าใจอะไรอย่าสอดปากดีกว่าหลี่เฉียงอยู่เฉย ๆ ข้าจะคุยกับลูกข้า”เรื่องใดก็ตามหลี่เฉียงล้วนสุขุมเยือกเย็นและมีแผนการล้ำลึก มีเพียงเรื่องฮูหยินกับบุตรชายที่ทำให้เขาควบคุมตัวเองไม่ค่อยได้ “เว่ยเฉาเจ้าเคยตายรึไม่หากยังข้าจะสนองให้”“หลี่เฉียงนั่นพ่อของจิ่นซางท่านเป็นคนอื่นไม่ควรมานั่งอยู่ตรงนี้ด้วยซ้ำ” เสียงอวิ๋นเอ่ยเสียงเยือกเย็นฮูหยินรักนี่คือการเอาคืนของเจ้าใช่รึไม่ เจ้าไม่ได้คิดเกินเลยกับเว่ยเฉาจริงใช่รึไม่ ให้ตายเถิดใจข้าเดือดปุด ๆ เหมือนน้ำร้อน อยากลงไม้ลงมือกับคนที่ยิ้มหน้าระรื่นตรงหน้าเสียจริงยามนี้เข้าใจแล้วที่เสียงอวิ๋นไล่ตบตีสตรีไปทั่ว ทำตัวไร้เหตุผลไม่น่ารัก ที่จริงนางเพียงรักเขาและอยากประกาศความเป็นเจ้าของเท่านั้น ซึ่งตอนนี้เขาอยากซัดใบหน้าสหายดับความร้อนในใจ เข้าใจความรู้สึกของนางก็ยามที่มาเจอกับตัวเองเว่ยเฉายิ้มให้อีกฝ่ายแล้วหอมแก้มนุ่มนิ่มของเด็กน้อยในอ้อมแขนจากนั้นก็โน้มกายไปกระซิบบางอย่างที่ข้างหูเสียงอวิ๋น เขาคบกับหลี่เฉียงมานานย่อมรู้ว่าวิธีใดยั่วโมโหสหายได้“ไสหัวไป” หลี่เฉียงตวาดลั่นอยากอดรนทนไม่ได้อีก หลายวันมา
เช้าวันรุ่งขึ้นเสียงอวิ๋นยังไม่ทันได้ไปที่ห้องเก็บฟืน ก็มีคนมารายงานว่าม่านถิงฆ่าตัวตายแล้วจนใจที่ยังไม่ได้กรอกยาพิษเอาคืนม่านถิงเลย นางก็วิ่งชนเสาฆ่าตัวตายเสียแล้วถือว่านางเลือกได้ดี คงรู้ตัวว่าจะถูกทรมานจึงเลือกทางนี้จูเหวินสืบข่าวเรื่องบุตรของม่านถิงมาได้ หลังจากคลอดม่านถิงก็เอาบุตรสาวไปทิ้งที่หน้าจวนตระกูลกง บุตรสาวที่น่าสงสารของม่านถิงจึงมีบิดาคอยดูแลอยู่ ถือว่าเป็นโชคดีของนางได้ข่าวว่ากงหยางรักและเอ็นดูบุตรสาวไม่น้อยส่วนหลี่เฉียงแม้จะมีความดีลบล้างความผิดไปบ้างแล้ว ก็ยังคงต้องชดใช้ให้นางอยู่ดี จูเหวินสืบมาได้ว่ายามนั้นเรื่องราวทั้งหมดเป็นแผนของเขา หลี่เฉียงได้ให้ยาแก้พิษกับกงหยางและต้านเป่าไว้แล้ว เพียงแต่มันออกฤทธิ์ช้าไปหนึ่งวัน เพื่อตบตาม่านถิงเขายังแสร้งไม่รู้เบื้องลึกเบื้องหลังของม่านถิง หลี่เฉียงก็ยังคงชั่วช้าสารเลว เจ้าเล่ห์ คาดเดายาก หลอกลวงเก่งไม่เปลี่ยนหลิวมามาเหลือบมองผู้เป็นนายอยู่หลายครั้ง ชั่งใจว่าควรพูดดีหรือไม่ นายท่านจับไข้มาสามวันแล้วฮูหยินไม่เคยเข้าไปดูเลย หลิวมามาร้อนใจเหลือเกิน กลัวว่านายน้อยจะขาดครอบครัวอบอุ่น “ฮูหยินไปดูนายท่านหน่อยดีรึไม่เจ้าคะ”“หลิว
“นายท่านฮูหยินจับแม่นางม่านถิงโยนลงน้ำแล้วขอรับ” จางหมิงเข้ามารายงานหน้าตาตื่น นายหญิงกลับมาเป็นนายหญิงคนเก่าแล้ว กำลังเอาคืนคนที่เคยทำร้ายนางมาก่อน น่าตื่นตาตื่นใจเสียจริงเรื่องพวกนี้ต้องเชิญนายท่านไปดูเสียหน่อย ถึงเวลาที่ฮูหยินเอาคืนนายท่านจะได้รับมือทันเพียงแต่ฮูหยินคงไม่เอาคืนนายท่านหรอกเพราะที่ผ่านมาเขาไม่เคยเห็นเลยจริง ๆ ได้ยินเพียงต้านเป่าเล่าว่าฮูหยินยามแทงปิ่นลงอกนายท่านเด็ดเดี่ยวเพียงใด เจ้าต้านเป่าที่อยู่แดนเหนือจะเป็นอย่างไรบ้างนะ ไม่ได้พบกันหนึ่งปีแล้วจะสบายดีรึไม่หลี่เฉียงยิ้มมุมปากแล้วเดินไปยืนเคียงข้างฮูหยินของตน ยามนี้นางปรายตามองมาที่เขาเล็กน้อยแล้วไม่สนใจอีก คงจะลองใจเขาว่าจะกระโดดลงไปช่วยม่านถิงรึไม่ หากเขากล้ากระโดดลงไปจุดจบของเขาคงไม่ต้องคิดก็รู้ กว่าจะหลอกล่อให้นางยอมกลับจวนยากลำบากแทบตาย จะไม่ยอมผิดพลาดอีกเด็ดขาด “ฮูหยินร้อนรึไม่เดี๋ยวสามีพัดให้” หลี่เฉียงใช้มือโบกสะบัดให้ลมพัดใบหน้างดงามของฮูหยิน ที่ยามนี้เต็มไปด้วยเหงื่อเพื่อบรรเทาความร้อนให้นาง“ฮูหยินแม่นางม่านถิงจมไปก้นสระแล้วขอรับ” เฉินอี้กล่าวเตือน“งมนางขึ้นมา ท่านพี่ท่านควรลงไปพาม่านถิงขึ้นมานะ”เหงื
“เพิ่งจะรู้ว่าเสี่ยวเสียงน้อยที่เอาแต่รังแกข้ายามเด็ก ก็ห่วงข้าเหมือนกัน” เหวยต้าเซียวถูกเหล่าองครักษ์บดบังจนมิด ยามนี้มีเสียงเปล่งออกมา องครักษ์ทั้งหลายก็แหวกทางให้เขา ร่างสูงโปร่งแผ่รัศมีราชันดูสูงส่งองอาจ ใบหน้าอ่อนโยนของฝ่าบาทยิ้มเล็กน้อยให้ทุกคน แล้วก้าวเดินมาหยุดยืนรวมตัวกับพวกหลี่เฉียง“นี่ พวกท่านจะเล่นละครช่วยแจ้งข้าก่อนได้รึไม่ ข้าหัวใจแทบหยุดเต้นแล้ว” เสียงอวิ๋นตวาดอย่างโมโหมีนางคนเดียวสินะที่ไม่รู้เรื่องพวกนี้ ไม่สิยังมีอีกคนที่ตกตะลึงอ้าปากค้างอยู่ นั่นก็คือต้วนอ๋อง“พะ พะ พวกเจ้า” ต้วนอ๋องชี้หน้าอีกฝ่ายมือสั่น หมากกระดานนี้เขามั่นใจนักว่าจะชนะ แต่แพ้ยับเยินให้พวกหมาป่าเจ้าเล่ห์ ยามนี้คนที่จับกุมฮ่องเต้ก่อนหน้านั้นหันมาจับกุมเขาแทน คนพวกนี้เป็นสิบคนที่ตามคุ้มกันจูฮูหยิน แสบนักเจ้าเด็กพวกนี้วางแผนได้แนบเนียนจนเขาดูไม่ออก “ฮ่าฮ่าฮ่า ข้าแพ้แล้ว ตอนไหนกันที่เจ้ามาสับเปลี่ยนตัวฝ่าบาทหลี่เฉียง” เขามั่นใจนักว่าแผนเขาล่มไม่เป็นท่าเช่นนี้ มือมืดที่อยู่เบื้องหลังก็คือเสนาบดีแห่งต้าเยี่ยที่คอยขัดแข้งขัดขาเขาไว้ตลอดนั่นเอง“ท่านอ๋องอย่าลืมว่ายังมีองค์รัชทายาทแห่งแคว้นฉินอีกคน เรื่องน