“ท่านแม่...ท่านแม่ ข้าคิดถึงท่าน”
“พิษไข้รุนแรงนักท่านพี่ช่วยเก็บสมุนไพรลดไข้ที่หลังเรือนให้ข้าที ยังดีที่นางมียาสมานแผลติดตัวมา ตากฝนจนแผลอักเสบหมดแล้ว”
“นางเป็นผู้ใดก็ไม่รู้จะช่วยนางรึ”
“เห็นนางแล้วข้าคิดถึงฮวาเอ๋อร์ หากลูกของเรายังมีชีวิตอยู่คงจะอายุเท่ากับเด็กคนนี้”
“เช่นนั้นก็ตามใจเจ้า”
เสียงอวิ๋นเปิดเปลือกตาอย่างสะลึมสะลือ เห็นหลังคาเรือนมุงใบจากที่ดูแข็งแรงกว่ากระท่อมร้างหลังนั้น ไม่ใช่แผ่นฟ้ากว้างเหมือนตอนที่หมดสติไป มีคนช่วยชีวิตนาง เหลือบมองด้านข้างเห็นหญิงวัยกลางคนเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้นางอยู่ น้ำร้อนทำให้แขนขาที่หนาวชามานานอบอุ่นขึ้น “ท่านน้าท่านช่วยชีวิตข้าไว้” เสียงอวิ๋นเอ่ยอย่างไร้เรี่ยวแรง
“แม่นางตื่นแล้ว ข้ากับสามีออกไปล่าสัตว์เห็นเจ้านอนไร้สติอยู่ ไฉนเจ้ามาอยู่ที่นี่ได้ไม่มีผู้ติดตามมาเลยรึ ดื่มน้ำขิงขับไล่ไอเย็นเสียหน่อย”
“ขอบคุณท่านน้ามาก” น้ำตาเสียงอวิ๋นไหลออกมา ในช่วงเวลาลำบากของชีวิต ควรจะมีคนในครอบครัวอย่างสามีเคียงข้างที่สุด แต่กลับไม่มี เจ็บป่วยเจียนตายได้รับการดูแลจากคนแปลกหน้า มองย้อนไปที่สามีชั่วช้านางรักเขายิ่งกว่าชีวิตของนาง แล้วได้อะไรคืนมาบ้าง เอียงคอมองบาดแผลที่แขนมันเกิดขึ้นจากความเป็นห่วงเขา
ทว่าความห่วงใยเพียงน้อยนิดเขาก็ยังไม่มีให้ เขาตอบแทนความรักของนางด้วยการทอดทิ้งอย่างไม่ไยดี ไตร่ตรองอย่างเยือกเย็น น้ำตาค่อย ๆ หยุดไหล นางก็คนมีหัวใจมีความรู้สึก ถูกกระทำถึงขั้นนี้ ไม่หันมารักตนเองคงโง่เขลาสิ้นดี ควรทวงทุกอย่างที่เป็นของตระกูลจูคืนมาได้แล้ว
ยื่นมือไปรับน้ำขิงกรอกปากรวดเดียวหมด ความอุ่นแผ่ซ่านไหลผ่านลำคอลงไปถึงท้อง ไอเย็นในร่างกายถูกแทนที่ด้วยไออุ่นของน้ำขิง ทำให้รู้สึกดีขึ้นไม่น้อย
“เจ้ามีไข้สูง ยังดีที่ข้าพอรู้วิชาแพทย์อยู่บ้างและเจ้ามียาสมานแผลติดตัวมา พักรักษาตัวให้สบายใจเถิด ว่าแต่เจ้าเป็นคนหมู่บ้านใดให้ข้าไปตามครอบครัวเจ้ามารับรึไม่”
“ไม่ต้องเจ้าค่ะ ข้าไม่มีครอบครัว”
“เจ็บแผลรึน้ำตาไหลเชียว ไม่มีครอบครัวก็อยู่ที่นี่กับน้าได้นะน้าเต็มใจให้เจ้าอยู่ เสื้อผ้าเจ้าเปื้อนดินโคลนน้าเลยเอาเสื้อผ้าน้าเปลี่ยนให้เจ้า”
“ขอบคุณเจ้าค่ะ” เสียงอวิ๋นยิ้มเล็กน้อย คุณหนูสูงศักดิ์เช่นนางเสื้อผ้าที่สวมใส่ล้วนเป็นผ้าไหมเนื้อดี ได้พระราชทานมาจากในวัง ไม่เคยใส่เสื้อผ้าเก่าซอมซ่อที่มีแต่รอยปะชุนแบบนี้มาก่อน แต่นางมีสิทธิ์อะไรไปรังเกียจสิ่งของที่ผู้มีพระคุณหยิบยื่นให้ เสื้อผ้าเก่าที่สวมอยู่บนกายก็ให้ความอบอุ่นได้เช่นกัน กวาดสายตามองกระท่อมหลังเล็กของผู้มีพระคุณ หากนางทวงคืนกิจการทุกอย่างของตระกูลจูกลับมาได้ นางจะสร้างเรือนให้ผู้มีพระคุณทั้งสอง มอบเงินทองให้ใช้ไม่ขาดมือ จะให้พวกเขาสุขสบายไปทั้งชีวิต “ท่านน้าที่นี่อยู่ไกลจากเมืองหลวงรึไม่ ข้าต้องการรถม้าพาเข้าเมืองหลวงมีรึไม่เจ้าคะ”
“ที่นี่อยู่ห่างประตูเมืองไม่ไกลมาก หากไปทางเหนือห้าร้อยลี้จะเป็นเขตแดนแคว้นฉิน หากไปทางตะวันออกก็เดินทางเข้าประตูเมืองแคว้นต้าเยี่ย เดินทางประมาณชั่วยามก็เข้าประตูเมืองแล้ว ส่วนรถม้าไม่มีหรอก เอ๊ะ...น้าลืมไปมีท่านตาที่อยู่ท้ายหมู่บ้าน หนึ่งเดือนจะเดินทางเข้าเมืองไปขายหญ้าให้โรงเลี้ยงม้า แต่ไม่รู้ว่าเดือนนี้เขาไปมาแล้วหรือยัง”
“ข้าจะไปพบเขาเจ้าค่ะ”
“เจ้ายังป่วยอยู่ น้าจะไปถามท่านตาให้”
“ขอบคุณท่านน้ามากเจ้าค่ะ”
สามวันต่อมา เสียงอวิ๋นกลับเข้าเมืองหลวงด้วยการนั่งเกวียนที่เต็มไปด้วยหญ้าสด ร่างเล็กนอนบนกองหญ้า ใบของมันกรีดผิวกายขาวเนียนเป็นรอยแดงและแสบร้อน แสงแดดเจิดจ้าแผดเผาผิวละเอียดนุ่มจนแดงระเรื่อ เหงื่อเม็ดเล็กไหลย้อยใส่รอยที่หญ้าบาดแสบจี๊ดจ๊าด
ตลอดสี่วันมานี้เขาไม่ส่งใครมาช่วย ไม่ห่วงใย ไม่สนใจว่านางจะเป็นหรือตาย คงจะดีใจด้วยซ้ำที่ไม่มีนางอยู่ในชีวิต
ผมเผ้ารุ่ยร่ายไม่เป็นทรง ใบหน้าซีดเซียวมอมแมมไร้เครื่องประทินโฉม เดินเข้าจวนท่ามกลางสายตาประหลาดใจของบ่าว นายหญิงผู้งามสง่ากลับจวนมาด้วยสภาพไม่ต่างจากขอทาน
พวกบ่าวในจวนพากันซุบซิบนินทาสนุกปาก หากเป็นเมื่อก่อนบ่าวปากดีพวกนั้นคงถูกนางจับโบยแล้วขายทิ้ง ทว่าวันนี้นางเหนื่อยเหลือเกิน เหนื่อยจนไม่อยากสนใจสิ่งใด ตอนนี้คิดถึงอ่างน้ำอุ่น ที่นอนนุ่ม อาหารเลิศรส ไม่มีกะจิตกะใจคิดเอาเรื่องผู้อื่น
เดินเข้ามาในเรือนที่คุ้นเคย ได้ยินเสียงประหลาดที่ไม่เคยเกิดขึ้นในจวนมาก่อน เป็นเสียงกู่ฉินสอดประสานไปกับเสียงขรุ่ย ท่วงทำนองเปลี่ยวเหงาเศร้าใจสอดแทรกความคิดถึงจนพูดไม่ออก เสียงอวิ๋นหยุดเดินมองไปยังต้นเสียง สามีที่รักยืนเป่าขลุ่ยอยู่ข้างกายสตรีที่เขาปกป้องอย่างม่านถิง สติขาดสะบั้นช่วงเวลาที่นางเกือบเอาชีวิตไม่รอด เขากลับมาเป่าขลุ่ยขับขานเพลงสื่อความคิดถึงแทบขาดใจกับสตรีไร้ยางอายคนนั้น
เสียงอวิ๋นกระโจนเข้าไปผลักร่างอรชรที่ดีดกู่ฉินอยู่แล้วทุบกู่ฉินตัวนั้นอย่างเสียสติ “สารเลวทั้งคู่”
หลังจากส่งเว่ยเฉาหลี่เฉียงพาเสียงอวิ๋นกลับจวนเพื่อรับจิ่นซางเข้าวัง เนื่องด้วยขันทีข้างพระวรกายไท่ซ่างหวงมาตามเป็นครั้งที่ร้อยแล้วก็ว่าได้ เพราะตั้งแต่รับราชโองการฝ่าบาทครั้งนั้นหลี่เฉียงก็ยุ่งกับแผนการกำจัดต้วนอ๋อง ทำให้ยังไม่ได้พาจิ่นซางและเสียงอวิ๋นไปเข้าเฝ้าไท่ซ่างหวงหลี่เฉียงคุกเข่าสองมือกุมหมัด “กระหม่อมถวายบังคมไท่ซ่างหวงขอพระองค์อายุยืนหมื่นปี หมื่น ๆ ปี“หม่อมฉันขอพระองค์อายุยืนหมื่นปีเพคะ” เสียงอวิ๋นเองก็คุกเข่าคำนับเต็มพิธีการ“ยายหนูพาจิ่นซางน้อยลุกขึ้นเถิด มาตรงนี้มาให้ปู่ดูหน่อยว่าเจ้าหน้าตาเหมือนใคร ฮ่าฮ่า จิ่นซางน้อยของปู่เจ้าเหมือนเหล่าเซี่ยมาก ดีแล้วที่เจ้าเหมือนปู่ของเจ้า ปู่ของเจ้ามีคุณธรรมโอบอ้อมอารี มีลูกศิษย์เยอะแยะมากมาย ไม่รู้ใครบางคนไปเอานิสัยแย่ ๆ มาจากไหน”หลี่เฉียงขมวดคิ้วเล็กน้อย เหตุใดไท่ซ่างหวงไม่บอกให้เขาลุกขึ้นบ้างเล่า แล้วพูดเช่นนั้นกำลังเหน็บแนมเขาหรือ เสด็จพ่อข้าเป็นบุตรบุญธรรมท่านนะ ท่านต้องเข้าข้างข้าถึงจะถูก หลี่เฉียงโอดครวญในใจ ยามนี้คุกเข่าจนขาเริ่มชาแล้ว ทว่าไท่ซ่างหวงกับเสียงอวิ๋นไม่มีใครสนใจเขาสักคน เอาแต่หยอกล้อบุตรชายหน้าเหม็นของเขาที่หั
“ฮูหยินอีกสักรอบเถอะ”“อีกรอบบ้านท่านสิ” เสียงอวิ๋นถีบหลี่เฉียงลงจากเตียง เมื่อมือไม้ของเขาเริ่มอยู่ไม่นิ่งอีกแล้ว สามวันมานี้เขาเคี่ยวกรำนางจนลงจากเตียงไม่ไหว พอลุกขึ้นจะไปหาจิ่นซางขานางก็สั่นก้าวไม่ออกมารราคะตนนั้นเท้าศีรษะมองนางแล้วยิ้มขำ บอกนางว่าจิ่นซางมีแม่นมดูแล จากนั้นก็อุ้มนางกลับมาที่เตียงและเริ่มบรรเลงเพลงรักอีกครั้งและอีกครั้งเสียงอวิ๋นรู้สึกว่าก่อนหน้านั้นนางทรมานหลี่เฉียงน้อยเกินไป พอให้อภัยเขา เขาก็เรียกคืนนางจนร่างแทบแหลก เจ็บใจเสียจริง!!รู้แบบนี้ทำตามที่เว่ยเฉากระซิบก็ดี แสร้งหย่าแล้วเดินทางไปท่องเที่ยวกับเว่ยเฉา ปล่อยให้เขาโดดเดี่ยวอยู่ที่ต้าเยี่ยลำพังเป็นนางเองที่ใจอ่อนเมื่อเห็นสีหน้าสำนึกผิดของเขา เสียใจตอนนี้ไม่ทันแล้วถูกเขากินทั้งเนื้อทั้งตัวมาสามวันเต็ม“เอาล่ะ ไม่แกล้งเจ้าแล้วมากินข้าว” ว่ากันว่าภรรยาถีบเพราะรักเขาไม่ถือสา เห็นนางไร้เรี่ยวแรงหลี่เฉียงทั้งสงสารทั้งเอ็นดู เดินเข้าไปหานางเพื่ออุ้มนางมากินข้าว พอเห็นท่าทางระแวดระวังของนางเขาก็อยากแกล้งนางอีกแล้ว “กินเจ้าก่อน...ค่อยกินข้าวก็ดีเหมือนกัน”คนบ้า!!หากยังกินนางอีกคงไม่มีแรงลุกไปส่งเว่ยเฉาเสียงอวิ๋นมอ
“มันจะเหมือนกันได้อย่างไรนี่เป็นของแทนใจพ่อลูก เจ้าจะเข้าใจอะไรอย่าสอดปากดีกว่าหลี่เฉียงอยู่เฉย ๆ ข้าจะคุยกับลูกข้า”เรื่องใดก็ตามหลี่เฉียงล้วนสุขุมเยือกเย็นและมีแผนการล้ำลึก มีเพียงเรื่องฮูหยินกับบุตรชายที่ทำให้เขาควบคุมตัวเองไม่ค่อยได้ “เว่ยเฉาเจ้าเคยตายรึไม่หากยังข้าจะสนองให้”“หลี่เฉียงนั่นพ่อของจิ่นซางท่านเป็นคนอื่นไม่ควรมานั่งอยู่ตรงนี้ด้วยซ้ำ” เสียงอวิ๋นเอ่ยเสียงเยือกเย็นฮูหยินรักนี่คือการเอาคืนของเจ้าใช่รึไม่ เจ้าไม่ได้คิดเกินเลยกับเว่ยเฉาจริงใช่รึไม่ ให้ตายเถิดใจข้าเดือดปุด ๆ เหมือนน้ำร้อน อยากลงไม้ลงมือกับคนที่ยิ้มหน้าระรื่นตรงหน้าเสียจริงยามนี้เข้าใจแล้วที่เสียงอวิ๋นไล่ตบตีสตรีไปทั่ว ทำตัวไร้เหตุผลไม่น่ารัก ที่จริงนางเพียงรักเขาและอยากประกาศความเป็นเจ้าของเท่านั้น ซึ่งตอนนี้เขาอยากซัดใบหน้าสหายดับความร้อนในใจ เข้าใจความรู้สึกของนางก็ยามที่มาเจอกับตัวเองเว่ยเฉายิ้มให้อีกฝ่ายแล้วหอมแก้มนุ่มนิ่มของเด็กน้อยในอ้อมแขนจากนั้นก็โน้มกายไปกระซิบบางอย่างที่ข้างหูเสียงอวิ๋น เขาคบกับหลี่เฉียงมานานย่อมรู้ว่าวิธีใดยั่วโมโหสหายได้“ไสหัวไป” หลี่เฉียงตวาดลั่นอยากอดรนทนไม่ได้อีก หลายวันมา
เช้าวันรุ่งขึ้นเสียงอวิ๋นยังไม่ทันได้ไปที่ห้องเก็บฟืน ก็มีคนมารายงานว่าม่านถิงฆ่าตัวตายแล้วจนใจที่ยังไม่ได้กรอกยาพิษเอาคืนม่านถิงเลย นางก็วิ่งชนเสาฆ่าตัวตายเสียแล้วถือว่านางเลือกได้ดี คงรู้ตัวว่าจะถูกทรมานจึงเลือกทางนี้จูเหวินสืบข่าวเรื่องบุตรของม่านถิงมาได้ หลังจากคลอดม่านถิงก็เอาบุตรสาวไปทิ้งที่หน้าจวนตระกูลกง บุตรสาวที่น่าสงสารของม่านถิงจึงมีบิดาคอยดูแลอยู่ ถือว่าเป็นโชคดีของนางได้ข่าวว่ากงหยางรักและเอ็นดูบุตรสาวไม่น้อยส่วนหลี่เฉียงแม้จะมีความดีลบล้างความผิดไปบ้างแล้ว ก็ยังคงต้องชดใช้ให้นางอยู่ดี จูเหวินสืบมาได้ว่ายามนั้นเรื่องราวทั้งหมดเป็นแผนของเขา หลี่เฉียงได้ให้ยาแก้พิษกับกงหยางและต้านเป่าไว้แล้ว เพียงแต่มันออกฤทธิ์ช้าไปหนึ่งวัน เพื่อตบตาม่านถิงเขายังแสร้งไม่รู้เบื้องลึกเบื้องหลังของม่านถิง หลี่เฉียงก็ยังคงชั่วช้าสารเลว เจ้าเล่ห์ คาดเดายาก หลอกลวงเก่งไม่เปลี่ยนหลิวมามาเหลือบมองผู้เป็นนายอยู่หลายครั้ง ชั่งใจว่าควรพูดดีหรือไม่ นายท่านจับไข้มาสามวันแล้วฮูหยินไม่เคยเข้าไปดูเลย หลิวมามาร้อนใจเหลือเกิน กลัวว่านายน้อยจะขาดครอบครัวอบอุ่น “ฮูหยินไปดูนายท่านหน่อยดีรึไม่เจ้าคะ”“หลิว
“นายท่านฮูหยินจับแม่นางม่านถิงโยนลงน้ำแล้วขอรับ” จางหมิงเข้ามารายงานหน้าตาตื่น นายหญิงกลับมาเป็นนายหญิงคนเก่าแล้ว กำลังเอาคืนคนที่เคยทำร้ายนางมาก่อน น่าตื่นตาตื่นใจเสียจริงเรื่องพวกนี้ต้องเชิญนายท่านไปดูเสียหน่อย ถึงเวลาที่ฮูหยินเอาคืนนายท่านจะได้รับมือทันเพียงแต่ฮูหยินคงไม่เอาคืนนายท่านหรอกเพราะที่ผ่านมาเขาไม่เคยเห็นเลยจริง ๆ ได้ยินเพียงต้านเป่าเล่าว่าฮูหยินยามแทงปิ่นลงอกนายท่านเด็ดเดี่ยวเพียงใด เจ้าต้านเป่าที่อยู่แดนเหนือจะเป็นอย่างไรบ้างนะ ไม่ได้พบกันหนึ่งปีแล้วจะสบายดีรึไม่หลี่เฉียงยิ้มมุมปากแล้วเดินไปยืนเคียงข้างฮูหยินของตน ยามนี้นางปรายตามองมาที่เขาเล็กน้อยแล้วไม่สนใจอีก คงจะลองใจเขาว่าจะกระโดดลงไปช่วยม่านถิงรึไม่ หากเขากล้ากระโดดลงไปจุดจบของเขาคงไม่ต้องคิดก็รู้ กว่าจะหลอกล่อให้นางยอมกลับจวนยากลำบากแทบตาย จะไม่ยอมผิดพลาดอีกเด็ดขาด “ฮูหยินร้อนรึไม่เดี๋ยวสามีพัดให้” หลี่เฉียงใช้มือโบกสะบัดให้ลมพัดใบหน้างดงามของฮูหยิน ที่ยามนี้เต็มไปด้วยเหงื่อเพื่อบรรเทาความร้อนให้นาง“ฮูหยินแม่นางม่านถิงจมไปก้นสระแล้วขอรับ” เฉินอี้กล่าวเตือน“งมนางขึ้นมา ท่านพี่ท่านควรลงไปพาม่านถิงขึ้นมานะ”เหงื
“เพิ่งจะรู้ว่าเสี่ยวเสียงน้อยที่เอาแต่รังแกข้ายามเด็ก ก็ห่วงข้าเหมือนกัน” เหวยต้าเซียวถูกเหล่าองครักษ์บดบังจนมิด ยามนี้มีเสียงเปล่งออกมา องครักษ์ทั้งหลายก็แหวกทางให้เขา ร่างสูงโปร่งแผ่รัศมีราชันดูสูงส่งองอาจ ใบหน้าอ่อนโยนของฝ่าบาทยิ้มเล็กน้อยให้ทุกคน แล้วก้าวเดินมาหยุดยืนรวมตัวกับพวกหลี่เฉียง“นี่ พวกท่านจะเล่นละครช่วยแจ้งข้าก่อนได้รึไม่ ข้าหัวใจแทบหยุดเต้นแล้ว” เสียงอวิ๋นตวาดอย่างโมโหมีนางคนเดียวสินะที่ไม่รู้เรื่องพวกนี้ ไม่สิยังมีอีกคนที่ตกตะลึงอ้าปากค้างอยู่ นั่นก็คือต้วนอ๋อง“พะ พะ พวกเจ้า” ต้วนอ๋องชี้หน้าอีกฝ่ายมือสั่น หมากกระดานนี้เขามั่นใจนักว่าจะชนะ แต่แพ้ยับเยินให้พวกหมาป่าเจ้าเล่ห์ ยามนี้คนที่จับกุมฮ่องเต้ก่อนหน้านั้นหันมาจับกุมเขาแทน คนพวกนี้เป็นสิบคนที่ตามคุ้มกันจูฮูหยิน แสบนักเจ้าเด็กพวกนี้วางแผนได้แนบเนียนจนเขาดูไม่ออก “ฮ่าฮ่าฮ่า ข้าแพ้แล้ว ตอนไหนกันที่เจ้ามาสับเปลี่ยนตัวฝ่าบาทหลี่เฉียง” เขามั่นใจนักว่าแผนเขาล่มไม่เป็นท่าเช่นนี้ มือมืดที่อยู่เบื้องหลังก็คือเสนาบดีแห่งต้าเยี่ยที่คอยขัดแข้งขัดขาเขาไว้ตลอดนั่นเอง“ท่านอ๋องอย่าลืมว่ายังมีองค์รัชทายาทแห่งแคว้นฉินอีกคน เรื่องน