เสียงธนูแหวกอากาศมาแต่ไกล เสียงอวิ๋นไม่อยากเห็นเขาถูกทำร้าย ช่วงเวลานั้นลืมกลัวเพราะความเป็นห่วง จวบจนเนื้อร้อนบริเวณแขนถูกธนูเฉือน จึงรับรู้ถึงความกลัวขึ้นมา ก้มมองแขนซ้ายที่มีของเหลวสีแดงซึมผ่านอาภรณ์ สีหน้าซีดเผือดยามรับรู้ถึงความเจ็บนั้น
“ไม่กลัวตาย?” เฉินอี้ขมวดคิ้วเอ่ย “....” ใครบ้างไม่กลัวตาย แค่เมื่อครู่ลืมกลัวตอนนี้สั่นไปทั้งตัวแม้แต่ขาก็แทบรับน้ำหนักตัวไม่ไหว ขาอ่อนปวกเปียก มองไปที่สามีหวังว่าจะพบสายตาห่วงใยไม่ก็คำถามว่าเจ็บรึไม่ก็ยังดี กลับไม่เป็นตามที่หวัง มาถึงขั้นนี้สามียังไม่ปล่อยมือจากสตรีคนนั้น เขาหลบหลีกธนูดอกนั้นได้อย่างคล่องแคล่ว ความห่วงใยของนางเสียเปล่าแล้ว หากเมื่อครู่เฉินอี้คนสนิทอีกคนของสามีไม่โอบเอวนางดึงออกมา หลังของนางคงถูกธนูปักตำแหน่งจุดตายแทงทะลุหัวใจ ถือว่านางโชคดีเฉินอี้ที่สืบข่าวอยู่ชายแดนมาตลอดกลับมายามนี้ มิเช่นนั้นเมื่อครู่นางคงไม่รอดชีวิตมาได้ “ตามไปจัดการให้สิ้น” สามีสั่งการเสร็จก็อุ้มร่างอรชรของม่านถิงเข้าไปในเรือนหลังเล็ก ไม่สนใจนางที่เป็นฮูหยินและยังได้รับบาดเจ็บอยู่ เสียงอวิ๋นยืนอึ้งอยู่กับที่น้ำตาไหล ไร้เสียงกรีดร้องแม้แต่เสียงสะอื้นก็ไม่มี รู้ว่าเขาไม่รักแต่ไม่คาดคิดว่าจะไม่รักถึงเพียงนี้ ร้าวจนปวดไปทั้งใจ ทั้งที่รักเขาหมดใจทำเพื่อเขาทุกอย่างแม้แต่ชีวิตก็ให้เขาได้ เขากลับทำร้ายจิตใจนางได้ถึงเพียงนี้ “กลับจวนเถิดขอรับฮูหยิน” จางหมิงเรียกสตินายหญิงที่ดูเหมือนจะหลุดลอยออกจากร่างไปแล้ว หากเขาเป็นฮูหยินเขาจะรีบกลับจวนไปนอน ไม่อยู่ต่อมองภาพบาดตาให้เจ็บหัวใจหรอก เดินไปเตรียมรถม้าเพื่อพาฮูหยินกลับจวน ร่างเล็กถูกแรงหนึ่งกระชากไป โลหะเย็นเยียบจดจ่ออยู่ที่ลำคอระหง ทว่าสติรับรู้ของเสียงอวิ๋นราวกับดับสิ้นไปแล้ว เหม่อลอยไม่รับรู้ถึงอันตรายราวกับรอบกายมีนางยืนอยู่แค่คนเดียวไร้ผู้คน “หลี่เฉียง...ฮูหยินของเจ้าอยู่ในมือข้า ถอนกำลังของเจ้าออกอย่าไล่ตามคนของข้าอีก ไม่เช่นนั้นข้าจะไม่ไว้ชีวิตนาง” จางหมิงเจ็บใจนัก เผลอเพียงครู่เดียวก็ถูกเว่ยเฉาที่เป็นปฏิปักษ์กับนายท่านทุกเรื่อง จับนายหญิงไปเป็นตัวประกัน เมื่อครู่เฉินอี้มาถึงช่วยชีวิตนายหญิงไว้ แล้วตามมือสังหารคนนั้นออกไปตามคำสั่งนายท่าน ทำให้ที่นี่เหลือเพียงเขาที่คอยคุ้มกัน “นายท่านเป็นข้าน้อยที่ปฏิบัติหน้าที่ไม่...” หลี่เฉียงเปิดประตูออกมาจากเรือนหลังเล็กยกมือขึ้นห้ามไม่ให้จางหมิงเอ่ยปากต่อ “ฮูหยินของข้าไม่กลัวของมีคม เมื่อครู่ตอนอยู่ที่จวนยังใช้ปิ่นปักผมสังหารตัวเองอยู่เลย หากเจ้าลงมือตอนนี้ก็เป็นไปตามความปรารถนาของนาง ไม่เชื่อเจ้าถามนางดูได้” ไม่คาดคิดว่าเว่ยเฉาจะใจกล้าบุกเข้ามายามเขาไร้การป้องกันเช่นนี้ ถือว่าเขาพลาดที่ไม่เตรียมการรับมือไว้ ครั้งนี้เป็นบทเรียนครั้งหน้าเขาไม่ยอมอีกแน่ เสียงอวิ๋นได้สติกลับมาเมื่อได้ยินเสียงราบเรียบของสามี นางช้อนตามองเขาแววตาสั่นระริก ส่งความรู้สึกเสียใจ เจ็บปวด หวาดกลัวไปให้เขาผ่านทางสายตา ทว่าเขาไม่มองมาที่นาง จับจ้องเพียงบุรุษที่ใช้มีดจี้ลำคอของนางอยู่ เสียงอวิ๋นปล่อยน้ำตาให้ไหลอาบแก้มเงียบ ๆ ไม่กรีดร้องไม่ด่ากราดอย่างที่ผ่านมา “ซึ้งใจหรือไม่เล่าจูฮูหยิน...สามีที่เจ้ารักสามีที่เจ้ายอมสละชีวิตเพื่อเขาไปเมื่อครู่...ไม่คิดจะช่วยเจ้า” หูอื้ออึงเมื่อเห็นใบหน้าเรียบเฉยไร้ความห่วงใย เอ่ยด้วยน้ำเสียงที่แข็งเหมือนหินผาบอกว่านางไม่กลัวของมีคม “ท่านพี่” เสียงอวิ๋นเรียกออกมาอย่างแผ่วเบา จุกจนร้าวระบมไปทั้งใจ เขาแสดงออกชัดเจนว่าไม่รัก เหตุใดนางต้องรักเขาอย่างถอนตัวไม่ขึ้นด้วย “หลี่เฉียงในเมื่อเจ้าไม่คิดจะช่วยนาง ฮูหยินของเจ้าก็ยกให้ข้าเถิด ฮ่าฮ่า” เว่ยเฉาเจ็บแค้นแทนน้องสาวของเขาที่ต้องตายอย่างอนาถเพราะสหายเก่าอย่างหลี่เฉียง ทำให้เขาคิดทวงคืนให้น้องสาว โดยการเอาชีวิตสหายเก่า ไปขอขมาน้องสาวเขาในปรโลก “เชิญตามสบาย” สีหน้าไม่แยแสกล่าวพลางนั่งลงเก้าอี้โยก ยกป้านชารินใส่จอกดื่มอย่างสบาย ๆ ไม่มีแววกังวลหรือร้อนใจแม้แต่น้อย เสียงอวิ๋นหาเสียงตัวเองไม่เจอไปชั่วขณะ เขายกนางให้บุรุษอื่น นัยน์ตาแดงก่ำมองไปที่สามีอย่างผิดหวังและเหลือเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน “ดี ไปขึ้นรถม้า” เว่ยเฉากระชากร่างบางให้เดินตามไป เขาใช้ปลายมีดสั้นชี้ไปที่หน้าสหายเก่าในระยะไกลและส่งรอยยิ้มเย็นยะเยือกไปให้ “อย่าตามมา ไม่เช่นนั้นข้าไม่รับรองความปลอดภัยของนาง...อีกอย่างถอนกำลังของเจ้าออกให้หมด อีกครึ่งชั่วยามหากคนของข้ายังไม่โผล่หัวมารายงาน ก็มาเก็บศพฮูหยินเจ้าเสีย” ผลักร่างระหงขึ้นไปบนรถม้าได้ ก็กระโดดขึ้นไปตำแหน่งสารถี บังคับรถม้าออกจากเมืองหลวง เพราะที่แห่งนี้เป็นถิ่นของหลี่เฉียง เขาต้องพานางไปให้ไกลจากที่นี่หลังจากส่งเว่ยเฉาหลี่เฉียงพาเสียงอวิ๋นกลับจวนเพื่อรับจิ่นซางเข้าวัง เนื่องด้วยขันทีข้างพระวรกายไท่ซ่างหวงมาตามเป็นครั้งที่ร้อยแล้วก็ว่าได้ เพราะตั้งแต่รับราชโองการฝ่าบาทครั้งนั้นหลี่เฉียงก็ยุ่งกับแผนการกำจัดต้วนอ๋อง ทำให้ยังไม่ได้พาจิ่นซางและเสียงอวิ๋นไปเข้าเฝ้าไท่ซ่างหวงหลี่เฉียงคุกเข่าสองมือกุมหมัด “กระหม่อมถวายบังคมไท่ซ่างหวงขอพระองค์อายุยืนหมื่นปี หมื่น ๆ ปี“หม่อมฉันขอพระองค์อายุยืนหมื่นปีเพคะ” เสียงอวิ๋นเองก็คุกเข่าคำนับเต็มพิธีการ“ยายหนูพาจิ่นซางน้อยลุกขึ้นเถิด มาตรงนี้มาให้ปู่ดูหน่อยว่าเจ้าหน้าตาเหมือนใคร ฮ่าฮ่า จิ่นซางน้อยของปู่เจ้าเหมือนเหล่าเซี่ยมาก ดีแล้วที่เจ้าเหมือนปู่ของเจ้า ปู่ของเจ้ามีคุณธรรมโอบอ้อมอารี มีลูกศิษย์เยอะแยะมากมาย ไม่รู้ใครบางคนไปเอานิสัยแย่ ๆ มาจากไหน”หลี่เฉียงขมวดคิ้วเล็กน้อย เหตุใดไท่ซ่างหวงไม่บอกให้เขาลุกขึ้นบ้างเล่า แล้วพูดเช่นนั้นกำลังเหน็บแนมเขาหรือ เสด็จพ่อข้าเป็นบุตรบุญธรรมท่านนะ ท่านต้องเข้าข้างข้าถึงจะถูก หลี่เฉียงโอดครวญในใจ ยามนี้คุกเข่าจนขาเริ่มชาแล้ว ทว่าไท่ซ่างหวงกับเสียงอวิ๋นไม่มีใครสนใจเขาสักคน เอาแต่หยอกล้อบุตรชายหน้าเหม็นของเขาที่หั
“ฮูหยินอีกสักรอบเถอะ”“อีกรอบบ้านท่านสิ” เสียงอวิ๋นถีบหลี่เฉียงลงจากเตียง เมื่อมือไม้ของเขาเริ่มอยู่ไม่นิ่งอีกแล้ว สามวันมานี้เขาเคี่ยวกรำนางจนลงจากเตียงไม่ไหว พอลุกขึ้นจะไปหาจิ่นซางขานางก็สั่นก้าวไม่ออกมารราคะตนนั้นเท้าศีรษะมองนางแล้วยิ้มขำ บอกนางว่าจิ่นซางมีแม่นมดูแล จากนั้นก็อุ้มนางกลับมาที่เตียงและเริ่มบรรเลงเพลงรักอีกครั้งและอีกครั้งเสียงอวิ๋นรู้สึกว่าก่อนหน้านั้นนางทรมานหลี่เฉียงน้อยเกินไป พอให้อภัยเขา เขาก็เรียกคืนนางจนร่างแทบแหลก เจ็บใจเสียจริง!!รู้แบบนี้ทำตามที่เว่ยเฉากระซิบก็ดี แสร้งหย่าแล้วเดินทางไปท่องเที่ยวกับเว่ยเฉา ปล่อยให้เขาโดดเดี่ยวอยู่ที่ต้าเยี่ยลำพังเป็นนางเองที่ใจอ่อนเมื่อเห็นสีหน้าสำนึกผิดของเขา เสียใจตอนนี้ไม่ทันแล้วถูกเขากินทั้งเนื้อทั้งตัวมาสามวันเต็ม“เอาล่ะ ไม่แกล้งเจ้าแล้วมากินข้าว” ว่ากันว่าภรรยาถีบเพราะรักเขาไม่ถือสา เห็นนางไร้เรี่ยวแรงหลี่เฉียงทั้งสงสารทั้งเอ็นดู เดินเข้าไปหานางเพื่ออุ้มนางมากินข้าว พอเห็นท่าทางระแวดระวังของนางเขาก็อยากแกล้งนางอีกแล้ว “กินเจ้าก่อน...ค่อยกินข้าวก็ดีเหมือนกัน”คนบ้า!!หากยังกินนางอีกคงไม่มีแรงลุกไปส่งเว่ยเฉาเสียงอวิ๋นมอ
“มันจะเหมือนกันได้อย่างไรนี่เป็นของแทนใจพ่อลูก เจ้าจะเข้าใจอะไรอย่าสอดปากดีกว่าหลี่เฉียงอยู่เฉย ๆ ข้าจะคุยกับลูกข้า”เรื่องใดก็ตามหลี่เฉียงล้วนสุขุมเยือกเย็นและมีแผนการล้ำลึก มีเพียงเรื่องฮูหยินกับบุตรชายที่ทำให้เขาควบคุมตัวเองไม่ค่อยได้ “เว่ยเฉาเจ้าเคยตายรึไม่หากยังข้าจะสนองให้”“หลี่เฉียงนั่นพ่อของจิ่นซางท่านเป็นคนอื่นไม่ควรมานั่งอยู่ตรงนี้ด้วยซ้ำ” เสียงอวิ๋นเอ่ยเสียงเยือกเย็นฮูหยินรักนี่คือการเอาคืนของเจ้าใช่รึไม่ เจ้าไม่ได้คิดเกินเลยกับเว่ยเฉาจริงใช่รึไม่ ให้ตายเถิดใจข้าเดือดปุด ๆ เหมือนน้ำร้อน อยากลงไม้ลงมือกับคนที่ยิ้มหน้าระรื่นตรงหน้าเสียจริงยามนี้เข้าใจแล้วที่เสียงอวิ๋นไล่ตบตีสตรีไปทั่ว ทำตัวไร้เหตุผลไม่น่ารัก ที่จริงนางเพียงรักเขาและอยากประกาศความเป็นเจ้าของเท่านั้น ซึ่งตอนนี้เขาอยากซัดใบหน้าสหายดับความร้อนในใจ เข้าใจความรู้สึกของนางก็ยามที่มาเจอกับตัวเองเว่ยเฉายิ้มให้อีกฝ่ายแล้วหอมแก้มนุ่มนิ่มของเด็กน้อยในอ้อมแขนจากนั้นก็โน้มกายไปกระซิบบางอย่างที่ข้างหูเสียงอวิ๋น เขาคบกับหลี่เฉียงมานานย่อมรู้ว่าวิธีใดยั่วโมโหสหายได้“ไสหัวไป” หลี่เฉียงตวาดลั่นอยากอดรนทนไม่ได้อีก หลายวันมา
เช้าวันรุ่งขึ้นเสียงอวิ๋นยังไม่ทันได้ไปที่ห้องเก็บฟืน ก็มีคนมารายงานว่าม่านถิงฆ่าตัวตายแล้วจนใจที่ยังไม่ได้กรอกยาพิษเอาคืนม่านถิงเลย นางก็วิ่งชนเสาฆ่าตัวตายเสียแล้วถือว่านางเลือกได้ดี คงรู้ตัวว่าจะถูกทรมานจึงเลือกทางนี้จูเหวินสืบข่าวเรื่องบุตรของม่านถิงมาได้ หลังจากคลอดม่านถิงก็เอาบุตรสาวไปทิ้งที่หน้าจวนตระกูลกง บุตรสาวที่น่าสงสารของม่านถิงจึงมีบิดาคอยดูแลอยู่ ถือว่าเป็นโชคดีของนางได้ข่าวว่ากงหยางรักและเอ็นดูบุตรสาวไม่น้อยส่วนหลี่เฉียงแม้จะมีความดีลบล้างความผิดไปบ้างแล้ว ก็ยังคงต้องชดใช้ให้นางอยู่ดี จูเหวินสืบมาได้ว่ายามนั้นเรื่องราวทั้งหมดเป็นแผนของเขา หลี่เฉียงได้ให้ยาแก้พิษกับกงหยางและต้านเป่าไว้แล้ว เพียงแต่มันออกฤทธิ์ช้าไปหนึ่งวัน เพื่อตบตาม่านถิงเขายังแสร้งไม่รู้เบื้องลึกเบื้องหลังของม่านถิง หลี่เฉียงก็ยังคงชั่วช้าสารเลว เจ้าเล่ห์ คาดเดายาก หลอกลวงเก่งไม่เปลี่ยนหลิวมามาเหลือบมองผู้เป็นนายอยู่หลายครั้ง ชั่งใจว่าควรพูดดีหรือไม่ นายท่านจับไข้มาสามวันแล้วฮูหยินไม่เคยเข้าไปดูเลย หลิวมามาร้อนใจเหลือเกิน กลัวว่านายน้อยจะขาดครอบครัวอบอุ่น “ฮูหยินไปดูนายท่านหน่อยดีรึไม่เจ้าคะ”“หลิว
“นายท่านฮูหยินจับแม่นางม่านถิงโยนลงน้ำแล้วขอรับ” จางหมิงเข้ามารายงานหน้าตาตื่น นายหญิงกลับมาเป็นนายหญิงคนเก่าแล้ว กำลังเอาคืนคนที่เคยทำร้ายนางมาก่อน น่าตื่นตาตื่นใจเสียจริงเรื่องพวกนี้ต้องเชิญนายท่านไปดูเสียหน่อย ถึงเวลาที่ฮูหยินเอาคืนนายท่านจะได้รับมือทันเพียงแต่ฮูหยินคงไม่เอาคืนนายท่านหรอกเพราะที่ผ่านมาเขาไม่เคยเห็นเลยจริง ๆ ได้ยินเพียงต้านเป่าเล่าว่าฮูหยินยามแทงปิ่นลงอกนายท่านเด็ดเดี่ยวเพียงใด เจ้าต้านเป่าที่อยู่แดนเหนือจะเป็นอย่างไรบ้างนะ ไม่ได้พบกันหนึ่งปีแล้วจะสบายดีรึไม่หลี่เฉียงยิ้มมุมปากแล้วเดินไปยืนเคียงข้างฮูหยินของตน ยามนี้นางปรายตามองมาที่เขาเล็กน้อยแล้วไม่สนใจอีก คงจะลองใจเขาว่าจะกระโดดลงไปช่วยม่านถิงรึไม่ หากเขากล้ากระโดดลงไปจุดจบของเขาคงไม่ต้องคิดก็รู้ กว่าจะหลอกล่อให้นางยอมกลับจวนยากลำบากแทบตาย จะไม่ยอมผิดพลาดอีกเด็ดขาด “ฮูหยินร้อนรึไม่เดี๋ยวสามีพัดให้” หลี่เฉียงใช้มือโบกสะบัดให้ลมพัดใบหน้างดงามของฮูหยิน ที่ยามนี้เต็มไปด้วยเหงื่อเพื่อบรรเทาความร้อนให้นาง“ฮูหยินแม่นางม่านถิงจมไปก้นสระแล้วขอรับ” เฉินอี้กล่าวเตือน“งมนางขึ้นมา ท่านพี่ท่านควรลงไปพาม่านถิงขึ้นมานะ”เหงื
“เพิ่งจะรู้ว่าเสี่ยวเสียงน้อยที่เอาแต่รังแกข้ายามเด็ก ก็ห่วงข้าเหมือนกัน” เหวยต้าเซียวถูกเหล่าองครักษ์บดบังจนมิด ยามนี้มีเสียงเปล่งออกมา องครักษ์ทั้งหลายก็แหวกทางให้เขา ร่างสูงโปร่งแผ่รัศมีราชันดูสูงส่งองอาจ ใบหน้าอ่อนโยนของฝ่าบาทยิ้มเล็กน้อยให้ทุกคน แล้วก้าวเดินมาหยุดยืนรวมตัวกับพวกหลี่เฉียง“นี่ พวกท่านจะเล่นละครช่วยแจ้งข้าก่อนได้รึไม่ ข้าหัวใจแทบหยุดเต้นแล้ว” เสียงอวิ๋นตวาดอย่างโมโหมีนางคนเดียวสินะที่ไม่รู้เรื่องพวกนี้ ไม่สิยังมีอีกคนที่ตกตะลึงอ้าปากค้างอยู่ นั่นก็คือต้วนอ๋อง“พะ พะ พวกเจ้า” ต้วนอ๋องชี้หน้าอีกฝ่ายมือสั่น หมากกระดานนี้เขามั่นใจนักว่าจะชนะ แต่แพ้ยับเยินให้พวกหมาป่าเจ้าเล่ห์ ยามนี้คนที่จับกุมฮ่องเต้ก่อนหน้านั้นหันมาจับกุมเขาแทน คนพวกนี้เป็นสิบคนที่ตามคุ้มกันจูฮูหยิน แสบนักเจ้าเด็กพวกนี้วางแผนได้แนบเนียนจนเขาดูไม่ออก “ฮ่าฮ่าฮ่า ข้าแพ้แล้ว ตอนไหนกันที่เจ้ามาสับเปลี่ยนตัวฝ่าบาทหลี่เฉียง” เขามั่นใจนักว่าแผนเขาล่มไม่เป็นท่าเช่นนี้ มือมืดที่อยู่เบื้องหลังก็คือเสนาบดีแห่งต้าเยี่ยที่คอยขัดแข้งขัดขาเขาไว้ตลอดนั่นเอง“ท่านอ๋องอย่าลืมว่ายังมีองค์รัชทายาทแห่งแคว้นฉินอีกคน เรื่องน