บทนำ
คืนวิวาห์ไร้รัก
ไม่รักก็คือไม่รัก
‘สามีภรรยาแต่งงานอยู่กินกันไป เดี๋ยวก็รักกันไปเอง สิ่งสำคัญคือเจ้าต้องมีบุตรเพื่อเป็นดั่งโซ่ทองคล้องใจท่านโหวในเร็ววัน นั่นแหละคือหน้าที่ของภรรยาที่ดี...’
ถ้อยคำสอนสั่งของมารดาเลี้ยงผู้มีศักดิ์เป็นป้าแท้ๆ ทางสายเลือดดังขึ้นในห้วงแห่งความนึกคิดของเจ้าสาวแสนสวยในชุดวิวาห์สีแดงมงคล นางนั่งอยู่บนเตียงกว้างกลางห้องหอขนาดใหญ่ มองผ่านผ้าปิดหน้าเจ้าสาวจึงเห็นว่าห้องหอถูกตกแต่งด้วยผ้าสีแดงห้อยระย้าทิ้งตัวจากเพดานลงจดพื้น เหมยกุ้ยฮวาสีแดงส่งกลิ่นหอมอบอวลดารดาษโปรยปราย เทียนไขถูกจุดประดับประดาราวกับดวงดาวก็ไม่ปาน
ทว่าความงดงามเหล่านั้นไม่อาจทำให้หัวใจของหลี่เสี่ยซีสงบลงได้เลย นางกำมือเข้าหากันแน่นจนเผลอจิกปลายเล็บลงบนหลังมือ ริมฝีปากสีชาดเม้มเข้าหากันเป็นเส้นตรง
เจ้าบ่าวเกลียดเจ้าสาว!
ใครๆ ในเมืองตงต่างก็รู้เรื่องนี้ดีว่าท่านโหวหวงหยางหมิงเกลียดชังคุณหนูหลี่เสี่ยซีราวกับกิ้งกือไส้เดือน แม้ยามเป็นคู่หมั้นคู่หมายยังแทบไม่มองหน้า ยิ่งเมื่อเข้าพิธีแต่งงานที่ถูกคลุมถุงชนปราศจากความสมัครใจยิ่งสร้างความชิงชังในใจของเจ้าบ่าวทบทวีคูณ
ทว่า...
เจ้าสาวรักเจ้าบ่าว!
เรื่องนี้ใครๆ ต่างก็รู้เช่นกันว่าคุณหนูหลี่เสี่ยซีตามรักตามตื๊อโหวหนุ่มมาเนิ่นนาน เป็นการแอบรักข้างเดียวที่น่าสมเพชจนใครๆ ต่างหัวเราะนินทาลับหลัง
ยิ่งใกล้ชิดโหวหนุ่มกลับยิ่งถอยห่าง
‘ชีวิตแต่งงานของข้าช่างมืดมินจนมองไม่เห็นแสงสว่างเลย’
สะอื้นอยู่ในอกด้วยหัวใจที่บอบช้ำ ตลอดพิธีวิวาห์ท่านโหวมีสีหน้าบูดบึ้งดั่งยักษ์มาร ทุกอากัปกิริยากระแทกกระทั้นไม่เต็มใจอย่างเห็นได้ชัด ใบหน้าหล่อเหลาเมินเฉยไม่แม้แต่จะชายตาแลเจ้าสาวข้างกาย
แขกเหรื่อที่มองมาล้วนกระซิบกระซาบขบขันดั่งเจ้าสาวเป็นตัวตลกไร้ค่า
ปั้ง!
เสียงประตูห้องหอถูกเปิดออกพร้อมๆ กับไหล่เล็กบอบบางที่สะดุ้งโหยงจนตัวสั่น เจ้าสาวแอบกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก มองเห็นเจ้าบ่าวรูปร่างสูงปราดเปรียวก้าวยาวๆ เข้ามาในห้องหอผ่านผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวรางๆ
ว้าย!
แล้วโดยที่หลี่เสี่ยซียังไม่ทันตั้งตัวโหวหนุ่มก็ก้าวประชิดมาที่เตียงวิวาห์ก่อนจะยื่นมือมากระชากผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวออกอย่างแรง ยังผลให้คนตัวเล็กถึงกับหวีดร้องออกมาเสียงหลง
แรงกระชากทำให้ผ้าปิดหน้าที่เกี่ยวกับปิ่นทองประดับผมม้วนมวยหลุดร่วง เครื่องประดับกลีบดอกไม้เล็กๆ ร่วงหลุดไปตามแรงกระชากและถากเอาเนื้อบริเวณนวลแก้มติดไปจนมีเลือดสีแดงชาดไหลซึมออกมา ส่งผลให้เรือนผมที่เกล้าสูงอย่างบรรจงยุ่งเหยิงไม่น่าดู
เจ้าสาวไม่ได้สนใจความเจ็บปวดบนใบหน้า นางมองผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวที่ร่วงหล่นลงบนพื้นก่อนที่โหวหนุ่มจะหมุนกายแล้วใช้ฝ่าเท้าเหยียบย่ำมันอย่างไม่ไยดี
เจ็บจัง...
ข้าเคยคิดว่าหัวใจของข้าด้านชาเสียแล้ว ความเจ็บปวดในหัวใจข้าคงถึงขีดจำกัดไปตั้งนานแล้ว แต่...ไม่เลย ข้ายังสามารถเจ็บปวดมากขึ้นอีก มากขึ้น มากขึ้น ราวกับหัวใจกำลังแหลกสลายก็ไม่ปาน
ห้วงแห่งภวังค์ขาดสะบั้นเมื่อหญิงสาวได้ยินเสียงสุราจากไหรินลงในจอก ก่อนที่คนตัวโตจะยกมันขึ้นกระดกจนหมดแก้ว จากนั้นเขาจึงถอดทึ้งชุดวิวาห์สีแดงมงคลออกจากตัวราวกับรังเกียจที่จะสวมใส่ เหลือเพียงชุดสีขาวตัวในเท่านั้น
ช่างเป็นช่วงเวลาที่น่าอึดอัด เสี่ยซีไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรงๆ เสียด้วยซ้ำไป เพราะเกรงว่านั่นจะเป็นการทำให้เขายิ่งรำคาญนางมากขึ้นกว่าเดิม
การอยู่เงียบๆ ราวกับอากาศธาตุคงเป็นสิ่งที่นางพึงกระทำมากที่สุดแล้วในเวลานี้
หญิงสาวผุดลุกขึ้นยืนก่อนจะก้มลงเก็บเสื้อผ้าของผู้ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสามีบนพื้นอย่างเงียบเชียบ จากนั้นจึงทำการถอดชุดวิวาห์ของตนเองออกบ้าง ก่อนจะทรุดกายนั่งลงหน้าโต๊ะเครื่องแป้งแล้วค่อยๆ ซับเลือดบนแก้มอย่างแผ่วเบา
โชคดีที่แผลไม่ได้บาดลึก ทายาสักหน่อยก็คงไม่ทิ้งรอยแผลเป็นเอาไว้
เสี่ยซีถอนหายใจเฮือกใหญ่ จังหวะที่นางกำลังสางผมที่ยุ่งเหยิงนั้น...
ทว่า...
เพล้ง!
นางสะดุ้งโหยงเมื่อไหสุราถูกขว้างลงบนพื้นจนแตกกระจาย แล้วโดยที่เจ้าสาวยังไม่ทันตั้งตัวเจ้าบ่าวก็ปราดเข้าหาพร้อมกับมือหนาบีบเข้าที่ปลายคางก่อนจะดันจนร่างเล็กกระแทกผนังอย่างแรง
ตึง!
เขาดันปลายคางแรงขึ้นอีก จนปลายเท้าเรียวเล็กลอยขึ้นจากพื้น สองขาพยายามดิ้นรนตะเกียกตะกายแต่กลับไม่อาจหลุดพ้นจากพันธนาการกักขฬะได้เลย
“ทะ...ท่านโหว!”
หญิงสาวเค้นเสียงเรียกอีกฝ่ายอย่างยากลำบาก ปวดร้าวไปทั้งใบหน้าและสันกรามที่ถูกบีบจนเรียวปากผิดรูป
ปั้ง!
กำปั้นหนักๆ ทุบลงไปยังผนังห้องหอเฉียดศีรษะของหญิงสาวไปเพียงเล็กน้อย
“แพศยา! นี่หรือคือสิ่งที่เจ้าต้องการ หา!”
บทที่ 4สตรีจิตใจหยาบช้าเสแสร้ง“ทะ...ท่านโหวจะกลับแล้วหรือเจ้าคะ” สองเท้าก้าวยาวๆ จนปลายกระโปรงสีเขียวหยกไหวลู่ไปตามแรงขยับเขยื้อนกายอย่างรวดเร็ว ใบหน้าหวานซ่านไปด้วยเลือดฝาดจนแก้มอวบอิ่มผุดผาด นัยน์ตากลมโตหวานซึ้งจ้องมองแผ่นหลังกว้างของบุรุษที่กำลังเดินหนีหายไกลออกไป...ไกลออกไป ราวกับไม่ต้องการรับรู้การมีอยู่ของสตรีที่วิ่งไล่ตามมาจากทางด้านหลัง “หากไม่เป็นการรบกวนจนเกินไป ข้าอยากเชิญท่านโหวร่วมดื่มชาชมดอกบุปผางามที่กำลังบานสะพรั่งในสวนเจ้าค่ะ” เอ่ยชวนออกไปแล้วแต่อีกฝ่ายกลับนิ่งเฉย เสี่ยซีเม้มริมฝีปากเข้าหากันอย่างทำอะไรไม่ถูก ก่อนจะเอ่ยต่อไปว่า“ถึงอย่างไรข้ากับท่านโหวก็กำลังจะเข้าพิธีวิวาห์เป็นสามีภรรยา หากเราได้ศึกษาเรียนรู้นิสัยใจคอร่วมกันคงดีไม่น้อยเลยนะเจ้าคะ” “ข้าไม่ว่าง และไม่สะดวกใจที่จะดื่มชาร่วมกับเจ้า” ถ้อยคำตัดรอนทำให้คนตัวเล็กถึงกับหน้าม่าน เก้อกระดากจนทำอะไรไม่ถูก แต่ถึงอย่างนั้นนางก็รวบรวมความกล้าเอ่ยถามเขาออกไป “ทะ...ท่านรังเกียจข้า ระ...หรือว่าข้าทำอะไรให้ท่านไม่ชอบใจหรือเจ้าคะ” เอ่ยถามออกไปแล้วก
บทที่ 3ดอกไม้ในใจไม่อาจผลิบานตัดใจเรือนร่างเปลือยเปล่ายังคงนอนนิ่งราวกับตุ๊กตางดงามที่ไร้ชีวิต ใบหน้าของนางซีดขาวไร้เลือดฝาด ดวงตาเหม่อลอยคลอไปด้วยหยาดน้ำใสที่ยังคงรินไหลออกมาเป็นสายราวกับไม่มีวันแห้งเหือดไหล่บางงองุ้ม ก่อนที่ริมฝีปากสีชาดจะค่อยๆ เบะเบี้ยวเหยเก จากนั้นเสียงร้องไห้และเสียงสะอื้นจึงพรั่งพรูออกมาราวกับทำนบกั้นน้ำที่พังทลายลง“ฮือ...”เหมือนหัวใจกำลังจะถูกฉีกขาดเป็นชิ้นๆสัมผัสกักขฬะหยาบคาย การอุ่นเตียงที่ไม่มีการกอดจูบโอนอ่อนอย่างคนเป็นสามีภรรยา มันคือการเสพสมราคะเพื่อสืบเผ่าพันธุ์ที่เจือไปด้วยความเกลียดชังขยะแขยง‘ดอกไม้ในหัวใจข้า เพียงแค่แย้มกลีบตูม แต่มิอาจแบ่งบาน ด้วยถูกรดด้วยหยาดน้ำตาจึงได้แห้งเฉา...สลายไป พอแล้ว... ข้าเจ็บปวดมามากพอแล้ว ข้าไม่อยากเจ็บปวดอีกแล้ว ข้าจะไม่รักท่านอีกแล้ว’หลี่เสี่ยซีสะอื้นฮักคู้กายงอตัวราวกับเด็กทารกน้อยในครรภ์มารดา ดวงตาแดงก่ำค่อยๆ พริ้มหลับลงช้าๆ‘หากท่านแม่ยังมีชีวิต ข้าคงไม่รู้สึกราวกับกำลังเดินหลงทางอยู่ในเขาวงกตอันแสนทุกข์ตรมเช่นนี้ ข้าคิดถึงท่านแม่เหลือเกิน’แม้จะหลับตาลง ทว่าหยาดน้ำตายังคงไหลซึมผ่านแพขนตาหนาออกมาจนเปียกปอ
บทที่ 2พรหมจรรย์ไร้ค่าเจ็บกายไม่เท่าเจ็บใจ“ท่านโหว! ดะ...ได้โปรด ยะ...หยุด!”หลี่เสี่ยซีหวีดร้องเสียงหลง สัมผัสกักขฬะจากมือสากกระด้างตระกรุมตระกรามบีบเฟ้นเต้าหวานทำให้หัวใจดวงน้อยถึงกับสั่นกลัวด้วยความหวาดหวั่น แต่ทว่าภายในเศษเสี้ยวหัวใจกลับหวามระทวยด้วยเขาคือบุรุษที่นางหลงรักมาเนิ่นนานแม้เขาจะสัมผัสนางด้วยความเกลียด ทว่าลึกลงไปในหัวใจกลับเจือความสุขที่แสนเจ็บปวด‘ความรู้สึกนี้...ทำให้ข้ายิ่งเป็นสตรีชั่วช้าตามคำที่ท่านโหวปรามาสไม่ผิดเพี้ยน ข้าคือเจ้าสาวแพศยาที่ไม่สมควรได้รับความรักงั้นหรือ...’คำถามมากมายผุดพรายขึ้นในห้วงแห่งความนึกคิด ก่อนจะกระเจิดกระเจิงหนีหายเมื่อมือหนาหนักกระชากกางเกงของเสี่ยซีจนฉีกขาดแควก!หัวใจกระตุกแรงพรั่นพรึง หัวสมองขาวโพลนหมุนคว้างเมื่อเรือนกายท่อนล่างเปล่าเปลือยเผยให้เห็นโหนกนูนแห่งอิสตรีเพศอวบอูมดั่งดอกบัวแรกแย้มแล้วโดยที่หญิงสาวยังไม่ทันตั้งตัวเรียวขาทั้งสองข้างก็ถูกจับให้ยกชี้แบะอ้าก่อนที่เรือนกายสูงจะแทรกเบียดเข้ามา ท่อนเอ็นแข็งขึงเบียดชิดลงมายังโหนกนูน ส่งผลให้หัวใจของคนตัวเล็กเต้นรำส่ำแทบจับจังหวะไม่ได้“อื้อ...”เสี่ยซีครางเสียงหลงเมื่อจู่ๆ เขา
บทที่ 1เจ้าสาวแพศยายาปลุกกำหนัดสันกรามปูดโปนจากแรงขบกัดของฟันกราม ใบหน้าหล่อเหลาขึ้งเคียดเต็มไปด้วยโทสะ ในขณะที่ทั่วทั้งสรรพางค์กายกลับกำลังร้อนรุ่มดั่งโดนแผดเผาด้วยเปลวเพลิงแห่งไฟราคะไม่ผิดแน่ในสุรามงคลมียาปลุกกำหนัด!‘นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ข้าให้โอกาสนาง หลายครั้งหลายหนที่พยายามมองนางในแง่ดี แม้ว่าใครต่อใครจะบอกว่านางเป็นหญิงแพศยาชั่วช้าสักเพียงใด นางจะตบตีลูกผู้พี่ รังแกน้องสาวของเขา ทำร้ายใครต่อใคร แต่เขาก็ยังหวังว่านั่นจะเป็นการเข้าใจผิด!’“ท่านโหวโปรดใจเย็นก่อนเจ้าค่ะ”หลี่เสี่ยซีพยายามใช้น้ำเย็นเข้าลูบ ด้วยไม่เข้าใจว่าเหตุใดจู่ๆ โหวหยางหมิงจึงโมโหจนดวงตาแดงก่ำเช่นนี้ นางสังเกตได้ว่ามีบางสิ่งบางอย่างกำลังผิดปกติภายในร่างกายของเขา“จนถึงขนาดนี้แล้วเจ้าก็ยังแสร้งทำหน้าใสซื่ออยู่อีกงั้นหรือ ช่างมารยาสาไถยเสียจริง!”พูดกึ่งสบถแล้วหัวเราะออกมาราวกับบ้าคลั่ง ก่อนจะทำในสิ่งที่อีกฝ่ายคงกำลังรอคอยจนเนื้อตัวสั่นระริกด้วยความร่านกระสันแคว้ก!มือหนาคว้าสาบคอเสื้อสีขาวของเจ้าสาวก่อนจะกระชากแรงจนขาดวิ่นติดมือออกมา เผยให้เห็นทรวงอกกลมกลึงขาวนวลเนียนว้าย!เจ้าสาวร้องเสียงหลงด้วยความตกใจ พย
บทนำคืนวิวาห์ไร้รักไม่รักก็คือไม่รัก ‘สามีภรรยาแต่งงานอยู่กินกันไป เดี๋ยวก็รักกันไปเอง สิ่งสำคัญคือเจ้าต้องมีบุตรเพื่อเป็นดั่งโซ่ทองคล้องใจท่านโหวในเร็ววัน นั่นแหละคือหน้าที่ของภรรยาที่ดี...’ ถ้อยคำสอนสั่งของมารดาเลี้ยงผู้มีศักดิ์เป็นป้าแท้ๆ ทางสายเลือดดังขึ้นในห้วงแห่งความนึกคิดของเจ้าสาวแสนสวยในชุดวิวาห์สีแดงมงคล นางนั่งอยู่บนเตียงกว้างกลางห้องหอขนาดใหญ่ มองผ่านผ้าปิดหน้าเจ้าสาวจึงเห็นว่าห้องหอถูกตกแต่งด้วยผ้าสีแดงห้อยระย้าทิ้งตัวจากเพดานลงจดพื้น เหมยกุ้ยฮวาสีแดงส่งกลิ่นหอมอบอวลดารดาษโปรยปราย เทียนไขถูกจุดประดับประดาราวกับดวงดาวก็ไม่ปาน ทว่าความงดงามเหล่านั้นไม่อาจทำให้หัวใจของหลี่เสี่ยซีสงบลงได้เลย นางกำมือเข้าหากันแน่นจนเผลอจิกปลายเล็บลงบนหลังมือ ริมฝีปากสีชาดเม้มเข้าหากันเป็นเส้นตรง เจ้าบ่าวเกลียดเจ้าสาว! ใครๆ ในเมืองตงต่างก็รู้เรื่องนี้ดีว่าท่านโหวหวงหยางหมิงเกลียดชังคุณหนูหลี่เสี่ยซีราวกับกิ้งกือไส้เดือน แม้ยามเป็นคู่หมั้นคู่หมายยังแทบไม่มองหน้า ยิ่งเมื่อเข้าพิธีแต่งงานที่ถูกคลุมถุงชนปราศจากความสมัครใจยิ่งสร้างความชิงชังในใจขอ