บทที่ 1
เจ้าสาวแพศยา
ยาปลุกกำหนัด
สันกรามปูดโปนจากแรงขบกัดของฟันกราม ใบหน้าหล่อเหลาขึ้งเคียดเต็มไปด้วยโทสะ ในขณะที่ทั่วทั้งสรรพางค์กายกลับกำลังร้อนรุ่มดั่งโดนแผดเผาด้วยเปลวเพลิงแห่งไฟราคะ
ไม่ผิดแน่
ในสุรามงคลมียาปลุกกำหนัด!
‘นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ข้าให้โอกาสนาง หลายครั้งหลายหนที่พยายามมองนางในแง่ดี แม้ว่าใครต่อใครจะบอกว่านางเป็นหญิงแพศยาชั่วช้าสักเพียงใด นางจะตบตีลูกผู้พี่ รังแกน้องสาวของเขา ทำร้ายใครต่อใคร แต่เขาก็ยังหวังว่านั่นจะเป็นการเข้าใจผิด!’
“ท่านโหวโปรดใจเย็นก่อนเจ้าค่ะ”
หลี่เสี่ยซีพยายามใช้น้ำเย็นเข้าลูบ ด้วยไม่เข้าใจว่าเหตุใดจู่ๆ โหวหยางหมิงจึงโมโหจนดวงตาแดงก่ำเช่นนี้ นางสังเกตได้ว่ามีบางสิ่งบางอย่างกำลังผิดปกติภายในร่างกายของเขา
“จนถึงขนาดนี้แล้วเจ้าก็ยังแสร้งทำหน้าใสซื่ออยู่อีกงั้นหรือ ช่างมารยาสาไถยเสียจริง!”
พูดกึ่งสบถแล้วหัวเราะออกมาราวกับบ้าคลั่ง ก่อนจะทำในสิ่งที่อีกฝ่ายคงกำลังรอคอยจนเนื้อตัวสั่นระริกด้วยความร่านกระสัน
แคว้ก!
มือหนาคว้าสาบคอเสื้อสีขาวของเจ้าสาวก่อนจะกระชากแรงจนขาดวิ่นติดมือออกมา เผยให้เห็นทรวงอกกลมกลึงขาวนวลเนียน
ว้าย!
เจ้าสาวร้องเสียงหลงด้วยความตกใจ พยายามยกมือขึ้นปิดบังทรวงอกแต่กลับถูกมือข้างหนึ่งของเจ้าบ่าวรวบตรึงไว้เหนือศีรษะอย่างไร้ทางสู้ เปิดเปลือยทรวงอกสล้างให้ปรากฏแก่ผู้เป็นสามี
อึก...
ใบหน้าหวานแดงระเรื่อเมื่อจู่ๆ มือหนาหยาบกระด้างจากการกรำกระบี่ฝึกวรยุทธ์ก็บีบเฟ้นเค้นเต้าหวานอย่างไม่ออมแรง
“ทะ...ท่านโหวจะทำอะไรเจ้าคะ”
“ร่านนักมิใช่หรือ”
เค้นเสียงถามลอดไรฟันด้วยแววตาวาวโรจน์ แกนกลางกายของบุรุษเพศกำลังแข็งขึงจากฤทธิ์ยาปลุกกำหนัดร้าย
หญิงสาวหน้าแดงก่ำ ดวงตาคลอไปด้วยหยาดน้ำใส อับอายกับถ้อยคำเหยียดหยันของผู้เป็นสามี ถึงอย่างนั้นนางก็พยายามกดข่มความอัปยศแล้วเอ่ยถามออกไป
“ขะ...ข้าไม่เข้าใจ ท่านโหวหมายถึงสิ่งใดกันแน่ ข้า...”
ว้าย!
หลี่เสี่ยซีพูดยังไม่ทันจบก็ต้องหวีดร้องจนเสียงหลงอีกคราเมื่อนางถูกกระชากลากไปยังเตียงกว้าง ก่อนจะถูกผลักแรงๆ จนร่างบอบบางล้มหงายหลังลงบนฟูกวิวาห์สีแดง
“เลิกไขสือเสียที หญิงร่านไร้ยางอายที่กล้าวางยาปลุกกำหนัดสามีเช่นเจ้า มีหรือจะไม่เข้าใจว่าข้าหมายความเยี่ยงไร!”
“ยะ...ยาปลุกกำหนัด!”
ราวกับหูดับไร้สรรพเสียงใดๆ หัวสมองอื้ออึงมึนงง ใบหน้าหวานซีดขาวดั่งไข่ปลอก
“ยะ...ยาปลุกกำหนัดอะไรกันเจ้าคะท่านโหว”
เจ้าสาวหมาดๆ มึนงงไม่อาจจับต้นชนปลาย
“ระ...หรือว่าในสุรามงคลมียาปลุกกำหนัดผสมอยู่”
หญิงสาวพึมพำแผ่วเบา หวนคิดว่านั่นเป็นเพียงสิ่งเดียวที่ท่านโหวดื่มเข้าร่างกาย อีกทั้งเขายังทุ่มขวดสุราจนแตกกระจายอีกด้วย
“จนถึงขั้นนี้แล้ว เจ้าก็ยังคงเสแสร้งแกล้งแสดงไม่ลดละ ข้าละนับถือในความไร้ยางอายของเจ้าจริงๆ”
ฉ่า...
ราวกับใบหน้ามีไอร้อนขึ้นจนแดงก่ำเมื่อถูกด่าทอว่าเป็นสตรีไร้ยางอาย ยิ่งเมื่อนางเงยหน้าขึ้นสบตาสามีที่กำลังจ้องมองนางราวกับจะฆ่าให้ตายตก หัวใจก็ยิ่งปวดร้าวจนหยาดน้ำใสจากดวงตาหลั่งรินออกมาเป็นสาย
หึ!
‘เมื่อถูกจับได้ก็แสร้งบีบน้ำตางั้นหรือ ช่างเป็นสตรีที่ชั่วช้าดั่งอสรพิษร้ายก็ไม่ปาน’
“คงกลัวว่าข้าจะไม่แตะต้องร่างกายเจ้าด้วยความรังเกียจสินะ จึงได้คิดชั่ววางยาหมายจะตกเป็นของข้าโดยสมบูรณ์ เจ้านี่นอกจากจะเป็นสตรีชั่วช้าแล้ว ยังเป็นสตรีโลภมากเสียยิ่งกว่าหมูสกปรก ในเมื่อเจ้าอยากได้อำนาจในจวนสกุลหยางนัก อยากได้ตัวข้านัก ก็เชิญเลย! ข้าจะทำให้เจ้าได้สิ่งที่ปรารถนาเอง แต่อย่าหวังว่าเจ้าจะได้หัวใจของข้า!”
แคว้ก!
โหวหนุ่มฉีกทึ้งเสื้อสีขาวตัวในของตนเองออกจนขาดวิ่น ก่อนจะฉีกกระชากกางเกงออกเปิดเปลือยเรือนกายกำยำเต็มไปด้วยมัดกล้ามอย่างคนที่ฝึกปราณและวรยุทธ์มาตั้งแต่เยาว์วัย
แท่งหยกใหญ่ยาวกลางหว่างขาชี้ชันตระหง่านด้วยฤทธิ์ยากำหนัดที่กำลังเร่งร้อนออกฤทธิ์ไปทั่วทั้งสรรพางค์กาย ใบหน้าของเขาแดงก่ำ จ้องมองเจ้าสาวที่กำลังเบิกตาโพลงด้วยความหวาดหวั่น
“ดะ...เดี๋ยวก่อนเจ้าค่ะ”
หลี่เสี่ยซีร้องห้ามจนเสียงสั่นเมื่อเห็นสามีย่างสามขุมขึ้นมาบนเตียง นางกระถดกายถอยหนีไปอีกฟากของเตียงกว้างแต่เขากลับจับข้อเท้าแล้วกระชากแรงจนร่างเล็กไถลกลับมาอยู่ในกรงแขนแข็งแกร่งของเขา
“จะเล่นตัวทำไมเล่า ข้ากำลังจะสนองสิ่งที่เจ้าปรารถนามากที่สุด เจ้าควรยินดีมิใช่หรือ!”
เค้นเสียงลอดไรฟันเพียงเท่านั้นก่อนจะซุกใบหน้าลงไปยังลำคอระหง กดทับเบียดร่างบางแนบไปกับฟูกวิวาห์จนไม่อาจดิ้นหนี
บทที่ 4สตรีจิตใจหยาบช้าเสแสร้ง“ทะ...ท่านโหวจะกลับแล้วหรือเจ้าคะ” สองเท้าก้าวยาวๆ จนปลายกระโปรงสีเขียวหยกไหวลู่ไปตามแรงขยับเขยื้อนกายอย่างรวดเร็ว ใบหน้าหวานซ่านไปด้วยเลือดฝาดจนแก้มอวบอิ่มผุดผาด นัยน์ตากลมโตหวานซึ้งจ้องมองแผ่นหลังกว้างของบุรุษที่กำลังเดินหนีหายไกลออกไป...ไกลออกไป ราวกับไม่ต้องการรับรู้การมีอยู่ของสตรีที่วิ่งไล่ตามมาจากทางด้านหลัง “หากไม่เป็นการรบกวนจนเกินไป ข้าอยากเชิญท่านโหวร่วมดื่มชาชมดอกบุปผางามที่กำลังบานสะพรั่งในสวนเจ้าค่ะ” เอ่ยชวนออกไปแล้วแต่อีกฝ่ายกลับนิ่งเฉย เสี่ยซีเม้มริมฝีปากเข้าหากันอย่างทำอะไรไม่ถูก ก่อนจะเอ่ยต่อไปว่า“ถึงอย่างไรข้ากับท่านโหวก็กำลังจะเข้าพิธีวิวาห์เป็นสามีภรรยา หากเราได้ศึกษาเรียนรู้นิสัยใจคอร่วมกันคงดีไม่น้อยเลยนะเจ้าคะ” “ข้าไม่ว่าง และไม่สะดวกใจที่จะดื่มชาร่วมกับเจ้า” ถ้อยคำตัดรอนทำให้คนตัวเล็กถึงกับหน้าม่าน เก้อกระดากจนทำอะไรไม่ถูก แต่ถึงอย่างนั้นนางก็รวบรวมความกล้าเอ่ยถามเขาออกไป “ทะ...ท่านรังเกียจข้า ระ...หรือว่าข้าทำอะไรให้ท่านไม่ชอบใจหรือเจ้าคะ” เอ่ยถามออกไปแล้วก
บทที่ 3ดอกไม้ในใจไม่อาจผลิบานตัดใจเรือนร่างเปลือยเปล่ายังคงนอนนิ่งราวกับตุ๊กตางดงามที่ไร้ชีวิต ใบหน้าของนางซีดขาวไร้เลือดฝาด ดวงตาเหม่อลอยคลอไปด้วยหยาดน้ำใสที่ยังคงรินไหลออกมาเป็นสายราวกับไม่มีวันแห้งเหือดไหล่บางงองุ้ม ก่อนที่ริมฝีปากสีชาดจะค่อยๆ เบะเบี้ยวเหยเก จากนั้นเสียงร้องไห้และเสียงสะอื้นจึงพรั่งพรูออกมาราวกับทำนบกั้นน้ำที่พังทลายลง“ฮือ...”เหมือนหัวใจกำลังจะถูกฉีกขาดเป็นชิ้นๆสัมผัสกักขฬะหยาบคาย การอุ่นเตียงที่ไม่มีการกอดจูบโอนอ่อนอย่างคนเป็นสามีภรรยา มันคือการเสพสมราคะเพื่อสืบเผ่าพันธุ์ที่เจือไปด้วยความเกลียดชังขยะแขยง‘ดอกไม้ในหัวใจข้า เพียงแค่แย้มกลีบตูม แต่มิอาจแบ่งบาน ด้วยถูกรดด้วยหยาดน้ำตาจึงได้แห้งเฉา...สลายไป พอแล้ว... ข้าเจ็บปวดมามากพอแล้ว ข้าไม่อยากเจ็บปวดอีกแล้ว ข้าจะไม่รักท่านอีกแล้ว’หลี่เสี่ยซีสะอื้นฮักคู้กายงอตัวราวกับเด็กทารกน้อยในครรภ์มารดา ดวงตาแดงก่ำค่อยๆ พริ้มหลับลงช้าๆ‘หากท่านแม่ยังมีชีวิต ข้าคงไม่รู้สึกราวกับกำลังเดินหลงทางอยู่ในเขาวงกตอันแสนทุกข์ตรมเช่นนี้ ข้าคิดถึงท่านแม่เหลือเกิน’แม้จะหลับตาลง ทว่าหยาดน้ำตายังคงไหลซึมผ่านแพขนตาหนาออกมาจนเปียกปอ
บทที่ 2พรหมจรรย์ไร้ค่าเจ็บกายไม่เท่าเจ็บใจ“ท่านโหว! ดะ...ได้โปรด ยะ...หยุด!”หลี่เสี่ยซีหวีดร้องเสียงหลง สัมผัสกักขฬะจากมือสากกระด้างตระกรุมตระกรามบีบเฟ้นเต้าหวานทำให้หัวใจดวงน้อยถึงกับสั่นกลัวด้วยความหวาดหวั่น แต่ทว่าภายในเศษเสี้ยวหัวใจกลับหวามระทวยด้วยเขาคือบุรุษที่นางหลงรักมาเนิ่นนานแม้เขาจะสัมผัสนางด้วยความเกลียด ทว่าลึกลงไปในหัวใจกลับเจือความสุขที่แสนเจ็บปวด‘ความรู้สึกนี้...ทำให้ข้ายิ่งเป็นสตรีชั่วช้าตามคำที่ท่านโหวปรามาสไม่ผิดเพี้ยน ข้าคือเจ้าสาวแพศยาที่ไม่สมควรได้รับความรักงั้นหรือ...’คำถามมากมายผุดพรายขึ้นในห้วงแห่งความนึกคิด ก่อนจะกระเจิดกระเจิงหนีหายเมื่อมือหนาหนักกระชากกางเกงของเสี่ยซีจนฉีกขาดแควก!หัวใจกระตุกแรงพรั่นพรึง หัวสมองขาวโพลนหมุนคว้างเมื่อเรือนกายท่อนล่างเปล่าเปลือยเผยให้เห็นโหนกนูนแห่งอิสตรีเพศอวบอูมดั่งดอกบัวแรกแย้มแล้วโดยที่หญิงสาวยังไม่ทันตั้งตัวเรียวขาทั้งสองข้างก็ถูกจับให้ยกชี้แบะอ้าก่อนที่เรือนกายสูงจะแทรกเบียดเข้ามา ท่อนเอ็นแข็งขึงเบียดชิดลงมายังโหนกนูน ส่งผลให้หัวใจของคนตัวเล็กเต้นรำส่ำแทบจับจังหวะไม่ได้“อื้อ...”เสี่ยซีครางเสียงหลงเมื่อจู่ๆ เขา
บทที่ 1เจ้าสาวแพศยายาปลุกกำหนัดสันกรามปูดโปนจากแรงขบกัดของฟันกราม ใบหน้าหล่อเหลาขึ้งเคียดเต็มไปด้วยโทสะ ในขณะที่ทั่วทั้งสรรพางค์กายกลับกำลังร้อนรุ่มดั่งโดนแผดเผาด้วยเปลวเพลิงแห่งไฟราคะไม่ผิดแน่ในสุรามงคลมียาปลุกกำหนัด!‘นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ข้าให้โอกาสนาง หลายครั้งหลายหนที่พยายามมองนางในแง่ดี แม้ว่าใครต่อใครจะบอกว่านางเป็นหญิงแพศยาชั่วช้าสักเพียงใด นางจะตบตีลูกผู้พี่ รังแกน้องสาวของเขา ทำร้ายใครต่อใคร แต่เขาก็ยังหวังว่านั่นจะเป็นการเข้าใจผิด!’“ท่านโหวโปรดใจเย็นก่อนเจ้าค่ะ”หลี่เสี่ยซีพยายามใช้น้ำเย็นเข้าลูบ ด้วยไม่เข้าใจว่าเหตุใดจู่ๆ โหวหยางหมิงจึงโมโหจนดวงตาแดงก่ำเช่นนี้ นางสังเกตได้ว่ามีบางสิ่งบางอย่างกำลังผิดปกติภายในร่างกายของเขา“จนถึงขนาดนี้แล้วเจ้าก็ยังแสร้งทำหน้าใสซื่ออยู่อีกงั้นหรือ ช่างมารยาสาไถยเสียจริง!”พูดกึ่งสบถแล้วหัวเราะออกมาราวกับบ้าคลั่ง ก่อนจะทำในสิ่งที่อีกฝ่ายคงกำลังรอคอยจนเนื้อตัวสั่นระริกด้วยความร่านกระสันแคว้ก!มือหนาคว้าสาบคอเสื้อสีขาวของเจ้าสาวก่อนจะกระชากแรงจนขาดวิ่นติดมือออกมา เผยให้เห็นทรวงอกกลมกลึงขาวนวลเนียนว้าย!เจ้าสาวร้องเสียงหลงด้วยความตกใจ พย
บทนำคืนวิวาห์ไร้รักไม่รักก็คือไม่รัก ‘สามีภรรยาแต่งงานอยู่กินกันไป เดี๋ยวก็รักกันไปเอง สิ่งสำคัญคือเจ้าต้องมีบุตรเพื่อเป็นดั่งโซ่ทองคล้องใจท่านโหวในเร็ววัน นั่นแหละคือหน้าที่ของภรรยาที่ดี...’ ถ้อยคำสอนสั่งของมารดาเลี้ยงผู้มีศักดิ์เป็นป้าแท้ๆ ทางสายเลือดดังขึ้นในห้วงแห่งความนึกคิดของเจ้าสาวแสนสวยในชุดวิวาห์สีแดงมงคล นางนั่งอยู่บนเตียงกว้างกลางห้องหอขนาดใหญ่ มองผ่านผ้าปิดหน้าเจ้าสาวจึงเห็นว่าห้องหอถูกตกแต่งด้วยผ้าสีแดงห้อยระย้าทิ้งตัวจากเพดานลงจดพื้น เหมยกุ้ยฮวาสีแดงส่งกลิ่นหอมอบอวลดารดาษโปรยปราย เทียนไขถูกจุดประดับประดาราวกับดวงดาวก็ไม่ปาน ทว่าความงดงามเหล่านั้นไม่อาจทำให้หัวใจของหลี่เสี่ยซีสงบลงได้เลย นางกำมือเข้าหากันแน่นจนเผลอจิกปลายเล็บลงบนหลังมือ ริมฝีปากสีชาดเม้มเข้าหากันเป็นเส้นตรง เจ้าบ่าวเกลียดเจ้าสาว! ใครๆ ในเมืองตงต่างก็รู้เรื่องนี้ดีว่าท่านโหวหวงหยางหมิงเกลียดชังคุณหนูหลี่เสี่ยซีราวกับกิ้งกือไส้เดือน แม้ยามเป็นคู่หมั้นคู่หมายยังแทบไม่มองหน้า ยิ่งเมื่อเข้าพิธีแต่งงานที่ถูกคลุมถุงชนปราศจากความสมัครใจยิ่งสร้างความชิงชังในใจขอ