แชร์

บทที่ 3

last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-05-20 18:30:47

ในจังหวะที่หนิงอันกำลังมองพิจารณาเด็กหนุ่มทั้งสองอยู่ “คุณหนู นายท่านเรียกหาเจ้าค่ะ” เด็กหญิงรับใช้วัยสิบสามปีกระซิบข้างหูผู้เป็นนายเสียงเบาเมื่อเดินมาถึงหน้าประตูเรือน

หนิงอันพยักหน้ารับรู้ก่อนจะหันหน้าไปสั่งพ่อบ้านวัยกลางคนอย่างสุภาพ “ท่านพ่อบ้านรุ่ยรถม้าทั้งสามคันในช่องลับให้แบ่งสิ่งของที่ข้าจัดเรียงไว้ใส่ลงไปเท่า ๆ กัน เรื่องนี้ท่านต้องเป็นผู้ตรวจสอบอย่าให้ตกหล่นนะเจ้าคะ”

“ข้าน้อยทราบแล้วขอรับ” พ่อบ้านวัยกลางคนรับคำ เนื่องจากเขารู้ดีว่าสิ่งที่คุณหนูจัดเตรียมไว้นั้นมีอะไรบ้าง

ของมีค่ามีอยู่ไม่มากหากเทียบกับหมึก กระดาษ ตำราของนายท่านที่ล้วนเป็นของมีค่าสำหรับบัณฑิต

ย้อนกลับไปในขณะที่หนิงอันปรึกษาคนในครอบครัวในการจัดเก็บข้าวของ

“ท่านแม่เจ้าคะ บ้านเรามีบ่าวรับใช้กี่คน มีทรัพย์สินอยู่เท่าไหร่” เด็กหญิงกางกระดาษเตรียมหมึกพู่กันเพื่อจดอย่างตั้งใจ

“มีบ่าวรับใช้ก็พ่อบ้านรุ่ย กวนมามา ไป๋หลาน มู่ตาน ป้าป๋าย ลุงย่วน ย่วนเฉา จวนเรามีคนเพียงเท่านี้แหละจ้ะ ส่วนทรัพย์สินนั้นก็มีไม่มาก

เจ้าก็น่าจะรู้ดีว่าพ่อของเจ้านั้นเป็นคนเช่นไร” หญิงสาวตอบลูกน้อยตามตรง แม้ว่าจะแปลกใจแต่นางเพียงแค่คิดว่าลูกน้อยอาจจะได้รับคำสั่งมาจากพ่อสามีจึงได้ถามเรื่องราวเหล่านี้

หลังจากหนิงอันได้ฟังนางก็ได้แต่ทอดถอนใจ ‘จะโทษใครได้ล่ะ เป็นเพราะข้านี่แหละที่เขียนให้ครอบครัวแม้จะเป็นขุนนางขั้นสองก็ยังยากจน

เพราะชายหนุ่มผู้เป็นพ่อนั้นยึดมั่นคุณธรรมเป็นหลัก แม้ได้ของพระราชทานมาก็ไม่รับ ฉันแต่งให้เขาเป็นคนดีเกินไปทำไมฟะ’ หนิงอันเอามือขยี้ผมยาวของตนที่มัดเอาไว้ลวก ๆ อย่างหงุดหงิด

“ลูกรัก ให้แม่มัดผมให้เจ้าใหม่เถอะ” ผู้เป็นแม่กล่าว หลังจากนั้นผมยาวของเด็กหญิงก็ได้เปลี่ยนเป็นทรงซาลาเปาคู่อย่างเรียบร้อย

กลับมายังสถาณการณ์ปัจจุบัน “เสี่ยวอัน การไปอยู่ชนบทอาจจะลำบากมาก พ่อต้องขอโทษลูกสำหรับเรื่องนี้ด้วย” หยูเจียงอุ้มเด็กหญิงขึ้นในอ้อมแขนกล่าวด้วยสีหน้ารู้สึกผิด

หนิงอันนำมือทั้งสองข้างของตนจับไปยังใบหน้าของบิดา “ท่านพ่อเจ้าคะ ในเมื่อเรายังมีสมอง สองมือ สองเท้า ดังนั้นไม่มีที่ใดลำบากหรอกเจ้าค่ะ” เด็กหญิงตัวน้อยกล่าวปลอบ

“สมองอันใดของเจ้าอย่างนั้นเหรอ แล้วเจ้าไปเอาคำนี้มาจากไหน” ผู้เป็นบิดาย้อนถามสีหน้ามึนงง

“สมองคือตรงนี้เจ้าค่ะ ส่วนผู้ที่สอนลูกก็ท่านปู่อย่างไรเล่า ในความฝันท่านปู่สอนข้าเอาไว้หลายเรื่องเลยเอาไว้ข้าจะค่อย ๆ บอกท่านนะเจ้าคะ” อันอันตัวน้อยยกนิ้วชี้จิ้มมาที่หัวของตน จากนั้นนางก็กล่าวออกมาอย่างคล่องปาก

หยูเจียงผู้เป็นบัณฑิตอันดับหนึ่งมองใบหน้าเล็กของบุตรสาวที่กำลังพูดจ้อใบหน้าแต่งแต้มด้วยรอยยิ้มอย่างเอ็นดู

“เจ้าสองพ่อลูกจะสนทนากันอีกนานหรือไม่ พ่อบ้านรุ่ยมาบอกว่าขนสิ่งของขึ้นรถม้าเรียบร้อยแล้ว ส่วนบ่าวพวกนี้ก็ยินดีติดตามเราไปทั้งหมด มีกันแค่นี้แม่ก็เห็นด้วย

จะให้ทิ้งขว้างแม่ก็เศร้าใจ เจ้าคงไม่ว่ากระไรนะ” หญิงชราส่งเสียงบอกบุตรชาย ในขณะเดียวกันก็กล่าวถึงเรื่องของคนรับใช้ออกมาพร้อมกันด้วย

“แล้วแต่ท่านแม่เห็นควรเถอะขอรับ แต่การที่เรากลับไปอยู่ชนบทนั้นค่อนข้างกันดารยิ่ง พวกเจ้ารับได้อย่างนั้นหรือ” ประโยคแรกชายหนุ่มตอบแม่ผู้ชรา ประโยคหลังเขาหันไปกล่าวกับบ่าวรับใช้ที่กำลังนั่งคุกเข่าก้มหน้าอย่างจริงใจ

“พวกข้าน้อยยินดีขอรับ/เจ้าค่ะ” บ่าวรับใช้ทั้งคนแก่และเด็กส่งเสียงตอบออกมาพร้อมกัน

เหตุที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะเจ้านายเรือนนี้ต่างมีเมตตาไม่มีใครคิดดูถูกหรือรังแกพวกเขาเลยสักคน

“ถ้าอย่างนั้นก็ไปด้วยกัน” หยูเจียงกล่าวออกมาอีกครั้งในขณะที่ยังอุ้มลูกสาวตัวน้อยอยู่

ดังนั้นการเดินทางกลับบ้านเดิมของท่านปู่จึงได้เริ่มต้นขึ้น บ้านชนบทหลังนั้นหนิงอันไม่ได้บรรยายอะไรไว้

เพราะเธอได้ให้คนครอบครัวนี้ประสบเหตุระหว่างทาง จากนั้นก็ไม่ได้กล่าวถึงอีกเลย

ในระหว่างการเดินทางเด็กหญิงตัวน้อยจึงได้มีใบหน้าซีดเผือด ‘ซวยแล้วอันอัน ต้องรีบหาวิธีเดี๋ยวนี้’

‘คิดสิคิดว่าจะทำยังไง ใจเย็น ๆ ค่อย ๆ นึกว่าในตอนนั้นเราเขียนบรรยายฉากนี้ออกมายังไง’ “ใช่แล้ว!” อันอันเผลอตะโกนออกมาหลังจากคิดออก

“เกิดอะไรขึ้นหรือลูก” หยวนฟานยกมือตบอกเอ่ยถามบุตรสาวออกมาอย่างตกใจ

หนิงอันทำหน้าเหลอหลา “เมื่อชั่วครู่นี้จู่ ๆ เจ้าก็พูดโพล่งออกมาทำให้แม่ของเจ้าเอ่ยถามอย่างไรเล่า ย่าเองก็ว่าจะถามอยู่เหมือนกัน” ย่าผู้ชราอธิบายอย่างเนิบช้าให้หลานสาวเข้าใจ

หนิงอันจึงได้ส่งยิ้มแหยไปทางมารดากล่าวแก้ตัว “ไม่มีอะไรเจ้าค่ะ เพียงแต่ข้านึกเรื่องบางอย่างขึ้นมาได้เพียงเท่านั้น”

“เรื่องอะไรอย่างนั้นเหรอ เจ้าถึงได้ตะโกนซะเสียงดังจนพ่อต้องขี่ม้าเข้ามาถามนี่แหละ” ชายหนุ่มผู้อยู่ในชุดเดินทางธรรมดาส่งเสียงถามผ่านทางหน้าต่างรถม้า

“ท่านพ่อมาก็ดีแล้วเจ้าค่ะ ข้ามีเรื่องจะปรึกษากับท่านอยู่พอดี” หนิงอันพูดขึ้นหลังจากเลิกผ้าม่านหน้าต่างของตัวรถ

สายลมปะทะเข้าใบหน้าทำให้รู้สึกชาแม้ม้าจะวิ่งไม่ได้เร็วมากนัก เนื่องจากต้องระวังครรภ์ของมารดาก็ตาม

“ตอนนี้เราอยู่ที่ไหนกันหรือเจ้าคะ ห่างจากศาลาเอ้อเทียนมากน้อยเพียงใด” เด็กหญิงเอ่ยถามออกไป ซึ่งคำพูดของเธอได้ทำให้หยูเจียงรู้สึกสงสัยไม่น้อย

“อีกหนึ่งร้อยลี้ ว่าแต่เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าเราจะต้องผ่านจุดพักม้าตรงนั้น” พ่อของเด็กหญิงถามออกมาอย่างสงสัย

“ท่านปู่บอกมาเจ้าค่ะ และท่านยังบอกเรื่องสำคัญกับข้ามาด้วย พอถึงจุดพักม้าข้างหน้าข้าจะเล่าให้ท่านฟัง”คำตอบของบุตรสาวช่างเป็นไปตามที่เขาคาด

แต่ที่หยูเจียงไม่รู้ก็คือบิดาของตนมีเรื่องอะไรอีกนี่สิ “ท่านพ่อได้โปรดอย่านำเรื่องยุ่งยากมาให้ข้าเลยนะขอรับ” ชายหนุ่มพึมพำเสียงเบา

เมื่อถึงจุดพักม้าในช่วงเย็น ยงเผยกับศิษย์ทั้งสองรวมถึงบ่าวชายของครอบครัวหยูต่างเดินเข้าป่าข้างทางเพื่อไปหาฟืนมาก่อกองไฟสำหรับทำอาหาร

หนิงอันมองซ้ายมองขวาเธอจึงได้ใช้ขาสั้น ๆ ของตนเดินมาทางบิดาหนุ่มเพื่อบอกเรื่องสำคัญ

“ท่านพ่อเรื่องนี้สำคัญมากถึงขั้นคอขาดบาดตายเลยทีเดียวนะเจ้าคะ ท่านจงเร่งหาวิธีหลังจากฟังจบก็แล้วกัน” เด็กหญิงตัวเล็กป้องปากกระซิบกระซาบข้างหูบิดา

หยูเจียงเริ่มนั่งไม่ติดใบหน้าเปลี่ยนเป็นซีดเผือดหลังฟังในสิ่งที่บุตรสาวตัวเล็กถ่ายทอดออกมา

“ปู่ของเจ้าบอกออกมาอย่างนี้จริงเหรอมันค่อนข้างเป็นเรื่องใหญ่ทีเดียวนะ อีกอย่างพวกเราจำเป็นต้องเดินผ่านทางสายนั้นเสียด้วย” หยูเจียงไม่ใช่ไม่เชื่อแต่ทว่าในตอนนี้บ้านเมืองค่อนข้างสงบสุขเหตุใดจึงมีโจรภูเขาได้กัน

“ในตอนนั้นข้าเองก็กลัวมากเมื่อท่านปู่เอ่ยถึงเรื่องนี้เพราะขึ้นชื่อว่าโจรขนาดข้าอายุเท่านี้ยังรู้เลยว่าพวกเขาย่อมไม่ใช่คนดี ท่านรีบหาทางเถอะ” หนิงอันกล่าวเสียงสั่นน้ำตาคลอในขณะเดียวกันก็โถมตัวกอดบิดาแน่น

หยูเจียงกระชับร่างกายเล็กของบุตรสาวในอ้อมกอดกล่าวปลอบโยนแม้สีหน้าจะหนักใจ

ทว่าเขาจำต้องหาวิธีให้จงได้ อย่างน้อยหากเป็นตามที่ท่านพ่อว่ามาคนในขบวนคาราวานน่าจะเป็นผู้ช่วยที่ดี ตอนนี้ลูกเมียและบ่าวอีกหลายชีวิตต่างอยู่ในมือตน

ดังนั้นหลังจากกินอาหารมื้อเย็นเรียบร้อยชายหนุ่มจึงตัดสินใจเรียกพ่อบ้านรุ่ยมาปรึกษา

“เป็นเรื่องจริงหรือขอรับนายท่าน” รุ่ยเชากล่าวเสียงดังอย่างตกใจใบหน้าไม่ต่างจากผู้เป็นนายหลังจากได้ยินเรื่องนี้

“เจ้าคิดว่าท่านพ่อจะกล้าเอาเรื่องนี้มาล้อเล่นหรืออย่างไร” หยูเจียงถอนใจกล่าวอย่างเหนื่อยอ่อน

“ข้าว่าเรื่องนี้แค่เราสองคนไม่อาจทำได้แน่ กระนั้นข้าจึงคิดว่าไหน ๆ ท่านเผยก็ร่วมเดินทางมากับเราแล้วให้เขามาช่วยคิดอีกคนดีหรือไม่ขอรับ” พ่อบ้านวัยกลางคนออกความเห็น

ผู้เป็นนายนิ่งคิดอยู่สักพักจึงได้พยักหน้าลง จากนั้นเขาจึงเอ่ยปากบอกพ่อบ้านเสียงเบา

“ เอาเป็นว่าเจ้าไปบอกเขาเช่นนี้ก็แล้วกันว่าก่อนข้าลาออกจากราชสำนักได้รับคำเตือนมาจากมิตรสหายว่าบริเวณจุดพักม้าเอ้อเทียนนั้นเป็นที่อยู่ของโจรภูเขา

ซึ่งพวกเขากำลังคิดจะหาวิธีจัดการอยู่ ทว่าโจรเหล่านี้ไปมาว่องไวยิ่งจึงทำให้ยังไม่อาจสืบหาที่อยู่ได้อย่างแน่ชัด” หยูเจียงจำต้องกุเรื่องเช่นนี้ออกมาเพื่อปกป้องลูกสาว

‘เอาไว้เมื่อไหร่ที่ชายคนนั้นยินยอมพร้อมใจรับใช้บุตรตัวน้อยแต่โดยดีค่อยว่ากัน เพราะดูแล้วหน่วยก้านอีกทั้งน้ำมิตรก็จัดว่าน่าคบหาทีเดียว’ บัณฑิตหนุ่มคิด
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ข้าเกิดใหม่เป็นคุณหนูตกอับตระกูลบัณฑิต   บทที่ 56

    เช่นเดียวกับฉงซานในตอนนี้ก็ได้หายจากอาการบาดเจ็บแล้วเช่นกัน ส่วนผึ้งตัวน้อยผู้มีฤทธิ์มากนะหรือ ตอนนี้พวกมันต่างอยู่ในสภาวะเซื่องซึมท่ามกลางความเงียบจู่ ๆ เสียงของกุยเฮยก็ดังขึ้นในหัวของอันอัน ‘ยินดีด้วยเด็กน้อยต่อไปนี้เจ้าได้มีผึ้งฝูงใหญ่เป็นสหายเพิ่ม’ คำพูดของเต่าตัวน้อยทำให้หนิงอันหันหลังกลับไปมอ

  • ข้าเกิดใหม่เป็นคุณหนูตกอับตระกูลบัณฑิต   บทที่ 55

    “พี่สาม พี่สี่ พี่มู่ตานพวกท่านจะไปกับข้าหรือไม่” หลังคุยกับกุยเฮยเรียบร้อยอันอันจึงได้หันหลังกลับไปถามพี่ทั้งสามที่กำลังดูหลุมดักปลาอย่างสนใจ “ไปไหนอย่างนั้นหรือ” ยงฮ่าวเอ่ยถามสีหน้าแสดงความสงสัย“ฉงซานจะพาเราไปหาของดีเจ้าค่ะ” อันอันตอบจากนั้นจึงเห็นผู้เป็นพี่ทั้งสามพยักหน้าตกลงครั้นแล้วการเดินทา

  • ข้าเกิดใหม่เป็นคุณหนูตกอับตระกูลบัณฑิต   บทที่ 54

    มู่ตานรู้สึกซาบซึ้งเป็นอย่างยิ่งที่ผู้เป็นนายรวมถึงเด็กทั้งสองใจดีกับตนไม่คิดว่านางเป็นเพียงบ่าวรับใช้ หลังจากการฝึกของครึ่งวันจบลง เด็กหญิงก็ชวนบรรดา พี่ ๆ เดินขึ้นเขาเพื่อไปดูโรงงานผลิตเกลือที่ตอนนี้มีชาวบ้านบางส่วนได้ขึ้นมาทำงานบ้างแล้ว “สวัสดีท่านอาทั้งหลาย” เด็กทั้งสี่กล

  • ข้าเกิดใหม่เป็นคุณหนูตกอับตระกูลบัณฑิต   บทที่ 53

    ยามเหม่าของวันต่อมา อันอันผู้กำลังนอนหลับสบายก็ถูกให้ปลุกด้วยเสียงของคู่หูเต่าตัวน้อยตามเดิม ‘เด็กน้อยตื่น หากไม่ตื่นข้าจะกัดหูของเจ้านะ’ เสียงเล็กคล้ายเด็กของกุยเฮยข่มขู่ ‘อย่านะ! ข้าตื่นแล้ว กุยเฮยนับวันเจ้ายิ่งโหดร้ายกับข้ายิ่ง’ อันอันสะดุ้งตื่นรีบยกมือปิดหูกล่าวตัดพ้อ ‘ข้

  • ข้าเกิดใหม่เป็นคุณหนูตกอับตระกูลบัณฑิต   บทที่ 52

    “หากเป็นแบบนี้ทั้งเจ้าและท่านเจ้าเมืองคนใหม่คงจะลำบากไม่น้อยทีเดียว” แม่ผู้ชราของชายหนุ่มกล่าวออกมาสีหน้าแสดงความกังวล “ท่านแม่อย่าได้ห่วง แม้ว่างานจะหนักเพียงใด หากว่าผู้คนร่วมแรงร่วมใจสามัคคีกันย่อมผ่านไปได้ เท่าที่ข้ากับท่านเจ้าเมืองได้พูดคุยกับชาวเมืองในวันนี้ทุกคนก็พร้อมยินดีให้ความ

  • ข้าเกิดใหม่เป็นคุณหนูตกอับตระกูลบัณฑิต   บทที่ 51

    ตกเย็นภายในวันเดียวกัน เมื่ออันอันได้กลับมาถึงเรือนของอานไท่เด็กหญิงก็รีบก้าวขาสั้น ๆ ของตนไปยังหลังบ้านทันที หนิงอันมองซ้ายแลขวาเพื่อหาอะไรบางอย่างแต่แล้ว“เด็กน้อยเจ้ามองหาอะไร” กุยเฮยเอ่ยถามออกมาอย่างสงสัย “หากุ้งนะสิ ข้ามัวแต่ยุ่ง ๆ เลยลืมของอร่อยไปเลย” อันอันพึมพำโดยไม่ได้สื่อสารทางความคิดออกไป

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status