แชร์

บทที่ 7

last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-05-23 20:42:46

หยูเจียงเมื่อรับรู้ได้ถึงความจริงใจของชาวบ้านเช่นนี้ยิ่งเป็นการตอกย้ำในการตัดสินใจให้ตั้งถิ่นฐานอยู่ที่นี่ไม่คิดเปลี่ยนใจมากขึ้น

แต่ทว่าที่ดินผืนนี้เล็กเกินไปสำหรับการสร้างบ้านของครอบครัวตนที่มีกันอยู่หลายชีวิต

“ท่านเผย ท่านจะอยู่กับข้าหรือว่าจะจากไปอย่างนั้นเหรอ” หยูเจียงเอ่ยถามชายวัยเดียวกัน เนื่องจากเขายังไม่รู้แน่ชัดว่าชายหนุ่มผู้นี้คิดอย่างไรจึงได้ถามออกมา คำถามอันแสนตรงไปตรงมาของหยูเจียงทำให้ยงเผยมีสีหน้าครุ่นคิดไปชั่วครู่

ในขณะที่ยงเผยกำลังจะอ้าปากตอบคำถามของบัณฑิตหนุ่มดวงตาของเขาก็เบิกกว้างขึ้นเสียก่อน เมื่อมองเห็นร่างบางของหญิงสาวนางหนึ่งเดินจูงมือเด็กชายตัวน้อยมายังทิศทางที่ตนยืนอยู่

หญิงสาวคนนั้นเองก็มีสีหน้าตกใจไม่แพ้กัน นางรีบอุ้มบุตรชายของตนเหน็บเข้าที่เอวพร้อมกับหันหลังเพื่อเตรียมจะวิ่งหนี

ทว่ายงเผยจะปล่อยให้นางสมประสงค์ได้อย่างไร ชายหนุ่มจึงรีบใช้วิชาตัวเบากระโจนมาทางนางอย่างรวดเร็ว ทำให้ชาวบ้านหลายคนต่างตกตะลึงเช่นเดียวกับหนิงอัน ‘โอ้! เจอเร็วกว่าที่คิดแฮะ’ นางคิดพร้อมกับมองไปยังภาพตรงหน้า

ยงเผยไม่คิดเหลือศักดิ์ศรีของตนเขารีบคุกเข่าลงทันที หญิงคนนั้นทั้งตกใจและคาดไม่ถึงว่าชายผู้ที่เคยเย่อหยิ่งจองหองจะยอมทำเช่นนี้ต่อหน้าตนนางจึงรีบวางลูกชายลงยืนกับพื้น

“ท่านทำอะไร ลุกขึ้นเดี๋ยวนี้อยากให้คนอื่นมองว่าข้าเป็นหญิงแพศยาหรือท่านถึงได้ทำเช่นนี้” น้ำเสียงของนางเต็มไปด้วยความโกรธเช่นเดียวกับใบหน้า

“เจ้าอย่าโกรธข้าเลยนะจูเอ๋อร์ ข้าลุกแล้ว” ชายหนุ่มหมายจะจับมือเล็กของหญิงสาว ทว่านางรีบนำมือของตนซ่อนไปด้านหลังอย่างว่องไว

เด็กชายวัยหกขวบมองชายหนุ่มหน้าหนวดผู้ที่กล้าหาญมาเรียกชื่อมารดาอย่างสนิทสนม สีหน้าแสดงความไม่พอใจหัวคิ้วของเขาหมวดมุ่นเข้าหากันแน่น

“ท่านลุง ออกไปห่าง ๆ แม่ข้า” น้ำเสียงเล็ก ๆ นั้นพูดขึ้นอย่างไม่พอใจพร้อมกับเอามือเล็กผลักไปยังต้นขาของชายหนุ่ม

ยงเผยมองการกระทำของเด็กชายอย่างพึงใจ ก่อนถามหญิงสาวน้ำเสียงเต็มไปด้วยความอ่อนโยน “จูเอ๋อร์ เด็กคนนี้คือลูกของเราใช่หรือไม่”

เมื่อเด็กชายได้ยินคำว่าลูกออกมาจากปากของชายร่างใหญ่ใบหน้ารกครึ้มไปด้วยหนวดเครา

เขาก็รู้สึกรังเกียจเป็นอย่างมาก ‘เนื่องจากมารดามักบอกว่าบิดาของเขานั้นรูปงาม รูปร่างองอาจสง่าผ่าเผยแต่ที่เห็นในตอนนี้มันช่างแตกต่างจากที่ตนจินตนาการไว้มากเหลือเกิน’ เขาคิดก่อนที่จะโพล่งสวนออกไป

“ท่านพูดอะไร ท่านแม่เคยบอกว่าบิดาของข้านั้นรูปงาม สง่าผ่าเผยแล้วดูตัวท่านสิ ท่านอย่ามาโป้ปด” เด็กชายตะเบ็งเสียงดังแย้งขึ้นทันที

ยงเผยคิ้วกระตุกกับถ้อยคำของบุตรตัวน้อย พลางคิดอย่างขบเขี้ยวเคี้ยวฟันว่า ‘เจ้าบุตรคนนี้มารดามันเถอะกล้ามาดูถูกคนอย่างข้า’

“เสี่ยวฮ่าว!” หมิงจูเรียกชื่อบุตรชายเสียงเย็นทำให้เด็กชายตัวเล็กยอมสงบปากของตนลง

ชาวบ้านกลุ่มใหญ่หลังจากได้ยินคำกล่าวของคนทั้งสามทำให้พวกเขาพากันสับสน

“หมิงซื่อ[1] สิ่งที่ชายคนนั้นพูดออกมานั้นเป็นจริงหรือไม่ หาไม่แล้วพวกเราจะเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับเจ้าที่ถูกเขาสบประมาท” แม่เฒ่าชราชี้นิ้วไปทางยงเผยเอ่ยถามหญิงสาวผู้พลัดถิ่นอย่างอาทร

หญิงสาวนามหมิงจูแม้ใจไม่อยากจะยอมรับ แต่เมื่อคิดว่าหากปฏิเสธออกไปชาวบ้านผู้น่ารักและแสนใจดีเหล่านี้จะต้องช่วยเหลือตนตามที่พูดเป็นแน่ นางจึงได้แต่กัดปากของตนพยักหน้าอย่างจำใจ

“เขาเป็นสามีของข้า พ่อของฮ่าวเอ๋อร์[2] จริงเจ้าค่ะ” คำพูดของนางเสมือนสายฟ้าฟาดใส่เด็กชายแต่กลับนำพามาซึ่งความยินดีให้กับชายหน้าหนวดยังไม่ทันที่ชายคนนี้จะดีใจ

“ไม่!!..ต้องไม่ใช่ข้าไม่ยอมรับ” ยงฮ่าวน้ำตาไหลอาบแก้มตะโกนจนสุดเสียง

จากนั้นเขาก็วิ่งหนีเข้าป่าข้างทางไปอย่างรวดเร็วไม่ทันให้ใครได้ตั้งตัว การกระทำของเด็กน้อยนั้นนำพามาซึ่งความเจ็บปวดให้ผู้เป็นบิดาเป็นอย่างมาก

“ข้าจะไปตามเขาเอง เจ้าวางใจเถอะ” ยงเผยรีบวิ่งตามเด็กชายไปทันที หนิงอันรู้สึกว่าเหตุการณ์ช่างผิดแปลกไปอย่างสิ้นเชิง

‘แทนที่เด็กชายตัวน้อยจะดีใจเมื่อพบหน้าบิดาแล้วเป็นสะพานเชื่อมให้เขากับมารดาได้คืนดีกันตามเนื้อเรื่องเดิม แต่นี่ลืมไปเถอะสรุปได้ว่าข้าไม่ได้อยู่ในโลกแห่งนิยายของตนอีกต่อไปแล้ว’ หนิงอันแหงนหน้ามองฟ้ากล่าวในใจ

“อาไท่ เจ้าคิดว่าพวกเราควรจะช่วยกันออกตามหา ฮ่าวเอ๋อร์ดีหรือไม่ นี่ก็บ่ายคล้อยแล้วหากฟ้ามืดข้าเกรงจะเกิดอันตราย” เฒ่าชรากล่าวออกมาอย่างเป็นห่วงเด็กชายคนนั้น

“เรื่องนี้” ในขณะที่อานไท่กำลังลังเลอยู่นั้นเสียงของหยูเจียงก็เอ่ยขึ้นมา “ท่านอาพวกข้าก็จะไปช่วยขอรับ ท่านรีบไปตามคนอื่นเถอะ เด็กตัวแค่นั้นอาจจะเกิดอันตรายขึ้นได้”

ครั้นแล้วอาไท่จึงพยักหน้ารับพร้อมกับรีบขี่ม้าจากไป ทางด้านหยูเจียงจึงได้หันหน้าไปสั่งพ่อบ้านของตน

“เราทั้งสองคนก็ไปช่วยกันตามหาเด็กคนนั้นเถอะ ส่วนเจ้าพ่อจะไปส่งให้อยู่กับแม่ก่อนอย่าดื้อเข้าใจหรือไม่” หยูเจียงบ่ายหน้าไปทางบุตรสาวกล่าวย้ำ

“ท่านพ่อ ให้ข้าไปตามหาเขาด้วยเถอะเจ้าค่ะ อย่างน้อยหากเขายังดื้อดึงข้าเป็นเด็กเหมือนกันน่าจะคุยกับเขาได้ง่ายกว่า” หนิงอันกล่าวประโยคนี้ออกมาหลังจากคิดดีแล้ว

หยูเจียงแม้ไม่อยากจะทำตามคำขอข้อนี้ แต่หลังจากผ่านเหตุการณ์ต่าง ๆ มามากมายทำให้เขาเชื่อมั่นในตัวบุตรสาวอย่างไม่มีข้อสงสัย “ก็ได้ แต่เจ้าจงจำไว้ว่าต้องเชื่อฟังพ่อ” หยูเจียงยังไม่วายกำชับ

หนิงอันพยักหน้าราวลูกเจี๊ยบจิกข้าวสารทำให้ชาวบ้านยิ่งรู้สึกว่าเด็กน้อยคนนี้ช่างน่ารักน่าเอ็นดูมากขึ้นไปอีก

เฒ่าชราแม้จะมีอาการเจ็บเอวอยู่แต่เรื่องของเด็กชายผู้ที่ตนเห็นมาตั้งแต่เล็กนั้นเขาจะทำเป็นนิ่งเฉยไม่ได้ ดังนั้นเขาจึงอาสานำทางให้กับพวกหยูเจียงเองโดยไม่รออานไท่

สองป่าข้างทางเต็มไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ที่กำลังยืนต้นเหี่ยวเฉาคล้ายรอวันแห้งตาย

เนื่องจากช่วงนี้เป็นฤดูเหมันต์แม้อากาศจะยังไม่หนาวจัดแต่คงเย็นอยู่มาก อีกอย่างน้ำในลำธารใหญ่ก็เหือดแห้งจนหนิงอันที่กำลังเดินผ่านได้แต่งุนงง ‘เอาไว้ค่อยมาสำรวจภายหลัง’ นางคิดในขณะที่กำลังเดินตามผู้ใหญ่ทั้งสามคน

สองเท้าเล็กของเด็กหญิงเร่งเดินตามผู้ใหญ่จนเหนื่อยหอบ กระนั้นนางก็ไม่ปริปากบ่นออกมา

หยูเจียงรู้สึกสงสารบุตรสาวเป็นอย่างมากเขาจึงนั่งยองหันหลังให้บุตรสาว “อันอันมาขี่หลังพ่อเถิด ข้าจะแบกเจ้าเอง”

หนิงอันมองแผ่นหลังกว้างอย่างลังเล ในที่สุดนางจึงได้แนบลำตัวของตนติดแผ่นหลังกว้างของบิดาผู้มีรูปร่างบอบบางทว่าเขากลับดูแข็งแกร่งในความรู้สึกของนางเป็นอย่างมาก

หยูเจียงผู้มีบุตรสาวอยู่บนหลังหาได้ความเร็วลดลงไม่ แม้ว่าเขาจะเป็นบัณฑิตแต่เนื่องจากตอนยังเด็กทำงานหนักมาไม่น้อยดังนั้นการแบกเด็กตัวเล็กจึงไม่มีผลกระทบอะไรมากนัก

คนทั้งสองของครอบครัวหยูต่างเดินตามผู้เฒ่าอย่างไม่ลดละ อย่าดูถูกชายชราอายุเจ็ดสิบกว่าคนนี้เด็ดขาดแม้จะอายุมากทว่าสองเท้าของเขากลับเดินได้อย่างคล่องแคล่ว

อีกทั้งการแกะรอยของเขานั้นก็แม่นยำ เพราะในตอนนี้พวกเขาทั้งสี่คนได้มาเจอยงเผยแล้วนั่นเอง

ชายหนุ่มได้แต่ยืนคอตกอยู่หน้าโพรงที่เล็กกว่าตัวของเขาแต่ใหญ่กว่าตัวของหนิงอันเล็กน้อยด้านหน้า

“เสี่ยวฮ่าวล่ะ” น้ำเสียงแหบแห้งของชายชราถามขึ้นทันทีเมื่อมองไม่เห็นเด็กชายตัวน้อย ยงเผยยกนิ้วชี้ข้างขวาไปทางโพรงแห่งนั้น

“เล็กขนาดนี้จะเข้าไปยังไง” พ่อบ้านรุ่ยเอ่ยขึ้นน้ำเสียงไม่ดีนัก ในขณะเดียวกันก็กวาดสายตามองสำรวจด้านในไปด้วย

“ท่ายยงแน่ใจหรือว่าเด็กคนนั้นเข้าไปในนี้” หยูเจียงถามชายหนุ่มผู้ซึ่งกำลังมีใบหน้าหม่นอย่างที่ตนไม่เคยเห็นมาก่อน

ยงเผยทำเพียงพยักหน้ารับภายในใจรู้สึกหวาดกลัวเนื่องจากเขาไม่รู้ว่าด้านในนั้นจะมีสัตว์อันตรายอยู่หรือไม่

“ท่านพ่อให้ข้าเข้าไป” หนิงอันพูดขึ้น ครั้งนี้หยูเจียงไม่คิดทำตามคำขอของบุตรีด้วยกลัวจะเกิดอันตรายเขาจึงนิ่งเฉยให้กับคำขอของนาง

ยงเผยดวงตาสว่างวาบแต่แล้วก็อับแสงลงอีกครั้ง ‘ข้าจะให้ใครมาเสี่ยงเรื่องของตนไม่ได้อย่างเด็ดขาด’ เขาค้านในใจ

หนิงอันขยับตัวไปมาด้านหลังของบิดาทำให้หยูเจียงจำใจต้องให้นางยืนลงกับพื้นเพราะกลัวว่าเจ้าตัวเล็กจะตกลงมา

“ท่านพ่อ ได้โปรดเชื่อใจข้า” เด็กหญิงนำมือเล็กของตนประคองไปที่หน้าของบิดาพูดอย่างแน่วแน่

“ตะ...” หยูเจียงกำลังจะเอ่ยค้านทว่าก็ไม่ทันความเร็วของบุตรสาวที่วิ่งลับหายเข้าไปในโพรงเสียแล้ว

โพรงแห่งนี้สำหรับเด็กตัวเล็กอย่างหนิงอันกับยงฮ่าวถือว่าไม่เล็กแต่ไม่ใช่สำหรับผู้ใหญ่ตัวโต สองเท้าของเด็กหญิงก้าวเดินอย่างระมัดระวังตามแสงสว่างที่ลอดผนังถ้ำลงมาจากด้านบน

“พี่ชายท่านอยู่ไหน ตอนนี้ข้ากลัวมากเลยออกมาช่วยข้าหน่อย” หนิงอันป้องปากตะโกนร้องเรียกหาเด็กชายผู้อายุมากกว่า ส่วนสองตาก็คอยสาดส่ายไปจนทั่ว

ยังไม่ทันที่นางจะพบเข้ากับเด็กชายตัวน้อยก็เห็นของดีเข้าเสียก่อน “จะใช่ไหมนะ” อันอันรีบสาวเท้าน้อย ๆ ของตนเดินไปยังจุดที่เห็นทันทีด้วยใจลุ้นระทึก

“โฮะ ๆ สวรรค์ก็ไม่ใจร้ายกับข้านัก” เสียงหัวเราะคล้ายกับตัวร้ายดังสะท้อนไปทั่วทั้งโถงถ้ำ

ทำให้ยงฮ่าวผู้กำลังนั่งก้มหน้ากอดเข่าตัวสั่นอย่างหวาดกลัว ‘ต้องเป็นปีศาจแน่ ๆ เสียงหัวเราะแหลมสูงขนาดนี้ ข้าจะทำยังไงดี ทำยังไง ท่านแม่ช่วยลูกด้วย’ เด็กชายยิ่งเอามือโอบกอดเข่าของตนแน่นคิดอย่างหวาดหวั่น

ส่วนหนิงอันตัวน้อยผู้ไม่รู้ว่าได้ทำอะไรลงไปก็กำลังคิดหาวิธีนำเทพเจ้าแห่งชีวิตออกไปด้านนอก

‘ข้าเจอของดีแต่จะเอาออกไปได้ยังไง ทำไมข้าไม่เขียนให้เด็กคนนี้มีมิติหรือตัวช่วยวิเศษนะ ยัยอันอันจอมบื้อ’

อันอันนั่งอยู่หน้าเห็ดหลินจือที่มีทั้งสีน้ำตาลแดง สีเหลือง สีขาวทั้งเล็กและใหญ่อย่างเจ็บใจน้ำตาจวนเจียนจะหยด

ทันใดนั้นก็ได้มีเสียงเล็ก ๆ ดังขึ้นท่ามกลางความว่างเปล่า “หนูน้อยเจ้ามาช่วยข้าสิ สิ่งที่เจ้าอยากได้ข้าจะทำให้เป็นจริง” เสียงเล็ก ๆ นั้นพูดหลอกล่อ

[1] ซื่อในที่นี้หมายถึงคำต่อท้ายเรียกหญิงที่แต่งงานแล้ว

[2] เอ๋อร์ในที่นี้หมายถึงใช้เรียกบุคคลที่อายุน้อยกว่าตน
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ข้าเกิดใหม่เป็นคุณหนูตกอับตระกูลบัณฑิต   บทที่ 56

    เช่นเดียวกับฉงซานในตอนนี้ก็ได้หายจากอาการบาดเจ็บแล้วเช่นกัน ส่วนผึ้งตัวน้อยผู้มีฤทธิ์มากนะหรือ ตอนนี้พวกมันต่างอยู่ในสภาวะเซื่องซึมท่ามกลางความเงียบจู่ ๆ เสียงของกุยเฮยก็ดังขึ้นในหัวของอันอัน ‘ยินดีด้วยเด็กน้อยต่อไปนี้เจ้าได้มีผึ้งฝูงใหญ่เป็นสหายเพิ่ม’ คำพูดของเต่าตัวน้อยทำให้หนิงอันหันหลังกลับไปมอ

  • ข้าเกิดใหม่เป็นคุณหนูตกอับตระกูลบัณฑิต   บทที่ 55

    “พี่สาม พี่สี่ พี่มู่ตานพวกท่านจะไปกับข้าหรือไม่” หลังคุยกับกุยเฮยเรียบร้อยอันอันจึงได้หันหลังกลับไปถามพี่ทั้งสามที่กำลังดูหลุมดักปลาอย่างสนใจ “ไปไหนอย่างนั้นหรือ” ยงฮ่าวเอ่ยถามสีหน้าแสดงความสงสัย“ฉงซานจะพาเราไปหาของดีเจ้าค่ะ” อันอันตอบจากนั้นจึงเห็นผู้เป็นพี่ทั้งสามพยักหน้าตกลงครั้นแล้วการเดินทา

  • ข้าเกิดใหม่เป็นคุณหนูตกอับตระกูลบัณฑิต   บทที่ 54

    มู่ตานรู้สึกซาบซึ้งเป็นอย่างยิ่งที่ผู้เป็นนายรวมถึงเด็กทั้งสองใจดีกับตนไม่คิดว่านางเป็นเพียงบ่าวรับใช้ หลังจากการฝึกของครึ่งวันจบลง เด็กหญิงก็ชวนบรรดา พี่ ๆ เดินขึ้นเขาเพื่อไปดูโรงงานผลิตเกลือที่ตอนนี้มีชาวบ้านบางส่วนได้ขึ้นมาทำงานบ้างแล้ว “สวัสดีท่านอาทั้งหลาย” เด็กทั้งสี่กล

  • ข้าเกิดใหม่เป็นคุณหนูตกอับตระกูลบัณฑิต   บทที่ 53

    ยามเหม่าของวันต่อมา อันอันผู้กำลังนอนหลับสบายก็ถูกให้ปลุกด้วยเสียงของคู่หูเต่าตัวน้อยตามเดิม ‘เด็กน้อยตื่น หากไม่ตื่นข้าจะกัดหูของเจ้านะ’ เสียงเล็กคล้ายเด็กของกุยเฮยข่มขู่ ‘อย่านะ! ข้าตื่นแล้ว กุยเฮยนับวันเจ้ายิ่งโหดร้ายกับข้ายิ่ง’ อันอันสะดุ้งตื่นรีบยกมือปิดหูกล่าวตัดพ้อ ‘ข้

  • ข้าเกิดใหม่เป็นคุณหนูตกอับตระกูลบัณฑิต   บทที่ 52

    “หากเป็นแบบนี้ทั้งเจ้าและท่านเจ้าเมืองคนใหม่คงจะลำบากไม่น้อยทีเดียว” แม่ผู้ชราของชายหนุ่มกล่าวออกมาสีหน้าแสดงความกังวล “ท่านแม่อย่าได้ห่วง แม้ว่างานจะหนักเพียงใด หากว่าผู้คนร่วมแรงร่วมใจสามัคคีกันย่อมผ่านไปได้ เท่าที่ข้ากับท่านเจ้าเมืองได้พูดคุยกับชาวเมืองในวันนี้ทุกคนก็พร้อมยินดีให้ความ

  • ข้าเกิดใหม่เป็นคุณหนูตกอับตระกูลบัณฑิต   บทที่ 51

    ตกเย็นภายในวันเดียวกัน เมื่ออันอันได้กลับมาถึงเรือนของอานไท่เด็กหญิงก็รีบก้าวขาสั้น ๆ ของตนไปยังหลังบ้านทันที หนิงอันมองซ้ายแลขวาเพื่อหาอะไรบางอย่างแต่แล้ว“เด็กน้อยเจ้ามองหาอะไร” กุยเฮยเอ่ยถามออกมาอย่างสงสัย “หากุ้งนะสิ ข้ามัวแต่ยุ่ง ๆ เลยลืมของอร่อยไปเลย” อันอันพึมพำโดยไม่ได้สื่อสารทางความคิดออกไป

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status