เว่ยอ๋องกลับมาที่ตำหนักอีกครั้งก็ไม่เห็นร่างของซูหนี่แล้ว เขารีบเดินเข้าไปหาเยว่ชิงที่เรือน เพื่อดูว่าของขวัญที่ซูหนี่นางทิ้งไว้ให้คือสิ่งใดแต่เมื่อเข้าไปถึงเยว่ชิง นางก็เดินออกมารับเขาพร้อมรอยยิ้มที่หวานเยิ้มจนเว่ยอ๋องใจสั่นสะท้านอย่างรุนแรง“ชิงชิง” เขาเอ่ยเรียกนางด้วยเสียงที่แหบพร่า“อาจ้าน” นางกระซิบเรียกเขาที่ข้างหู พร้อมทั้งเป่าลมไปที่หูของเขาอย่างยั่วยวน“เจ้าเล่นอันใด” เขาเอ่ยถามอย่างมึนงง แม้จะมีความต้องการอย่างมาก แต่ก็รู้ดีว่านางในตอนนี้ไม่อาจจะร่วมหลับนอนกับเขาได้“ท่านหิวหรือไม่” เยว่ชิงเอ่ยถาม เพราะได้เวลากินมื้อเย็นแล้ว“เจ้าทำเช่นนี้เปิ่นหวางจะหิวได้อย่างไร แล้วเจ้าเล่ากินอะไรหรือยัง” เขาลูบที่มือของนางอย่างแฝงความหมาย“ข้ากินพร้อมกับหนี่เออร์แล้ว”เมื่อเป็นเช่นนั้น ทั้งสองจึงเข้าไปในห้องนอนพร้อมกัน เว่ยอ๋องแทบจะทนรอชมของขวัญที่เยว่ชิงได้มาจากซูหนี่ไม่ไหวแล้วเยว่ชิงนางก็เขินอายอยู่ไม่น้อยที่ต้องทำเช่นนี้ แต่จะอย่างไรได้ เขาทำเพื่อนางมากเลยทีเดียว อีกอย่างเรื่องที่ซูหนี่นางพูดก็เห็นจะจริง นางเป็นภรรยาของเว่ยอ๋อง เรื่องเช่นนี้นางจะมัวเขินอายไม่ได้เยว่ชิงสลัดความอายออก
ผ่านไปได้สามเดือน เยว่ชิงนางก็ตั้งครรภ์ อาการของนางนับว่าแปลกนัก นางไม่ได้แพ้อาหารหรือเหม็นอันใด แต่เพียงมีสตรีเข้าใกล้เว่ยอ๋องน้ำตาของนางก็ไหลออกมาเสียดื้อๆแม้แต่นางกำนัลในตำหนัก นางก็เป็นเช่นกัน เรื่องนี้ทำให้เว่ยอ๋องห้ามให้นางกำนัลในตำหนักเข้าใกล้เขาอย่างเด็ดขาดร้อนถึงซูหนี่ที่ต้องมาหานางถึงที่ตำหนัก เมื่อเข้ามาถึงก็เห็นเยว่ชิงนางนั่งซับน้ำตาอยู่จึงเดินเข้าไปหาอย่างเป็นห่วง“เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้ เจ้าก็เป็นหมอมิรู้หรือ หากร้องมากๆ จะส่งผลต่อบุตรของเจ้าในท้อง” ซูหนี่เดินเข้าไปช่วยนางเช็ดน้ำตา“หนี่เออร์” นางสะอื้นไห้ออกมาอย่างน่าสงสาร“ข้าไม่รู้ว่าข้าเป็นอันใด”“แล้วเกิดเรื่องอันใดขึ้น หรือเจ้ากังวลสิ่งใดอยู่” ซูหนี่นางใช้หลักการทางการแพทย์ นางว่าเยว่ชิงนางต้องมีเรื่องบางอย่างในใจที่ไม่ยอมเอ่ยออกมาอย่างแน่นอนเมื่อเห็นว่าในห้องไม่มีผู้ใดอยู่ เยว่ชิงนางยังยอมเล่าเรื่องที่รู้มาเมื่อหลายวันก่อนให้ซูหนี่ฟังฮูหยินในเมืองหลวงไม่น้อย เมื่อรู้ว่านางตั้งครรภ์ก็ทำทีมาเยี่ยมนางที่ตำหนัก ทั้งยังเอาของบำรุงมาให้นางมากมาย แต่ความจริงแล้ว พวกนางต้องการพาบุตรสาวเข้ามาให้เยว่ชิงดูตัว หากถูกใจจะได้
เว่ยอ๋องเห็นเพียงใบหน้าของนางที่ยื่นออก พร้อมกับมือขาวที่โบกเรียกเขาให้เขาไปหา เขาก็เร่งฝีเท้าเข้าไปทันที“ประเดี๋ยวก่อน ให้ดูเพียงครู่เดียว แล้วข้าจะเปลี่ยนกลับแล้ว เข้าใจหรือไหม” นางดันตัวเขาไว้ ไม่ให้เข้ามาใกล้นางมากเกินไปหากยังไม่รับปากนาง“เข้าใจแล้ว” เขากลืนน้ำลายลงคออยากยากลำบาก แต่ก็ตื่นเต้นไม่น้อยที่นางจะสวมชุดเมื่อครู่ให้เขาได้ดูเยว่ชิงยื่นขายาวเรียวออกมาจากห้องด้านข้างก่อน เพียงแค่เรียวขาขาวของนาง เว่ยอ๋องก็ในสั่นสะท้านเสียแล้วนางมาหยุดอยู่ตรงหน้าของเขาเต็มตัว มือทั้งสองของนางปิดอยู่ที่หน้าอก เพราะชุดของซูหนี่แทบจะทำให้หน้าอกของนางล้นออกมาจนไม่มีสิ่งใดปกปิด“ชิงชิง” เว่ยอ๋องเผลอเลียริมฝีปากของเขา สายตาของเขามิอาจละไปจากภาพสาวงามตรงหน้าได้เลยชุดลูกไม้สีแดง ที่เผยทุกส่วนเว้าส่วนโค้ง ยิ่งให้เยว่ชิงเหมือนนางจิ้งจอกที่พร้อมจะดูดกลืนวิญญาณของบุรุษที่ได้เห็นนางในสภาพนี้เชือกเส้นเดียว ที่เกี่ยวอยู่ที่ไหล่มนทั้งสองข้างของนาง ไม่รู้ว่ามีไว้เพื่ออันใด ส่วนล่างที่เป็นกระโปรงก็ดูเหมือนว่าหากเป่าลมจากปากเขาไปก็คงเผยให้เห็นด้านในทั้งหมดแล้วเขาไม่รอให้นางหมุนตัวกลับเข้าไปเปลี่ยนชุดด้า
นางกำนัลที่มาทำหน้าที่ดูแลเยว่ชิงได้แต่ปิดตา เพราะไม่อาจทนมองได้ ตอนที่ส่งเจ้าสาวขึ้นเกี้ยว เจ้าบ่าวต้องเตะไปที่คานเกี้ยวเพื่อแสดงอำนาจข่มภรรยา“เตะแรงๆ เลยท่านอ๋อง” เสิ่นเจิ้งซียุเว่ยอ๋องให้แต่คานเกี้ยว“หึ เอาไว้ทำในงานแต่งของเจ้าเถิด” เว่ยอ๋องได้แต่ถลึงตามองเขา เขาไม่เตะอะไรทั้งนั้น กว่าจะได้นางมาครองก็ต้องไปตามถึงเจียงซาน หากเขาแสดงอำนาจกับนาง ไม่ใช่นางจะหนีไปที่อื่นอีกรึเสิ่นเจิ้งซีได้แต่ลูบจมูกเก้อแก้ งานแต่งของเขาจะมีรึเปล่าก็ยังไม่รู้เลยเมื่อถึงตำหนักอ๋อง เว่ยอ๋องประคองเยว่ชิงเข้าไปในเรือน ทั้งสองข้ามกระถางไฟ เดินตรงไปที่แท่นทำพิธี ด้านหน้ามีฮ่องเต้ ไทเฮาและฮองเฮามาร่วมงานด้วยขุนนางทั้งหมดในเมืองหลวงก็ล้วนแต่อยู่ที่งานของเว่ยอ๋อง หมอหลิวติดตามขบวนเจ้าสาวมาส่งบุตรสาวเข้าตำหนักด้วย ความจริงซูหนี่นางจะต้องอยู่ที่จวนตระกูลหลิว แต่นางอยากเห็นพิธีกราบไหว้ฟ้าดิน ท่านหมอหลิวจึงได้ยอมให้นางมาด้วยกันซูหนี่สนใจพิธีกราบไหว้ฟ้าดินมากกว่าสายตาของเสิ่นเจิ้งซีที่มองมาทางนาง ภาพที่คู่บ่าวสาวกราบไหว้ฟ้าดิน ทั้งคำนับให้กันดูงดงามกว่าในละครที่นางเคยชมมาเสียอีกจากสายตาของเสิ่นเจิ้งซีคิดว่าที่
เพราะเมื่อครู่ นางกำนัลเข้ามาด้านในห้อง เพื่อนำตำราวสันต์มาสอนนาง เพื่อให้นางเตรียมความพร้อมยามเมื่อต้องเข้าหอ“ตำราอันใดกัน” ซูหนี่มองไปที่ตำราปกขาวอย่างสงสัย นางเอื้อมมือไปหยิบขึ้นมาดู เยว่ชิงจะแย่งไว้ก็ไม่ทันเสียแล้ว“ว้าววว” เพียงเปิดดูหน้าแรกนางก็ร้องออกมาอย่างชื่นชมเนื้อหาด้านใน เป็นภาพร่วมรักของบุรุษและสตรีในท่วงท่าต่างๆ ซูหนี่นางไม่ได้สนใจเรื่องท่ามากนัก เพราะโลกก่อนของนางมีภาพเคลื่อนไหวให้ดูอีกด้วยแต่ที่นางสนใจเห็นจะเป็นภาพวาดที่เสมือนจริง แม้จะเป็นเพียงแค่ภาพขาวดำแต่ก็สื่ออารมณ์จากสีหน้าของคนในรูปวาดออกมาได้อย่างดี“หนี่เออร์ นี่เจ้า” เยว่ชิงตกใจไม่น้อยที่เห็นซูหนี่นางเปิดดูตำราอย่างตื่นเต้น มิได้มีท่าทางที่เขินอายสักนิดเดียว“ว่าอย่างไร” ซูหนี่เอ่ยถามโดยที่ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามองเยว่ชิงเลย“เจ้า เจ้า เอาเถิด ข้าลืมไป ว่าเจ้ามิใช่คนในยุคข้า”“อืม เจ้าดูสิ วาดได้สมจริงนัก จิตรกรเข้าไปวาดตอนที่คนร่วมรักกันเลยใช่หรือไม่” นางยื่นตำราไปตรงหน้าของเยว่ชิงให้ดูภาพที่นางกำลังดูอยู่เยว่ชิงทำได้แค่ปรายตามอง ราวกับว่าสิ่งที่ซูหนี่นางดูอยู่นั่นเป็นของที่น่ารังเกียจ“เจ้าอย่าได้เขินอาย
หลังจากพิธีศพของเยว่ชิงเสร็จสิ้นลง ตระกูลกงก็ล่มสลายทันที กงป๋อเหวินถูกประหาร คนในตระกูลที่เหลือต่างถูกเนรเทศ นางตู้ซื่อ กงหลี่เฉียงกับซิงเยียนต้องเดินเท้าไปใกล้นับหลายพันปีซิงเยียนนางกรีดร้องไปตลอดทางที่ออกจากเมืองหลวง เพราะนางตั้งครรภ์จนใกล้จะคลอดแล้ว ยังต้องลำบากเดินเท้าไปตลอดทาง บ้านเดิมของนางก็มิสนใจนางที่แต่งออกมาแล้วตลอดทางชาวเมืองไม่น้อยต่างออกมาด่าทอ บางคนขว้างปาสิ่งของที่ใกล้มือใส่พวกเขาอย่างนึกรังเกียจเว่ยอ๋องนั่งอยู่ที่ข้างหลุมศพของเยว่ชิง มิได้ไปชมพวกเขาถูกเจ้าหน้าที่คุมตัว“หากย้อนกลับมาได้เจ้าจะเลือกเปิ่นหวางหรือไม่” เขาเอ่ยถามกับหลุมศพของนางอย่างแผ่วเบาเสิ่นเจิ้งซีที่มิอาจทนมองดูได้ ต้องเข้ามาลากตัวเว่ยอ๋องกลับไปที่ตำหนัก“ชิงชิง เจ้าอย่าทำให้เปิ่นหวางกลัวเช่นนี้” เยว่ชิงได้ยินเสียงร้องเรียกราวกับจะขาดใจของเว่ยอ๋อง นางจึงได้ลืมตาขึ้นช้าๆ“ท่านอ๋อง” ใบหน้าของนางที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตา ลูบไปที่ใบหน้าที่กำลังหวาดกลัวของเว่ยอ๋องเมื่อเห็นว่านางฟื้นแล้ว เว่ยอ๋องก็กอดนางไว้แน่น ด้วยกลัวว่าจะเสียนางไป“ชิงชิงเจ้าฝันอันใด เปิ่นหวางเรียกเจ้าอยู่นานก็ไม่ยอมตื่น จนจะไปตามหนี่เ
ตลอดการเดินทางกลับเมืองหลวง เยว่ชิงนางพักห้องเดียวกับซูหนี่ เพื่อที่นางจะได้เข้าไปศึกษาเรื่องวิชาการแพทย์ของซูหนี่ และนางยังช่วยสอนให้ซูหนี่จับชีพจรเป็นด้วยบุรุษทั้งสองล้วนแต่ไม่ชอบใจ ที่สตรีทั้งสองตัวติดกันมากเพียงนี้ ด้วยความรำคาญที่ทั้งสองพูดมากไม่ยอมหยุด ซูหนี่นางจึงพาพวกเขาเข้าไปอยู่ด้านในด้วยและทิ้งให้ทั้งสองอยู่ในห้องพักของนางแทน ด้านในห้องล้วนมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่แปลกตา จนทำให้บุรุษทั้งสองละความสนใจจากพวกนางไปได้อยู่นานวันที่สิบหลังจากที่ออกเดินทางจากเมืองเจียงซาน พวกเขาก็เดินทางถึงเมืองหลวง เว่ยอ๋องไปส่งเยว่ชิงและซูหนี่ที่จวนตระกูลหลิวเขาขอพบหมอหลิว เพื่อพูดคุยเรื่องสู่ขอเยว่ชิง“ชิงเออร์ เจ้าคิดดีแล้วใช่หรือไม่” หมอหลิวเอ่ยถามบุตรสาวต่อหน้าเว่ยอ๋อง“เจ้าค่ะ หากจะผิดพลาดก็เป็นลูกที่เลือกเอง หากวันใดที่ท่านอ๋องต้องการรับสตรีเข้าตำหนัก วันนั้นลูกจะกลับมาอยู่กับท่านพ่อทันทีเจ้าค่ะ”“เหอะ เจ้าอย่าหวังว่าจะได้ออกจากตำหนักเลยชิงชิง” เว่ยอ๋องกัดฟันแน่น ยังไม่ได้สู่ขออย่างเป็นทางการ นางก็เอ่ยเรื่องนี้ออกมาแล้วหมอหลิวได้แต่ส่ายหัว ครั้งนี้เขาไม่ได้กลัวว่าเว่ยอ๋องจะรับสตรีเข้าตำ
ฟ้ายังไม่ทันสว่างดี บุรุษทั้งสองราวกับนัดหมาย ได้กระโดดออกจากจวนริมทะเลกลับไปที่โรงเตี๊ยมพร้อมกัน“เหอะ ยิ้มเช่นนี้ เจ้าคงมีเรื่องดีไม่น้อย” เว่ยอ๋องอดที่จะค่อนแคะสหายของตนไม่ได้“แล้วพระองค์เล่า หน้าตาไม่สดใส คงมิได้สมหวังดั่งพระทัยใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ” เสิ่นเจิ้งซีมีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้าตลอดเวลา“เพ้ย กลับเมืองหลวงเปิ่นหวางก็จะมีงานมงคลแล้ว แล้วเจ้าเล่าจะรับนางเข้าจวนได้อย่างงั้นรึ”เรื่องนี้ทำให้ใบหน้าของเสิ่นเจิ้งซีแข็งค้างไปทันที แม้เขาจะยอมรับกับนางเรื่องมีใจแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้เอ่ยเรื่องจะแต่งงานกับนางเลยสักนิดและไหนจะเรื่องที่จวนของเขา ไม่รู้ว่าบิดามารดาจะยอมรับซูหนี่หรือไม่“หึหึ อย่ายอมแพ้เล่าอาซี” เว่ยอ๋องยกยิ้มอย่างผู้ชนะเดินเข้าห้องพักของเขาไปเช้าวันต่อมา ทั้งสองไปที่จวนพักริมทะเลของเหอหมิ่น เพื่อที่จะพาทั้งสองกลับเข้าเมืองหลวง“นายท่าน มีท่านอ๋องกับใต้เท้าผู้ตรวจการจากเมืองหลวงมาขอพบขอรับ” บ่าวเข้ามาแจ้งเหอหมิ่นที่กำลังนั่งร่วมโต๊ะกับสตรีทั้งสองอยู่เหอหมิ่นมองไปที่เยว่ชิงและซูหนี่ทันที เมื่อพิจารณาใบหน้าของซูหนี่ให้ดี เขาจึงร้องออกมาราวกับนึกเรื่องอะไรออก“อ้อ แม่นางไป๋ ค
พอฟ้ามืด องครักษ์ที่เว่ยอ๋องให้ไปสืบเรื่องที่อยู่ของเยว่ชิงก็กลับมาบอกเขา ว่าเหอหมิ่นกลับมาที่จวนของเขาแล้ว ทั้งสองจึงอาศัยความมืดไปที่จวนริมทะเลของเยว่ชิงทันทีเว่ยอ๋องกระโดดเข้าไปในห้องของนางตามตำแหน่งที่องครักษ์แจ้งไว้ ก็พบแต่ความว่างเปล่าที่อยู่ในห้อง ด้านในไม่มีเยว่ชิงอยู่ทางด้านเสิ่นเจิ้งซีก็ไม่ต่างกัน ภายในห้องก็ไร้เงาของซูหนี่ เขาเดินมาหาเว่ยอ๋องที่ห้องของเยว่ชิง เพราะคิดว่าซูหนี่นางอยู่ที่ห้องนั้นด้วย“เหอะ/เหอะ” ทั้งสองร้องออกมาพร้อมกัน เพราะเว่ยอ๋องก็อยู่เพียงลำพัง“องครักษ์ของท่านไม่ผิดพลาดแน่รึ” เสิ่นเจิ้งซีจะเดินเข้าไปนั่งลงบนเตียงแต่ถูกเว่ยอ๋องยกเท้าขึ้นยันไว้เสียก่อน เขาจึงต้องเดินกลับไปนั่งที่เก้าอี้ข้างหน้าต่างแทนทั้งสองได้แต่มองหน้าเจ้า เจ้ามองหน้าข้า ไม่รู้จะทำอันใด เว่ยอ๋องล้มตัวลงนอนที่แต่งของเยว่ชิงอย่างสบายใจ ผิดกับเสิ่นเจิ้งซีที่ต้องกอดอกนิ่งอยู่ที่เก้าอี้แทน“วันนี้พอเท่านี้เถิด อาชิง ข้าว่าเรากลับไปพักกันเถิด ข้าเหนื่อยไม่น้อยเลย” ซูหนี่หาวออกมา“อืม” เยว่ชิงหันไปเก็บของเข้าที่ให้เรียบร้อย ทั้งสองจึงออกมาด้านนอกมิติเมื่อออกมาอยู่ภายในห้องของเยว่ชิง บุรุษท