“ขอโทษนะคะ ขอเข้าไปข้างในหน่อยค่ะ คุณคะ ขอเข้าไปหน่อยค่ะ” ผู้ชายตัวสูงใหญ่นั่งเหยียดขายาวเต็มที่นั่ง อยู่ที่เก้าอี้ตัวนอก ซึ่งเก้าอี้ตัวในเป็นเลขที่ๆ น้ำอบต้องนั่ง อยู่ติดหน้าต่าง ผู้ชายตัวใหญ่ร่างสูงนั้นขยับขาเข้ามาหาตัวเอง เพื่อเปิดทางให้หญิงสาวเข้าไปนั่งข้างใน
“ขอบคุณค่ะ” น้ำอบเอ่ยขอบคุณเขาเบาๆ นี่ฉันต้องมานั่งคู่กับตายักษ์นี่ถึงไหนกันนะ ดูท่าทางเขาน่ากลัวมาก น้ำอบไม่กล้ามองเขาตรงๆ แต่ที่เห็นผ่านๆ ตาคือเขาใส่เสื้อยีนส์แขนขาว กางเกงยีนส์ขายาว รองเท้าหนังอย่างดี ใส่แว่นตา นั่นทำให้หญิงสาวไม่กล้ามองหน้าเขา ใครจะกล้า ขนาดเธอขอเข้ามานั่งด้านในที่ของเธอ เขายังแสดงอาการไม่ค่อยพอใจ เขาแค่ยกขากลับเข้ามา พอเธอเข้านั่งที่แล้ว เขาก็เหยียดขาเหมือนเดิม นี่ถ้านอนได้เขาคงนอนไปแล้วล่ะ
น้ำอบจัดการกับเป้ของตัวเอง หญิงสาวไม่เก็บไว้บนชั้นวางของ เพราะในเป้เธอมีผ้าห่มเล็กๆ เอาไว้สำหรับห่มเวลากลางคืน ดึกๆ อากาศบนรถทัวร์จะเย็นมากๆ เธอไม่แน่ใจว่าผ้าห่ม ของรถจะสะอาดไหม เธอก็เป็นแบบนี้ สะอาด ไม่ค่อยอยากใช้ของร่วมกับใคร เวลาเดินทางเลยต้องพกผ้าห่มแบบเป็นหมอนไปด้วยเสมอ
คนข้างๆ นั่งนิ่งๆ น้ำอบไม่รู้ว่าเขาหลับ หรือเขาแค่พักสายตา หวังว่าตลอดการเดินทาง ตายักษ์นี่คงไม่ได้เป็นโรคจิตนะ พอคิดมาถึงตรงนี้ น้ำอบก็รู้สึกไม่ค่อยไว้ใจนัก แล้วเธอจะได้หลับไหมคืนนี้ อีกตั้งหลายชั่วโมงที่จะต้องนั่งรถไปด้วยกัน สาธุ ขอให้เขาถึงจุดหมายปลายทางก่อนเธอเถอะ คงไม่ได้ไปที่เดียวกันหรอกนะ เพราะถ้าเป็นแบบนั้น คงจะทรมานและหวาดระแวงมากๆ
เมื่อเห็นเขานิ่ง น้ำอบก็ไม่สนใจเขาอีก เธอจัดการกับกระเป๋าเป้ หยิบโทรศัพท์ออกมา ผู้โดยสารขึ้นมาเต็มทุกที่นั่งแล้ว ไม่นานรถก็เริ่มเคลื่อนตัวช้าๆ ออกจากสถานีขนส่งสายใต้
เจษฎา โทรหาน้ำอบเกือบ 10 สาย เหนื่อยใจกับเขาเหลือเกิน เธอเบื่อ ไม่อยากคุยกับเขาแล้ว ถ้าเป็นไปได้ เธอจะไม่ยอมไปให้ความคิดสนิทสนมกับเจษฎาเด็ดขาด คนใจง่าย โลเล หลอกลวง ไม่มีความเป็นผู้ชาย ดีที่เธอถอนตัวทัน ไม่ทันได้มีใจให้ กรรณญาวีร์ บล็อกเบอร์ของเจษฎา
นี่เธอจะต้องทนนั่งรถนี่ไปอีกนานไหมนะ รู้สึกไม่ปลอดภัยเลย คนข้างๆ เหมือนเขาจ้องมองเธอตลอดเวลา เขาใส่แว่นก็จริง กรรณญาวีร์นั่งตัวลีบ ทำยังไงดี อีกตั้งหลายชั่วโมงกว่าจะถึงที่หมาย หญิงสาวขยับตัวด้วยความอึดอัด เธอรู้ว่าเขาจ้องมองตลอดเวลา หญิงสาวสะดุ้ง คนข้างๆ วางแขนมาบนที่พักแขน แขนเขาใหญ่ ทำให้กระทบกับส่วนแขนของเธอ น้ำอบไม่ได้คิดไปเองแน่ๆ เขาเอนตัวมาหาเธอ มากเกินไป หญิงสาวเอนตัวไปติดกับฝั่งของหน้าต่าง ติดจนเหมือนกับเธอต้องเอนไปทั้งตัว ทำให้ท่านั่งของเธอไม่สบายเลย หญิงสาวถอนหายใจ อีกไม่นานรถจะแวะพัก 15 นาที
โล่งอกเหลือเกิน หลังจากลงจากแท็กซี่แล้ว กรรณญาวีร์แวะเข้าร้านสะดวกซื้อ เพื่อซื้อของใช้จุกจิกนิดหน่อย ก่อนที่จะเข้าพักที่โรงแรม ค่อยโล่ง โชคดีที่โรงแรมไม่ไกลจาก ที่จอดแวะพักรถเท่าไหร่ คนขับรถและเด็กรถทำหน้าสงสัย เมื่อเธอแจ้งความประสงค์ว่าจะไม่ไปต่อ เธอยอมเสียค่ารถ นั่งมาไม่เท่าไรเลย แต่ช่างเถอะ ดีกว่านั่งคู่ไปกับผู้ชายคนนั้น เขาน่ากลัวมาก และเธอก็ไม่ไว้ใจเขาเลย พรุ่งนี้ค่อยว่ากัน ค่อยโทรบอกย่า พ่อกับแม่คงไม่โทรมาตอนนี้ เสียเวลาไปไม่กี่ชั่วโมง สบายใจกว่า ถึงบ้านย่าช้าไปหนึ่งวันเอง ไม่เป็นไรหรอก
เชิญนายคนนั้นนั่งสบายๆ ไปคนเดียวเถอะ เธอไม่นั่งไปพร้อมเขาหรอก น่ากลัวซะขนาดนั้น นี่ขนาดไม่ได้ยินเสียงเขา ไม่เห็นหน้าตาเขาเต็มตา ยังน่ากลัวขนาดนี้ ถ้าถอดแว่นออก คงน่ากลัวมากกว่าที่เห็นมาก
มีโทรศัพท์และเนตนี่ดีเหลือเกิน หญิงสาวหาโรงแรมที่ใกล้และดูปลอดภัยที่สุดได้ พรุ่งนี้เธอจะนั่งรถตู้ไปหาย่า ช่างเถอะอึดอัดก็ช่างมัน สบายใจ และปลอดภัยกว่า เธอจะไม่เดินทางด้วยรถทัวร์ไกลๆ กลางค่ำกลางคืนแบบนี้อีกเลย สาธุ หญิงสาวยกมือพนม ขออย่าให้ได้เจอสิ่งที่ไม่ดีเลย ใจของเธอหวั่นๆ ชอบกล ไม่ชอบความรู้สึกแบบนี้เลย
นั่งรถตู้ถึงจะอึดอัด แต่เป็นเวลากลางวัน ก็ยังถือว่าปลอดภัย เธอยอมเสียเงินค่าวางกระเป๋าเพิ่มเท่าค่าตั๋ว ไม่ต้องให้ใครมานั่งด้วย เธออยากนั่งคนเดียว ทีแรก พนักงานที่รับจองไม่รับปาก แต่สุดท้ายก็ทนลูกตื้อของเธอไม่ได้ ไม่น่าเอากระเป๋าใบใหญ่มาเลย เป็นภาระจริงๆ ดีที่เธอได้โรงแรมที่มีลิฟท์ ถือว่าปลอดภัยเลยล่ะ ยอมเสียเงินเพื่อความปลอดภัยของตัวเอง
พนักงานรถทัวร์ที่มีหน้าที่เช็คจำนวนผู้โดยสารบนรถ ร้องบอกคนขับว่าคนครบ มีผู้โดยสารผู้หญิงขอลง 1 คน ออกเดินทางต่อได้เลยค่ะ เสียงพนักงานรถทัวร์แจ้งกับคนขับรถ
การันต์ กัมปนารถนรากร กำลังจะสงสัยว่า ผู้หญิงคนนั้นหายไปนานจัง เขาให้พัก 15 นาที หล่อนไปอยู่ตรงไหน เขาเพิ่งรู้จากปากพนักงานบนรถ ว่าหล่อนไม่ไปต่อ ขอลงที่นี่ ยังไม่ถึงครึ่งทางเลย เขารับรู้ได้ว่า หล่อนกลัว และระแวงเขา นี่ถึงขนาดต้องลงรถหนีกันเลยเหรอ น่าหมั่นไส้จริงๆ ขนาดเขาเห็นหน้าเธอไม่ถนัด แต่ก็พอจะรู้ว่า หน้าตาดีมาก เขาจำดวงตาดำขลับคู่นั้นได้ มีแต่ความหวาดระแวง ไม่ไว้ใจใครเลย
ก็ดีเหมือนกัน เขาจะได้นั่งสบายๆ ไม่ต้องรำคาญท่าทางระแวดระวังภัย ของผู้หญิงคนนั้น อะไรจะเวอร์ขนาดนั้น ถึงกับต้องลงรถ ไม่ไปต่อ นี่เขาน่ารังเกียจขนาดนี้เลยเหรอ คิดไปคิดมาเขาก็รู้สึกหมั่นไส้ขึ้นมา นึกโมโหด้วยผู้หญิงคนนั้นด้วย ผู้หญิงบางคน ยังไม่เคยได้พูดคุยกับเขาเลย ก็ให้ท่าเขาแล้ว ไม่เคยพลาดสักราย แล้วเด็กนั่นเป็นใคร กล้ามาแสดงความรังเกียจเขา ถึงเด็กนั่นจะไม่พูดออกมา เขาเห็นอาการ เขาก็รู้แล้ว
บางทีเขาทำอะไร เขาก็ไม่มีเหตุผล เหตุเล็กน้อย เขาก็ทำให้มันใหญ่ขึ้นมาได้ เด็กนั่นจะมาแสดงอาการรังเกียจเขาแบบนี้ไม่ได้
การันต์จ่ายเงินเพิ่มให้เด็กรถเป็น 2 เท่าของค่ารถ แลกกับรายละเอียดของผู้หญิงคนนั้น โชคก็เข้าข้างเขา ได้ห้องพักตรงข้ามกับเด็กนั่น แถมพนักงานประจำรถก็จองรถตู้ให้เขาได้ด้วย แปลกเด็กนั่นไปทำอะไรที่หมู่บ้านเขา ช่างบังเอิญจริงๆ เขาจ่ายให้พนักงานคนนั้นเพิ่มอีกแบบไม่เสียดายเงินเลย หล่อนจัดการให้เขาเรียบร้อยดี
การันต์ตัดสายทิ้ง เขาทำแบบนี้ คนปลายสายก็รู้ว่าธุระด่วนขนาดไหน ก็ห้ามโทรมารอบสอง ใครๆ ก็รู้กิตติศัพท์ของเขาดี มีใครบ้างที่ไม่รู้จักเขา อย่าทำให้เขาโมโห เขากัดไม่ปล่อยแน่ เขารู้ว่าตัวเองใจร้อน เอาแต่ใจตัวเอง อยากได้อะไรก็ต้องได้ แถมบางคนชอบว่าเขาใจร้าย ก็ถ้าใครมารังแกเขาก่อน เขาก็จะใจร้ายตอบ แบบไม่ไว้หน้าเลย แต่ถึงเขานิสัยไม่ดียังไง เขาก็รักครอบครัว พ่อกับแม่เขา ไว้ใจให้เขาทำธุรกิจ แทนท่าน ทั้งสองก็คอยดูอยู่ห่างๆ ในความบ้าระห่ำของเขา เรื่องธุรกิจเขาก็ไม่น้อยหน้าใครเหมือนกัน
ความร้ายของเขา ใครๆ ก็รู้ ทั้งคนที่ทำกิจการค้าร่วมกัน และคนใกล้ชิด เขาไม่ใช่คนขี้เหร่ รูปร่างที่สูงใหญ่ หน้าเข้มๆ จมูกโด่ง ผิวสีแทนเกือบเข้ม แทบไม่เคยมีรอยยิ้ม เวลาปกติเขาไม่ค่อยพูด แต่ถ้าได้ดื่ม ก็ลื่นไหล มีเสน่ห์ ทำให้ทั้งผู้หญิงทั้งรุ่นใหญ่และรุ่นเล็ก ติดเขางอมแงม เขาไม่เคยจริงใจกับใคร ยังไม่พร้อมที่จะมีครอบครัว แต่ก็มีไว้บ้างเวลาที่เขาเกิดอาการเหงาขึ้นมา เขาคิดว่าอายุแค่นี้เอง ยังอยากใช้ชีวิตโสด ทำงาน ดูแลพ่อแม่ และน้องสาวคนเดียวของเขา
การันต์ขึ้นมาดูงานที่กรุงเทพฯ ติดต่อธุระเกี่ยวกับบริษัทฯ ก่อสร้างของเขา ทุกๆ เดือน เขาจะต้องเดินทางขึ้นมา กรุงเทพฯ เป็นประจำ พ่อกับแม่ซื้อคอนโด ไว้ให้เขาอยู่ตั้งแต่สมัยเข้ามาเรียนที่กรุงเทพฯ พอเขาจบ น้องสาวเขาสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ ก็อาศัยอยู่ที่คอนโดนี่ พุดกรองเรียนจบก็กลับใต้ แต่คอนโดก็ยังคงยังอยู่ เอาไว้เวลาที่เขาขึ้นมาธุระที่กรุงเทพฯ เก็บไว้นอนพักผ่อน
ครั้งนี้ก็เช่นกัน หลังจากเลิกประชุมแล้ว เขารีบกลับคอนโด อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ รีบเดินทางมายังสถานีขนส่งสายใต้ ขามาเขามาเครื่องบิน เขาไม่ค่อยชอบขับรถทางไกล จริงๆ ให้ลูกน้องขับรถมาให้ทั้งไป ทั้งกลับก็ได้ แต่ไม่รู้อะไรดลใจ ให้เขาอยากเดินทางด้วยรถทัวร์ ถ้ารู้ว่าจะมาเจอเรื่องกวนใจเขาแบบนี้ เขาคงไม่มาหรอก รำคาญใจจริงๆ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงหงุดหงิดนัก
พื้นฐานบรรพบุรุษเขา เป็นคนใต้โดยแท้ เขาได้นิสัยปู่กับลุงมาเต็มๆ สมัยเป็นหนุ่มวัยรุ่น เขาเกเร กินเหล้าเมายา มีเรื่องชกต่อยกับคนไปทั่ว เพราะความใจร้อนของเขา แต่เรื่องการเรียนเขาไม่เคยเสีย กระทั่งขึ้นไปเรียนที่กรุงเทพฯ ก็ยังติดนิสัยเกเร ไปมีเรื่องให้พ่อกับแม่ต้องตามไปเคลียร์ จนล่าสุดที่เขาเลิกเกเรถาวร เพราะเห็นแม่ร้องไห้ พร่ำบ่น โทษตัวเองว่าเลี้ยงลูกไม่ดี แม่ไม่เคยต่อว่าเขาเลย ที่สำคัญน้องสาวเขาเริ่มโต เลยต้องคิดให้มากขึ้น เป็นผู้ใหญ่มากขึ้น อยากเป็นตัวอย่างที่ดีให้น้อง แต่นิสัยเอาแต่ใจตัวเอง และความใจร้อนเขาก็ยังแก้ไม่หายสักที
“น้ำอบๆๆ” เสียงพุดกรองนี่นา หญิงสาวหันหน้าไปทางเจ้าของเสียง พุดกรองกับคุณป้าอรพิณ น่าจะเพิ่งกลับจากวัด น้ำอบยังร้องไห้และสะอื้นอยู่ สภาพเธอตอนนี้คงน่าสงสารมาก“น้ำอบเป็นอะไร” พุดกรองกางร่มลงมาจากรถ “น้ำอบนี่เลือดนี่ โอ้ยตายแล้ว” พุดกรองร้องเสียงดังแข่งกับฝน เมื่อเห็นเลือดที่แขนของน้ำอบ ที่ขาก็มี ทำไมเป็นแบบนี้ไปได้นะ” ขึ้นรถๆ เร็วตายแล้ว ทำไมเป็นแบบนี้” พุดกรองประคองน้ำอบไปขึ้นรถ ดีที่วันนี้เธอใช้รถกระบะ 4 ประตู“เดี๋ยวก่อนพุดกรอง อบช่วย”“ไม่ต้องแล้ว เดี๋ยวพุดทำเอง” พุดกรองเปิดกระบะท้าย แล้วยกรถจักรยานของน้ำอบขึ้นน้ำอบ ทำไมเป็นแบบนี้ล่ะลูก นางอรพิณจับมือของน้ำอบมากุมไว้ ลูบหลังลูบไหล่ของน้ำอบ เมื่อเห็นเด็กสาวร้องไห้และสะอื้นไม่หยุด นางดึงตัวของน้ำอบเข้ามากอดไว้ นั่งยิ่งทำให้ หญิงสาวสะอื้นจนตัวโยนพุดกรอง เลือดไหลใหญ่แล้วลูก แวะอนามัยก่อนเลย โรงพยาบาลไกลเกินไป นางสั่งลูกสาว“ได้ค่ะแม่ อดทนนิดนะน้ำอบ เลี้ยวข้างหน้านี่ก็ถึงแล้วล่ะ” พุดกรองพยายามบังคับรถท่ามกลา
เขาไม่พอใจหลวงลุง แต่เขาทำอะไรไม่ได้ ยุคสมัยนี้แล้ว ยังงมงายอยู่ได้ เขาไม่อยากโวยวายให้แม่กับหลวงลุงเสียหน้าเฉยๆ เพราะยังไงชาวบ้านแถวนี้ก็นับถือหลวงพ่อกันทั้งนั้น หลวงพ่อที่เป็นลุงของเขา มีชื่อเสียงในเรื่องของการหยั่งรู้ เรื่องราวในอดีต อภินิหาร อะไรประมาณนั้นแต่หลวงลุงไม่ได้แสดง หรืออวดอุตริอะไร มีคนดังมีชื่อเสียงหลายคนที่มาหาหลวงลุง ให้ช่วยแก้ไขปัญหาชีวิตให้ ไม่ใช่ว่าจะช่วยให้ชีวิตดีขึ้น ทันทีทันใด หลวงลุงจะคอยแนะนำให้สวดมนต์ นั่งสมาธิ คิดดีทำดี คนส่วนมากที่ทำตามที่หลวงพ่อบอก ประสบผลสำเร็จ แล้วกลับมาสร้างและบูรณะวัด มากมาย ไม่ว่าจะเป็นศาลาหลังใหม่ เมรุ กุฎิ ห้องน้ำ เงินที่ลูกศิษย์ลูกหาถวายมา ท่านก็ปรับปรุงวัดแต่ถามว่าเขาเชื่อไหม เขารู้สึกเฉยๆ แต่ก็เกรงใจท่านอยู่บ้าง หลายครั้งที่สมัยเขาเป็นหนุ่มน้อย ดวยนิสัยของเขาไม่เคยยอมและลงให้ใคร มีเรื่องตีรันฟันแทง กับคู่อริเป็นประจำ ครั้งนั้น เขาไปต่างถิ่นคนเดียว โดนคู่อริยกพวกไล่ล่า เขาขับรถหนี ด้วยความเร็ว ทำให้รถคว่ำ เขาสลบคาที่ คราวนั้นครอบครัวเขาคิดว่าเขาไม่รอด เขาสลบไปเกือบเดือนมันเหมือนความฝัน เขาเดินเข้าป่าลึก
“ไปหนูน้ำอบ ไปใส่บาตรกันลูก” นางอรพิณ แตะที่แขนของกรรณญาวีร์ ให้ลุกไปใส่บาตร“ค่ะคุณป้า “หญิงสาวลุกขึ้น ถือขันข้าวสวยเพื่อไปใส่บาตร น้ำอบเตินตามนางอรพิณไป และต่อหลังเพื่อรอใส่บาตร น้ำอบเพิ่งสังเกตว่าคนเยอะมาก เธอนั่งข้างหน้า และไม่ได้หันมามองข้างหลังเลย ระหว่างที่ยืนรอใส่บาตรนั้นเอง เสียงผู้หญิงเรียกชื่อน้ำอบ“น้ำอบ น้ำอบใช่ไหม มาวัดด้วยเหรอ ดีจริง “กรรณญาวีร์ หันไปตามเสียงเรียกจากทางด้านหลัง ผู้หญิงคนที่เธอเหยียบเท้าอยู่ในเซเว่นนี่นา จำได้ล่ะ ชื่อพุดกรอง สวยจัง พุดกรองใส่ๆๆชุดคล้ายของน้ำอบเลย แต่เสื้อคนละสี “สวัสดีจ๊ะ พุดกรองมาวัดด้วยเหรอ น้ำอบไม่เห็นเลย ““กรองมารอบสองจ๊ะ เมื่อเช้ามาส่งแม่ แล้วก็กลับไปเปิดร้าน แล้วก็รีบมานี่แหละ”ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ“อ้าว สองสาว รู้จักกันแล้วเหรอลูก” เสียงนางอรพิณ ดังขึ้นๆๆๆๆๆๆๆๆ“ค่ะแม่ เมื่อวานกรองเจอน้ำอบที่เซเว่นค่ะ บังเอิญมาก น้ำอบเหยียบเท้ากรอง เลยได้รู้จักกันค่ะ”“ดีๆ แล้วลูก รู้จักกันไว้ดีแล้ว มาๆ เตรียมใส่บาตรรกันเถอะลูก”ๆๆๆๆ“กรองใส่บาตรกับน้ำอบก็ได้นะ ข้าวน้ำอบเต็มขันเยอะมากเลย”“ได้เลย ขอบใจนะน้ำอบ “สองสาวใส่บาตรข้าวสวยด้วยกัน เสร็จแล้วก็
น้ำอบชอบอากาศตอนเช้าที่นี่จังเลย เงียบ มีแต่เสียงนก สายลมเย็นพัดผ่านปะทะตัว หอมดอกการเวกลอยมาจากซุ้มหน้าบ้าน ห้องนอนของน้ำอบอยู่ฝั่งติดประตูหน้าบ้าน เปิดหน้าต่างปุ๊ป ได้กลิ่นหอมชื่นใจมาก ทำให้เช้านี้สดชื่น ตื่นตัวดีจัง บ่ายนี้คาดว่าฝนตกอีกแน่ๆหญิงสาวลุกตั้งแต่ตีห้า ปู่กับย่าน่าจะยังไม่ตื่น เธอรีบหุงข้าว ทำกับข้าว แบ่งไว้ให้ปู่กับย่า สำหรับมื้อเช้า และกลางวัน เธอตั้งใจว่าหลังจากเสร็จจากถวายข้าวพระเสร็จแล้วจะกวาดลานวัด และล้างห้องน้ำต่อ กว่าจะกลับก็คงบ่ายๆ วันนี้น้ำอบทำกับข้าวสามอย่าง แบ่งไปวัด ข้าวสวย แกง ขนมหวาน น้ำเปล่า ธูป เทียน ดอกไม้ จัดเตรียมลงตะกร้าหวายใบย่อมขนาดกำลังดีหลังจากเตรียมของเสร็จ หญิงสาวรีบอาบน้ำแต่งตัว วันนี้เธอเลือกใส่ผ้าถุงปาเต๊ะที่ตัดเป็นผ้าถุงสำเร็จ ยาวถึงตาตุ่ม ใส่เสื้อลูกไม้สีครีม แบบเรียบแต่ไม่เชย เข้ารูปแขนสั้น ที่ซื้อมาจากตลาดเมื่อวาน ปล่อยผมยาวตามธรรมชาติ น้ำอบสูง 175 สำหรับผู้หญิงไทยคือสูง ผอม แต่หุ่นดี มีหน้าอก มีเอว สะโพกผาย เธอรู้ว่าตัวเอง รูปร่างหน้าตาดี เลยไม่ค่อยชอบแต่งตัวเท่าไร ปล่อยตามธรรมชาติ จะแต่งหน้าแต่งตัว ก็เฉพาะงานสำคัญเท่า
เหมือนฝนจะตกเลย อากาศที่นี่ไม่น่าไว้ใจเหมือนที่ย่าว่าไว้ เมฆสีดำลอยอยู่ข้างหน้า น้ำอบกะว่าไม่น่าจะรอดแน่ๆ เธอปั่นจักรยานออกจากตลาดมาเรื่อยๆ อีกไม่เกิน 2 กิโลเมตรก็ถึงบ้าน หาที่หลบฝนดีกว่า น้ำอบแวะร้านกาแฟข้างทาง เมื่อตอนที่เธอปั่นจักรยานไปตลาด ร้านกาแฟจะอยู่ขวามือ กินกาแฟเวลานี้ก็คงไม่เป็นไรหรอก เพิ่งจากบ่ายโมงกว่าๆ เธอหลับง่ายอยู่แล้ว ไม่น่ามีปัญหาอะไร ได้หลบฝนด้วยดีที่เธอแวะไปที่ร้านซ่อมรถ ตามที่ปู่สั่ง มัวแต่ซื้อของเพลิน เกือบลืมไปเลย วันหลังต้องวางแผนให้ดีกว่านี้ ถ้าอีก 1 ชัวโมงฝนยังไม่ซา เธอคิดว่าจะใส่เสื้อกันฝน ปั่นจักรยานฝ่าฝนไป“สวัสดีครับ ยินดีต้อนรับ เชิญเข้ามาก่อนครับ ฝนจะตกแล้ว เอาจักรยานเข้ามาจอดใต้หลังคาได้นะครับ เดี๋ยวจะเปียก”เด็กหนุ่มหน้าตาคมเข้มทีเดียว เปิดประตูให้เธอ“จอดได้เหรอคะ ขอบคุณมากค่ะ น้ำอบออกไปเข็นจักรยานขึ้นมาจอดใต้หลังคา ตามคำเชิญของคนในร้าน เดาเอาว่าน่าจะเป็นเจ้าของร้าน”“นั่งตามสบายนะครับ วันนี้ฝนมาเร็ว แต่ตกไม่นานหรอกครับ เดี๋ยวก็หยุด”“ขอเอสเปรสโซ่เย็นแก้วนึงค่ะ &l
“ใครเหรอคะ พี่การันต์ รู้จักเหรอคะ พุดเห็นพี่มองเขาตั้งแต่เขาเข้ามาในร้านแล้ว มีอะไรหรือเปล่าคะ” พุดกรอง ถามพี่ชาย เมื่อเห็นเขาจ้องมองผู้หญิงชุดยีนใส่รองเท้าแตะหูหนีบนันยาง รูปร่างสูง ผมยาว หน้าสวย เสียแต่ดูหน้านิ่งไปหน่อย อาการที่ไม่สนใจใครเลย ทำให้ดูก็รู้ว่าเป็นคนไม่ค่อยยุ่งกับใคร ผู้หญิงคนนี้รูปร่างดี มือเท้าเรียวสวย ไม่แต่งหน้าเลย จะว่าไม่แต่งก็ไม่ได้ เธอทาลิปสติกสีน้ำตาล สวยมาก แต่ถ้าที่ครุ่นคิด จ้องโทรศัพท์นั่น ดูครุ่นคิดกังวลจัง“เปล่า ไม่รู้จัก” เสียงห้วนๆ ตอบกลับมา“อ้าว เหรอคะ เห็นจ้องเอาๆ นึกว่ารู้จัก” พุดกรอง บ่นเบาๆ แล้วก้มหน้ากินก๋วยเตี๋ยวของเธอต่อไป เธอตามอารมณ์พี่ชายไม่ค่อยทัน เขาอารมณ์ร้อน ใจร้อน เอาแต่ใจ แต่เขาก็เป็นพี่ที่ดี ปกป้องเธอ และทุกคนที่บ้านได้ ไม่ว่าจะเรื่องอะไร ทีแรกเธอคิดว่าผู้หญิงคนนั้น เป็นคนของพี่ชายเธอเสียอีก ดูหน้าตาน่าจะรุ่นเดียวกับเธอ พี่น้องกันคงไม่เกิน 2 ปี ลูกบ้านไหนนะ ไม่น่าจะใช่คนแถวนี้ ดูจากลักษณะ ผิวพรรณ ท่าทางสบายๆ ช้าๆ เนิบๆ สะดุดตาทีเดียวดูจากท่าทางพี่การันต์แล้วเหมือนไม่ค่อยชอบผ