กรรณญาวีร์ ตื่นแต่เช้า รีบอาบน้ำแต่งตัว โรงแรมที่นี่สมราคา สะอาดใช้ได้ หญิงสาว แวะไปกินข้าวที่ห้องอาหารของโรงแรม เสร็จแล้วขึ้นมาเข้าห้องน้ำ ขนของลงไปเช็คเอาท์ข้างล่าง เธอนัดให้รถตู้มารับที่หน้าโรงแรม อยากถึงบ้านย่าเร็วๆ แล้ว พ่อกับแม่ยังไม่โทรมา อาจจะยังยุ่งอยู่กับหลานคนแรก ดีเหมือนกัน ถ้าพ่อกับแม่โทรมาถาม ว่าทำไมยังไม่ถึงบ้านย่า เธอก็ไม่แน่ใจว่าพ่อกับแม่จะเชื่อสิ่งที่เธอจะเล่าให้ฟังไหม หญิงสาวเดาได้เลยว่า พ่อกับแม่ต้องหาว่าเธอเหลวไหล
กรรณญาวีร์ รู้สึกกังวลใจยังไงชอบกล เธอไม่ชอบอาการแบบนี้เลย มันเหมือนกับจะมีการเปลี่ยนแปลงอะไรสักอย่าง เหมือนกับทุกครั้งที่ผ่านมา และก็ไม่เคยพลาด เป็นอย่างที่เธอสังหรณ์ใจทุกครั้ง สาธุ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม ขอให้เป็นเรื่องดีด้วยเถิด หญิงสาวยกมือท่วมหัว อย่าให้เกิดเรื่องร้ายเลย ไม่ว่ากับใครก็ตาม
รถตู้มาตรงเวลามาก ดีเธออยากถึงบ้านย่าเร็วๆ
“คุณครับ กระเป๋าวางผมจะวางที่เบาะหลังสุดนะครับ ข้างหลังมันค่อนข้างเด้ง วางกระเป๋าดีกว่า ส่วนเก้าอี้ข้าง ๆ ก็ให้ผู้โดยสารนั่งนะครับ นี่ครับผมคืนค่าที่นั่ง 1 ที่ ไม่เก็บค่าวางกระเป๋าครับ “
คนขับรถมารับกระเป๋าของเธอไปวางไว้ที่เบาะหลังสุด ซึ่งก็มีกระเป๋าของผู้โดยสารคนอื่นวางอยู่ก่อนแล้ว บนรถมีที่นั่งว่างเหลืออยู่ 2 ที่ แสดงว่ามีผู้โดยสารอีกคน หญิงสาวเลือกที่จะนั่งติดหน้าต่าง เอาเถอะถึงรถจะคันเล็กกว่ารถทัวร์ ก็ยังดีเสียกว่านั่งไปกับผู้ชายคนนั้นตลอดทาง
ฝนเริ่มลงเม็ดแล้ว ฤดูฝนซินะ ภาคใต้นี่ฝนตกดีจริงๆ คิดๆ แล้วก็เป็นห่วงย่า ไม่เกินบ่ายๆ เธอคงจะถึง หญิงสาวหลับตา เมื่อคืนหลับก็จริง แต่ก็ไม่สนิทนัก เพราะแปลกที่ อีกอย่างเธอนอนคนเดียวด้วย คิดว่าปลอดภัยแค่ไหน ก็ยังระแวงอยู่ดี หญิงสาวไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่า ทำไมถึงทำแบบนี้ ถ้าเธออดทนนั่งรถไปจนถึงที่หมาย คงไม่เกิดเหตุการณ์หลายอย่างตามมา
กรรณญาวีร์กำลังเคลิ้มๆ ก็รู้สึกว่าเบาะข้างๆ มีคนมานั่ง สักพักรถก็เคลื่อนตัวออก แต่เธอไม่ไหวแล้ว อยู่ๆ ก็ง่วงขึ้นมาซะงั้น เธอเอียงหัวไปพิงกับฝั่งหน้าต่าง หญิงสาวมีหมอนรองคอ ไม่นานก็หลับ ลืมไปเลยว่าจะลืมตาดูคนข้างๆ ว่าเป็นผู้หญิงผู้ชาย ช่างเถอะจะเป็นใครก็ช่าง เธอสบายใจแล้ว หลับต่อดีกว่า
เกือบหนึ่งชั่วโมง บนรถตู้ กรรณญาวีร์สะดุ้งตื่นเมื่อรู้สึกว่ารถจอดเติมน้ำมัน ไม่นานก็หลับต่อ
กรรณญาวีร์ตื่น เมื่อรถจอดสถานีสุดท้าย เพื่อให้ผู้โดยสารลงไปเข้าห้องน้ำ ทำธุระส่วนตัว หญิงสาวค่อยๆ ลืมตา ตรงหน้าเธอคือแขนของคนที่นั่งข้างๆ เสื้อยีนต์แขนยาวทำไมคุ้นจัง หญิงสาวหลับตาอีกครั้งและลืมตา รู้สึกแปลกๆ กรรณญาวีร์ หันมามองคนที่นั่งข้างๆ เต็มตา หญิงสาวกระพริบตาถี่ๆ อย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง ทำไมผู้โดยสารคนนี้ ช่างมีลักษณะท่าทางคล้ายกับผู้ชายคนที่อยู่รถทัวร์โดยสารเมื่อคืน
เขาหันมาจ้องตอบเธอ สายตาใต้แว่นนั้น เห็นแว๊บเดียว หญิงสาวต้องรีบหลบ เธอยังไม่ได้ดูด้วยซ้ำว่า เขาหน้าตาเป็นยังไง แต่ดูจากเสื้อและกางเกงที่เขาใส่ แว่นนั้น หมวก รองเท้า ใช่แน่ๆ หญิงสาวใจเต้นแรง นี่อย่าบอกนะว่าเป็นเขาที่มานั่งข้างๆ เธอตั้งแต่รถตู้ออกเดินทาง จนอีกไม่กี่กิโลเมตร ก็จะถึงบ้านย่าของเธอแล้ว
กรรณญาวีร์ ขยับนั่งตัวลีบ เธอขยับร่างเข้าติดฝั่งหน้าต่าง ถึงรู้ว่าขยับไม่ได้แล้ว แต่เธอก็ยังอุตสาห์ขยับ รถตู้ไม่มีที่รองแขน เหมือนรถทัวร์ ถ้ามีที่รองแขน เธอยังรู้สึกว่ามีสิ่งกั้นขวางไว้ แต่นี่โล่งมาก เหมือนคนตัวใหญ่จะรู้ เขาเหมือนแกล้ง เขาขยับขามาเกือบชิดกับขาของเธอ นั่นทำให้หญิงสาวสะดุ้งสุดตัว กรรณญวีร์จำต้องหลับตาลงอีกครั้ง จะได้ไม่เห็นเขา รถตู้เรื่มเคลื่อนออกเดินทางอีกครั้ง หญิงสาวเภาวนาอยากให้ถึงบ้านย่าเร็วๆ อีกไม่ถึง 50 กิโลเมตร แค่นั้นเอง แต่สำหรับเธอ ทำไมมันช่างยาวนานจังเลย ถึงหลับตาอยู่เธอก็ยังรู้สึกว่า ผู้ชายคนข้าง ๆ มองเธออยู่ นี่โรคจิตรึเปล่านะ อะไรมันจะบังเอิญขนาดนี้
เธอลืมตาขึ้นมาดูจีพีเอส จากโทรศัพท์ของตัวเอง และหลับตาลงอีกครั้ง ใจยังเต้นแรง เขามาได้ยังไง แล้วเขาจะไปไหน เธอบอกพนักงานรถทัวร์อย่างเงียบๆ แล้วนี่นา หรืออาจจะเป็นการบังเอิญ หญิงสาวคิดวนไปวนมา รู้สึกปวดหัวตึ๊บขึ้นมาทันที
การันต์ ซะใจไม่น้อย เมื่อเห็นหน้าตาของเด็กนั่น คงไม่คิดซินะว่า เขาจะโผล่มานั่งใกล้ๆ แถมได้นั่งติดกันอีกต่างหาก เขาก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน ทำไมเขาถึงอยากจะเอาชนะเด็กนี่นัก หน้าตาก็ดูสวยดี ถึงจะไม่ได้แต่งหน้าก็ตาม ดูก็รู้ว่ารูปร่างดีมาก เขานั่งมองหญิงสาวตลอดเวลาที่อยู่ในห้องอาหารของโรงแรม เสน่ห์ก็ไม่มี จริตจก้านก็ไม่มี ดูทื่อๆ ท่าทางจะชอบสันโดษ ยังไงเขาก็รู้สึกหมั่นไส้อยู่ดี เห็นหน้าสวยนั่นแล้วรำคาญตาจริงๆ
ไหนจะท่าทางระวังตัว ที่ขยับหนีเขาอีก มีแต่คนอยากจะเข้าหาเขา เด็กนี่เป็นใครกัน กล้าแสดงท่าทางรังเกียจเขา อย่างออกนอกหน้า อาการที่มองเลยเขาไป เหมือนเขาไม่มีตัวตน ขัดใจกับท่าทางแบบนี้นัก เสียมารยาท เขากับเด็กนี่ก็ไม่ได้รู้จักกันสักหน่อย แค่นั่งใกล้แค่นี้ ถึงกับออกอาการรังเกียจ ย้ายรถหนีเขา คิดเหรอว่าจะหนีเขาพ้น
คนอื่นอาจจะปล่อยเลยตามเลย แต่ไม่ใช่เขาแน่ๆ เป็นแค่ผู้หญิงตัวเล็กๆ มาทำกับเขาแบบนี้ได้ยังไงกัน มันไม่จบแค่นี้หรอก การันต์รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาอีก เมื่อเห็นคนข้าง ๆ นั่งหลับตา หันหน้าออกไปข้างทาง เขาเพิ่งสังเกตว่า ผมของเธอยาวและหนามาก เขาจะคอยดูว่าหล่อนจะลงตรงไหน ทั้งๆ ที่เลยบ้านเขาแล้ว แต่การันต์ไม่ยอมลง จนคนขับรถขับต่อไปเรื่อยๆ ไปต่ออีก 10 กิโลเมตร รถตู้ก็จอดเพื่อส่งผู้โดยสารอีกครั้ง คนข้างๆ เขาขยับตัว เตรียมกระเป๋าเป้
“ขอโทษนะคะ ขอทางหน่อยค่ะ” กรรณญาวีร์ ลุกขึ้นยืนเพื่อเตรียมตัวลง แต่ขาของคนที่นั่งข้างๆ ไม่ยอมหลบให้เธอ เขานั่งเหยียดขาแบบสบายใจ หรือว่าเขาหลับ ไม่นะ หญิงสาวไม่กล้ามองหน้าเขา “คุณคะ ขอทางหน่อยค่ะ ฉันจะลง” เงียบ กรรณญาวีร์หันไปทางคนขับรถ
“คุณครับ คุณหลับรึเปล่าครับ ช่วยหลีกทางให้คุณผู้หญิงหน่อยครับ” เสียงคนขับรถตะโกนมาจากด้านหลัง เขาเดินมาเปิดท้ายรถ เพื่อยกกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ให้หญิงสาว
“คุณคะ หลับหรือเปล่าคะ ฉันขอทางหน่อยค่ะ” กรรณญาวีร์ตัดสินใจ ใช้มือแตะที่แขนของเขาเผื่อเขาหลับ ได้ผลเขาหลีกทางให้เธอ
“ขอบคุณมากค่ะ” เสียงหญิงสาวถอนหายใจเสียงดัง ก่อนที่จะก้าวขาลงไปจากรถตู้
การันต์หันไปมองกรรณญาวีร์ จนลับตา นี่เด็กนั่นเป็นอะไรกับบ้านหลังนั้น เขารู้มาว่า ลูกของพ่อเฒ่ากับแม่เฒ่า ไปอยู่กรุงเทพฯ นี่นา อีกคนน่าจะไปอยู่ที่ปัตตานี และเด็กนั่นเป็นลูกของใครกัน ต้องเป็นลูกหลานบ้านนั้นแน่ ไม่งั้นจะมาที่บ้านนั้นได้ยังไง การันต์เหยียดยิ้มที่มุมปาก สนุกแน่ อย่าให้เขาได้เจอล่ะกัน เจอดีอีกแน่ๆ หน้าสวยนั่นลอยมาในหัวเขา ยิ่งทำให้เขาหงุดหงิดใจ นี่ถ้าเป็นผู้ชาย เขาไม่รอหรอก ชวนตีแน่นอน โทษฐานทำให้เขาหงุดหงิดใจ
การันต์โทรหาลูกน้อง ให้มารับเขายังที่นัดไว้ เขาต้องนั่งรถย้อนกลับบ้าน ผ่านบ้านหลังใหญ่ ที่ปลูกอยู่ในร่มไม้หลากหลายอย่าง ดูร่มรื่น เขารู้ว่าบ้านนี้อยู่กันเพียงลำพังสองคน เคยคิดเหมือนกันว่าลูกหลานไปอยู่ที่ไหนกันเสียหมด ไม่มาอยู่ดูแลคนแก่ทั้งสอง แม่เฒ่า เขาเคยเห็นที่วัดบ่อยครั้ง รู้จักมักคุ้นกับแม่ของเขา แต่ก็ไม่ได้สนิทกันมากนัก พ่อเฒ่ากับแม่เฒ่าเป็นข้าราชการเกษียรณ อยู่กันแบบสมถะ เรียบง่าย ทำสวนพอให้ได้ออกกำลังกาย รู้สึกว่ามีที่ทางมากพอสมควร แมเฒ่าชอบไปวัด บางครั้งพ่อเฒ่าก็จะขับรถไปส่ง บางทีแม่เฒ่าก็ไปคนเดียว ตักบาตรรพระทุกเช้า เขาเห็นบ่อยๆ เวลาขับรถผ่านหน้าบ้าน
ไม่ยากเลย ได้เจอกันแน่แม่สาวน้อย การันต์ยิ้มที่มุมปาก นึกหมั่นไส้และสนุกขี้นมาทันที
เขาไม่พอใจหลวงลุง แต่เขาทำอะไรไม่ได้ ยุคสมัยนี้แล้ว ยังงมงายอยู่ได้ เขาไม่อยากโวยวายให้แม่กับหลวงลุงเสียหน้าเฉยๆ เพราะยังไงชาวบ้านแถวนี้ก็นับถือหลวงพ่อกันทั้งนั้น หลวงพ่อที่เป็นลุงของเขา มีชื่อเสียงในเรื่องของการหยั่งรู้ เรื่องราวในอดีต อภินิหาร อะไรประมาณนั้นแต่หลวงลุงไม่ได้แสดง หรืออวดอุตริอะไร มีคนดังมีชื่อเสียงหลายคนที่มาหาหลวงลุง ให้ช่วยแก้ไขปัญหาชีวิตให้ ไม่ใช่ว่าจะช่วยให้ชีวิตดีขึ้น ทันทีทันใด หลวงลุงจะคอยแนะนำให้สวดมนต์ นั่งสมาธิ คิดดีทำดี คนส่วนมากที่ทำตามที่หลวงพ่อบอก ประสบผลสำเร็จ แล้วกลับมาสร้างและบูรณะวัด มากมาย ไม่ว่าจะเป็นศาลาหลังใหม่ เมรุ กุฎิ ห้องน้ำ เงินที่ลูกศิษย์ลูกหาถวายมา ท่านก็ปรับปรุงวัดแต่ถามว่าเขาเชื่อไหม เขารู้สึกเฉยๆ แต่ก็เกรงใจท่านอยู่บ้าง หลายครั้งที่สมัยเขาเป็นหนุ่มน้อย ดวยนิสัยของเขาไม่เคยยอมและลงให้ใคร มีเรื่องตีรันฟันแทง กับคู่อริเป็นประจำ ครั้งนั้น เขาไปต่างถิ่นคนเดียว โดนคู่อริยกพวกไล่ล่า เขาขับรถหนี ด้วยความเร็ว ทำให้รถคว่ำ เขาสลบคาที่ คราวนั้นครอบครัวเขาคิดว่าเขาไม่รอด เขาสลบไปเกือบเดือนมันเหมือนความฝัน เขาเดินเข้าป่าลึก
“ไปหนูน้ำอบ ไปใส่บาตรกันลูก” นางอรพิณ แตะที่แขนของกรรณญาวีร์ ให้ลุกไปใส่บาตร“ค่ะคุณป้า “หญิงสาวลุกขึ้น ถือขันข้าวสวยเพื่อไปใส่บาตร น้ำอบเตินตามนางอรพิณไป และต่อหลังเพื่อรอใส่บาตร น้ำอบเพิ่งสังเกตว่าคนเยอะมาก เธอนั่งข้างหน้า และไม่ได้หันมามองข้างหลังเลย ระหว่างที่ยืนรอใส่บาตรนั้นเอง เสียงผู้หญิงเรียกชื่อน้ำอบ“น้ำอบ น้ำอบใช่ไหม มาวัดด้วยเหรอ ดีจริง “กรรณญาวีร์ หันไปตามเสียงเรียกจากทางด้านหลัง ผู้หญิงคนที่เธอเหยียบเท้าอยู่ในเซเว่นนี่นา จำได้ล่ะ ชื่อพุดกรอง สวยจัง พุดกรองใส่ๆๆชุดคล้ายของน้ำอบเลย แต่เสื้อคนละสี “สวัสดีจ๊ะ พุดกรองมาวัดด้วยเหรอ น้ำอบไม่เห็นเลย ““กรองมารอบสองจ๊ะ เมื่อเช้ามาส่งแม่ แล้วก็กลับไปเปิดร้าน แล้วก็รีบมานี่แหละ”ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ“อ้าว สองสาว รู้จักกันแล้วเหรอลูก” เสียงนางอรพิณ ดังขึ้นๆๆๆๆๆๆๆๆ“ค่ะแม่ เมื่อวานกรองเจอน้ำอบที่เซเว่นค่ะ บังเอิญมาก น้ำอบเหยียบเท้ากรอง เลยได้รู้จักกันค่ะ”“ดีๆ แล้วลูก รู้จักกันไว้ดีแล้ว มาๆ เตรียมใส่บาตรรกันเถอะลูก”ๆๆๆๆ“กรองใส่บาตรกับน้ำอบก็ได้นะ ข้าวน้ำอบเต็มขันเยอะมากเลย”“ได้เลย ขอบใจนะน้ำอบ “สองสาวใส่บาตรข้าวสวยด้วยกัน เสร็จแล้วก็
น้ำอบชอบอากาศตอนเช้าที่นี่จังเลย เงียบ มีแต่เสียงนก สายลมเย็นพัดผ่านปะทะตัว หอมดอกการเวกลอยมาจากซุ้มหน้าบ้าน ห้องนอนของน้ำอบอยู่ฝั่งติดประตูหน้าบ้าน เปิดหน้าต่างปุ๊ป ได้กลิ่นหอมชื่นใจมาก ทำให้เช้านี้สดชื่น ตื่นตัวดีจัง บ่ายนี้คาดว่าฝนตกอีกแน่ๆหญิงสาวลุกตั้งแต่ตีห้า ปู่กับย่าน่าจะยังไม่ตื่น เธอรีบหุงข้าว ทำกับข้าว แบ่งไว้ให้ปู่กับย่า สำหรับมื้อเช้า และกลางวัน เธอตั้งใจว่าหลังจากเสร็จจากถวายข้าวพระเสร็จแล้วจะกวาดลานวัด และล้างห้องน้ำต่อ กว่าจะกลับก็คงบ่ายๆ วันนี้น้ำอบทำกับข้าวสามอย่าง แบ่งไปวัด ข้าวสวย แกง ขนมหวาน น้ำเปล่า ธูป เทียน ดอกไม้ จัดเตรียมลงตะกร้าหวายใบย่อมขนาดกำลังดีหลังจากเตรียมของเสร็จ หญิงสาวรีบอาบน้ำแต่งตัว วันนี้เธอเลือกใส่ผ้าถุงปาเต๊ะที่ตัดเป็นผ้าถุงสำเร็จ ยาวถึงตาตุ่ม ใส่เสื้อลูกไม้สีครีม แบบเรียบแต่ไม่เชย เข้ารูปแขนสั้น ที่ซื้อมาจากตลาดเมื่อวาน ปล่อยผมยาวตามธรรมชาติ น้ำอบสูง 175 สำหรับผู้หญิงไทยคือสูง ผอม แต่หุ่นดี มีหน้าอก มีเอว สะโพกผาย เธอรู้ว่าตัวเอง รูปร่างหน้าตาดี เลยไม่ค่อยชอบแต่งตัวเท่าไร ปล่อยตามธรรมชาติ จะแต่งหน้าแต่งตัว ก็เฉพาะงานสำคัญเท่า
เหมือนฝนจะตกเลย อากาศที่นี่ไม่น่าไว้ใจเหมือนที่ย่าว่าไว้ เมฆสีดำลอยอยู่ข้างหน้า น้ำอบกะว่าไม่น่าจะรอดแน่ๆ เธอปั่นจักรยานออกจากตลาดมาเรื่อยๆ อีกไม่เกิน 2 กิโลเมตรก็ถึงบ้าน หาที่หลบฝนดีกว่า น้ำอบแวะร้านกาแฟข้างทาง เมื่อตอนที่เธอปั่นจักรยานไปตลาด ร้านกาแฟจะอยู่ขวามือ กินกาแฟเวลานี้ก็คงไม่เป็นไรหรอก เพิ่งจากบ่ายโมงกว่าๆ เธอหลับง่ายอยู่แล้ว ไม่น่ามีปัญหาอะไร ได้หลบฝนด้วยดีที่เธอแวะไปที่ร้านซ่อมรถ ตามที่ปู่สั่ง มัวแต่ซื้อของเพลิน เกือบลืมไปเลย วันหลังต้องวางแผนให้ดีกว่านี้ ถ้าอีก 1 ชัวโมงฝนยังไม่ซา เธอคิดว่าจะใส่เสื้อกันฝน ปั่นจักรยานฝ่าฝนไป“สวัสดีครับ ยินดีต้อนรับ เชิญเข้ามาก่อนครับ ฝนจะตกแล้ว เอาจักรยานเข้ามาจอดใต้หลังคาได้นะครับ เดี๋ยวจะเปียก”เด็กหนุ่มหน้าตาคมเข้มทีเดียว เปิดประตูให้เธอ“จอดได้เหรอคะ ขอบคุณมากค่ะ น้ำอบออกไปเข็นจักรยานขึ้นมาจอดใต้หลังคา ตามคำเชิญของคนในร้าน เดาเอาว่าน่าจะเป็นเจ้าของร้าน”“นั่งตามสบายนะครับ วันนี้ฝนมาเร็ว แต่ตกไม่นานหรอกครับ เดี๋ยวก็หยุด”“ขอเอสเปรสโซ่เย็นแก้วนึงค่ะ &l
“ใครเหรอคะ พี่การันต์ รู้จักเหรอคะ พุดเห็นพี่มองเขาตั้งแต่เขาเข้ามาในร้านแล้ว มีอะไรหรือเปล่าคะ” พุดกรอง ถามพี่ชาย เมื่อเห็นเขาจ้องมองผู้หญิงชุดยีนใส่รองเท้าแตะหูหนีบนันยาง รูปร่างสูง ผมยาว หน้าสวย เสียแต่ดูหน้านิ่งไปหน่อย อาการที่ไม่สนใจใครเลย ทำให้ดูก็รู้ว่าเป็นคนไม่ค่อยยุ่งกับใคร ผู้หญิงคนนี้รูปร่างดี มือเท้าเรียวสวย ไม่แต่งหน้าเลย จะว่าไม่แต่งก็ไม่ได้ เธอทาลิปสติกสีน้ำตาล สวยมาก แต่ถ้าที่ครุ่นคิด จ้องโทรศัพท์นั่น ดูครุ่นคิดกังวลจัง“เปล่า ไม่รู้จัก” เสียงห้วนๆ ตอบกลับมา“อ้าว เหรอคะ เห็นจ้องเอาๆ นึกว่ารู้จัก” พุดกรอง บ่นเบาๆ แล้วก้มหน้ากินก๋วยเตี๋ยวของเธอต่อไป เธอตามอารมณ์พี่ชายไม่ค่อยทัน เขาอารมณ์ร้อน ใจร้อน เอาแต่ใจ แต่เขาก็เป็นพี่ที่ดี ปกป้องเธอ และทุกคนที่บ้านได้ ไม่ว่าจะเรื่องอะไร ทีแรกเธอคิดว่าผู้หญิงคนนั้น เป็นคนของพี่ชายเธอเสียอีก ดูหน้าตาน่าจะรุ่นเดียวกับเธอ พี่น้องกันคงไม่เกิน 2 ปี ลูกบ้านไหนนะ ไม่น่าจะใช่คนแถวนี้ ดูจากลักษณะ ผิวพรรณ ท่าทางสบายๆ ช้าๆ เนิบๆ สะดุดตาทีเดียวดูจากท่าทางพี่การันต์แล้วเหมือนไม่ค่อยชอบผ
เสียงนกร้อง ดังมาจากด้านนอกหน้าต่าง เช้าแล้วเหรอเนี้ย น้ำอบลืมตาขึ้น หญิงสาวหันมามองย่าที่นอนข้าง ย่ายังไม่ตื่น น้ำอบลุกขึ้นลงจากเตียงเดินไปเปิดหน้าต่าง แค่เปิดหน้าต่าง ลมเย็นก็พัดเข้ามาปะทะร่างของน้ำอบ หน้าต่างบ้านย่ามีเหล็กดัดขนาดใหญ่มาก ไม่ได้ทำเป็นแบบสวยงาม เป็นเหล็กดัดแบบโบราณ คือใช้เหล็กกลมยาว เรียงกันถี่ๆ เหมือนกั้นรั้วบ้าน แค่นั้นเอง ซึ่งมันจะแข็งแรงมากๆ“เป็นไงหลาน ลมเย็นดีไหม” เสียงย่าดังมาจากด้านหลัง“น้ำอบหันมาตามเสียง ย่าขาน้ำอบทำย่าตื่นไหมคะ”“ไม่หรอกลูก ปกติย่าก็ตื่นเวลานี้แหละน้ำอบพาย่าเข้าห้องน้ำ เตรียมเสื้อผ้า ย่าแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว หญิงสาวปลีกตัวไปเตรียมอาหาร เสร็จแล้วยกสำรับมาให้ปู่กับย่า สามคนกินข้าวเช้า พร้อมหน้ากัน น้ำอบชอบแบบนี้ เธอรู้สึกว่าอบอุ่นมากที่สุด มันเป็นชีวิตที่เธอโหยหาตลอด ไม่มีที่ไหนอบอุ่นและเย็นใจเท่าบ้านหลังนี้อีกแล้ว เธอคุ้นเคยกว่าบ้านพ่อแม่ของตัวเองเสียอีก“น้ำอบจะไปตลาดยังไงล่ะลูก ปั่นจักรยานไหวไหม “ปู่เปลวหันมาถามหลานสาว“ไหวค่ะปู่ น้ำอบว่าจะไปดูที่ตล