เข้าสู่ระบบต่างก็รู้สึกผิดอยู่ในใจด้วยกันทั้งคู่ รับรู้ได้จากทุกครั้งที่มองตากัน
“พรุ่งนี้ก็ต้องไปอีกแล้ว”
เดลรำพึงเบาๆ บ่นถึงงานใหม่ที่เพิ่งตกลงรับเอาไว้ สีหน้าละล้าละลังเหมือนอยากค้างคืนกับเธอ ทั้งที่เคยขอหลายครั้ง แต่โซเฟียก็ปฏิเสธทุกครั้ง
“ผมค้างคืนที่นี้ได้ไหม” เดลยังไม่ละความพยายาม ลองดูอีกครั้ง แววตาของเขาดูเว้าวอนจนเธอแทบใจอ่อน แต่สุดท้ายเธอก็ใจแข็งเหมือนทุกครั้ง
“อย่าเลยเดล...กลับไปเยี่ยมพ่อแม่คุณเถอะ นานๆจะได้เจอกัน” โซเฟียกล่าวด้วยความเข้าใจ ในความรู้สึกของคนรอ ทั้งที่ลึกๆในใจ เธออยากรั้งเขาเอาไว้ใจจะขาด เธอรู้ว่าพ่อแม่ของเดลอยู่ในวัยชรามาก อาศัยอยู่อีกเมือง ในฟาร์มเล็กๆแห่งหนึ่ง เลี้ยงชีพด้วยพืชผักที่พอจะหาได้จากฟาร์ม มีความจนเป็นมรดกตกทอดมาถึงเดลซึ่งเป็นลูกชายคนเดียวทว่าในความเป็นคนจนนั้น เดลก็ได้ศักดิ์ศรีความเป็นคนสู้ชีวิตมาจากพ่อ ไม่เคยสยบยอมให้กับความข้นแค้นของชีวิต กระเสือกกระสนทุกทาง กับอุปสรรคที่ชีวิตกำลังถูกทดสอบ
โซเฟียชอบในความมีน้ำอดน้ำทนของเดล เธอไม่เคยเห็นอุปนิสัยแบบนี้ในตัวของคีธผู้เป็นสามี เดลต่างจากคีธที่เขาไม่เคยเก็บเอาสายตาระทดท้อมาให้เธอเห็น เดลไม่เคยแสดงความอ่อนแอต่อหน้าเธอ ต่างจากคีธที่เคยคิดสั้นฆ่าตัวตายหลายๆครั้ง เมื่อตอนที่ฟาร์มแกะประสบปัญหาโรคระบาด ขาดทุนจนหมดเนื้อหมดตัว จากนั้นคีธก็หันไปประชดชีวิตด้วยเหล้า เข้าบ่อนจนกลายเป็นผีพนันไปในที่สุด
เดลขยับบุหรี่ที่คีบคาอยู่หว่างนิ้วขึ้นสูบ พ่นควันสีขาวจาง พวยพุ่งออกมาช้าๆ จากนั้นก็ควักเงินในกระเป๋าเสื้อ แบ่งออกมาให้โซเฟียส่วนหนึ่ง
“ค่าอะไรหรือเดล?” โซเฟียขมวดคิ้ว มองเงินจำนวนไม่มากที่เดลต้องแลกมาด้วยหยาดเหงื่อแรงงานมหาศาล “รับไว้เถอะ...” เดลตอบเพียงสั้นๆ แค่นด้วยแววตาจริงใจโซเฟียส่ายหน้า จะรับได้อย่างไร…เงินนั่นล้วนแลกมาด้วยการเดินทางเสี่ยงภัยตลอดสามเดือนของเขา ที่ต้อนฝูงวัวข้ามหุบเขาเพื่อไปให้ถึงคิมเบอร์เลย์
“ไม่…เดล ฉันรับไม่ได้” เธอหาเหตุผลที่จะไม่รับความช่วยเหลือจากเขา
“รับเอาไว้เถอะ” เดลคะยั้นคะยออีกครั้ง น้ำเสียงบอกว่าเขาไม่ใช่คนอื่น
“ ไม่…เดล ถ้าฉันไม่รับเงินของคุณ...คุณอาจมองเห็นศักดิ์ศรีของฉันบ้าง แม้ทุกวันนี้ศักดิ์ศรีของฉันจะหลงเหลืออยู่น้อยเต็มที แต่ถ้าหากฉันรับเงิน ฉันจะแตกต่างอะไรกับโสเภณี?” เธอกล่าวถึงตัวเอง ซึ่งเดลไม่ชอบให้เธอคิดแบบนั้น “ทุกครั้งที่หลับนอนกัน...ฉันไม่เคยรู้สึกว่าเธอเป็นที่ระบาย ไม่เคยรู้สึกว่าเธอเป็นโสเภณี ฉันไม่เคยคิดจะซื้อร่างกายของเธอด้วยเงิน…และเชื่อว่าเธอเองก็ไม่คิดจะขายร่างกายให้ฉัน” เดลบอกถึงความรู้สึกของเขาที่มีต่อเธอแม้มันจะไม่ถูกนัก ที่ลักลอบมีความสัมพันธ์กับภรรยายของเพื่อน ทว่าเดลก็ไม่เคยคิดจะหลอกลวงโซเฟีย และคีธก็หายไปนาน เดลเคยขอเธอแต่งงานมาแล้วหลายครั้ง แต่โซเฟียก็ปฏิเสธทุกครั้ง เธอให้เหตุผลเพียงสั้นๆว่าเธอควรรอให้คีธกลับมา…หรือไม่ก็ควรแน่ใจว่าเขาจะไม่กลับมา
“ขอนอนค้างที่นี่ได้ไหม” เดลพยายามอีกครั้ง กังวานเสียงทุ้มต่ำของเขาฟังดูอบอุ่น แต่ก็เจือความเศร้า“ไม่ได้...” โซเฟียแทบกลั้นใจตอบ หยิบเงินที่เดลวางเอาไว้ให้ ยัดคืนใส่กระเป๋าเสื้อของเขา
เดลไม่รู้หรอกว่าการที่เธอปฏิเสธเขา มันทำให้เธอต้องปวดใจแค่ไหน
โซเฟียเคยแอบหลงรักรอยยิ้มของเดลตั้งแต่แรกเห็น แม้ตอนนั้นคีธเองก็ยังอยู่ ในวันที่เดลมานั่งดื่มเหล้ากับคีธ ในวันที่นายจ้างอนุญาตให้เบิกเงินค่าแรงล่วงหน้าออกมาบางส่วน เมื่อช่วงเทศกาลอีสเตอร์ซึ่งผ่านมานานหลายปี
คีธชอบดื่มเหล้า ในระยะหลังคีธเริ่มติดสุรารุนแรง โซเฟียอดคิดไม่ได้ว่าหากคีธเข้มแข็งให้ได้ครึ่งหนึ่งของเดล ทำตัวเป็นสำหลักที่ดีให้กับครอบครัว ไม่ข้องเกี่ยวกับการพนันเหมือนที่ผ่านมา อนาคตของเธอและลูกก็น่าจะดีกว่าที่เป็นอยู่ทุกวันนี้
ภายหลังจากที่ม้าพาร่างของเดลลับหายไปในความมืด
“เมื่อไรลุงเดลจะมาอีกคะแม่?” อยู่ๆซาบรีน่าก็ถามขึ้นมา ทั้งที่เดลเพิ่งจากไปได้ไม่นาน
“อีกสองเดือนจ้ะลูก” โซเฟียตอบ ตอบพลางยกมือเรียวขึ้นลูบศีรษะของลูกสาว ไล้ไปตามเรือนผมสีทองสลวย นึกตำหนิตัวเองในใจว่าเธอกับคีธมีปัญญาทำให้ลูกเกิดมาได้ แต่น่าอนาถใจที่ให้อนาคตที่ดีกับลูกไม่ได้
“หนูอยู่บ้านคนเดียวได้ไหม”“แม่จะไปไหนคะ”
“แม่จะแบ่งขนมปังไปให้ป้านอร่าห์” โซเฟียบอกกับลูกสาว เมื่อเหลือบสายตาผ่านช่องหน้าต่างไปเห็นแสงไฟริบหรี่จากบ้านของนอร่าห์
โซเฟียเรียกนอร่าห์ว่าป้า เพราะติดมาจากลูกสาว ทั้งที่จริงนอร่าห์แก่กว่าเธอเพียงไม่กี่ปี
นอร่าห์เป็นหญิงหม้าย อาศัยอยู่ที่บ้านเก่าๆท้ายฟาร์ม ฐานะความเป็นอยู่ของนอร่าห์ย่ำแย่พอๆกับโซเฟีย ที่โซเฟียแบ่งขนมปังไปให้ ก็เพราะนอร่าห์เคยมีน้ำใจเอาไข่ไก่และมันฝรั่งมาให้เธอกับลูก นอร่าห์เป็นเพื่อนบ้านคนเดียวที่มีน้ำใจ จากจำนวนเพื่อนบ้านที่มีอยู่น้อยจนนับได้ไม่มีใครรู้ความเป็นมาของนอร่าห์มากนัก รู้เพียงว่าหล่อนย้ายมาอยู่กับสามีที่เมืองนี้ได้ไม่นาน จากนั้นสามีก็เสียชีวิต ดีที่ยังมีฟาร์มเป็นมรดกตกทอด ทิ้งเอาไว้ให้นอร่าห์เพาะปลูกประทังชีวิต
ชีวิตในแต่ละวันของนอร่าห์ล้วนหมดไปกับงานฟาร์ม หล่อนมักจะเก็บตัวอยู่แต่ในบ้าน ไม่มีเพื่อนบ้าน จึงไม่ค่อยออกไปพบปะสังสรรค์กับใคร นอกจากฟาร์มของโซเฟีย นอร่าห์ก็แทบไม่ย่างกรายไปไกลจากฟาร์ม
โซเฟียเองก็เคยแอบสงสัย ที่นอร่าห์ไม่ค่อยสุงสิงกับใคร แต่ที่โซเฟียคบหา อาจเป็นเพราะเธอมองเห็นจิตใจในด้านดีของนอร่าห์ เธอจึงไม่ได้ใส่ใจถึงเหตุผลที่นอร่าห์เก็บเนื้อเก็บตัว เหมือนคนที่พยายามปิดบังเบื้องหลังชีวิต มีความผิดติดตัว หรือหนีใครมา
“แม่รีบกลับมานะคะ” เด็กหญิงพยักใบหน้าน้อยๆ มองตามหลังแม่ที่คว้าเสื้อคลุมมาสวม แล้วก้าวออกจากห้องนอนไปช้าๆที่ภายนอกบ้าน ในมือของโซเฟียถือขนมปังที่ห่อเอาไว้ในถุงกระดาษ ทอดสายตาไปตามถนนอันมืดมิดเบื้องหน้า มุ่งไปสู่บ้านของนอร่าห์ เธอสูดหายใจกับอากาศภายนอก กลิ่นฟางและหญ้าแห้ง
“ดึกดื่นป่านนี้ คุณหนูจะไปไหนครับ” คนรับใช้ถามด้วยความแปลกใจ“ไปบ้านของจอร์จ…เร็ว! แล้วอย่าถามอะไรมาก”จากนั้นรถม้าก็เคลื่อนออกไปด้วยความรวดเร็ว เสียงเท้าของแซนดร้าที่วิ่งลงบันไดบ้านไปเมื่อครู่ เสียงเฟืองและล้อรถม้าที่เสียดสีกับพื้นกรวดจากการออกตัวด้วยความเร็ว ดังขึ้นไปถึงชั้นบนของบ้าน โทนี่และซินเทียที่กำลังวิวาทะกันอยู่ในขณะนั้น รีบชะโงกหน้าออกมามอง“แซนดร้า…นั่นลูกจะไปไหน”ด้วยความตกใจ ซินเทียตะโกนไล่หลังรถม้าที่กำลังจะพาร่างของแซนดร้าหายลับไปในราตรีกาลอันมืดมิดจอร์จส่ายหน้า…น้ำตาซึม นึกตำหนิในอารมณ์ชั่ววูบของตนเอง ถ้าแซนดร้าเป็นอะไรไป เขาจะไม่มีวันให้อภัยตัวเองเป็นอันขาดสองเดือนผ่านไป“ช่างเป็นชุดแต่งงานที่สมบูรณ์แบบที่สุด…” ซาบรีน่าซึ่งอยู่ในชุดวิวาห์ ดวงหน้าเต็มไปด้วยความปลาบปลื้ม รำพึงออกมาลอยๆ มองภาพสะท้อนของตัวเองในกระจก “เธอตะหากที่สมบูรณ์แบบ…ไม่ใช่ชุดแต่งงานสักหน่อย”คริสโตเฟอร์ในชุดเจ้าบ่าวสีเทาขรึม ก้าวเข้ามาใกล้ ทาบร่างกายกำยำใหญ่เอาไว้ที่ด้านหลังของซาบรีน่า กอดและก้มกระซิบเบาๆที่หลังใบหูเพียงปีแรกหลังแต่งงาน ทั้งสองก็ได้ทายาทเป็นลูกชายไว้สืบสกุล และอีกปีถัด
โทนี่ถอดหมวก ถอดเสื้อโค้ทสีดำออกช้าๆ แขวนไว้ที่หลังประตูแล้วก้าวขึ้นไปบนชั้นสองของบ้านโดยไม่ลืมมองไปที่ห้องนอนของแซนดร้าผู้เป็นลูกสาว พบว่าเธอไม่อยู่ จำได้ว่าแซนดร้าบอกเอาไว้ว่าจะออกไปหาคริสโตเฟอร์ เกี่ยวกับเรื่องพินัยกรรมที่ทำให้แซนดร้าดีใจจนเนื้อเต้น “ยังไม่นอนอีกหรือ” โทนี่ถามภรรยาที่ทอดร่างอยู่บนเตียงนอน อดสะท้อนใจไม่ได้ว่าแม้เธอจะยังไม่หลับ ก็ไม่ได้หมายความว่าซินเทียกำลังรอคอยการกลับมาของเขา “คุณหายไปไหนตั้งนาน” ซินเทียถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง “ห่วงฉันด้วยหรือ” สามีขมวดคิ้ว นิ่วหน้า “ถามอะไรอย่างนั้น...ถามเหมือนคุณไม่รู้ใจฉัน คุณเป็นสามีของฉันนะโทนี่” ซินเทียตัดพ้อโทนี่อยากจะตอบว่า ‘ใช่…ฉันไม่เคยรู้ถึงจิตใจลึกๆของเธอเลย…ซินเทีย’ทว่าสุดท้าย เขาก็เก็บถ้อยคำยอกย้อนนั้นเอาไว้ในใจ “ไม่ห่วงคุณแล้วจะห่วงใคร…คุณเป็นสามีฉันนะโทนี่” เธอกล่าวให้เขาได้คิด “สามียังงั้นรึ!....ช่วยบอกหน่อยเถอะว่าฉันควรจะภาคภูมิใจกับตำแหน่งนี้ใช่ไหม?” โทนี่ทำน้ำเสียงเย้ยหยัน เหมือนกับคนที่สูญสิ้นศรัทธาในชีวิตคู่ของตนมานานแล้ว ซินเทียขมวดคิ้
สีหน้าของโทนี่เต็มไปด้วยความขมขื่น นิ่งฟังเสียงตึงตังของเตียงที่เคลื่อนไปกระแทกผนัง ดังอยู่เป็นจังหวะที่ต่อเนื่องและยาวนาน ยิ่งได้ยินยิ่งโกรธแค้น ชิงชัง และริษยาจอร์จที่บรรเลงลีลารักได้ยาวนานโดยไม่รู้เหน็ดเหนื่อย ไม่เหมือนกับเขาที่มักจะล้มเหลวในทุกครั้ง จากความบกพร่องของกล้ามเนื้อที่เกี่ยวของกับการกลั้นเกร็งการหลั่งซึ่งไม่อาจบังคับได้อวัยวะชิ้นนั้นมันอยู่เหนือการควบคุมของเขามานานแล้ว สืบเนื่องมาจากประสาทรับความรู้สึกบางส่วนได้ถูกทำลายลงไปพร้อมๆกับการผ่าตัด ภายหลังจากอุบัติเหตุตกม้า โทนี่คว้าเหล้าในขวดขึ้นมากระดกดื่มเหมือนน้ำ สบถด่าตัวเองอยู่ในใจด้วยถัอยคำหยาบโลน ถ้าไม่ใช่เพราะตัวเองที่อ่อนแอทั้งกายและใจ ซินเทียคงหนักแน่นพอที่จะประคับประคองความซื่อสัตย์ต่อกันเอาไว้ได้ เขาคงไม่ตกอยู่ในสภาวะอันทุกข์ตรมขมขื่นเช่นนี้ จากนั้นไม่นาน โทนี่ก็ฟุบหน้าลงบนโต๊ะ เขาหลับลงเพราะฤทธิ์สุราที่กรอกลงคอเพื่อให้ลืมทุกอย่างในชีวิต แม้รู้ดีว่าเหล้าอาจช่วยบิดเบือนความจริงอันเจ็บปวดได้ในช่วงสั้นๆก็ตาม จากเหตุการณ์อัปยศที่กำลังดำเนินอยู่นั้น โทนี่แทบจะไม่โทษซินเทีย เขาโยนความผิ
อีกครั้ง รั้งบั้นท้ายเปลือยร่อนไว้ในตำแหน่งที่พร้อมจะรองรับบางสิ่งซึ่งกำลังจะเคลื่อนเข้าสู่กันและกันหล่อนผ่อนลมหายใจเหมือนจะนับถอยหลัง ไม่ได้เหลียวกลับไปมอง หากก็เดาได้ถึงความเครียดเขม็งที่จรดเล็งลงตรงหลืบลับในสรีระของหล่อนเพียงพรวดสั้นๆ…ที่หล่อนจำต้องกัดฟันด้วยความทรมาน เสี้ยวสั้นๆที่เปลี่ยนสถานะความสัมพันธ์ของเธอและเขาตลอดไป ซินเทียสูดและพ่นลมหายใจเข้าออกอย่างสับสน แบ่งรับแบ่งสู้กับความรู้สึกที่เติมเต็มเข้ามารุนแรงเหล้าหลายแก้วที่หล่อนดื่ม ความมึนเมาในตอนนั้น ทำให้โซเฟียไม่ได้ฉงนใจกับความผิดปกติใดๆทั้งสิ้น ทว่าความรู้สึกอึดอัด รัด แน่น ก็ยืนยันว่า ‘ไม่ใช่โทนี่อย่างแน่นอน’เมื่อได้สติ…โซเฟียพยายามสะบัดสะโพกหนี หากเขาก็ดำดิ่งสู่แอ่งอารมณ์ของหล่อนไปแล้ว ความรู้สึกของซินเทียในตอนนั้น มันเหมือนกับมีรถไฟขบวนใหญ่ที่กำลังเคลื่อนผ่านเข้าไปในอุโมงค์ความปรารถนาอันมืดมิดและคับแคบของเธอ ซินเทียเหมือนผู้หญิงที่กำลังหวาดกลัวความมืด ได้แต่ภาวนาให้ความยาวลึกของรถขบวนนั้นเคลื่อนผ่านไปเสียที ยิ่งช้ายิ่งอึดอัด ยิ่งนานยิ่งทรมาน แต่เมื่อถึงที่สุดของมัน…กลับรู้สึกทรมานยิ่งกว่า ราวกับว่านรกและสวรรค์ได้ม
เหล้ารัมอีกขวดหมดเกลี้ยงภายในเวลาไม่นาน โทนี่ใช้มือหมุนขวดเปล่าไปมา มองดูมันกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่บนพื้น ขวดเหล้าไม่ต่างอะไรกับจิตใจของเขาในตอนนั้น บางครั้งก็มั่นคง แข็งแกร่ง ทว่าอยู่ๆกลับอ่อนแอ ล้มลงอย่างไม่เป็นท่า กลิ้งไปกลิ้งมาเหมือนขวดเหล้า ไม่เคยมีครั้งไหนในชีวิตของโทนี่ ที่รู้สึกว่าตัวเองเป็นพ่อที่ไร้ค่าขนาดนี้จากนั้นเขาก็ทอดร่างลงเหยียดยาว นอนหงายที่กลางพื้น มือก่ายหน้าผาก กวาดสายพาพร่าพรางไปที่เพดานบ้าน ราวกำลังค้นหาแมงมุมสักตัวที่อาจจะกำลังชักใยระโยงระยางอยู่ในตอนนั้นโทนี่ค้นพบว่านอกจากเหล้าจะไม่ช่วยให้เขาหยุดคิดถึงเหตุการณ์ในอดีตเก่าๆที่กร่อนกินใจ แต่มันยิ่งกลับไปกวนตะกอนความแค้นที่กาลเวลากดทับมันเอาไว้ ให้ปะทุขึ้นมาอีกครั้งเขาหยัดร่างซวนเซขึ้นมาจากพื้นด้วยดวงตาแดงก่ำ “คนทรยศ...คนชั่วช้า การที่ทำแบบนี้ มันเท่ากับว่าแกกำลังล้ำเส้นฉัน” โทนี่กล่าวถึงคนที่ตนกำลังโกรธ สาดเสียงสบถไปในความว่างเปล่า นอนฟังน้ำเสียงของตัวเองสะท้อนอยู่ในห้อง กังวานของมันกระทบผนังและสะท้อนกลับเข้าไปถึงหัวใจที่กำลังปวดแปลบ รู้สึกแสบเหมือนโดนสุราราดรดลงกลางบาดแผลหัวใจที่กลัดหนอง ความพิโรธสะท้อ
“ไม่แน่ใจขนาดนั้นหรอกมาธาร์…แต่ถ้าจะเป็นพินัยกรรมจริง คุณพ่อก็ต้องถูกบังคับให้เซ็นอย่างแน่นอน” “แต่ก็มีพยานรับรู้อย่างถูกต้องนะคะ” มาธาร์ให้เหตุผล “จะมีประโยชน์อะไร…ถ้าพยานเป็นแค่หมากตัวหนึ่งที่จอร์จวางเอาไว้ในกระดาน” คริสโตเฟอร์เปรียบเปรย มาธาร์หรี่ตา ครุ่นคิดถึงความเป็นไปได้ในข้อนี้ “ถ้าคุณไม่ยอมรับพินัยกรรม หรือต้องการจะหาข้อจริงใดๆมาโต้แย้ง ก็ต้องรีบแล้วนะคะ เพราะในพินัยกรรมระบุเอาไว้ชัดว่าคุณจะต้องแต่งงานกับแซนดร้าภายในหนึ่งเดือนหลังจากที่พินัยกรรมฉบับนี้ได้ถูกเปิด” มาธาร์เตือนด้วยความหวังดี ที่บ้านของแซนดร้า ใกล้ค่ำของวันนั้น แซนดร้าที่กำลังอยู่ในอาการตื่นเต้นดีใจสุดขีด โผเข้ากอดกับซินเทียผู้เป็นแม่ ภายหลังจากตัวแทนจากสำนักงานกฏหมายที่ชื่อเดวิด แวะมาแจ้งข่าวให้แซนดร้าได้ทราบเกี่ยวกับเนื้อหาในพินัยกรรมซึ่งเกี่ยวข้องกับเธอ “แม่ได้ยินเหมือนกับที่หนูได้ยินใช่ไหมคะ” แซนดร้าละล่ำละลัก ถามออกมาด้วยความดีใจเหมือนต้องการคนยืนยัน ทันทีที่ร่างท้วมของเดวิดหายลับไปที่เบื้องหลังประตู “จริงแท้ที่สุด…แม่ดี







