ห้องเรียน ม. 6/1 เทอมหนึ่ง
เวลาผ่านไปเร็วเสมอ ตอนนี้ฉันเรียนอยู่มอหกแล้ว เป็นรุ่นพี่ใหญ่สุดของโรงเรียน เราเพิ่งแข่งกีฬาสีไปเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา สนุกมากเลย มีอะไรให้ทำเยอะมาก
ไม่น่าเชื่อว่าอีกไม่ถึงปีพวกเรากำลังจะเรียนจบกันแล้ว กลัวจัง กลัวสอบไม่ติด กลัวไม่ได้เรียนกับผา
“ปลาย เราเลิกกับน้ำปั่นแล้วนะ” เขาบอกฉันในวันที่พวกเรากำลังนั่งวาดภาพวิชาศิลปะ
“ทำไมถึงเลิกกันล่ะ”
“ต่างคนต่างไม่มีเวลา อีกอย่างน้ำปั่นเขาจะไปเรียนต่อต่างประเทศ เขาอยากให้เราไปด้วย แต่เราอยากเรียนที่ไทย” เสียงของผาค่อนข้างเศร้า พลางซบหน้าลงบนโต๊ะเรียน เขาเอียงหน้ามาทางฉันที่กำลังนั่งวาดภาพอย่างไม่มีสมาธิ
“อย่าเสียใจไปเลย คิดว่าแยกย้ายกันไปเติบโต” เสียงของฉันเศร้าเล็กน้อย แต่ในใจกำลังโห่ร้องด้วยความดีใจ คงถึงเวลาของฉันแล้ว
“ปลายว่าเราไปเรียนต่อเมืองนอกดีไหม”
“...” ฉันรู้ตัวว่าตัวเองกดดินสอที่วาดรูปแรงเกินไปจนมันหัก ถ้าผาไปเรียนเมืองนอก แล้วฉันจะได้เจอเขาอีกเมื่อไร
“เราไม่ไปหรอก ไม่ต้องทำหน้าอย่างนั้น เราไปเรียนเมืองนอกแล้วใครจะอยู่เป็นเพื่อนปลาย” ผาใช้มือข้างซ้ายเท้าแขนและวางหัวเขาบนฝ่ามือนั้น เขามองหน้าฉันตลอดเวลา
“อยู่กับปลายดีกว่าเนอะ” ฉันตอบออกไปอย่างที่ใจคิด ถึงน้ำเสียงจะออกแนวขี้เล่นหน่อย ๆ
“เดี๋ยวไม่มีคนติวให้ปลาย” ผาว่าก่อนเอื้อมมือยีผมฉันเล่น ก็เป็นเสียอย่างนี้ น่ารักขนาดนี้ แสนดีไม่มีใครเกิน แล้วจะไม่ให้หลงได้ไง ใจละลายติดเก้าอี้เป็นหมากฝรั่งแล้วเนี่ย
ม.6 เทอมสอง
พอผาเลิกกับน้ำปั่น ฉันคิดว่ามันคงถึงเวลาของฉันสักทีสินะ แต่เปล่าเลย มันยังไม่ถึงเวลาของฉัน
ช่วงนี้เป็นช่วงที่พวกเราอ่านหนังสือกันหนักมาก เตรียมตัวสอบเตรียมตัวยื่นคะแนนในมหาวิทยาลัยที่อยากเรียน อาจารย์ที่โรงเรียนพยายามอัดวิชาเรียนให้มาก เพราะกลัวว่านักเรียนจะสอบต่อในระดับมหาวิทยาลัยไม่ได้
ตอนนี้พวกเราเลยเรียนหนักมากในห้องเรียนปกติ หลังเลิกเรียนกลับหนักกว่าเดิมหลายเท่า โดยเฉพาะผา เขาทั้งเรียนพิเศษทั้งติวตัวต่อตัว รู้เลยว่าเขาอ่านหนังสือหนักมาก
ฉันแทบไม่ได้เจอผาเลย ถ้าที่นั่งเราไม่ติดกัน ฉันคงแทบไม่ได้เจอเขา ตอนผามาถามฉันน่าจะบอกว่าไม่ต้องเรียนหรอกหมอ ดูสิ ยังไม่ทันได้เรียนเลย ยังหนักขนาดนี้แล้ว ถ้าเขาเรียนจริงจะไม่หนักกว่านี้อีกเหรอ
แต่ก็เอาเถอะ เมื่อเป็นความฝันของเขา อนาคตแฟนอย่างฉันต้องสนับสนุนเขาให้เต็มที่
“ผา เราเอามาฝาก” ซุปไก่สกัดที่ใครต่อใครว่าดี ฉันหิ้วมาฝากเขาประจำ
“ปลายไม่ต้องซื้อมาบ่อย เราเกรงใจ”
“เกรงใจอะไรกันผา ปลายทำดีหวังผล”
“หืม..” หน้าตาของผาแทบสำลักซุปไก่
“แหมผา เราแค่จะบอกว่าถ้าผาพอมีเวลาติวให้ปลายหน่อย” นี่ไง ทำดีหวังผลไหม เอาซุปไก่มาตกผู้ชาย เอ๊ย! เปล่านะ เอามาหาวิชาความรู้ต่างหาก
“วันเสาร์ไหม ผาจะได้ทบทวนของตัวเองไปด้วย” ผาเสนอตัวติวให้วันเสาร์ ไม่รู้ว่าตอนนี้หน้าฉันบานแค่ไหน เพราะตื่นเต้นดีใจและเขินนิด ๆ
ยัง ๆ นังปลาย เขาแค่ติวหนังสือ ไม่ได้ขอแกเป็นแฟน ไม่ต้องเขิน
“ติวที่ไหนดี” ฉันถามเพราะเกรงใจเขาเหมือนกันว่าจะให้ติวที่ไหนดี
“บ้านปลายก็ได้ เดี๋ยวเราไปหา ส่งโลเคชันมาทางไลน์นะ วันเสาร์สิบโมง” คำพูดของผาสั่น ๆ สะเทือนหัวใจฉันอย่างมาก ไม่รู้ว่าเสียงหัวใจที่เต้นแรงขนาดนี้เขาจะได้ยินไหม
ได้ยินไหม ได้ยินไหม พวกเธอ ผู้ชายจะเข้าบ้าน ผู้ชายจะไปหา ไม่ไหวแล้ว ฉันต้องไปแก้บนที่ไหนดี ฉันเคยไปขอไว้ไหมว่าให้ได้ผาเข้าบ้าน
“ไม่สะดวกหรือเปล่า เห็นปลายเงียบ งั้นที่อื่นก็ได้นะ”
“เฮ้ย! สะดวก ๆ ไปได้เลย” ฉันรีบบอกทันที เมื่อเขาเข้าใจผิดไปคนละเรื่องจากที่ฉันคิด ที่เงียบเพราะตื่นเต้น ผู้ชายเข้าบ้านเลยนะ ใครจะไม่ตื่นเต้น ผู้ชายที่ตัวเองชอบด้วย ไม่ตื่นเต้นก็แปลกแล้ว
บ้านปลายฟ้า เช้าวันเสาร์ 10.00 น.
ฉันตื่นเต้นมาก คิดหนักมากว่าจะแต่งตัวอย่างไรดี ใส่ชุดอยู่บ้านเสื้อแขนสั้น กางเกงขาสั้นดีไหม มันจะดูน่าเกลียดไปไหม หรือจะใส่ชุดกระโปรง แต่แบบนั้นยิ่งไม่แปลกเหรอ ใครเขาใส่กระโปรงแบบนั้นอยู่บ้านกัน
หรือจะใส่กางเกงขายาวกับเสื้อยืดดี จะได้ดูเรียบร้อย โอย เครียด เจอเขาทุกวันไม่เครียดเท่านี้ เพราะเจอกันแต่ชุดนักเรียน สุดท้ายจบที่เสื้อยืดสีขาว กางเกงผ้ายืดขายาว
ฉันมัดผมปกติแต่งหน้าบาง ๆ ที่ให้เหมือนไม่แต่ง อย่างที่ไปโรงเรียนทุกวัน
“กว่าผาจะรักปลาย”“ที่ไหนล่ะ ผารักปลายมาตลอดเลย ปลายนั่นแหละไม่ชัดเจน” ผมจะสารภาพทีไรมีแต่เรื่องให้ผมอกหัก“ผามีแฟนทิ้งปลายตั้งหลายครั้ง”“ก็ใครย้ำนักย้ำหนาว่าเป็นเพื่อนไง” เธอแหละวางผมไว้เป็นเพื่อนตลอดใครจะกล้าล้ำเส้น ผมแสดงออกตั้งหลายครั้งว่าชอบเธอ“ปลายอยากเป็นมากกว่าเพื่อนตลอดแหละ แล้วใครกันล่ะเมื่อไหร่ก็มีแฟน พอมีแฟนก็หายหัวไปเลย” เธอย่นหน้าให้ผม“อยากตัดใจจริง ๆ นะ มันเจ็บ ว่าแต่คุยกันเรื่องลูกอยู่ดี ๆ แล้วเรามาเรื่องนี้กันได้ยังไงเนี่ย”“เออ นั่นสิมาเรื่องนี้ได้ยังไงกัน” ปลายเองก็งงว่าเรามากันเรื่องของตัวเองได้อย่างไรกัน แล้วยังโกรธย้อนหลังกับอดีตที่ผ่านมา เราทั้งคู่หัวเราะชอบใจ“ขอบคุณนะผา ที่เตือนสติปลาย ปลายชอบมองว่าลูกยังเด็กไม่อยากให้ลูกมีแฟน ทั้ง ๆ ที่ลูกอายุเท่าเราในตอนนั้นเลย” ในตอนนั้นที่เธอหมายถึงคือตอนที่ผมกับปลายเริ่มชอบกัน ตอนนั้นพวกเราอายุเท่ากับลูก ๆ ในตอนนี้นั่นแหละ“ผาเข้าใจ ไม่ผิดหรอกคนเป็นพ่อเป็นแม่ก็แบบนี้ทั้งนั่นแหละ ผาเองก็เป็นห่วงลูกไม่ต่างกับปลาย แต่เราดูแลเขาไม่ได้ไปตลอดชีวิตประสบการณ์จะทำให้เขาเป็นผู้ใหญ่ขึ้นและดูแลตัวเองได้” ด้วยความที่ผมเป็นผู้ชายด้ว
ใช่ ตอนนี้เต็มไม้เต็มมือ แถมยังร้อนอีกต่างหาก“ปลาย...” เสียงผาเซ็กซี่จนฉันสะท้าน เสียงทรมานแบบนี้ยิ่งทำให้ฉันอ่อนยวบไปทั้งตัว ปลายนิ้วเขาปัดผ่านตุ่มไตบนเนินทรวง ยอดถันหดเกร็งอย่างอัตโนมัติ ความชื้นฉ่ำตรงกลางกายบ่งบอกว่าฉันเองก็อยากได้เขาไม่ต่างกัน “ผา...ไม่ไหว” ฉันไม่ไหวแล้วตอนนี้ อยากเหลือเกิน ยิ่งเขาปลุกปั่นฉันยิ่งอยาก คงเพราะเราทั้งสองร้างรามาหลายเดือน เขาเองคงไม่ต่างจากฉัน“อยากทำหรืออยากให้ผาทำ” วันนี้ฉันอยากเป็นฝ่ายกระทำมากกว่าโดนกระทำย่ำยี“ปลายจะย่ำยีผาให้หนำใจ”“เอาเลยทูนหัว ย่ำยีผัวให้หนำใจ”“อา....” ฉันเริ่มย่ำยีเขาอย่างที่ใจต้องการ บดเนินเนื้อเข้าหาส่วนแข็งขึงให้แข็งกว่าเดิม ส่ายร่อนเอวอย่างที่เขาชอบ เสียงครางต่ำของเขาบ่งบอกว่าทรมานแค่ไหนในการโดนย่ำยีครั้งนี้“ปลายจ๋า” เสียงผาหวานเหลือเกิน ฉันตอบรับเขาเสียงหวาน ก่อนจะโน้มตัวให้หน้าอกคัปดีในตอนนี้บดเบียดกับหน้าอกแกร่งของเขา จูบเร่าร้อน ลิ้นร้อนร้ายไล้ชิมในโพรงปากของเราทั้งคู่ดูดดึง หยอกล้อกันฝ่ามือหนาของผาบีบแก้มก้นฉันแน่น เขาจับของเขาจ่อตรงร่องรักฉ่ำชื้น ฉันโยกตัวขยับให้ทุกอย่างเข้าหากันได้ง่ายขึ้น เมื่อเป้าหมายไม่พล
ผากำลังอุ้มลูกของเราในวัยแรกคลอด เด็กผู้ชายแฝดสองคนหนึ่งผาอุ้มไว้ในอ้อมกอดแสนอบอุ่น ก่อนที่เราจะมีลูกผาตัดสินใจเรียนต่อเฉพาะทางกุมารเวชลูกชายอีกคนแม่ของฉันอุ้มไว้แนบอกหลานยาย แม่ของฉันเกษียณอายุจากการเป็นอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยแล้ว ฉันจึงขอร้องให้แม่ช่วยมาอยู่เป็นเพื่อนฉันกับผา เราสองคนปลูกบ้านหลังใหม่ ไม่ห่างจากบ้านหลังเดิมของพ่อมากนัก เพราะลูกแฝดทำให้ผาค่อนข้างกังวลเมื่อลูกเขยสุดที่รักขอร้องให้มาอยู่เป็นเพื่อนลูกสาวกับหลาน แม่ที่อยู่คนเดียวตอนนี้จึงตัดสินใจไม่ยาก เพราะความห่วงฉันและหลานใจลึก ๆ ฉันก็อยากให้พ่อกับแม่ลองได้พูดคุยกันอีกครั้ง แต่ก็นั่นแหละ ความสัมพันธ์ของพ่อกับแม่ยุติมาแสนนานแล้วจึงค่อนข้างยากที่จะให้กลับมาเหมือนเดิม“น้องไปป์ น้องโป๊ป” เสียงเรียกของคนที่เพิ่งมาถึง พ่อของฉันมาถึงพร้อมย่า ตอนนี้ฉันย้ายกลับมาพักฟื้นที่บ้านแล้ว เด็ก ๆ อายุได้หนึ่งเดือนแล้วแข็งแรงทั้งคู่ น้ำหนักและความยาวถึงจะน้อยกว่าเด็กในวัยเดียวกันแต่ก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ปกติ“ไหนขอทวดดูหน้าหน่อย” ย่านั่งลงบนโซฟาในห้องนั่งเล่น เรียกดูหน้าเหลน ผากับแม่ฉันจึงอุ้มเด็กทั้งคู่มาให้ย่าดูหน้าชัด ๆ ย่าท่องคาถาอะไร
“ขอโทษ” ผาค้อมศีรษะให้น้ำปั่นอย่างรู้สึกผิด“ไม่ต้องขอโทษเรา ไปขอโทษปลายโน่น รักเขาแต่ไม่ยอมบอก เป็นเรานะปลาย จะเล่นตัวให้เข็ด” น้ำปั่นยังปล่อยพลังทำลายล้าง ผานั่งตัวงออย่างรู้สึกผิดกับฉันและน้ำปั่น“ไม่ต้องขอโทษแล้วผา ตอนนั้นเรายังเด็กด้วยกันทั้งคู่ กว่าน้ำปั่นจะมาเจอแฟนคนนี้ น้ำปั่นเองก็คบมาเยอะ ถือว่าเป็นประสบการณ์ของคนสวยก็แล้วกัน ว่าไหมปลาย”ฉันสะอึกเพราะกลายเป็นผู้มีประสบการณ์น้อยขึ้นมาทันทีน้ำปั่นยกข้อมือดูเวลา เราทั้งสองแลกคอนแท็กต์กันไว้หลายช่องทาง“ไปก่อนนะปลาย ผา ขอให้รักกันแบบนี้ตลอดไปให้เหมือนที่ผ่านมานะ เราไปก่อน” น้ำปั่นอวยพรพร้อมทั้งล่ำลากัน คำอวยพรของน้ำปั่นทำให้ฉันรู้ว่า เธอรู้ว่าผารักฉันตั้งแต่ตอนนั้น“น้ำปั่นรู้ว่าผารักปลาย” เขาย้ำความคิดฉันด้วยคำพูดอีกครั้ง นี่เป็นเหมือนสิ่งค้างคาใจฉันมาตลอด เพราะน้ำปั่นคือแฟนคนแรกของผา และเป็นแฟนคนเดียวที่เขาแนะนำให้ฉันรู้จักอย่างเป็นทางการ“น้ำปั่นแมนมากเลย”“น้ำปั่นมีลูกแล้วปลาย” ผาทำหน้าตาตกใจ คงกลัวฉันจะชอบน้ำปั่นสินะ“ที่บอกว่าแมนหมายถึงเขาไม่งี่เง่าใส่ปลายเหมือนหมอฝ้าย” ฉันคิดว่าถ้าเจอหน้าน้ำปั่นคงมองหน้ากันไม่ติด ใครจะคิด
“ปลายรักผา รักมานานแล้ว อ๊ะ” ฉันบอกรักเขาพร้อมกับรัดเขาแน่น ๆ ด้วยร่องรักที่เต้นตุบ ๆ บดร่องรักเข้ากับตัวตนของเขาจนแทบไม่มีช่องว่าง พร้อมกับเขี่ยระรัวตรงส่วนของเกสรให้เขาดูด้วย“ปลาย ท่านี้โคตรเอกซ์” เขาพูดพร้อมทั้งบีบหน้าอกฉันแรงกว่าเดิม ทำไมฉันจะไม่รู้ว่าท่านี้โคตรเอกซ์และเขาชอบแค่ไหน ทุกครั้งที่ทำท่านี้ ทุกครั้งที่มองเขา สายตาเขาและตัวตนเขาที่จมอยู่ในร่องรักจะกระตุกตลอด“ผาก็โคตรเอกซ์ ปลายชอบทุกส่วนของผา” ฉันบีบกล้ามอกเขาแรง ๆ อย่างที่เขาบีบฉัน กล้ามนี้ไม่ได้ให้ความรู้สึกนุ่มนิ่ม หากแต่ให้ความรู้สึกเคร่งครัด แน่นไปทุกสัดส่วน“ปลายแต่งงานกันไหม” ใครมาขอแต่งงานตอนที่ผู้หญิงกำลังขย่มอยู่บ้าง ฉันควรจะร้องไห้เพราะความดีใจหรือเพราะความเสียวดี“ผาเอาเสร็จก่อนค่อยขอ” ขอแต่งงานควรสวมแหวนสิ ไม่ใช่สวมอะไรอย่างตอนนี้“ตอนนี้อารมณ์มันได้”“อื้อ ผาไม่เล่น” เขาจูบฉันทั้งยังสวนเอวเข้ามาไม่หยุด“ไม่ได้เล่น แต่งไหม”“อื้อ แต่ง แต่ง แตกแล้ว”“จะแต่งหรือจะแตก” เขาหัวเราะอย่างอารมณ์ดีเมื่อฉันแตกกับตัวตนของเขาพร้อมทั้งตอบตกลงแต่งงานกับเขา รักข้างเดียวตลอดหลายปีของฉัน สุดท้ายฉันก็ได้เขามาครอบครองทั้งกายแ
“ไม่รู้สิ คนถูกจีบบื้อไปหน่อยมั้ง” เขายักไหล่พร้อมทั้งหัวเราะอย่างชอบใจที่ได้ว่าฉัน“ปากหนัก มโนเก่ง” ฉันว่าพร้อมทั้งเบ้ปากให้เขา เพราะความปากหนักและขี้มโนของเขานั่นแหละ ทำให้เราสองคนต้องอดทนรอกันและกันมาถึงสิบสองปี“ถือว่าแยกกันไปเติบโต พอผาได้บรรจุ ผาคิดเลยนะว่าจะไม่ยอมให้ปลายหลุดมือผาไปอย่างแน่นอน”“ขนาดนั้นเลย” ฉันแกล้งแซว“ทั้งพาไปเลือกคอนโด ทั้งจับมือ ทั้งหอมมือ ยังไม่รู้อีกว่าอยากเป็นมากกว่าเพื่อน”จริง ๆ ตอนนั้นฉันก็แอบหวั่นไหวมาก ถึงได้ขอคบเขาเป็นเพื่อนนอน เพราะคิดว่าจะหลบอยู่ในซอกหลืบของความเป็นเพื่อนต่อไปคงไม่ไหว“ก็รู้แล้วไงตอนนี้ ทำไมชอบว่าเนี่ย” ฉันปั้นปากใส่เขาอย่างหมั่นไส้“ผารักปลาย”พอเขาพูดคำนี้ทีไร ฉันที่ปั้นปากอย่างอารมณ์ไม่ดีแปรเปลี่ยนเป็นยิ้มกว้างอย่างดีใจ คำบอกรักของเขาฟังกี่ทีฉันก็ไม่เคยเบื่อ เหมือนน้ำฝนที่ไหลลงพื้นดินมอบความชุ่มฉ่ำหัวใจได้ตลอดเราสองคนกลับจากตลาดในเวลาเกือบสามทุ่ม พนักงานของรีสอร์ตพาเราสองคนกลับมาส่งที่ห้องอย่างปลอดภัย ฉันตรงไปยังห้องน้ำเพื่ออาบน้ำทันที เหนียวตัวเพราะฝุ่นควันจากตลาด และร้อนเพราะเครื่องดื่มที่กระดกเข้าไปหลายแก้ว“ผา อย่าเพิ่ง