“ฉันบอกให้แกสารภาพ นี่เป็นไง โดนคาบไปแดกอีกแล้ว กี่ครั้งแล้วเนี่ย” พิมบ่นอย่างเสียอารมณ์กับความไม่กล้าของฉัน
“ถ้าคู่กันแล้วคงได้คู่กัน” ฉันพูดออกไปอย่างนั้น แต่ในใจก็ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสไหม เอาจริง ๆ ก็กลัวนะผาวางฉันไว้ในฐานะเพื่อน แต่ถ้าฉันคิดไม่ซื่อกับเขา จะเท่ากับเป็นการหักหลังเขาไหม
แล้วถ้าสารภาพออกไป แล้วเขาไม่ชอบฉัน เท่ากับว่าฉันต้องเสียผาไปเลยอย่างนั้นเหรอ ฉันทำใจไม่ได้จริง ๆ ที่จะไม่มีผาในฉันชีวิต ขออยู่แบบนี้ เป็นเพื่อนที่เขารัก ดีกว่าเป็นคนที่เขาไม่อยากคบ
“ปลาย พิม” เสียงของชายชาติเพื่อนรุ่นเดียวกันของเราทั้งสอง เป็นเพื่อนผู้ชายที่ทั้งฉันและพิมสนิท เราสามคนไปเที่ยวด้วยกันบ่อย ๆ
“ไปไหนชาย” ฉันเอ่ยทักทายในตอนที่เพื่อนนั่งลงข้าง ๆ พิม ตอนนี้พวกเรานั่งอยู่ใต้ต้นไม้ข้างตึกคณะ
“มาหาพวกเธอแหละ อาจารย์ก้อยตามหาแก พิม” อาจารย์ก้อยคืออาจารย์ที่ปรึกษาของพวกเรา ส่วนมากอาจารย์จะเรียกพิมไปช่วยงาน เพราะเป็นคนที่เรียนเก่งที่สุดในรุ่น
“เค เดี๋ยวฉันมานะ ปลาย แกนั่งกับชายไปก่อน เดี๋ยวมีคนมาจีบเพื่อนฉัน”
“เว่อร์ ใครจะมาจีบ” ฉันค้อนให้พิมที่พูดเกินจริง
“เดี๋ยวเราดูแลปลายเอง” ชายบอกพิมพร้อมทั้งโบกมือให้เพื่อน
หลังจากพิมลุกออกไปแล้ว ฉันรู้สึกว่าชายเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาดูกังวลขึ้น ความกังวลของเขาฉายชัดในแววตา
“มีอะไรเหรอชาย”
“ปลาย เรามีเรื่องจะบอกปลาย”
“อือ เรื่องอะไร” ฉันชักจะสังหรณ์ใจกับเรื่องที่เขาจะบอกแล้วสิ ไม่ใช่ว่าเขาจะขอยืมเงินฉันหรอกนะ
“คือเราชอบปลาย ถ้าปลายไม่มีใคร คบกับเราได้ไหม”
“เอ่อ คือจริง ๆ เราก็ชอบชายนะ..” ฉันยังพูดไม่ทันจบเขาก็แทรกขึ้นมาก่อน
“จริงเหรอปลาย เราดีใจมากเลย ไม่คิดว่าปลายจะชอบเรา เราทำใจตั้งนานกว่าจะกล้าสารภาพกับปลาย ถ้าอย่างนั้น ตอนนี้เราเป็นแฟนกันเลยได้ไหม”
“เดี๋ยว...”
“ทำไมต้องเดี๋ยว ในเมื่อเราสองคนต่างชอบกัน” ชายยังพูดแทรกฉันไม่หยุด
“ชายฟังเราก่อน” ฉันเอื้อมมือไปจับหลังมือเขา บอกให้ใจเย็นและหยุดฟังฉันพูด
“โอเค เราตื่นเต้นไปหน่อย ปลายพูดเลย”
“เราจะบอกว่าเราก็ชอบชาย แต่เราชอบแค่ในฐานะเพื่อนเท่านั้น ชอบเหมือนที่เราชอบพิม ชอบเพื่อนคนอื่น เราไม่ได้คิดกับชายแบบนั้น”
หน้าเขาซีดอย่างเห็นได้ชัด นี่ฉันทำให้เพื่อนเสียใจใช่ไหม
“ชาย...เราขอโทษนะ” ฉันบีบมือเขาแน่น บ่งบอกว่าฉันเสียใจจริง เขาใช้มืออีกมือมากุมมือฉัน
“ปลายมีคนที่ชอบอยู่แล้วเหรอ”
“อือ” ฉันพยักหน้ายอมรับ เพราะไม่อย่างนั้นชายอาจไม่ยอมจบเรื่องที่เขาชอบฉันแน่ ๆ
“ไม่เป็นไร ขอบคุณนะปลายที่บอกตรง ๆ แต่เราขอโทษจริง ๆ นะ เราชอบปลายมาก เราคงเป็นเพื่อนกับปลายไม่ได้แล้ว เราคิดกับปลายมากกว่าเพื่อน” ชายดึงมือฉันออกจากมือเขา แล้วเขาก็เดินออกไป
ฉันเสียเพื่อนรักไปอีกคน เป็นแบบนี้สินะ ภาพของชายซ้อนกับภาพในหัวของฉัน ชายเป็นฉันและฉันเป็นผา ถ้าฉันสารภาพออกไป แล้วผาไม่ได้คิดแบบเดียวกับฉัน ความเป็นเพื่อนของเราคงต้องจบลง
ผาเปิดตัวเป็นแฟนกับพัชชา เธอเป็นเพื่อนในกลุ่มเดียวกับเขาตั้งแต่เรียนปีหนึ่ง ทั้งสองเพิ่งตัดสินใจคบกันตอนปีสาม
รูปถ่ายของผาในไอจีของเธอเริ่มเยอะขึ้น มีการแท็กมาหาเขาแทบทุกรูป ฉันมองภาพนั้นถามว่าสะเทือนใจไหม ก็สะเทือนใจแหละ แต่ชินแล้ว ความเจ็บของฉันมันชินชาแล้ว เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผามีแฟน ฉันเข้าไปกดไลก์ให้ผาตลอด ถึงจะช้ำใจแค่ไหน แต่ก็ต้องทำ ถ้าเธอคือความสุขของผา ฉันก็ต้องสนับสนุน
เพราะฉันเป็นเพื่อนผา ไม่ว่าเขาจะเป็นอย่างไร ฉันต้องสนับสนุนเขาและแฟนของเขา เป็นคนแอบรักที่ดี จริง ๆ แล้วเพราะไม่อยากให้แฟนผาระแวง ฉันเลยต้องทำตัวไม่ให้น่าสงสัย เดี๋ยวแฟนเขาสั่งให้ผาเลิกคบเพื่อนคนนี้จะทำอย่างไร ฉันยังอยากเป็นเพื่อนผานี่นา อดทนกดไลก์ไปเถอะ ชอบบ้างไม่ชอบบ้างก็ต้องทำ
“แกดูพยายามดีนะปลาย” เสียงของพิมทำให้ฉันเงยหน้าจากหน้าจอโทรศัพท์
“พยายามอะไร” ฉันย่นคิ้วไม่เข้าใจสิ่งที่เพื่อนอยากสื่อ
“นี่ไงกดหัวใจให้เขา แต่ปากเบ้เพราะความอิจฉา”
ฉันนอนกลิ้งไปอีกทางบนเตียงของพิม เวลาพักเบรกไม่มีเรียนฉันจะชอบมานอนเล่นห้องพิม เพราะอยู่ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัย
“ถ้าไม่กด เดี๋ยวแฟนผาสงสัยอีก กดแต่รูปที่มีผาได้ยังไงกัน”
“เออ พยายามดี เป็นคนแอบรักที่ดี” รู้ว่านั่นไม่ใช่คำชมหรอกแต่เป็นคำประชดต่างหาก
“กว่าผาจะรักปลาย”“ที่ไหนล่ะ ผารักปลายมาตลอดเลย ปลายนั่นแหละไม่ชัดเจน” ผมจะสารภาพทีไรมีแต่เรื่องให้ผมอกหัก“ผามีแฟนทิ้งปลายตั้งหลายครั้ง”“ก็ใครย้ำนักย้ำหนาว่าเป็นเพื่อนไง” เธอแหละวางผมไว้เป็นเพื่อนตลอดใครจะกล้าล้ำเส้น ผมแสดงออกตั้งหลายครั้งว่าชอบเธอ“ปลายอยากเป็นมากกว่าเพื่อนตลอดแหละ แล้วใครกันล่ะเมื่อไหร่ก็มีแฟน พอมีแฟนก็หายหัวไปเลย” เธอย่นหน้าให้ผม“อยากตัดใจจริง ๆ นะ มันเจ็บ ว่าแต่คุยกันเรื่องลูกอยู่ดี ๆ แล้วเรามาเรื่องนี้กันได้ยังไงเนี่ย”“เออ นั่นสิมาเรื่องนี้ได้ยังไงกัน” ปลายเองก็งงว่าเรามากันเรื่องของตัวเองได้อย่างไรกัน แล้วยังโกรธย้อนหลังกับอดีตที่ผ่านมา เราทั้งคู่หัวเราะชอบใจ“ขอบคุณนะผา ที่เตือนสติปลาย ปลายชอบมองว่าลูกยังเด็กไม่อยากให้ลูกมีแฟน ทั้ง ๆ ที่ลูกอายุเท่าเราในตอนนั้นเลย” ในตอนนั้นที่เธอหมายถึงคือตอนที่ผมกับปลายเริ่มชอบกัน ตอนนั้นพวกเราอายุเท่ากับลูก ๆ ในตอนนี้นั่นแหละ“ผาเข้าใจ ไม่ผิดหรอกคนเป็นพ่อเป็นแม่ก็แบบนี้ทั้งนั่นแหละ ผาเองก็เป็นห่วงลูกไม่ต่างกับปลาย แต่เราดูแลเขาไม่ได้ไปตลอดชีวิตประสบการณ์จะทำให้เขาเป็นผู้ใหญ่ขึ้นและดูแลตัวเองได้” ด้วยความที่ผมเป็นผู้ชายด้ว
ใช่ ตอนนี้เต็มไม้เต็มมือ แถมยังร้อนอีกต่างหาก“ปลาย...” เสียงผาเซ็กซี่จนฉันสะท้าน เสียงทรมานแบบนี้ยิ่งทำให้ฉันอ่อนยวบไปทั้งตัว ปลายนิ้วเขาปัดผ่านตุ่มไตบนเนินทรวง ยอดถันหดเกร็งอย่างอัตโนมัติ ความชื้นฉ่ำตรงกลางกายบ่งบอกว่าฉันเองก็อยากได้เขาไม่ต่างกัน “ผา...ไม่ไหว” ฉันไม่ไหวแล้วตอนนี้ อยากเหลือเกิน ยิ่งเขาปลุกปั่นฉันยิ่งอยาก คงเพราะเราทั้งสองร้างรามาหลายเดือน เขาเองคงไม่ต่างจากฉัน“อยากทำหรืออยากให้ผาทำ” วันนี้ฉันอยากเป็นฝ่ายกระทำมากกว่าโดนกระทำย่ำยี“ปลายจะย่ำยีผาให้หนำใจ”“เอาเลยทูนหัว ย่ำยีผัวให้หนำใจ”“อา....” ฉันเริ่มย่ำยีเขาอย่างที่ใจต้องการ บดเนินเนื้อเข้าหาส่วนแข็งขึงให้แข็งกว่าเดิม ส่ายร่อนเอวอย่างที่เขาชอบ เสียงครางต่ำของเขาบ่งบอกว่าทรมานแค่ไหนในการโดนย่ำยีครั้งนี้“ปลายจ๋า” เสียงผาหวานเหลือเกิน ฉันตอบรับเขาเสียงหวาน ก่อนจะโน้มตัวให้หน้าอกคัปดีในตอนนี้บดเบียดกับหน้าอกแกร่งของเขา จูบเร่าร้อน ลิ้นร้อนร้ายไล้ชิมในโพรงปากของเราทั้งคู่ดูดดึง หยอกล้อกันฝ่ามือหนาของผาบีบแก้มก้นฉันแน่น เขาจับของเขาจ่อตรงร่องรักฉ่ำชื้น ฉันโยกตัวขยับให้ทุกอย่างเข้าหากันได้ง่ายขึ้น เมื่อเป้าหมายไม่พล
ผากำลังอุ้มลูกของเราในวัยแรกคลอด เด็กผู้ชายแฝดสองคนหนึ่งผาอุ้มไว้ในอ้อมกอดแสนอบอุ่น ก่อนที่เราจะมีลูกผาตัดสินใจเรียนต่อเฉพาะทางกุมารเวชลูกชายอีกคนแม่ของฉันอุ้มไว้แนบอกหลานยาย แม่ของฉันเกษียณอายุจากการเป็นอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยแล้ว ฉันจึงขอร้องให้แม่ช่วยมาอยู่เป็นเพื่อนฉันกับผา เราสองคนปลูกบ้านหลังใหม่ ไม่ห่างจากบ้านหลังเดิมของพ่อมากนัก เพราะลูกแฝดทำให้ผาค่อนข้างกังวลเมื่อลูกเขยสุดที่รักขอร้องให้มาอยู่เป็นเพื่อนลูกสาวกับหลาน แม่ที่อยู่คนเดียวตอนนี้จึงตัดสินใจไม่ยาก เพราะความห่วงฉันและหลานใจลึก ๆ ฉันก็อยากให้พ่อกับแม่ลองได้พูดคุยกันอีกครั้ง แต่ก็นั่นแหละ ความสัมพันธ์ของพ่อกับแม่ยุติมาแสนนานแล้วจึงค่อนข้างยากที่จะให้กลับมาเหมือนเดิม“น้องไปป์ น้องโป๊ป” เสียงเรียกของคนที่เพิ่งมาถึง พ่อของฉันมาถึงพร้อมย่า ตอนนี้ฉันย้ายกลับมาพักฟื้นที่บ้านแล้ว เด็ก ๆ อายุได้หนึ่งเดือนแล้วแข็งแรงทั้งคู่ น้ำหนักและความยาวถึงจะน้อยกว่าเด็กในวัยเดียวกันแต่ก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ปกติ“ไหนขอทวดดูหน้าหน่อย” ย่านั่งลงบนโซฟาในห้องนั่งเล่น เรียกดูหน้าเหลน ผากับแม่ฉันจึงอุ้มเด็กทั้งคู่มาให้ย่าดูหน้าชัด ๆ ย่าท่องคาถาอะไร
“ขอโทษ” ผาค้อมศีรษะให้น้ำปั่นอย่างรู้สึกผิด“ไม่ต้องขอโทษเรา ไปขอโทษปลายโน่น รักเขาแต่ไม่ยอมบอก เป็นเรานะปลาย จะเล่นตัวให้เข็ด” น้ำปั่นยังปล่อยพลังทำลายล้าง ผานั่งตัวงออย่างรู้สึกผิดกับฉันและน้ำปั่น“ไม่ต้องขอโทษแล้วผา ตอนนั้นเรายังเด็กด้วยกันทั้งคู่ กว่าน้ำปั่นจะมาเจอแฟนคนนี้ น้ำปั่นเองก็คบมาเยอะ ถือว่าเป็นประสบการณ์ของคนสวยก็แล้วกัน ว่าไหมปลาย”ฉันสะอึกเพราะกลายเป็นผู้มีประสบการณ์น้อยขึ้นมาทันทีน้ำปั่นยกข้อมือดูเวลา เราทั้งสองแลกคอนแท็กต์กันไว้หลายช่องทาง“ไปก่อนนะปลาย ผา ขอให้รักกันแบบนี้ตลอดไปให้เหมือนที่ผ่านมานะ เราไปก่อน” น้ำปั่นอวยพรพร้อมทั้งล่ำลากัน คำอวยพรของน้ำปั่นทำให้ฉันรู้ว่า เธอรู้ว่าผารักฉันตั้งแต่ตอนนั้น“น้ำปั่นรู้ว่าผารักปลาย” เขาย้ำความคิดฉันด้วยคำพูดอีกครั้ง นี่เป็นเหมือนสิ่งค้างคาใจฉันมาตลอด เพราะน้ำปั่นคือแฟนคนแรกของผา และเป็นแฟนคนเดียวที่เขาแนะนำให้ฉันรู้จักอย่างเป็นทางการ“น้ำปั่นแมนมากเลย”“น้ำปั่นมีลูกแล้วปลาย” ผาทำหน้าตาตกใจ คงกลัวฉันจะชอบน้ำปั่นสินะ“ที่บอกว่าแมนหมายถึงเขาไม่งี่เง่าใส่ปลายเหมือนหมอฝ้าย” ฉันคิดว่าถ้าเจอหน้าน้ำปั่นคงมองหน้ากันไม่ติด ใครจะคิด
“ปลายรักผา รักมานานแล้ว อ๊ะ” ฉันบอกรักเขาพร้อมกับรัดเขาแน่น ๆ ด้วยร่องรักที่เต้นตุบ ๆ บดร่องรักเข้ากับตัวตนของเขาจนแทบไม่มีช่องว่าง พร้อมกับเขี่ยระรัวตรงส่วนของเกสรให้เขาดูด้วย“ปลาย ท่านี้โคตรเอกซ์” เขาพูดพร้อมทั้งบีบหน้าอกฉันแรงกว่าเดิม ทำไมฉันจะไม่รู้ว่าท่านี้โคตรเอกซ์และเขาชอบแค่ไหน ทุกครั้งที่ทำท่านี้ ทุกครั้งที่มองเขา สายตาเขาและตัวตนเขาที่จมอยู่ในร่องรักจะกระตุกตลอด“ผาก็โคตรเอกซ์ ปลายชอบทุกส่วนของผา” ฉันบีบกล้ามอกเขาแรง ๆ อย่างที่เขาบีบฉัน กล้ามนี้ไม่ได้ให้ความรู้สึกนุ่มนิ่ม หากแต่ให้ความรู้สึกเคร่งครัด แน่นไปทุกสัดส่วน“ปลายแต่งงานกันไหม” ใครมาขอแต่งงานตอนที่ผู้หญิงกำลังขย่มอยู่บ้าง ฉันควรจะร้องไห้เพราะความดีใจหรือเพราะความเสียวดี“ผาเอาเสร็จก่อนค่อยขอ” ขอแต่งงานควรสวมแหวนสิ ไม่ใช่สวมอะไรอย่างตอนนี้“ตอนนี้อารมณ์มันได้”“อื้อ ผาไม่เล่น” เขาจูบฉันทั้งยังสวนเอวเข้ามาไม่หยุด“ไม่ได้เล่น แต่งไหม”“อื้อ แต่ง แต่ง แตกแล้ว”“จะแต่งหรือจะแตก” เขาหัวเราะอย่างอารมณ์ดีเมื่อฉันแตกกับตัวตนของเขาพร้อมทั้งตอบตกลงแต่งงานกับเขา รักข้างเดียวตลอดหลายปีของฉัน สุดท้ายฉันก็ได้เขามาครอบครองทั้งกายแ
“ไม่รู้สิ คนถูกจีบบื้อไปหน่อยมั้ง” เขายักไหล่พร้อมทั้งหัวเราะอย่างชอบใจที่ได้ว่าฉัน“ปากหนัก มโนเก่ง” ฉันว่าพร้อมทั้งเบ้ปากให้เขา เพราะความปากหนักและขี้มโนของเขานั่นแหละ ทำให้เราสองคนต้องอดทนรอกันและกันมาถึงสิบสองปี“ถือว่าแยกกันไปเติบโต พอผาได้บรรจุ ผาคิดเลยนะว่าจะไม่ยอมให้ปลายหลุดมือผาไปอย่างแน่นอน”“ขนาดนั้นเลย” ฉันแกล้งแซว“ทั้งพาไปเลือกคอนโด ทั้งจับมือ ทั้งหอมมือ ยังไม่รู้อีกว่าอยากเป็นมากกว่าเพื่อน”จริง ๆ ตอนนั้นฉันก็แอบหวั่นไหวมาก ถึงได้ขอคบเขาเป็นเพื่อนนอน เพราะคิดว่าจะหลบอยู่ในซอกหลืบของความเป็นเพื่อนต่อไปคงไม่ไหว“ก็รู้แล้วไงตอนนี้ ทำไมชอบว่าเนี่ย” ฉันปั้นปากใส่เขาอย่างหมั่นไส้“ผารักปลาย”พอเขาพูดคำนี้ทีไร ฉันที่ปั้นปากอย่างอารมณ์ไม่ดีแปรเปลี่ยนเป็นยิ้มกว้างอย่างดีใจ คำบอกรักของเขาฟังกี่ทีฉันก็ไม่เคยเบื่อ เหมือนน้ำฝนที่ไหลลงพื้นดินมอบความชุ่มฉ่ำหัวใจได้ตลอดเราสองคนกลับจากตลาดในเวลาเกือบสามทุ่ม พนักงานของรีสอร์ตพาเราสองคนกลับมาส่งที่ห้องอย่างปลอดภัย ฉันตรงไปยังห้องน้ำเพื่ออาบน้ำทันที เหนียวตัวเพราะฝุ่นควันจากตลาด และร้อนเพราะเครื่องดื่มที่กระดกเข้าไปหลายแก้ว“ผา อย่าเพิ่ง