บทที่ 7
จูบแรก
ทว่าครั้งนี้...
ดวงตาคู่คมยังคงจ้องอยู่ที่ตำแหน่งเดิม กระทั่งได้สบกับดวงตาหวานที่ฉ่ำปรือ จรัสรักกำลังจะขยับปากด้วยความสงสัย หากแล้วก็ต้องเบิกตากว้าง เมื่อจู่ ๆ คนตัวสูงก็โน้มตัวลงมา
...แล้วประกบริมฝีปากเข้ากับปากของเธอ!
“อื้อ! อุน อื้อออ” ในคราแรกหญิงสาวพยายามขัดขืน เพราะนึกถึงกฎเหล็กที่เขาตั้งไว้ เธอจำได้ขึ้นใจ เขาบอกว่าจะไม่จูบและห้ามจูบเขาเด็ดขาด จรัสรักกลัวว่านี่จะเป็นการผิดข้อตกลง
แต่ทว่าไม่ว่าเธอจะพยายามเบี่ยงหน้าออกอย่างไร เขาก็ยังไล่ตามมาประกบ ทั้งยังใช้มือยึดใบหน้าเธอเอาไว้ ชายหนุ่มผละออกไปครู่หนึ่ง สบตาเธอด้วยแววตาลุ่มลึกตรึงให้เธอยอมอยู่นิ่ง ๆ และวินาทีต่อมาเขาก็แนบริมฝีปากตัวเองลงมาอีกครั้ง
หัวใจของจรัสรักเต้นระส่ำไม่เป็นจังหวะ เพราะนี่คือจูบแรกของเธอ เธอจูบไม่เป็นและไม่เคยจูบกับใครมาก่อน แต่กระนั้นเธอก็พยายามตอบรับจูบของเขาให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้
ยิ่งจูบนานเท่าไร ก้อนเนื้อในอกของเธอก็ยิ่งสั่นแรงมากขึ้น แรก ๆ เธอมีความเกร็งเล็กน้อย ทว่าใช้เวลาเพียงไม่นานเธอก็เริ่มเรียนรู้ เผยอริมฝีปาก ตวัดลิ้นเกี่ยวกับเรียวลิ้นร้อนที่รุกล้ำเข้ามา
“อืม...” จิณณ์ครางเบา ๆ ในลำคออย่างพอใจเมื่ออีกฝ่ายเรียนรู้เร็ว เมื่อลองปล่อยใจและไม่ต้องคอยหักห้ามใจตัวเอง ก็พบว่ารสจูบของผู้หญิงคนนี้มัน ‘ดี’ กว่าที่คิด
ขณะที่กำลังตักตวงความหวานจากริมฝีปากบาง มือและสะโพกหนาก็เริ่มสานต่อสิ่งที่ทำค้างไว้ก่อนหน้านี้ จิณณ์ค่อย ๆ ขยับเอวในจังหวะเชื่องช้า เพราะสมาธิเกือบทั้งหมดยังอยู่ที่การจุมพิต
แม้จะยังรู้สึกไม่พอ แต่นาทีต่อมาเขาก็ต้องตัดใจผละริมฝีปากออกมาก่อน เมื่อภายในช่องทางอ่อนนุ่มเริ่มตอดรัดถี่ขึ้นเรื่อย ๆ ในทุกครั้งที่เขาขยับกายเข้าออก เท่านั้นยังไม่พอ จิณณ์เลื่อนมือไปขยี้ใจกลางความเป็นหญิง ส่งผลให้ร่างบางเปล่งเสียงครางหวานออกมาอีกครั้ง
“อื้อ คะ...คุณ รัก...จะไม่ไหว อ๊ะ อื้อ” มันเสียวมากเกินไป เสียวจนเผลอแทนตัวเองด้วยชื่อจริง ๆ แต่โชคดีที่เขาไม่ได้เอะใจอะไร
ชายหนุ่มไม่ฟังที่เธอพูด เขาดันเข่าทั้งสองข้างของเธอให้ชิดหน้าอก ก่อนจะตอกตรึงเข้าไปด้วยทวงท่าลึกกว่าเดิม ยิ่งเห็นเธอมีสีหน้าทรมานมากเท่าไร เขาก็ยิ่งพอใจมากขึ้นเท่านั้น
จรัสรักไม่อาจกลั้นเสียงครางได้อีกต่อไป เธอส่งเสียงออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ ปัดป่ายมือไปทั่วเตียงเพื่อหาที่ยึด กระทั่งมาหยุดที่บ่ากว้าง เป็นจังหวะที่จิณณ์ปล่อยขาเรียวให้แยกออกจากกัน ก่อนที่ตัวเขาจะโน้มลงมาจูบคนตัวเล็กอีกครั้ง ตักตวงราวกับคนไม่รู้จักพอ
ลิ้นหนาสอดแทรกเข้าไปคว้านหาความหวานล้ำ ขณะที่ส่วนสอดประสานยังคงเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง มือทั้งสองข้างบีบขยำอกนุ่ม ไม่นานก็เคลื่อนใบหน้าลงไปคลุกเคล้า สลับกับดูดดึงอย่างดูดดื่มจนเกิดเสียงหยาบโลนดังทั่วห้อง
กระทั่งรู้สึกถึงแรงตอดรัดที่รุนแรงขึ้น บ่งบอกว่าคนใต้ร่างใกล้จะถึงฝั่งฝัน เขารีบพลิกให้หญิงสาวนอนคว่ำ รั้งสะโพกเธอขึ้นมาให้อยู่ในท่าคลานเข่า จากนั้นก็สอดใส่จากข้างหลัง ก่อนจะโหมกระหน่ำรัวเร็วราวกับคลื่นทะเลสาดซัด
ไม่ถึงหนึ่งนาทีต่อมาร่างบางก็กระตุกอย่างรุนแรง ภายในช่องทางอ่อนนุ่มตอดรัดแรงและถี่ ทำให้จิณณ์ต้องขบกรามเข้าหากันแน่นจนขึ้นเป็นสันนูน ชายหนุ่มเร่งส่งตัวเองให้ถึงปลายทางตามเธอไปติด ๆ
และไม่รู้ว่าเขาคิดไปเองหรือเปล่า จิณณ์รู้สึกเซ็กซ์วันนี้ดีกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา ดีจนรู้สึกอยากอยู่ในตัวเธอนาน ๆ ชายหนุ่มหลับตาแหงนหน้าขึ้น ส่งเสียงคำรามผ่านลำคอในช่วงสุดท้ายของเกมสวาท เพียงไม่นานเขาก็ปลดปล่อยทุกหยาดหยดขณะที่ตัวตนยังแช่อยู่ในกายสาว
ตอนนี้จรัสรักยังไม่มีสติไปคิดอย่างอื่น แต่แล้วหัวใจก็พลันเต้นโครมคราม เมื่อหลังจากเซ็กซ์อันเร่าร้อนจบลง เธอทิ้งตัวฟุ่บหน้าลงบนที่นอนอย่างหมดเรี่ยวแรง ทว่าคนตัวสูงที่ควรจะผละออกไปทันทีทิ้งตัวลงมานอนทาบทับ อีกทั้งยังพรมจูบตามลาดไหล่ ซอกคอ ขึ้นมาจนถึงใบหู
หญิงสาวไม่อยากขัดใจเขา ทว่าตอนนี้เธอเหนื่อยเกินจะเริ่มรอบต่อไปได้ทันที จึงตัดสินใจเอ่ยขึ้น “ขอพักก่อนสักแป๊บได้ไหมคะ”
“อืม” จิณณ์ครางรับคล้ายว่าอนุญาต ทว่าริมฝีปากกลับไม่ผละห่างออกจากผิวกายเนียนนุ่มเลยแม้แต่น้อย หนำซ้ำยังลากไล้ใกล้ริมฝีปากบางมากขึ้นทุกที จรัสรักคิดว่าเขาจะหยุด แต่กลับไม่เป็นอย่างที่คิด
ชายหนุ่มใช้มือประคองใบหน้าหวานให้หันกลับมาอีกเล็กน้อย แล้วแนบริมฝีปากของตัวเองลงไปที่ริมฝีปากของเธอ ก่อนจะบดจูบอย่างเชื่องช้า ค่อย ๆ ลิ้มชิมความหวานที่ก่อนหน้านี้ไม่ได้มีสติรับรู้เต็มที่มากนัก
จูบไปได้สักพักหนึ่ง จิณณ์เริ่มรู้สึกว่าในทวงท่านี้ทำให้จูบไม่ค่อยถนัด เขาถอนจูบออกมา และพลิกกายหญิงสาวให้อยู่ในท่านอนหงาย ซึ่งแน่นอนว่าการเปลี่ยนท่าทำให้ส่วนที่ยังสอดประสานหลุดออกจากกันอย่างเลี่ยงไม่ได้
หัวคิ้วของชายหนุ่มย่นเข้าหากันเมื่อรับรู้ถึงความเย็นวาบที่ผิดปกติ เขาจึงก้มลงไปมอง ก่อนจะสบถคำหยาบขึ้นมาในใจ หลังเห็นว่าเครื่องป้องกันที่ควรจะทำหน้าที่อย่างมีประสิทธิภาพ กลับปริแตกและร่นขึ้นไปกองกันอยู่ส่วนโคน
“มีอะไรคะ” จรัสรักเห็นสีหน้าเขาเปลี่ยนไปจึงรีบใช้ศอกยันตัวขึ้น และมองไปยังจุดที่เขามองอยู่ ก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อเห็นความผิดพลาดที่เกิดขึ้น หญิงสาวแตะนิ้วไปที่ส่วนอ่อนไหวของตัวเอง ก็พบว่ามีของเหลวไหลย้อนออกมาจริง ๆ “คุณ...”
ถึงว่า...ตอนเขาเสร็จ เธอรู้สึกว่ามันฉ่ำแฉะกว่าครั้งไหน ๆ
“ฉีดยาคุมแล้วใช่ไหม” จิณณ์ถามเสียงเข้มและรอคำตอบจากอีกฝ่ายอย่างกดดัน สีหน้าเขาเคร่งเครียดจนจรัสรักเกิดความประหวั่น หัวใจดวงน้อยเต้นโครมครามยิ่งกว่าก่อนหน้านี้หลายสิบเท่า เธอรีบหลุบตามองมือตัวเอง ก่อนจะตอบคำถามเขาออกไป
“ค่ะ...ฉีดแล้วค่ะ”
ตอนพิเศษ 3“เกรซซี่!”เจ้าของชื่อซึ่งกำลังนอนคว่ำกระดิกปลายเท้าระบายสีอยู่กลางห้องนั่งเล่นชั้นล่าง เงยหน้าขึ้นไปมองน้าสาวที่เพิ่งเดินเข้ามาในบ้าน ในมือมีกระดาษอะไรสักอย่างติดมาด้วยฟังจากน้ำเสียงที่เรียกเมื่อกี้เกรซซี่รู้สึกเสียวสันหลังแปลก ๆ เพราะปกติเวลาน้ากิ๊ฟต์กลับบ้าน น้ากิ๊ฟต์จะเรียกหาเกรซซี่ด้วยเสียงที่นุ่มนวลหรือไม่ก็ร่าเริงกว่านี้ แต่วันนี้แค่เรียกเสียงเข้มไม่พอ ยังทำสีหน้ายุ่งใส่กันอีกเกรซซี่ไปทำอะไรของน้ากิ๊ฟต์พังหรือเปล่านะ...ก็ไม่นี่นา ไม่ได้เข้าไปในห้องของน้ากิ๊ฟต์เลยด้วยซ้ำใจจริงอยากวิ่งเข้าไปรับอย่างที่เคยทำ ทว่าวันนี้เกรซซี่สังหรณ์ใจไม่ดียังไงก็ไม่รู้ แต่ถึงกระนั้นก็ยังขานรับน้าสาวเสียงหวาน “...ขาน้ากิ๊ฟต์”จารวีหันหน้าไปไหว้แม่และยายของตนที่นั่งเอนกายบนตั่งไม้อีกฝั่งของบ้าน ก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาอย่างแรง จากนั้นก็ยื่นเอกสารรายงานผลการเรียนชั้นอนุบาลไปตรงหน้าหลานสาวสุดที่รัก “อันนี้คืออะไรเนี่ย ทำไมเป็นแบบนี้”กนกนุชขยับนั่งขัดสมาธิ มองน้ากิ๊ฟต์กับกระดาษเอสี่ที่ถูกยื่นออกมาตรงหน้าด้วยความงุนงง ก่อนจะหันไปมองผู้เป็นแม่ซึ่งเดินตามหลังน้องสาวตัวเองเข้ามาด้วยรอยยิ้ม
ตอนพิเศษ 2โชคดีที่จิณณ์ฝึกลูกให้นอนคนเดียวตั้งแต่ย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้ ช่วงแรกที่ยังไม่เปิดเทอมอาจจะมีร้องไห้โยเยบ้าง เพราะตื่นมาแล้วไม่เจอใครอยู่ในระยะสายตา แต่พอค่อย ๆ บอกค่อย ๆ สอนว่าตื่นแล้วไปหาพ่อหรือหายายกับทวดได้ที่ไหน แกก็เริ่มเรียนรู้และเข้าใจ จากนั้นมาก็ไม่มีเสียงร้องไห้ตอนเช้าอีกเลยฉะนั้นหลังเล่านิทานส่งลูกเข้านอนเสร็จ คนเป็นพ่อเป็นแม่จึงได้มีเวลาสวีตหวานในห้องส่วนตัวกันบ้าง“เรียนทำขนมวันนี้เป็นไงบ้าง” จิณณ์เอ่ยถามภรรยาที่กำลังใช้สำลีลบเครื่องสำอางซึ่งแต่งแต้มเพียงบางเบา เตรียมตัวเข้าไปอาบน้ำ ส่วนเขาก็กำลังปลดเปลื้องเสื้อผ้าตัวเองเพื่อจะเข้าไปอาบพร้อมกันจรัสรักมองเรือนร่างของสามีผ่านกระจก ใบหน้าสวยร้อนผะผ่าวพร้อมกับหัวใจที่จู่ ๆ ก็สั่นรัวขึ้นมา หญิงสาวรีบเลื่อนสายตาไปโฟกัสจุดอื่น แม้จะเคยเห็นมานับครั้งไม่ถ้วน ทว่าเธอก็ไม่เคยทำใจให้ชินได้เสียที“กะ...ก็ดีค่ะ พี่ฟางใจเย็นและสอนดีมาก” เธอตอบเสียงกะตุกกะตัก เกร็งตัวขึ้นเล็กน้อยเมื่อเขาเดินเข้ามายืนใกล้ ๆ จิณณ์ดึงชุดคลุมอาบน้ำช่วงไหล่ของภรรยาลง ก่อนจะประทับจูบร้อน ๆ ลงบนไหล่เปลือย จากนั้นก็พูดต่อ“คุณอยากได้สูตรไหนหรือ
ตอนพิเศษ 1หลังจากงานแต่งงานและทำบุญขึ้นบ้านใหม่ซึ่งถูกจัดขึ้นเป็นงานเล็ก ๆ แต่อบอุ่นเสร็จสิ้นไป จิณณ์ก็ขอให้ทุกคนย้ายเข้ามาอยู่ด้วยกันที่บ้านหลังนี้ ซึ่งก็เป็นไปตามคาด หญิงมากวัยทั้งสองคนมีอาการงอแงเล็กน้อย ด้วยไม่อยากละทิ้งบ้านของตนที่เต็มไปด้วยความทรงจำมากมายจรัสรักพยายามเกลี้ยกล่อมพร้อมทั้งอธิบายให้แม่และยายของตนเข้าใจ เธอเองก็ไม่ได้จะทิ้งบ้านหลังนั้น แต่ด้วยสภาพที่เก่าและทรุดโทรมตามกาลเวลา อีกทั้งยังมีข้าวของเก็บไว้มากมาย ซึ่งบางอย่างก็เป็นของที่ไม่ได้ใช้แล้ว หญิงสาวจึงถือโอกาสนี้เคลียร์ของและจะทำการรีโนเวตบ้านใหม่ จากนั้นจะยกให้เป็นชื่อของจารวีจิณณ์ถามน้องสาวภรรยาว่าอยากรื้อแล้วสร้างใหม่เลยหรือไม่ จะได้บ้านในแบบที่ต้องการ ทว่าจารวีปฏิเสธพร้อมบอกว่าเอาไว้ก่อน เพราะล่าสุดพี่เขยก็เพิ่งจะถอยรถมินิคูเปอร์คันละสามล้านให้เป็นของขวัญเรียนจบแบบสด ๆ ร้อน ๆ โดยให้เหตุผลว่าระบบเซฟตีมันดีมากกว่ารถอีโคคาร์ทั่วไป ยังไม่นับคอนโดมิเนียมที่กำลังเลือกดูเพื่อจะซื้อให้พักอาศัยระหว่างที่เรียนต่อเนื่องจากสองพี่น้องมีความใฝ่ฝันที่จะเป็นหมอ แต่ขาดแรงสนับสนุนจึงไม่ได้ไปต่อ ทำให้ต้องเลือกเดินในเส้นทางอ
บทที่ 32 รัก (ตอนจบ)“แต่งงานกับผมนะครับ”ในเมื่อเขาดีและทำเพื่อเธอขนาดนี้ ก็ไม่มีเหตุผลที่เธอต้องปฏิเสธ ถึงจะเป็นการขอครั้งที่สอง แต่เธอก็อดตื่นเต้นไม่ได้ จรัสรักพยักหน้า ตอบรับคำขอของเขาด้วยรอยยิ้มยินดี“ค่ะ รักจะแต่งงานกับคุณ”จบประโยคนั้นร่างบางก็สะดุ้งขึ้นเล็กน้อย เมื่อไฟที่ประดับประดาอยู่รอบ ๆ ตัวบ้านสว่างขึ้นพร้อมกันทุกดวง พร้อมกับเสียงโห่ร้องจากผู้คนมากมายดังขึ้นด้วยความยินดีใบหน้าสวยมองไปตามเสียงก็เจอกับเด็กหญิงกนกนุชในชุดสวยถือช่อดอกไม้วิ่งเข้ามาหา เลื่อนสายตาไปข้างหลังอีกก็เจอแม่และยายที่นั่งอยู่บนรถเข็น โดยมีปรานกับกฤษณ์เข็นให้ พร้อมทั้งพีรัช ภริตา จารวี และคุณหญิงพรรษา ยืนอยู่ข้าง ๆ กันทุกคนกำลังเดินเข้ามาด้วยรอยยิ้มจรัสรักรู้ว่าวันนี้มีนัดรับประทานอาหารร่วมกัน แต่ไม่รู้ว่าทุกคนจะมารวมตัวกันที่บ้านของเธอก่อน พวกเขามาตั้งแต่เมื่อไรกัน ทำไมเธอไม่ได้ยินเสียงรถเลย“ป้อจิน เอาให้แม่” เสียงของลูกสาวดึงสายตาเธอให้กลับมาสนใจคนตรงหน้าอีกครั้ง เด็กหญิงกนกนุชยื่นช่อดอกทานตะวันให้คุณพ่อตามที่พ่อปรานบอก“ขอบคุณครับ” จิณณ์รับดอกไม้มาถือ ก่อนจะคว้าตัวลูกสาวเข้ามากอดและกดจมูกหอมแก้มแ
บทที่ 32 รัก (ตอนจบ)หลังจากหมูกระทะมื้อค่ำสิ้นสุดลง ทุกคนก็ช่วยกันเก็บจานไปล้างและทำความสะอาดสถานที่ จิณณ์รับหน้าที่พาเด็กหญิงกนกนุชไปอาบน้ำ เนื่องจากหนูน้อยเริ่มตาปรือเพราะใกล้ถึงเวลาเข้านอนเมื่อบรรยากาศภายในบ้านเริ่มเงียบสงบ จารวีนั่งเล่นกับหลาน พูดคุยกับแม่และยายสักพักก็เข้าห้องส่วนตัวของตัวเอง ส่วนอ้อมใจก็จัดที่นอนเตรียมพักผ่อน หน้าที่พยาบาลพิเศษในบ้านหลังนี้ไม่ได้หนัก และคนป่วยก็ไม่ได้จู้จี้จุกจิก พอทำหน้าที่หลักเสร็จก็สามารถนอนพักผ่อนได้ แต่ข้อเสียคือไม่มีห้องนอนส่วนตัวให้ ต้องนอนรวมกันที่ห้องโถงจรัสรักเดินมาเช็กความเรียบร้อยที่ครัวหลังร้าน เพราะพรุ่งนี้ต้องเปิดร้านขายของตามปกติหลังจากหยุดไปทำธุระหนึ่งวัน“อุ๊ย!” ทว่ายังไม่ทันได้หยิบจับสิ่งใด ร่างบางก็ถูกสวมกอดจากคนที่เดินตามเข้ามาติด ๆ หญิงสาวยิ้มและเอ่ยถามกลั้วขำ “อะไรคะเนี่ย”“อยากกอด” จิณณ์คลายวงแขนแล้วหมุนตัวเธอให้หันกลับมาเผชิญหน้ากัน จากนั้นก็โน้มใบหน้าลงไปจูบหน้าผากเธอแผ่วเบา “เมื่อไหร่บ้านจะเสร็จ”จรัสรักหลุดขำ นึกเอ็นดูคนตัวโตที่เริ่มงอแง นับวันก็ยิ่งเหมือนลูกมากขึ้นทุกที “คงอีกนานค่ะ ยังไม่ได้ลงเสาเลย”“รู้งี้ผมให้
บทที่ 31 คนพิเศษ“แม่แค่เป็นห่วงครับ ไม่ได้ดุ”“ดุ” ใบหน้าน้อย ๆ เอียงซบไหล่แกร่ง พยายามหลบสายตาแม่ แต่กระนั้นก็ยังแอบเหล่มอง“รับปากแม่ได้ไหมว่าครั้งหน้าเกรซซี่จะใส่รองเท้าก่อนออกบ้านทุกครั้ง” จรัสรักยังคงเสียงแข็งแต่ก็ยังฟังดูอ่อนโยนอยู่ในที เธอไม่ได้อยากเป็นแม่ใจร้ายหรอก แต่บางทีก็ต้องบอกต้องสอนกันบ้าง“รับปากแม่เร็ว คนเก่งของพ่อทำได้อยู่แล้ว” จิณณ์ให้กำลังใจ พร้อมเบี่ยงร่างเล็กในอ้อมแขนให้หันไปหาคนเป็นแม่“ต่อไปนี้เกรซซี่จะใส่รองเท้าก่อนทุกครั้งค่ะ” หนูน้อยยอมพูดแต่โดยดี ซึ่งผู้เป็นแม่ก็ไม่ได้ว่าอะไรอีก ส่งยิ้มให้พร้อมยกมือขึ้นมาลูบศีรษะอย่างชื่นชม“เก่งมากค่ะ”กลายเป็นคุณพ่อที่ทวนความจำให้ลูกแทน “จำได้ไหมครับ ที่คุณแม่บอกว่าถ้าไม่ใส่รองเท้าจะเกิดอะไรขึ้น”“จะเหยียบปะตู เลือดไหล ต้องไปหาหมอ แล้วก็ร้องไห้แง ๆ” จิณณ์ไม่แก้ไขที่ลูกพูดผิด รู้ดีว่าความเข้าใจของแกก็คือตะปูนั่นแหละ“ใช่แล้ว เพราะฉะนั้นต่อไปนี้เกรซซี่ต้องใส่รองเท้าทุกครั้งนะ โอเคไหม”“โอเคค่า” เมื่อเคลียร์กันลงตัว หนูน้อยก็กลับมายิ้มแย้มแจ่มใส“หาแม่ไหม พ่อจะขนของลงรถ” ชายหนุ่มบอกพร้อมส่งลูกให้คนเป็นแม่อุ้ม ซึ่งมือเล็ก ๆ