Masuk“เชี่ย มึงใจเย็นก่อนดิ!”
ไอ้แมนที่รับหมัดทุกหมัดเข้ากับเป้าชกที่มันตั้งศอกไว้ถึงกับเซแล้วผงะถอยหลังไป เพราะเมื่อทันทีที่ผมมาถึงร้านอาเจ๊กแล้วขึ้นเวทีมวยกับมันอย่างที่ฝึกกันเป็นประจำ ผมก็ทั้งฮุกหมัดซ้ายหมัดขวาใส่เป้าชกจนทอมที่ขึ้นชื่อว่าพละกำลังเกินหญิง เป็นกอริลล่าในร่างผู้หญิงเพราะกล้ามบึกบึนของมันต้องเซไปอีกทาง
และพอมันเปิดช่องให้แบบนั้น ผมเลยพุ่งตัวใหญ่ๆ เข้ามาแล้วจะซัดเข้าหน้ามันแบบจังๆ โดยที่ไม่สนว่าแม่งจะไม่ได้ใส่อะไรกันหน้าไว้หรือไม่
“ไอ้เหี้ยเพชร ใจเย็นๆ!!”
พลั่ก!!
“อั่ก!”
จนสุดท้าย เมื่อเพื่อนเห็นว่าวิธีชกดีๆ คงจะคุมคนที่สติแตกอย่างผมไม่อยู่ มันเลยใช้ตีนถีบอัดที่กลางเป้าของผมซึ่งเป็นจุดตายสำหรับผู้ชายทุกคน จนผมต้องหยุดทุกการกระทำทุกอย่างลงแล้วล้มลงไปนอนกุมเป้ากับพื้นอย่างเจ็บปวด
ไอ้เหี้ยแมนเอาส้นตีนมาขยี้หัวที่ตัดสกินเฮดของผมแล้วบี้ไปมา
“มึงเป็นห่าไร มึงคิดจะชกกูเหรอไอ้เหี้ยเพชร มึงจะฆ่าตัดตอนเพื่อนที่เลี้ยงดูมึงตลอดมาเหรอวะ”
“... อีกอริลล่าเอ้ย” ผมสบถด่ามันออกมาอย่างเจ็บใจ มันเลยพ่นลมหายใจ ถอดเป้าชกส่งให้ไอ้เจนที่ยืนเกาะเชือกเวทีอยู่รับไว้
เหยียบหัวแบบนี้กูถือนะ วันจันทร์ไปขอขมาหลวงลุงกับกูด้วยไอ้สัส
“แม่งเป็นเหี้ยไรอีก นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่แม่งสติแตกแล้วมาดวลมือกับกูนะ”
“ฮ่าๆ กูก็ไม่รู้” ไอ้เจนตอบกลับมาพร้อมกับรอยยิ้มแห้ง
“เชี่ย ปวดคxยชะมัด” ผมหยัดกายลุกขึ้นมาแล้วกุมเป้าตัวเองร้องโอดโอย โคตรปวดเลย ไม่รู้ว่านี่แรงคนหรือแรงช้าง ไม่รู้ว่าไอ้หนูผมมันยังอยู่ดีมั้ย “มึงก็ถีบมาได้ไอ้เหี้ยแมน”
“แล้วได้สติรึยัง” มันถามกลับมา แต่แม่งจี้ใจดำจนผมต้องลุกขึ้นมานั่งกุมท้องตัวเองแล้วนิ่ง “มึงเป็นไรมา อยู่ดีๆ ก็มาชวนพวกกูมากินเหล้าที่ร้านอาเจ๊ก แล้วไหนเหล้า? มีแต่มึงมาท้าชกกับกูเนี่ย”
“...”
“นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มึงมาพาลกับมวยนะเว้ย แล้วทุกครั้งก็จะเป็นเรื่องผู้หญิงเสมอเลย” มันเลิกคิ้ว แล้วผมก็สะอึก เพราะแม่งจี้จุดอีกแล้วว่ะ “ทำไม มึงไปชอบใครแล้วเขากลัวมึงอีก?”
“ไม่มี” ผมตอบกลับไปสั้นๆ ก่อนที่จะค่อยๆ ยันกายลุกขึ้นยืนเต็มความสูง “แค่อิจฉามึงมั้ง เห็นลงรูปเมียใหม่ใน I*”
“โธ่ไอ้ควาย น้องนุ้กนี่กูคุยมาเป็นเดือนละเหอะ มึงก็รู้ปะ” ไอ้แมนพูดแล้วลอดเชือกลงไปข้างล่าง ตรงนั้นมีไอ้หญิงที่นั่งทาลิปสติกอย่างแรดๆ อยู่ ผมเดินไปพิงเชือกอย่างสุดเซ็ง แล้วไอ้เจนก็ตบบ่าผมเบาๆ
“เล่าได้นะ เพื่อนกัน”
“ไม่ต้องเสือก” ผมโต้กลับไปอย่างปากหมาตามปกติ แล้วไอ้เจนก็แค่นหัวเราะออกมาอย่างชาชิน “ไปแดกเหล้าได้ล่ะ ไอ้หญิงมันดูอยากจะกลับไปดูดคxยผัวเต็มที่แล้ว”
“แหมไอ้เพชร ปากมึงนี่น่าจับตบล้างน้ำเนอะ” และเพื่อนผู้หญิงเพียงคนเดียวของผม (ที่เหลืออยู่ในตอนนี้) ก็แว้ดเสียงแจ๋นขึ้นมา พวกเราทั้งสี่คนหัวเราะให้กับเสียงแปดหลอดของมัน แล้วผมก็ลอดเชือกตามลงไปบ้าง
“ไปเหอะ เสี้ยนเหล้า” ผมเกริ่น แล้วกอดคอพวกมันทุกคน
อย่างน้อยๆ ไอ้พวกนี้แหละคือเพื่อนที่ไว้ใจได้
ถ้าผมเล่าเรื่องไอ้เด็กเอ๋อนั่น ก็คงจะเป็นตอนที่เมาเนี่ยแหละว่ะ
‘ร้านข้าวขาหมูอาเจ๊ก ผนวกค่ายมวยอาเจ๊กใหญ่’
ผมซัดข้าวขาหมูแบบลืมตาย ไม่ได้หิว แค่กระเพาะใหญ่ แดกไรก็ไม่อิ่ม เพราะกินยังไงก็ต้องออกกำลังต่อให้ร่างกายมันเผาผลาญอยู่ดี ผมเป็นพวกบ้าออกกำลังมาก บ้าทั้งมวยทั้งบ้ายกเวท เคยเป็นเทรนเนอร์อยู่ช่วงนึงแต่ทำต่อไม่ได้เพราะวิวาทะกับลูกค้า สรุปคือทำงานไรไม่ได้สักงาน สิ่งที่ผมทำได้ก็คืองานที่เป็นเจ้าคนนายคนเท่านั้น
เอาง่ายๆ คือผมมันคือพวกบ้าพลังอย่างแท้จริง
ไอ้เจน ไอ้แมน ไอ้หญิงนั่งดูผมแดกข้าวอย่างเฉยเมย เพราะพวกมันชินแล้วกับชายร่างใหญ่อย่างผม ที่ซัดกับข้าวทุกอย่างบนโต๊ะหมดแค่เพียงไม่กี่นาที ไม่ว่ากับข้าวที่พวกมันเหลือทิ้งไว้จะเยอะแค่ไหน ผมซัดให้หมดได้ตลอด
“น่า-เบื่อ! นี่กี่ครั้งแล้วที่มึงชวนพวกกูมากินเหล้าเพื่อมาดูมึงอาละวาดเนี่ย” ไอ้หญิงพ่นคำด่าออกมา เหมือนจะพยายามเป็นปากเสียงให้คนอื่น แล้วกดพิมพ์แชทคุยกับผัวมันอย่างหงุดหงิดงุ่นง่าน “ชิ ผัวก็ไม่ใช่ ทำไมกูต้องมาคอยปลอบมึงตั้งแต่มัธยมด้วยวะ”
“มึงเป็นวัยรุ่นเหรอ จะติดไรผัวมึงขนาดนั้น” ผมที่อมข้าวตุ่ยอยู่ในปากอ้าปากด่าแม่งทันที แล้วเม็ดข้าวแม่งก็กระเด็นออกจากปากจนไอ้หญิงที่พิมพ์แชทอยู่เอี้ยวไหล่หลบอย่างขยะแขยง “เสียดายแรงที่เคยตามจีบมึงจริงๆ”
“โธ่ อีควาย ตอนแรกเห็นมึงหล่อดีก็เล่นด้วยนะ แต่พอเจอความปากหมาก็ไม่เอาแล้วจ้ะ”
“กูปากหมาแล้วไปหนักหัวพ่อมึงเหรอ”
“ไม่หนักหัวพ่อกูหรอกค่ะ แต่หนักหัวกูนี่แหละ!”
“พอ พวกมึงพอเลย”
พอเห็นว่าผมกับไอ้หญิง (ที่เคยเป็นคนคุยเก่ามาก่อน) เริ่มหาเรื่องกันอีก ไอ้แมนที่เป็นทอมหนึ่งเดียวในกลุ่มก็ยกปางค์ห้ามญาติใส่ผมกับแม่ง จนผมกับมันต้องสะบัดหน้าไปคนละทาง มันกดแชทรัวมากขึ้น คงจะฟ้องผัวมันมั้ง แต่หน้าอย่างผัวมันทำไรกูได้มั่ง ตัวก็เล็กกว่าเป็นคืบ
ผมถึงบอกไง ว่ามันตาไม่ถึง
“ถ้ามึงเลือกกูนะ ป่านนี้สบายไปแล้ว” แต่ผมไม่หยุดว่ะ จะทำไม พูดแดกดันไอ้หญิงแบบเกินจริงทั้งที่ยังเคี้ยวข้าว ก่อนที่จะเห็นว่ามันพ่นลมหายใจออกมาดังพรืด “กูคุมทั้งซอยแถวนี้อ่ะ เผื่อมึงยังไม่รู้”
“จะบอกไรให้ฟังเอาบุญนะเพื่อนเพชร” เธอหันมากระแทกคำว่าเพื่อนใส่หน้าจนผมชะงัก “คนอย่างมึงมันก็มีดีแค่ตัวโตกับแรงเยอะเท่านั้นล่ะ”
“...”
“ตอนมึงจะขอเย็บกู มึงยังพูดไม่เป็นภาษาเลย” คราวนี้ผมสำลักข้าวทันที มันเลยหัวเราะออกมาอย่างชอบใจ “ร้อยทั้งร้อยผู้หญิงไม่ชอบหรอก ผู้ชายไก่อ่อนอ่ะ”
“มึงเคยเห็นคxยกูยัง ตอนนั้นยังไม่ทันได้เห็นคxยกูเลย มึงด่วนตัดสินไง”
“คxยใหญ่แค่ไหนแต่ไร้ลีลาก็ไม่เอา”
“อีชิบหายเอ้ย” ผมสบถออกมาอย่างหงุดหงิดแล้วหยัดตัวลุกขึ้นเต็มความสูง ไอ้หญิงมันก็ลุกขึ้นเหมือนกัน จนได้ไอ้แมนกับไอ้เจนมาห้ามทัพไว้ก่อน คราวนี้เลยแยกกันนั่งกระดกเหล้าอยู่คนละมุม เพราะมันกดโทรหาผัวคุยกันกระหนุงกระหนิงอยู่นอกร้าน
ส่วนผมอ่ะเหรอ กระดกเหล้าเอาๆ เหมือนจิบน้ำเปล่า จนไอ้แมนต้องพ่นลมหายใจออกมา
“มึงจะฝังใจไอ้หญิงก็ไม่แปลกหรอกนะไอ้เพชร แต่ทำตัวให้มันดีๆ หน่อยดิ ไอ้หญิงมันมีผัวคนนี้มาปีกว่าแล้ว มันก็ดูรักกันดี”
“กูไม่ได้ฝังใจไรกับมันเลย” ผมกระแทกเสียงออกมาจนเหล้าที่กินไปกระฉอกออกมาจากริมฝีปาก เลยใช้หลังมือปาดออก “แค่เจ็บใจเรื่องที่มันพูดว่ากูไก่อ่อนเฉยๆ”
“เอาจริงๆ” ไอ้แมนท้าวคางพร้อมกับชงเหล้าให้ตัวเอง “มึงควรหาแฟนคบจริงๆ จังๆ ได้แล้วนะ ปีนี้ก็ 23 ละ มึงไม่คิดว่าชีวิตมึงใช้ไปกับเรื่องทะเลาะวิวาทจนมากไปบ้างเหรอ”
“...”
“กูว่าเพราะมึงไม่เคยพ้นเรื่องพวกนี้ ผู้หญิงเลยไม่โอเคกันเปล่า ในจุดนี้กูหมายถึงไอ้หญิงด้วยนะ”
“กูก็พักเรื่องพรรค์นี้มาเป็นเดือนแล้ว” ผมพูดออกมาอย่างเซ็งๆ แล้วควงแก้ววนไปมา “แต่มารู้สึกตัวอีกที ผู้หญิงก็ไม่เคยเข้าใกล้กูอีกเลย”
“...”
“เออ แต่ก็พอมีอยู่คนนึง” ผมเกริ่นไปลอยๆ แบบนั้นแล้วนิ่งค้างไป อยู่ดีๆ ก็หน้าร้อนวูบวาบขึ้นมาแบบไม่มีสาเหตุ เอาจริงๆ ไม่รู้ทำไมผมถึงนึกถึงหน้าเอ๋อๆ ของไอ้เด็กอ้ายนั่นขึ้นมาตอนที่คิดถึงผู้หญิงที่คิดว่าน่าจะเข้าหาได้กันวะ
เมาแน่นอน ตอนนี้เมาแล้วชัวร์
“ใครเหรอ?” ไอ้เจนที่นั่งกระดกเหล้าเงียบๆ อยู่ข้างๆ โพล่งถามขึ้นมาด้วยความอยากรู้ ผมเหลือบไปมองหน้ามัน ก่อนที่จะแค่นหัวเราะดังเหอะ
ถามว่าทำไมถึงแค่นหัวเราะใส่หน้าเพื่อนที่คิดว่าสนิท ผมจะพูดให้ฟังก็ได้
ไอ้เจน ดูมันเป็นผู้ชายหน้าหวานๆ ทรงเป็นมิตรแบบนี้ แต่โคตรเสือผู้หญิงเลย เปลี่ยนผู้หญิงไปเรื่อยเหมือนเปลี่ยนกางเกงใน คลำแล้วมีก็เอาหมด อีกอย่างงานที่คนอย่างมันทำก็คืองานสักด้วย ผู้หญิงเลยยิ่งไม่ขาดมือ เพราะความดูภายนอกอ่อนโยน แต่ภายในซาดิสต์แบบนั้น
เคยได้ยินว่าตอนมันเอาผู้หญิง แม่งบีบคอด้วย
อาชญากรรมชัดๆ ไอ้เหี้ยนี่
ส่วนไอ้แมน มันเป็นทอม เป็นผู้หญิงที่มีใจรักในความเป็นชาย พอจบมัธยมปลายมันไปผ่าตัดใส่องคชาต เรียกว่าเป็นทรานซ์แมนไปแล้ว บวกกับมันเล่นแม่ไม้มวยไทยจนกล้ามโตพอๆ กับผู้ชายด้วย ผู้หญิงที่มีรสนิยมเดียวกันเลยติดเป็นพรวน สถานะตอนนี้ก็สละโสดเป็นรอบที่ร้อยได้มั้ง
และไอ้หญิง มันคือผู้หญิงที่ผมเคยจีบสมัย ม.3 เพราะตอนนั้นเป็นเพื่อนกันมาก่อน แล้วมันก็สวยดี ทรงโตด้วย แรกๆ ก็เล่นด้วย แต่พอเจอผมขอเอาแบบเด๋อๆ แม่งก็ขอกลับมาคบเป็นเพื่อนเหมือนเดิม
คือมันเป็นสก๊อยตอนนั้น พอโตมาก็มาทำงานพริตตี้มอเตอร์โชว์ ควงผู้ชายไปเรื่อย จนมาจบกับผัวคนล่าสุดที่ดูรักกันมาก
เอาง่ายๆ คือ มีผมในกลุ่มคนเดียวที่ไม่มีแฟนยังไงก็ยังคงไม่มีอยู่อย่างงั้น
อนาถสิ้นดี
“ไว้รอบหน้ากูจะพามาให้รู้จัก” ผมตอบปัด แต่ในใจคิดอีกแบบ หน้าอย่างไอ้เจนไม่มีวันที่จะได้เห็นหน้าค่าตายัยเด็กนั่นเด็ดขาด ยิ่งโง่ๆ ทึ่มๆ แบบนั้นอยู่ด้วย มีหวังเสร็จมันได้ในไม่กี่วิแน่
ผู้หญิงอะไร เดินเปลือยไปมาทั่วบ้านต่อหน้าต่อตาผู้ชายอกสามศอกอย่างผม แถมยังเป็นผู้ชายที่โสดด้วย
ถ้าไม่เรียกมันว่าไอ้เอ๋อจะให้เรียกว่าอะไร นี่ผมแม่งให้เกียรติสุดๆ แล้ว
[จบพาร์ท : เพชฌฆาต]
ตึกตัก ตึกตักหนูใจเต้นน้อยๆ จนรู้สึกได้นิดหน่อย หลังจากที่โดนรวบศีรษะเข้ามาซบที่หน้าอกหนาๆ ของเปิ้น เป๋นครั้งแรกที่เปิ้นกอดหนู (ที่บ่าใจ้เพราะเมาเหมือนตอนนั้น) และพอได้แนบชิดกับแผงอกที่แข็งแกร่งของเปิ้น หนูก็รู้สึกดีรู้สึกปลอดภัยเมื่อได้อยู่กับเปิ้นมากๆ“... ขอบคุณนะเจ้า” หนูไม่ได้เก็บอาการที่ว่าอยากจะกอดเขากลับ เพราะพอคิดได้แบบนั้นหนูก็รีบโอบรอบเอวสอบที่ทั้งมือของหนูโอบบ่าได้เต็มตัวของเขาทันที หนูเห็นว่าเปิ้นสะดุ้งนิดๆ แต่ต่อมาเขาก็ลูบผมหนูกลับแปลกจัง ปกติเปิ้นจะหวงตัวจะตายนี่เน้อ แต่คราวนี้เขายอมให้หนูกอด แถมยังลูบหัวหนูด้วย“อ้ายฮักเปิ้นนะ”หนูเลยสารภาพออกไปอย่างซื่อๆ แบบนั้นอย่างซาบซึ้งใจ เพราะเขาน่ะเหมือนกับเป็นพี่ชายคนหนึ่งในชีวิตหนูที่สำคัญที่สุดเลย เขาคอยช่วยเหลือหนูตั้งแต่เด็กแล้ว แม้ว่าทุกครั้งเปิ้นจะชอบแสดงท่าทีว่าเบื่อและรำคาญหนูมากก็ตามแต่พอได้ยินหนูโพล่งคำนี้ออกมา มือเขาที่วางอยู่บนหัวหนูก็แทบจะผละออกเหมือนต้องของฮ้อนในทันทีทันใด“นี่มึงรู้ความหมายของคำที่มึงพูดออกมาปะ” เสียงเขาสั่นด้วย จนหนูที่กอดแล้วเอาหัวที่ผมยาวยุ่งเหยิงซุกซบกับอกแกร่งเขาอยู่ต้องเงยหน้าขึ้นมามองเ
พลั่ก!“อะ โอ้ย”ทั้งตัวของหนูถูกผลักจนกระแทกเข้ากับผนังที่เย็นชืดข้างหลัง เพื่อนๆ ของเดียร์กอดอกยืนอยู่ตรงหน้า หลังจากที่จบคลาสเรียนแล้วพวกเธอเรียกตัวหนูให้ตามมาข้างๆ ห้องน้ำหญิงที่หลังตึกคณะวิศวะ แล้วเริ่มลงมือรังแกหนูเหมือนเช่นเคย“สะเออะดีนัก แกคิดว่าแกเป็นเพื่อนเดียร์แล้วจะเผยอจองหองพูดปรามอะไรกับนางฟ้าของพวกเราได้ทุกอย่างอย่างงั้นเหรอ”“อะ... อ้ายบ่าได้ตั้งใจ” หนูพยายามจะหยัดตัวลุกขึ้นเพราะว่าตัวเลอะไปด้วยโคลน หลังจากฝนตกเมื่อตอนเช้า สนามหญ้าแถวนี้ก็เปียกชุ่มไปหมด พอโดนผลักล้มลงไป ก็เลยเปรอะเปื้อนไปทั้งตัวเมื่อกี้ก็โดนตบไปฉาดหนึ่งด้วย สะ... แสบหน้าจัง“อย่าคิดว่าที่ตัวเองเกือบเป็นดาวคณะแซงเดียร์แล้วจะยโสโอหังยังไงก็ได้ แกก็เป็นแค่เพื่อนในห่วงโซ่อาหารชั้นที่ต่ำที่สุดของเดียร์ รู้เอาไว้ซะด้วย!”“... อ้ายฮู้แล้วเจ้า”“แล้วเวลาเดียร์จะทำอะไร ไม่ต้องสะเหล่อมาขัดขาเดียร์ นี่คือคำเตือน!”“...”“อีเด็กทรงโต น่ารังเกียจจริงๆ ทั้งโง่ทั้งอวดดี ถุย!” หนูหลับตาปี๋เมื่อหนึ่งในพวกเธอพ่นน้ำลายใส่จนกระเด็นมาโดนกระโปรงพลีทของตัวเองเล็กน้อย น้ำตาคลอเบ้าขึ้นมาเมื่อพวกเธอสะบัดหน้าเดินจากไปต้องบ่าร
[พาร์ท : เพชฌฆาต]แสงแดดมันจ้าเข้าตาตอนที่กำลังจะตื่น จนผมต้องปรือตาขึ้นมาพร้อมๆ กับความปวดจี๊ดที่สมองจากอาการเมาค้าง ค่อยๆ ผุดลุกขึ้นมา แล้วก็พบว่าตัวเองนอนปวดเอวอยู่ที่พื้น เงยหน้ามองบนโซฟาหนังก็เห็นว่ามีผ้าห่มผืนนึงกองอยู่คงจะมีคนเดียวแหละว่ะที่เอามาให้ ถ้าเป็นกุมารที่เลี้ยงไว้ ก็ทำได้แค่เปิดปิดไฟสร้างอภินิหารอย่างเดียว กับพูดคุยด้วยเวลามันเหงาเออ ฟังไม่ผิดหรอก ผมเลี้ยงกุมารทองอย่างที่บอกว่าไม่เชื่อเรื่องบาปบุญอะไรนั่น แต่ถ้าของขลังหรือพวกไสยศาสตร์กับภูตผีปีศาจหรือพรายนี่โคตรจะเชื่อ ผมเลยสักยันต์เสือคู่ไว้ที่กลางหลังไง ว่ากันว่าคนสักยันต์นี้ จะมีฤทธิ์แคล้วคลาดจากศัตรู ใครๆ เห็นก็ยำเกรง เลยไม่แปลกที่จะมีแต่คนเห็นผมเป็นสัตว์ประหลาด ที่เกือบทำคนตายได้ด้วยหมัดๆ เดียวแล้วก็ไม่แปลกที่จะถือว่าหัวเป็นของสูงด้วยแกรกผมเดินเซไปที่หน้าประตูห้องตัวเองที่ล็อกไว้จากด้านใน ล้วงกุญแจในกระเป๋ากางเกง แล้วไขประตูเข้าไปภายใน ห้องของผมนั้นมีหิ้งบูชาของขลังที่ดูน่ากลัว อธิบายไปก็ไม่น่าจะเข้าใจ แต่จะเป็นการบูชาภูตผีปีศาจ รวมถึงกุมารทอง และของขลังต่างๆ เอาไว้ช่วยให้แคล้วคลาดจากภัยอันตรายทั้งปวงมากกว่
หนูนอนตีขาเล่นเกมคุ้กกี้รันอยู่บนเตียงที่ปูเองเป็นครั้งแรกปกติจะให้แม่บ้านปูให้ตลอดเน้อ อีกอย่างตอนที่ปูก็เอาแต่เล่นเกมไปด้วย เพราะถ้าผละมือออกมาเมื่อไหร่เกมจะโอเวอร์ทันที ก็เลยปูได้แบบครึ่งๆ กลางๆ สักพักก็ขี้เกียจแล้ว เลยล้มตัวลงนอนเล่นเกมต่อไม่ยอมหยุดจนตกดึกหนูบ่าได้สนใจว่าเปิ้นหายออกไปไหน เพราะทันทีที่เปิดประตูห้องน้ำออกมาหลังจากยืนซักกางเกงในกับชุดบนอ่างล้างหน้าแล้วตากมันไว้ในห้องน้ำ เปิ้นก็อันตรธานหายไปแล้วเปิ้นบ่าอยู่ก็ดีแหละ เจอเรื่องตอนนั้นไป... หนูก็บ่ารู้ว่าจะสู้หน้าเขาจะใดดีเหมือนกันไม่ได้อายที่เขาเห็นนมหนูหรอก ยังไงก็พี่น้องกันแต่ไอ้งูพิษของเปิ้นนี่สิทำยังไงก็สลัดออกจากหัวบ่าได้สักทีพอนึกถึงภาพๆ นั้น หนูก็หน้าร้อนขึ้นมาในขณะที่ยังกดเกมอย่างขมักเขม้น นึกถึงร่างกายที่ใหญ่โตของเปิ้น กล้ามแขนที่มีเส้นเลือดสวยๆ กับตรงลำท่อนที่ใหญ่ยาวแถมยังมีเส้นเลือดผุดประปรายอีกโอ้ยๆๆๆ บ้าจริงๆ เล่นเกมบ่าฮู้เรื่องแล้วเน้อหนูบ่นกระปอดกระแปดในใจแล้วโยนโทรศัพท์ทิ้งแล้วนอนคว่ำหน้าอยู่บนเตียงอย่างหมดอาลัยตายอยากหรือจะกึ้ดผิดกันนะที่เลือกมาอยู่กับเปิ้น?ติ๊ง ต่องหนูสะดุ้งเฮือกเมื่อได้ยินเ
“เชี่ย มึงใจเย็นก่อนดิ!”ไอ้แมนที่รับหมัดทุกหมัดเข้ากับเป้าชกที่มันตั้งศอกไว้ถึงกับเซแล้วผงะถอยหลังไป เพราะเมื่อทันทีที่ผมมาถึงร้านอาเจ๊กแล้วขึ้นเวทีมวยกับมันอย่างที่ฝึกกันเป็นประจำ ผมก็ทั้งฮุกหมัดซ้ายหมัดขวาใส่เป้าชกจนทอมที่ขึ้นชื่อว่าพละกำลังเกินหญิง เป็นกอริลล่าในร่างผู้หญิงเพราะกล้ามบึกบึนของมันต้องเซไปอีกทางและพอมันเปิดช่องให้แบบนั้น ผมเลยพุ่งตัวใหญ่ๆ เข้ามาแล้วจะซัดเข้าหน้ามันแบบจังๆ โดยที่ไม่สนว่าแม่งจะไม่ได้ใส่อะไรกันหน้าไว้หรือไม่“ไอ้เหี้ยเพชร ใจเย็นๆ!!”พลั่ก!!“อั่ก!”จนสุดท้าย เมื่อเพื่อนเห็นว่าวิธีชกดีๆ คงจะคุมคนที่สติแตกอย่างผมไม่อยู่ มันเลยใช้ตีนถีบอัดที่กลางเป้าของผมซึ่งเป็นจุดตายสำหรับผู้ชายทุกคน จนผมต้องหยุดทุกการกระทำทุกอย่างลงแล้วล้มลงไปนอนกุมเป้ากับพื้นอย่างเจ็บปวดไอ้เหี้ยแมนเอาส้นตีนมาขยี้หัวที่ตัดสกินเฮดของผมแล้วบี้ไปมา“มึงเป็นห่าไร มึงคิดจะชกกูเหรอไอ้เหี้ยเพชร มึงจะฆ่าตัดตอนเพื่อนที่เลี้ยงดูมึงตลอดมาเหรอวะ”“... อีกอริลล่าเอ้ย” ผมสบถด่ามันออกมาอย่างเจ็บใจ มันเลยพ่นลมหายใจ ถอดเป้าชกส่งให้ไอ้เจนที่ยืนเกาะเชือกเวทีอยู่รับไว้เหยียบหัวแบบนี้กูถือนะ วันจันทร์ไปข
“อืม... ไอ้เด็กเวรเอ้ย”ตึกตัก ตึกตักหนูใจเต้นแรงพร้อมๆ กับค่อยๆ ไถลตัวลงไปนั่งยองๆ กับพื้นห้องจากหลังประตู มือเล็กๆ ที่เอามาปิดปากตัวเองไว้สั่นเทาอย่างตื่นเต้น แม้ว่าจะแง้มประตูไป แต่ก็แค่นิดเดียวเท่านั้น แล้วก็เหมือนว่าเปิ้นจะบ่าสังเกตเห็นด้วยว่าหนูกำลังแอบมองเขาทุกอิริยาบถอยู่ เขาเริ่มทำ... อะไรบางอย่างหนูเห็นแวบๆ ว่าเขากำลังละเลงข้อมือกับบางสิ่งบางอย่างที่ผงาดขึ้นมาระหว่างต้นขาของเขา มันเป็นลำท่อนใหญ่ เป็นปล้องเหมือนหนอนยักษ์ที่กำลังจะพ่นพิษร้าย และมีเส้นเลือดผุดขึ้นบ้างประปรายหนูหายใจบ่าทั่วท้องเลยล่ะเจ้า รู้สึกเขินแบบไม่มีสาเหตุจนต้องหลับตาปี๋“แฮ่ก...”แต่เสียงหอบหายใจและครางครวญของเปิ้นก็ยังคงลอดเข้ามาในกกหูเสียงของเปิ้นดูเร้าใจจังเน้อ แหบต่ำแถมยังดูเซ็กซี่สุดๆ อีกด้วย หนูฟังแล้วเขินจังเลยแถมไอ้นั่นที่ตั้งชูชันขึ้นมา ถึงจะได้เห็นแค่แวบเดียว แต่กลับทำให้ตรงกลางระหว่างขาของหนูมีน้ำอะไรสักอย่างปริ่มออกมามากขึ้นตึกตัก ตึกตักหัวใจหนูเต้นเร็วมากกว่าเดิม ทำไมรู้สึกอยากเอามือไปแตะมันจังเลยก๋าคิดแล้วก็ค่อยๆ เอาปลายนิ้วเล็กๆ ของตัวเองสัมผัสเบาๆ ที่กลางร่องกลีบที่ฉ่ำชื้น“อะ...!”







