หวงเซิ่นเหยี่ยนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับหยางลู่ ราวกับไม่รู้สึกถึงอำนาจหรือความตึงเครียดในห้องเลยแม้แต่น้อย เขาสวมเสื้อผ้าสีดำล้ำค่า แถมผมยาวและทรงตัวอย่างสง่างาม ดูเย็นชาและนิ่งสงบราวกับองค์ชายผู้มีอำนาจ"การร่วมมือทางการค้า…จะได้ผลดีหากเราสามารถเข้าใจซึ่งกันและกันอย่างแท้จริงการมาให้ตรงต่อเวลา และการรักษาคำพูดสำคัญยิ่ง" หวงเซิ่นเหยี่ยนพูดเสียงเย็น แต่แฝงด้วยความชำนาญในการเจรจา "ตระกูลหวงสามารถจัดหาสินค้าหายาก และจัดจำหน่ายให้ทั่วทั้งมณฑลของเราได้ แต่ตระกูลไห่ถังต้องมีเครือข่ายขนส่งที่ดีกว่านี้ เพื่อให้สินค้าของเราไปถึงมือลูกค้าได้ไวขึ้น"หยางลู่พยักหน้าเล็กน้อย ขณะเงยหน้ามองไปยังเซิ่นเหยี่ยน รู้สึกได้ถึงความน่าสนใจในตัวเขาที่เงียบสงบแต่ทรงพลังอย่างประหลาดเซิ่นเหยี่ยนไม่ได้ยิ้มหรือแสดงอารมณ์อะไรเลย แต่ใบหน้าของเขากลับเรียบเฉย ช่วยให้เขาดูเป็นคนที่เก็บงำความลับไว้มากมาย แสงไฟจากโคมไฟที่แขวนเหนือโต๊ะสะท้อนลงบนใบหน้าคมคายของเขา ทำให้หยางลู่รู้สึกใจเต้นเร็วขึ้น แม้จะพยายามทำให้ตัวเองใจเย็นและมุ่งมั่นในเรื่องธุรกิจ แต่สายตาของเธอก็หลุดไปมองเซิ่นเหยี่ยนบ่อยขึ้น“ตระกูลหวงพร้อมที่จะลงทุนใ
ในครัวเก่าที่อบอุ่นไปด้วยไอร้อน ซูหว่านยืนคนหม้อซุป ฟองเบาๆ ลอยขึ้นมา เสียงเดือดปุดๆ คล้ายจะร้องเพลงเบาๆ ให้ฟัง ฟักเขียวหั่นเต๋านุ่มใสลอยในน้ำซุปกระดูกไก่หอมหวาน ยอดตำลึงสีเขียวอ่อนที่เพิ่งเด็ดใส่ลงไปยังคงสดกรอบ ส่งกลิ่นคลอไปกับไอร้อนซูหว่านตักซุปขึ้นมาลองจิบ น้ำซุปใสกลมกล่อมจนริมฝีปากนางเผลอยกยิ้มบางๆ“อืม…ใช้ได้ เด็กๆ ต้องกินได้แน่”ยกถาดไม้เรียงถ้วยซุปขึ้น เดินเข้าไปในห้องเล็กๆ ที่มีเงาร่างเล็กสองร่างนอนซุกอยู่ใต้ผ้าห่ม อาเยวี่ยนกับอาอวี่ตัวร้อนจนแก้มแดงจัด ดวงตาครึ่งหลับครึ่งตื่น“มากินซุปกันนะ เด็กดี” เสียงของซูหว่านอ่อนโยนเหมือนกล่อมซูหว่านนั่งลงข้างเตียง ตักซุปคำเล็กๆ เป่าให้หายร้อน ก่อนค่อยๆ ป้อนเข้าปากอาเยวี่ยนทีละช้อน กลิ่นซุปหอมจนเด็กชายกลืนน้ำลาย แล้วค่อยๆ อ้าปากรับ แม้ไร้เรี่ยวแรงแต่แววตาก็สว่างขึ้นนิดหน่อย“อร่อยใช่ไหม” ซูหว่านหัวเราะเบาๆ ลูบศีรษะเขา ก่อนหันไปป้อนอาอวี่บ้างเด็กหญิงเล็กอมช้อนอึกหนึ่งน้ำตาคลอเหมือนจะร้องไห้แต่เมื่อรสหวานหอมไหลลงคอร่างเล็กก็ยิ้มบางๆ ออกมา ซูหว่านเฝ้ามองด้วยหัวใจอุ่น“ไม่ต้องกลัวนะ แม่จะทำให้อาการไข้ลดลงเอง”ทันใดนั้น เสียงสูดลมหายใจแรงๆ
ซูหว่านลงมือเก็บตำลึงหอบใหญ่ไว้ในอ้อมแขนเดินกลับบ้านทันที เมื่อมาถึงบ้านยัยป้าข้างบ้านชะเง้อชะแง้ตามประสาคนขี้เสือกซูหว่านเก็บฟักเขียวลูกโตไปวางไว้ในห้องครัว พลางหยิบมีดหั่นเปลือกบางๆของมันออก เผยให้เห็นเนื้อในที่เขียวสดใส ก่อนที่เสียงเบาๆจากในหัวจะดังขึ้นมาติ้ง……เสียงดังก้องในหูของซูหว่าน พร้อมกับข้อความที่ปรากฏขึ้นในอากาศจางๆเป็นรูปจอสี่เหลี่ยมโปร่งแสง"เช็คอินเป็นเวลาติดต่อกัน 3 วัน รับทันที 120 ฟองไข่ทองคำและเปิดใช้งานระบบแบบเต็มรูปแบบ ทั้งโต้ตอบและช่วยบริหารจัดการ""อะไรเนี่ย..." ซูหว่านหยุดมือที่กำลังหั่นฟักเขียว มองไปรอบๆตัวเองด้วยความงุนงง ทันใดนั้น เสียงหนุ่มหล่อแปลกประหลาดก็เอ่ยขึ้นจากในหัวของนาง ราวกับว่าเป็นเสียงที่ออกมาจากโทรศัพท์มือถือหรือระบบคอมพิวเตอร์ที่ปรากฎอยู่ในอากาศ"ออนไลน์…ยินดีต้อนรับสู่ระบบครัววิเศษ ข้าน้อยเสี่ยวปังเรียกง่ายๆก็ขนมปัง ยินดีให้บริการ ถามอะไรก็ได้ในทันที….."เสียงนี้มีความนุ่มนวลและคมชัด ราวกับเสียงพากษ์พระเอกในซีรีส์จีนสุดเท่ เสียงของมันเต็มไปด้วยความมั่นใจและความตื่นเต้นที่อยากจะช่วยเหลือซูหว่านเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วจึงพูดออกมาอย่างไม่แน่ใจ
เช้าวันต่อมาซูหว่านเดินออกจากบ้านไปโดยมีความกังวลอยู่เต็มอกเด็กๆ ป่วยอยู่บนแท่นนอนตัวร้อนจัดจนแทบจะจับไม่ได้แล้วเพราะที่ผ่านมาก็เจ็บตัวประจำอาหารการกินก็ไม่สมบูรณ์และไหนจะความเครียดสะสม ซูหว่านเช็ดตัวให้ทั้งสองคนแล้วขยับตัวลุกขึ้น“แม่จะลองไปที่ร้านหมอเพื่อขอยาดูนะ…” ซูหว่านพึมพำเบาๆ เด็กทั้งสองยังไม่รู้สึกตัวเหงื่อซึมโชกอยู่บนหน้าผากเล็กๆ ของพวกเขา บางครั้งก็มีอาการตัวเกร็งเหมือนกับจะมีไข้สูงขึ้นไปอีก รู้ว่าเวลานี้ต้องรีบหายามาช่วยเหลือไม่อย่างนั้นพวกเขาจะทรมานจนทนไม่ไหว"ต้องหายามาให้ได้ ต้องไปร้านหมอไปหายามาให้พวกเขากินแก้ไข้"เมื่อถึงร้านขายยา ซูหว่านผ่านประตูเข้าไปในร้านที่เงียบสงัด มีกลิ่นยาหอมฟุ้งไปทั่ว "ท่านหมอได้โปรด ข้าอยากขอยาให้เด็กๆ" ซูหว่านเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเร่งรีบ แต่ในใจลึกๆ ก็เต็มไปด้วยความห่วงใยหมอชราในร้านซึ่งนั่งอยู่หน้าตู้เก็บสมุนไพร ก้มมองซูหว่านด้วยสายตาเย็นชา เขาคงรู้ดีถึงชื่อเสียงของซูหว่านมาบ้าง “มีเงินหรือไม่” คำพูดเบาๆ แต่ชัดเจนทุกถ้อยคำ ซูหว่านส่ายหน้าไปมา"ไม่ได้ อยากได้ยาก็ต้องมีเงิน" หมอชราพูดสั้นๆ ก่อนที่จะหันไปทำอย่างอื่นต่อซูหว่านถูกปฏิเสธอย่า
“ทำไมใครๆ เขาก็รู้ว่าเจ้าฆ่าสามี ข้าพูดแล้วจะทำไมข้า คนอื่นเขาพูดกันทั่วไป ไม่ได้พูดแต่ข้าเสียหน่อยเจ้าก็ตามไปฆ่าทุกคนสิ”ซูหว่านยิ้มเหยียดเดินเข้าหายายป้าข้างบ้าน“ชิ อย่างนั้นหรือพูดกันทั่วไป ข้าไม่ได้ยินถือว่าไม่พูดแต่คนที่พูดให้ข้าได้ยินนี่ อย่างไงดีน้าาาา”“เจ้าอย่ามาทำนิสัยเหมือนที่ผ่านมา มิน่าเล่าแม่สามาีเจ้าถึงได้ไล่เจ้าออกจากบ้านเพราะเจ้ามาจิตใจต่ำทรามชอบฆ่าคนแบบนี้นี่เอง”“หุบปากเจ้านะไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าข้าใจร้าย”“เจ้าจะทำอะไรข้า” ยัยป้าเริ่มหวั่นๆ ไม่กล้าสบตาซูหว่าน"คราวหลังอย่ามากล่าวหาข้าอีก...ไม่อย่างนั้นข้า…ที่ไม่เคยฆ่าใครจะฆ่าเจ้านั่นแหละคนแรก" ซูหว่านพูดเสียงดังคำพูดของซูหว่านดังก้องไปทั่วบริเวณ ชาวบ้านที่มามุงดูเงียบเสียงลงไป ป้าข้างบ้านมองซูหว่านด้วยสายตาที่ตื่นตระหนกในชั่วขณะหนึ่ง แต่สุดท้ายก็กัดฟันและพูดกลับด้วยเสียงสั่นๆ ซูหว่านชี้มือไปยังยัยป้าอย่างคาดโทษ"เจ้า...เจ้ายังจะกล้าทำร้ายข้าอีกหรือ อ่อแน่ละซี้ เจ้ามันชอบฆ่าคนนี่ อย่าคิดว่าข้าจะปล่อยเจ้าไปได้ง่ายๆ ข้าจะไล่เจ้าทุกวันคอยดูเถอะ"ซูหว่านที่ยังคงยืนอยู่ด้วยท่าทางมั่นคงยิ้มเย็น พูดกลับด้วยน้ำเสียงเรียบ
ซูหว่านก็เตรียมข้าวร้อนๆ ในถ้วยที่ล้างจนสะอาด อาหารมื้อแรกบนอิสรภาพกลับมีค่ามากมายในตอนนี้ คนเรามันอยู่ที่ใจหรอกจบอกว่าสุขก็สุข ฮ่าาาาจริงไหมนี่เอิ้กกกกฉ้านนนนนนนมีความสุข“หน้าตาดูดีไม่น้อยทีเดียว” เสิร์ฟข้าวพร้อมกับผัดผักบุ้งกลิ่นหอมฟุ้งบนโต๊ะที่ทำมาจากไม้เก่าๆ“อาอวี่...อาเยวี่ยน มานี่เร็ว ลูกร้ากกกกก” ซูหว่านเรียกเด็กๆ ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ทั้งสองพยักหน้าและรีบเดินเข้ามานั่งที่โต๊ะอาหารอาเยวี่ยนมองข้าวร้อนๆ และผัดผักบุ้งที่กลิ่นหอมลอยมาเต็มห้อง เขายิ้มออกมาอย่างอิ่มใจ “ท่านแม่เก่งจัง หอมที่สุดเลย หอมจริงๆ แค่ผัดผักบุ้งแต่หอมไปสามบ้าน”ซูหว่านยิ้ม เด็กๆ พุ้ยข้าวใส่ปากแก้มป่อง คีบผัดผักบุ้งใส่ปาก อาอวี่นิ่งงันอ้าปากค้าง“อืออร่อยจัง ผักนี่หวานจังเลยค่ะท่านแม่ อร่อยมากๆ เลยค่ะ” อาอวี่พูดพร้อมกับยิ้มกว้าง ใบหน้าเล็กๆ เปล่งประกายไปด้วยความสุขจากการได้ทานอาหารร้อนๆ รสชาติอร่อยที่ซูหว่านปรุงกับมือ“ผักที่อร่อยต้องสดใหม่เท่านั้น ผักเก็บมาจากต้นปรุงอาหารได้รสดีที่สุดและผักบุ้งมีสรรพคุณมากมายแต่ที่สำคัญในตอนนี้คือช่วยลดอาการปวดศีรษะและอ่อนเพลีย จากการที่เราสามคนหนีนางปีศาจเมื่อคืนฮ่าาาาา แ