“ท่านแม่พักเสียจะได้หายเร็วๆ ข้ากับอาอวี่กลัวว่าท่านจะตายเสียแล้ว”
“ข้าไม่ตายหรอกน่าเห็นไหมยังอยู่ที่นี่ไม่ต้องห่วง…ข้ายังอยู่” แช่งกันซ่ะล่ะ
เด็กหญิงยกมืออ้วนป้อมกอดรอบเอวของซูหว่าน ซูหว่านกลับคิดถึงเซิงเจี๋ยกับหยางลู่ป่านนี้จะเป็นอย่างไรหนอ คงร้องไห้จนตาบวมเสียใจที่ฉันตายโถ่วน่าเศร้าจริงๆ ฉันไม่อยู่พวกเขาคงเสียใจมาก
“ท่านแม่หายเร็วๆ พาพวกเราหนีไปจากที่นี่เถอะ ตั้งแต่ท่านพ่อไม่อยู่ข้าก็ไม่อยากอยู่ที่นี่อีกแล้ว” อาเยวี่ยนพูดเบาๆ พร้อมกับก้มหน้าหลบตา
ซูหว่านพยักหน้าขึ้นลง ไปจากที่นี่เหรอแล้วที่นี่คือที่ไหนร้ายดีอย่างไร ซูหว่านไม่รู้อะไรสักอย่าง แล้วจะไปไหนทำอะไร ข้างนอกเป็นโลกแบบไหน มีมอนเตอร์ไหม มีเทพเซียนไหม
“ที่นี่มีสำนัก จอมยุทธ มีเทพเซียนไหม อ่อ อีกอย่างมีสัตว์อสูรไหม”
อาอวี่กับอาเยวี่ยนทำหน้างงๆ มองหน้ากัน
“ท่านแม่พูดถึงอะไร ที่นี่มีแต่ท่านย่าที่ใจร้ายกับท่านปู่ที่เอาแต่เรียกสาวใช้เข้าไปบีบนวด ถ้ามีทานเทพท่านเทพก็ใจร้ายมาก”
“ช่างเถอะๆ ข้าคงมาผิดช่วงเวลาไปหน่อย แต่ตอนนี้สิ่งที่ข้าสงสัยที่สุดก็คือพวกเจ้าทำไมถึงมีแต่รอยเขียวคล้ำไปทั่วตัวอย่างนี้" ซูหว่านถามเสียงแข็ง
อาอวี่ที่นั่งเงียบอยู่ข้างๆ ถอนหายใจอย่างยาวก่อนจะหลบสายตาของซูหว่าน อาอวี่ค่อยๆ หันมองไปที่พี่ชายอย่างลังเล อาเยวี่ยนที่นั่งนิ่งอยู่เหมือนจะรู้ว่าถึงเวลาแล้วที่เขาต้องพูดความจริงออกมาได้แล้วตามแบบลูกผู้ชายและพี่ชาย
"ท่านแม่...ข้าขอสารภาพ…" อาเยวี่ยนพูดเสียงเบา ใบหน้าของเขาหมองลง
"อาเยวี่ยนไปขโมยหมั่นโถวจากในห้องครัวมาให้ท่านแม่...แต่พี่ใหญ่ไม่ผิดนะ เราแค่อยากให้ท่านแม่ได้กินของดีๆ" อาอวี่รีบฟ้อง
ซูหว่านขมวดคิ้วแน่น แล้วถอนหายใจ
"ขโมยหมั่นโถวทำไมต้องขโมย เจ้าไปหยิบมาเฉยๆ ก็ได้นี่ ที่นี่เป็นบ้านของบิดาพวกเจ้าไม่ใช่หรือ" ซูหว่านถาม ไหนๆ จะขโมยแล้วทำไมไม่ขโมยของดีๆ มาว่ะน่ะ เด็กหนอเด็ก
อาเยวี่ยนยกมือขึ้นปาดน้ำตาอย่างยากลำบาก ก่อนจะพูดเสียงสั่นเครือ
"ข้า...ข้าไปหยิบหมั่นโถวมาจากในครัวเพื่อท่านแม่...ท่านย่าตีข้า... ตีข้าทั้งตัว...ท่านย่าไม่เคยอนุญาตให้เรากินอะไรได้ นอกจากน้ำแกงกับแป้งแผ่นย่างไฟวันละมื้อเท่านั้น"
คำพูดของอาอวี่ทำให้ซูหว่านรู้สึกเหมือนโดนพลังคลื่นเต่า ความรู้สึกที่ไม่เคยมีมาก่อนเกิดขึ้นในใจ ไม่เคยคิดเลยว่าเด็กๆ จะต้องทนทุกข์ขนาดนี้เพื่อให้เธอได้กินหมั่นโถวแข็งๆ นั่น ชักรู้สึกผิดแล้วสิ
"ทำไม...ทำไมใจร้ายแบบนี้ ทำไมต้องทำแบบนี้ แล้วทำไมพวกเจ้าไม่บอกท่านย่าไปว่า...ว่าท่านแม่เจ้าบาดเจ็บ" พยุงตัวลุกขึ้นอย่างยากลำบาก
อาอวี่เงียบไปสักพักก่อนจะพูดเสียงเบา
"ท่านย่าไม่ให้แน่ ท่านย่าอยากให้ท่านแม่ตาย พวกเขาอยากให้ท่านแม่ตาย…แต่เราสองคนไม่อยากให้ท่านแม่ตาย ถ้าเรานำหมั่นโถวมาท่านแม่ท่านจะดีขึ้นแน่ๆ ..."
ซูหว่านมองไปที่เด็กๆ สองคนที่ท่าทางหมดแรงและบอบช้ำไปทั้งตัว พวกเขากล้าหาญจริงๆ ความกลัวและความเจ็บปวดของพวกเขายังขัดขวางพวกเขาจากการช่วยเหลือแม่ไม่ได้
ความรู้สึกผิดแผ่ซ่าน ซูหว่านเริ่มรู้สึกถึงความหนักหน่วงที่เธอต้องแบกรับไว้ และในเวลาเดียวกันก็รู้สึกว่าเธอต้องทำบางสิ่งเพื่อเปลี่ยนแปลงชีวิตของเด็กๆ เหล่านี้ให้ได้
"ไม่ต้องกลัวอีกแล้ว...ข้าอยู่นี่แล้ว" ซูหว่านพึมพำกับตัวเองยกมือขึ้นกอดร่างเล็กทั้งสองไว้ในอ้อมแขน แต่อย่างไรก็ตามสิ่งที่เธอพูดออกไปไม่ได้ช่วยเยียวยาความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นกับเด็กๆ แม้แต่ครึ่งหนึ่ง
“แล้วพ่อของพวกเจ้าเล่าไปไหนเสีย”
“ท่านพ่อตายแล้ว…….” เด็กๆ งุนงงแต่ก็ก้มหน้าลงพูดอ้อมแอ้ม
“เป็นอะไรตาย” ซูหว่านขมวดคิ้ว
“ท่านย่ากับชาวบ้านเขาบอกว่าท่านแม่วางยาท่านพ่อ แต่ข้ากับอาอวี่เราไม่เชื่อว่าท่านแม่จะใจร้ายขนาดนั้น แล้วคืนที่ท่านพ่อถูกวางยาท่านแม่ก็ป่วยหนัก นอนอยู่กับพวกเรา”
ซูหว่านพยักหน้าขึ้นลง นี่มันความรุนแรงในครอบครัวสินะ
เช้าสดใส
เสียงไม้กระทบผนังดังลั่น เริ่มไม่สดใสละ เสียงดังทำให้ซูหว่านสะดุ้ง ใจของเธอกระตุกพร้อมกับเสียงที่แหลมสูง ในความมืดที่ยังคงปกคลุมห้องนอน สายตาของซูหว่านยังคงพร่าเบลอจากความเหนื่อยล้า
"ตื่นได้แล้ว ถึงเวลาแล้ววววววว" เสียงของสาวใช้ที่ดังขึ้นจากภายนอกห้องไม่ค่อยน่าฟังนัก น้ำเสียงใช้คำสั่งที่ชัดเจนอย่างไม่เคารพกัน ก็ไม่มีทางหลีกหนีได้สินะ คนจะหลับจะนอนจะมาเรียกทำไม
ซูหว่านหันไปมองเด็กๆ ที่นั่งอยู่ข้างๆ เธอ รู้สึกเหมือนกับตื่นขึ้นมาจากฝันร้ายที่ไม่สิ้นสุด เด็กๆ ยังนอนอยู่เงียบๆ อยู่ข้างๆ แต่เมื่อเสียงของสาวใช้ดังขึ้นเด็กชายและเด็กหญิงก็เริ่มตื่นขึ้นตามเสียงนั้น
"ไปเทถังส้วมให้ฮูหยินใหญ่ได้แล้ว ได้ยินไหม" เสียงของสาวใช้ดังขึ้นอีกครั้ง ไม่สนใจความเหนื่อยล้าหรือความเจ็บปวดของซูหว่านเลย
ซูหว่านอ้าปากค้าง มองไปที่เด็กทั้งสองที่นอนอยู่ข้างๆ
“อะไรอี๊กกกกทีนี้” ซูหว่านถามออกไปทั้งที่ยังงัวเงียอยู่
"ท่านแม่ท่านจะขัดคำสั่งท่านย่าหรือ เดี๋ยวท่านย่าก็ให้คนมาตีท่านอีก" อาเยวี่ยนพูดเสียงเบาหันมามองซูหว่าน
“นั่นสินะโหดร้ายจริงๆ ตีจนตาย ไม่แปลกใจเลยทำไมนางตาย เพราะแบบนี้นี่เอง นี่มันยุคไหนสมัยไหนกันป่าเถื่อนโหดร้ายที่สุดกับเด็กกับผู้หญิง”
"ท่านแม่...เจ็บป่วยแค่ไหน ท่านแม่ก็ต้องไปเทถังอึให้ท่านย่าทุกวัน ท่านอย่าขัดคำสั่งท่านย่าเลย อาเยวี่ยนกลัวว่าท่านจะถูกตีอีก"
อาอวี่ที่นั่งอยู่ข้างๆ พยักหน้าตาม พร้อมพูดด้วยเสียงเศร้าๆ
"ท่านแม่ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ เราจะช่วยท่านแม่เทอึเอง" เสียงของอาอวี่ดูหนักใจแต่ก็ยังพยายามให้กำลังใจ
ซูหว่านไม่สามารถขยับตัวได้ทันที สายตาปนระแวงสงสัยหันไปมองข้างนอกห้อง ข้างนอกประตู มีเสียงไม้ที่ยังคงดังอย่างต่อเนื่อง ขณะที่สาวใช้ดูเหมือนจะรอคำตอบ
อย่าให้ฉันหายดีนะ ซูหว่านไม่เคยคิดว่าจะต้องเผชิญกับชีวิตแบบนี้ หลังจากที่ได้ผ่านความตายและฟื้นขึ้นมาในโลกใหม่ ทุกสิ่งรอบตัวกลับกลายเป็นความจริงที่ท้าทายให้เธออยู่รอดและยิ่งอยากจะเอาชนะ ว่าแต่เอาชนะเรื่องเทขี้เนี้ยนะ
แต่ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เธอรู้ว่าเธอไม่มีทางเลือก
"ไปกันเถอะ" ซูหว่านพึมพำเบาๆ พยายามตั้งสติและในที่สุดก็ลุกขึ้นจากฟูก แรงที่เคยมีในตัวตอนนี้ยังไม่กลับมาเต็มร้อย แต่ก็ยังต้องทำเพื่อให้ทุกอย่างผ่านไป
"พวกเจ้าจะต้องคอยระวังตัวไว้หน่อย อย่าห่วงข้าเลย ถ้าจวนตัวก็หนีเอาตัวรอดไปเสีย" ซูหว่านพูดออกมาเบาๆ ก่อนจะมองไปที่เด็กๆ
ซูหว่านลงมือเก็บตำลึงหอบใหญ่ไว้ในอ้อมแขนเดินกลับบ้านทันที เมื่อมาถึงบ้านยัยป้าข้างบ้านชะเง้อชะแง้ตามประสาคนขี้เสือกซูหว่านเก็บฟักเขียวลูกโตไปวางไว้ในห้องครัว พลางหยิบมีดหั่นเปลือกบางๆของมันออก เผยให้เห็นเนื้อในที่เขียวสดใส ก่อนที่เสียงเบาๆจากในหัวจะดังขึ้นมาติ้ง……เสียงดังก้องในหูของซูหว่าน พร้อมกับข้อความที่ปรากฏขึ้นในอากาศจางๆเป็นรูปจอสี่เหลี่ยมโปร่งแสง"เช็คอินเป็นเวลาติดต่อกัน 3 วัน รับทันที 120 ฟองไข่ทองคำและเปิดใช้งานระบบแบบเต็มรูปแบบ ทั้งโต้ตอบและช่วยบริหารจัดการ""อะไรเนี่ย..." ซูหว่านหยุดมือที่กำลังหั่นฟักเขียว มองไปรอบๆตัวเองด้วยความงุนงง ทันใดนั้น เสียงหนุ่มหล่อแปลกประหลาดก็เอ่ยขึ้นจากในหัวของนาง ราวกับว่าเป็นเสียงที่ออกมาจากโทรศัพท์มือถือหรือระบบคอมพิวเตอร์ที่ปรากฎอยู่ในอากาศ"ออนไลน์…ยินดีต้อนรับสู่ระบบครัววิเศษ ข้าน้อยเสี่ยวปังเรียกง่ายๆก็ขนมปัง ยินดีให้บริการ ถามอะไรก็ได้ในทันที….."เสียงนี้มีความนุ่มนวลและคมชัด ราวกับเสียงพากษ์พระเอกในซีรีส์จีนสุดเท่ เสียงของมันเต็มไปด้วยความมั่นใจและความตื่นเต้นที่อยากจะช่วยเหลือซูหว่านเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วจึงพูดออกมาอย่างไม่แน่ใจ
เช้าวันต่อมาซูหว่านเดินออกจากบ้านไปโดยมีความกังวลอยู่เต็มอกเด็กๆ ป่วยอยู่บนแท่นนอนตัวร้อนจัดจนแทบจะจับไม่ได้แล้วเพราะที่ผ่านมาก็เจ็บตัวประจำอาหารการกินก็ไม่สมบูรณ์และไหนจะความเครียดสะสม ซูหว่านเช็ดตัวให้ทั้งสองคนแล้วขยับตัวลุกขึ้น“แม่จะลองไปที่ร้านหมอเพื่อขอยาดูนะ…” ซูหว่านพึมพำเบาๆ เด็กทั้งสองยังไม่รู้สึกตัวเหงื่อซึมโชกอยู่บนหน้าผากเล็กๆ ของพวกเขา บางครั้งก็มีอาการตัวเกร็งเหมือนกับจะมีไข้สูงขึ้นไปอีก รู้ว่าเวลานี้ต้องรีบหายามาช่วยเหลือไม่อย่างนั้นพวกเขาจะทรมานจนทนไม่ไหว"ต้องหายามาให้ได้ ต้องไปร้านหมอไปหายามาให้พวกเขากินแก้ไข้"เมื่อถึงร้านขายยา ซูหว่านผ่านประตูเข้าไปในร้านที่เงียบสงัด มีกลิ่นยาหอมฟุ้งไปทั่ว "ท่านหมอได้โปรด ข้าอยากขอยาให้เด็กๆ" ซูหว่านเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเร่งรีบ แต่ในใจลึกๆ ก็เต็มไปด้วยความห่วงใยหมอชราในร้านซึ่งนั่งอยู่หน้าตู้เก็บสมุนไพร ก้มมองซูหว่านด้วยสายตาเย็นชา เขาคงรู้ดีถึงชื่อเสียงของซูหว่านมาบ้าง “มีเงินหรือไม่” คำพูดเบาๆ แต่ชัดเจนทุกถ้อยคำ ซูหว่านส่ายหน้าไปมา"ไม่ได้ อยากได้ยาก็ต้องมีเงิน" หมอชราพูดสั้นๆ ก่อนที่จะหันไปทำอย่างอื่นต่อซูหว่านถูกปฏิเสธอย่า
“ทำไมใครๆ เขาก็รู้ว่าเจ้าฆ่าสามี ข้าพูดแล้วจะทำไมข้า คนอื่นเขาพูดกันทั่วไป ไม่ได้พูดแต่ข้าเสียหน่อยเจ้าก็ตามไปฆ่าทุกคนสิ”ซูหว่านยิ้มเหยียดเดินเข้าหายายป้าข้างบ้าน“ชิ อย่างนั้นหรือพูดกันทั่วไป ข้าไม่ได้ยินถือว่าไม่พูดแต่คนที่พูดให้ข้าได้ยินนี่ อย่างไงดีน้าาาา”“เจ้าอย่ามาทำนิสัยเหมือนที่ผ่านมา มิน่าเล่าแม่สามาีเจ้าถึงได้ไล่เจ้าออกจากบ้านเพราะเจ้ามาจิตใจต่ำทรามชอบฆ่าคนแบบนี้นี่เอง”“หุบปากเจ้านะไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าข้าใจร้าย”“เจ้าจะทำอะไรข้า” ยัยป้าเริ่มหวั่นๆ ไม่กล้าสบตาซูหว่าน"คราวหลังอย่ามากล่าวหาข้าอีก...ไม่อย่างนั้นข้า…ที่ไม่เคยฆ่าใครจะฆ่าเจ้านั่นแหละคนแรก" ซูหว่านพูดเสียงดังคำพูดของซูหว่านดังก้องไปทั่วบริเวณ ชาวบ้านที่มามุงดูเงียบเสียงลงไป ป้าข้างบ้านมองซูหว่านด้วยสายตาที่ตื่นตระหนกในชั่วขณะหนึ่ง แต่สุดท้ายก็กัดฟันและพูดกลับด้วยเสียงสั่นๆ ซูหว่านชี้มือไปยังยัยป้าอย่างคาดโทษ"เจ้า...เจ้ายังจะกล้าทำร้ายข้าอีกหรือ อ่อแน่ละซี้ เจ้ามันชอบฆ่าคนนี่ อย่าคิดว่าข้าจะปล่อยเจ้าไปได้ง่ายๆ ข้าจะไล่เจ้าทุกวันคอยดูเถอะ"ซูหว่านที่ยังคงยืนอยู่ด้วยท่าทางมั่นคงยิ้มเย็น พูดกลับด้วยน้ำเสียงเรียบ
ซูหว่านก็เตรียมข้าวร้อนๆ ในถ้วยที่ล้างจนสะอาด อาหารมื้อแรกบนอิสรภาพกลับมีค่ามากมายในตอนนี้ คนเรามันอยู่ที่ใจหรอกจบอกว่าสุขก็สุข ฮ่าาาาจริงไหมนี่เอิ้กกกกฉ้านนนนนนนมีความสุข“หน้าตาดูดีไม่น้อยทีเดียว” เสิร์ฟข้าวพร้อมกับผัดผักบุ้งกลิ่นหอมฟุ้งบนโต๊ะที่ทำมาจากไม้เก่าๆ“อาอวี่...อาเยวี่ยน มานี่เร็ว ลูกร้ากกกกก” ซูหว่านเรียกเด็กๆ ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ทั้งสองพยักหน้าและรีบเดินเข้ามานั่งที่โต๊ะอาหารอาเยวี่ยนมองข้าวร้อนๆ และผัดผักบุ้งที่กลิ่นหอมลอยมาเต็มห้อง เขายิ้มออกมาอย่างอิ่มใจ “ท่านแม่เก่งจัง หอมที่สุดเลย หอมจริงๆ แค่ผัดผักบุ้งแต่หอมไปสามบ้าน”ซูหว่านยิ้ม เด็กๆ พุ้ยข้าวใส่ปากแก้มป่อง คีบผัดผักบุ้งใส่ปาก อาอวี่นิ่งงันอ้าปากค้าง“อืออร่อยจัง ผักนี่หวานจังเลยค่ะท่านแม่ อร่อยมากๆ เลยค่ะ” อาอวี่พูดพร้อมกับยิ้มกว้าง ใบหน้าเล็กๆ เปล่งประกายไปด้วยความสุขจากการได้ทานอาหารร้อนๆ รสชาติอร่อยที่ซูหว่านปรุงกับมือ“ผักที่อร่อยต้องสดใหม่เท่านั้น ผักเก็บมาจากต้นปรุงอาหารได้รสดีที่สุดและผักบุ้งมีสรรพคุณมากมายแต่ที่สำคัญในตอนนี้คือช่วยลดอาการปวดศีรษะและอ่อนเพลีย จากการที่เราสามคนหนีนางปีศาจเมื่อคืนฮ่าาาาา แ
"เด็กๆ วันนี้เราจะเริ่มต้นกันใหม่โดยการทำความสะอาดบ้าน" ซูหว่านพูดเสียงมั่นคง ก่อนจะหันไปมองลูกๆ "เราจะหาทางอยู่ให้ได้ และไม่ต้องหนีอีกต่อไป"ซูหว่านยืนอยู่กลางห้อง มองไปรอบๆ บ้านร้างที่ไม่มีใครจับจอง ภายในบ้านท่ามกลางความเงียบสงัด รู้สึกได้ถึงอารมณ์ที่ค้างคาในใจ เด็กๆ ก็ดูจะตื่นเต้นมาก"ฮึบบบบ…" ซูหว่านสูดลมหายใจเข้าลึก ก่อนจะเดินสำรวจไปรอบๆ บ้านอย่างตั้งใจ แม้ภายในบ้านจะเต็มไปด้วยฝุ่นและข้าวของเก่าๆ แต่ในทุกมุมที่มองดูก็เห็นบางสิ่งที่ยังพอใช้ได้“ปัดฝุ่นเสียหน่อยก็ใช้ได้แล้วล่ะ”บนผนังห้องครัวเก่าๆ ซูหว่านพบกับอุปกรณ์ครัวที่เก่าแต่ยังพอใช้งานได้ น้ำมันเก่าๆ ในโถดีๆ ที่ยังไม่เหม็นหืนอาจเพราะอากาศเย็น ถูกวางอยู่บนชั้นไม้ที่ดูเหมือนจะเก็บไว้ไม่ได้ใช้มานาน ข้างฝาที่เป็นซี่คล้ายลูกกรงมีเชือกที่ผูกพริกแห้งที่ยังไม่ได้ใช้จนแห้งสนิท กระเทียมกับผักชีแห้งๆ ผักเครื่องหอมที่แห้งแต่ยังหอมและฝักข้าวโพดแห้งที่อยู่ในมุมหนึ่งถูกวางทิ้งไว้ เกลือกับเครื่องเทศในห่อกระดาษแห้งสนิทของแค่นี้ก็พอจะทำให้อาหารได้ดวงตากลมเลิกคิ้วสูง ด้านในสุดข้างเตามีกระทะแขวนไว้ ซูหว่านเอื้อมมือไปดึงถังไม้เปิดฝาเห็นข้าวสาล
ซูหว่านหันหลังกลับเด็กๆ ยืนข้างๆ ด้วยท่าทางหวาดกลัว สายตาของซูหว่านมองไปที่จอบที่พิงผนัง เหมือนเป็นสิ่งเดียวที่พอจะใช้เป็นอาวุธป้องกันตัวได้ ซูหว่านเอื้อมมือไปคว้าจอบนั้นมาอย่างรวดเร็ว ตายเป็นตายวะอย่างดีก็แค่ตายอีกที เสียงฝีเท้าของสาวใช้วิ่งเข้ามา ใจซูหว่านร้อนรนแต่ไม่มีเวลาคิดมากกว่านี้ ขณะที่สาวใช้พุ่งเข้ามาหา ซูหว่านคว้าจอบยกขึ้นทันที แล้วทุบลงไปที่แผ่นหลังของสาวใช้อย่างเต็มแรง"โอ๊ยยย" เสียงร้องของสาวใช้ดังขึ้นด้วยความเจ็บปวด ก่อนที่ตัวจะงอไปข้างหน้า ใช้ลงไปกับพื้น หมดแรงที่จะขยับต่อไปฮูหยินซูที่อ้าปากค้างเมื่อเห็นว่าซูหว่านที่ไม่เคยมีปากเสียงครั้งนี้กลับสู้คน “พวกเจ้ามาเร็วๆ มาช่วยกันจับนาง”เสียงแหลมและแข็งกร้าวสั่งการให้ทุกคนทำตาม แต่ยังไม่มีใครมาสักคันก็มันดึกแล้ว มีแต่ฮูหยินซูเท่านั้นที่อยู่คนจับผิดซูหว่านซูหว่านรู้ดีว่านี่ไม่ใช่เวลาที่จะลังเลอีกแล้ว การเผชิญหน้ากับฮูหยินซูในตอนนี้หมายถึงการสู้ หากเอาแต่หนีทั้งยังพาเด็กๆ ไปด้วยคงถูกไล่ตามมาจับได้แน่ ไม่มีทางเลือกนอกจากสู้แล้ว จะต้องทำให้ฮูหยินซูไม่กล้ากับซูหว่านอีกต่อไปซูหว่านหันไปมองฮูหยินซูที่ยืนอยู่ไม่ไกล มือยังคงกำจอ