เด็กทั้งสองยังคงนั่งเงียบๆอยู่ แต่ซูหว่านสามารถรู้สึกถึงความห่วงใยของพวกเขา แม้พวกเขาจะไม่สามารถทำอะไรได้มากนักในตอนนี้ แต่การอยู่ร่วมกันในความเงียบนี้ ก็ทำให้เธอรู้สึกว่าอย่างน้อยก็ควรจะเข้มแข็งและต่อสู้เพื่อเด็กๆ
จะต้องไปดูให้เห็นกับตาว่าโลกนี้มันโหดร้ายเหมือนที่เด็กๆ พูดกันไหม
เสียงฝีเท้าหนักๆ ดังขึ้นจากทางเดิน ขณะที่ซูหว่านเดินเข้ามาในห้องใหญ่ของบ้าน ที่เต็มไปด้วยกลิ่นอับและอากาศที่ไม่น่าจะสูดดมสักเท่าไหร่ ไม่ทันที่จะก้าวเข้ามาถึงประตู ฮูหยินซูที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ข้างในถือพัดโบกไปมาใบหน้าอ้วนร่างท้วมไร้แววเมตตาในนั้นก็หันมามองอย่างไม่พอใจ ก่อนที่ผ้าผืนหนาจะถูกปาใส่หน้าของซูหว่านอย่างแรง
"เจ้ามาช้า ข้าเหม็นจะตายอยู่แล้ว รีบๆ ไปเก็บ คิดจะอู้หรือ สะใภ้บ้านซูเราไม่รับคนเกียจคร้าน โดนตีนิดหน่อยทำเหมือนจะตายเสียได้ เจ้าถูกขายมาพร้อมพี่สาวดีแค่ไหนแล้วบ้านซูเราให้เจ้าอยู่ในฐานะสะใภ้ แค่ห้ามเกียจคร้านเท่านั้น"
ฮูหยินซูพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความโกรธและรำคาญใจ ซูหว่านหยิบผ้าออกจากใบหน้าตอนแรกตั้งใจจะปาลงพื้นแต่มาคิดได้ว่าต้องประเมินสถานการณ์ก่อนไม่ควรใช่อารมณ์
"กล้ามองหน้าข้าหรือนังปีศาจ เอาแต่นอนสบาย ไม่รู้หรือว่าต้องทำอะไรบ้าง ทำไมต้องให้ไปตามเจ้าถึงที่ ไปได้แล้วพูดแล้วยังมามองหน้าอีก"
ซูหว่านกำผ้าในมือแน่น
“เอะ นางสะใภ้ตัวดี เจ้ากล้ากับข้าหรือทำไมยังไม่รีบไปอีก” คว้าไม้เรียวข้างๆ ขึ้นมากำไว้
ก่อนที่ซูหว่านจะพูดอะไร เด็กๆ ทั้งสองก็รีบวิ่งเข้ามายืนข้างๆ ซูหว่าน ด้วยท่าทางที่เตรียมจะปกป้องแม่ของพวกเขา อาเยวี่ยนหันไปมองฮูหยินซูด้วยสายตาที่ไม่กลัวและพูดขึ้นทันที
"ท่านย่า ท่านฟังข้าก่อนอย่าตีท่านแม่เลยขอรับ ก็เพราะพวกท่านย่าตีท่านแม่จนบาดเจ็บนั่นแหละ ท่านแม่ถึงลุกไม่ไหว"
อาเยวี่ยนพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่อ้อนวอนและตรงไปตรงมา
คำพูดของอาเยวี่ยนทำให้ซูหว่านรู้สึกถึงแรงกระตุ้นบางอย่างในใจ แม้ว่าจะยังคงเจ็บปวดและอ่อนแอแต่การที่เด็กๆ ยืนข้างและกล้าพูดออกมาอย่างนี้ทำให้รู้สึกว่าไม่ควรอ่อนแอ
แต่ฮูหยินซูไม่ยอมให้ผ่านไปง่ายๆ หันไปมองอาเยวี่ยนด้วยความโกรธที่ท่วมท้นแทบจะกินเลือดกินเนื้อจนไม่สามารถควบคุมได้
"ใครให้เจ้ามาพูดแทนนาง" ฮูหยินซูพูดด้วยน้ำเสียงดุร้ายราวกับสัตว์ป่า
“ท่านย่าท่านใจร้ายเกินไปแล้วท่านแม่บาดเจ็บเพียงนี้ท่านยังจะตีท่านแม่อีกหรือ”
"ข้าบอกกี่ครั้งแล้วว่านางไม่ใช่แม่แท้ๆ ของพวกเจ้าหรอก เด็กโง่นางฆ่าพ่อของพวกเจ้า แล้วพวกเจ้ายังกล้าพูดจาแบบนี้กับท่านย่าอย่างข้าได้อย่างไร หนอยมาว่าข้าใจร้าย นางสิร้าย คุกเข่าลง ให้ข้าลงโทษเสียดีดี"
ฮูหยินซูยกไม้เรียวทำจากไม้ไผ่ขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะหวดมันไปที่อาเยวี่ยนอย่างแรง เสียงฟาดของไม้เรียวดังก้องในห้อง มันเป็นเสียงที่ทำให้ซูหว่านใจแทบจะหยุดเต้น พุ่งเข้าเอาบังอาเยวี่ยนไว้ แต่ไม้เรียวก็ไม่วายโดนอาเยวี่ยนสะดุ้งเอือก แต่อาเยวี่ยนยังคงยืนตรงไม่ยอมล่าถอย รอยเลือดเริ่มปรากฏบนแขนของอาเยวี่ยนจากการถูกไม้เรียวหวด ซูหว่านเจ็บแสบจากรอยไม้เรียวไม่ต่างกัน ขนาดซูหว่านยังเจ็บขนาดนั้นอาเยวี่ยนเด็กตัวเล็กๆ เนื้อนุ่มๆ บางๆ จะเจ็บขนาดไหน
“ท่านย่าอย่าตีพี่ใหญ่ ฮื่อออออ” เสียงเด็กหญิงตัวน้อยอาอวี่เข้ามาปกป้องพี่ชาย
“อ่อเจ้านี่ก็อยากจะโดนตีใช่ไหม ดีเลย ตีให้ตายไปทั้งหมดเลี้ยงเสียข้าวสุก”
ซูหว่านมองภาพตรงหน้าในใจเริ่มเดือดพล่านขึ้นมา เธอไม่สามารถทนเห็นเด็กๆ ถูกทำร้ายได้อีกแล้ว ถึงแม้ว่าอาการบาดเจ็บยังคงอยู่หากไม่คงจะสามารถทำอะไรได้มากมาย แต่ความรู้สึกที่ถูกกระทำซ้ำๆ ทำให้หัวใจเดือดพล่าน
"พอแล้ว" ซูหว่านพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ไม่เคยใช้กับใครมาก่อน ใบหน้าของเธอมีทั้งความเจ็บปวดและความโกรธที่ท่วมท้น
"ท่านปล่อยเด็กๆ ไป แล้วมาตีข้านี่”
“หนอยยย นางสะใภ้ตัวดี กล้าท้าข้าหรือ เมื่อวานถูกตีจนเกือบตายยังกลับมาต่อคำได้อีก มามะข้าจะสั่งสอนเจ้าอีกที”
“ท่านย่าได้โปรดอย่าตีท่านแม่อีกเลย” เด็กทั้งสองน้ำตาไหลพรากลุกไม่ไหวแต่พยายามเอื้อมมือไขว่คว้ากลัวว่าซูหว่านจะโดนตีอีก
ฮูหยินซูยกไม้เรียวขึ้น อาเยวี่ยนที่เจ็บจนลุกไม่ขึ้นรีบขยับตัวมาขวางซูหว่านไว้อีกครั้งซูหว่านก็ทำเก่งทั้งๆ ที่ตัวเองก็ลุกไม่ขึ้นเหมือนกัน จะเอาเรี่ยวแรงตรงไหนไปสู้นางยักษ์ขมูขีนั่น
อาอวี่ที่ร้องไห้โฮแต่แม่สามีจอมโหดก็ยังเงื้อไม้ขึ้นสุดแรงแต่ไม่ทันที่ไม้เรียวจะแตะผิวเนื้อที่แตกยับเยินซ้ำแผลเก่า เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นพร้อมกับมือของพ่อสามีที่เข้ามาประคองซูหว่าน ไม้เรียวในมือชะงักกึก
“อ่าาาฮูหยิน เจ้าก็ใจเย็นๆ หน่อย ตีไปก็ตายเปล่าเมื่อวานก็เกือบตายไปแล้วนี่ดีนะที่ฟื้นมาได้ ตายไปตอนนี้ชาวบ้านจะนินทาเรา หาว่าพอผัวนางไม่อยู่เราก็ตีนางจนตาย เจ้าแค่ดุด่านางก็พอแล้ว ดูสิผิวนางช้ำหมดแล้วแย่เลย ฮูหยินเจ้าออกแรงตีนางทุกวันแขนขาเจ้าจะแย่เอานาา”
คำพูดเหมือนจะดี แต่มือที่โอบกอดนั่นแนบแน่นแล้วยังลูบไล้ไปมาที่เอว ซูหว่านที่รีบดิ้นรนปัดมือของตาแก่นั่นออก รอยยิ้มที่ยิ้มให้ฮูหยินซูหันมามองซูหว่านด้วยสายตาเจ้าเล่ห์
“นี่ยังกล้ามาวางท่าอีกหรือ ไม่อย่างนั้นข้าจะปล่อยให้นางตีเจ้าให้ตาย จำไว้คืนนี้ข้าจะไปหา สำนึกบุญคุณข้าบ้าง ปรนนิบัติข้าหน่อยก็ดี ข้าช่วยเจ้าหลายครั้งแล้ว” กระซิบที่ข้างหูซูหว่านก่อนจะหันไปยิ้มกับฮูหยินซู แล้วเดินเข้าไปประคองยายอ้วนใจร้ายนั่นพร้อมบีบนวดให้นางอย่างเอาใจ
“ดูสิ เนี๊ยะ แขนของเจ้าคงปวดไม่น้อย มาๆๆ ข้าทายาแก้ปวดบวมให้ เจ้าอย่าโมโหเลย แค่นี้นางก็อยู่ไม่สู้ตายแล้ว เอาแบบนี้เลี้ยงนางไว้ใช้งานดีไหม เจ้าจะได้ๆ ไม่ต้องเหนื่อย”
ซูหว่านกลืนน้ำลายลงคอยากเย็นไร้คำกล่าวใด แม้กระทั่งแรงจะขัดขืนก็ไม่มี จะทำอย่างไรหากตาเฒ่าตัณหากลับนั้นแวะไปหา คืนนี้มิต้องแลกด้วยชีวิตหรอกหรือ
“ไปให้พ้นหน้าข้า” ฮูหยินซูตวาดดังๆ
ซูหว่านรีบดึงมือเด็กๆ ออกจากห้องอย่างทุลักทุเล
ซูหว่านลงมือเก็บตำลึงหอบใหญ่ไว้ในอ้อมแขนเดินกลับบ้านทันที เมื่อมาถึงบ้านยัยป้าข้างบ้านชะเง้อชะแง้ตามประสาคนขี้เสือกซูหว่านเก็บฟักเขียวลูกโตไปวางไว้ในห้องครัว พลางหยิบมีดหั่นเปลือกบางๆของมันออก เผยให้เห็นเนื้อในที่เขียวสดใส ก่อนที่เสียงเบาๆจากในหัวจะดังขึ้นมาติ้ง……เสียงดังก้องในหูของซูหว่าน พร้อมกับข้อความที่ปรากฏขึ้นในอากาศจางๆเป็นรูปจอสี่เหลี่ยมโปร่งแสง"เช็คอินเป็นเวลาติดต่อกัน 3 วัน รับทันที 120 ฟองไข่ทองคำและเปิดใช้งานระบบแบบเต็มรูปแบบ ทั้งโต้ตอบและช่วยบริหารจัดการ""อะไรเนี่ย..." ซูหว่านหยุดมือที่กำลังหั่นฟักเขียว มองไปรอบๆตัวเองด้วยความงุนงง ทันใดนั้น เสียงหนุ่มหล่อแปลกประหลาดก็เอ่ยขึ้นจากในหัวของนาง ราวกับว่าเป็นเสียงที่ออกมาจากโทรศัพท์มือถือหรือระบบคอมพิวเตอร์ที่ปรากฎอยู่ในอากาศ"ออนไลน์…ยินดีต้อนรับสู่ระบบครัววิเศษ ข้าน้อยเสี่ยวปังเรียกง่ายๆก็ขนมปัง ยินดีให้บริการ ถามอะไรก็ได้ในทันที….."เสียงนี้มีความนุ่มนวลและคมชัด ราวกับเสียงพากษ์พระเอกในซีรีส์จีนสุดเท่ เสียงของมันเต็มไปด้วยความมั่นใจและความตื่นเต้นที่อยากจะช่วยเหลือซูหว่านเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วจึงพูดออกมาอย่างไม่แน่ใจ
เช้าวันต่อมาซูหว่านเดินออกจากบ้านไปโดยมีความกังวลอยู่เต็มอกเด็กๆ ป่วยอยู่บนแท่นนอนตัวร้อนจัดจนแทบจะจับไม่ได้แล้วเพราะที่ผ่านมาก็เจ็บตัวประจำอาหารการกินก็ไม่สมบูรณ์และไหนจะความเครียดสะสม ซูหว่านเช็ดตัวให้ทั้งสองคนแล้วขยับตัวลุกขึ้น“แม่จะลองไปที่ร้านหมอเพื่อขอยาดูนะ…” ซูหว่านพึมพำเบาๆ เด็กทั้งสองยังไม่รู้สึกตัวเหงื่อซึมโชกอยู่บนหน้าผากเล็กๆ ของพวกเขา บางครั้งก็มีอาการตัวเกร็งเหมือนกับจะมีไข้สูงขึ้นไปอีก รู้ว่าเวลานี้ต้องรีบหายามาช่วยเหลือไม่อย่างนั้นพวกเขาจะทรมานจนทนไม่ไหว"ต้องหายามาให้ได้ ต้องไปร้านหมอไปหายามาให้พวกเขากินแก้ไข้"เมื่อถึงร้านขายยา ซูหว่านผ่านประตูเข้าไปในร้านที่เงียบสงัด มีกลิ่นยาหอมฟุ้งไปทั่ว "ท่านหมอได้โปรด ข้าอยากขอยาให้เด็กๆ" ซูหว่านเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเร่งรีบ แต่ในใจลึกๆ ก็เต็มไปด้วยความห่วงใยหมอชราในร้านซึ่งนั่งอยู่หน้าตู้เก็บสมุนไพร ก้มมองซูหว่านด้วยสายตาเย็นชา เขาคงรู้ดีถึงชื่อเสียงของซูหว่านมาบ้าง “มีเงินหรือไม่” คำพูดเบาๆ แต่ชัดเจนทุกถ้อยคำ ซูหว่านส่ายหน้าไปมา"ไม่ได้ อยากได้ยาก็ต้องมีเงิน" หมอชราพูดสั้นๆ ก่อนที่จะหันไปทำอย่างอื่นต่อซูหว่านถูกปฏิเสธอย่า
“ทำไมใครๆ เขาก็รู้ว่าเจ้าฆ่าสามี ข้าพูดแล้วจะทำไมข้า คนอื่นเขาพูดกันทั่วไป ไม่ได้พูดแต่ข้าเสียหน่อยเจ้าก็ตามไปฆ่าทุกคนสิ”ซูหว่านยิ้มเหยียดเดินเข้าหายายป้าข้างบ้าน“ชิ อย่างนั้นหรือพูดกันทั่วไป ข้าไม่ได้ยินถือว่าไม่พูดแต่คนที่พูดให้ข้าได้ยินนี่ อย่างไงดีน้าาาา”“เจ้าอย่ามาทำนิสัยเหมือนที่ผ่านมา มิน่าเล่าแม่สามาีเจ้าถึงได้ไล่เจ้าออกจากบ้านเพราะเจ้ามาจิตใจต่ำทรามชอบฆ่าคนแบบนี้นี่เอง”“หุบปากเจ้านะไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าข้าใจร้าย”“เจ้าจะทำอะไรข้า” ยัยป้าเริ่มหวั่นๆ ไม่กล้าสบตาซูหว่าน"คราวหลังอย่ามากล่าวหาข้าอีก...ไม่อย่างนั้นข้า…ที่ไม่เคยฆ่าใครจะฆ่าเจ้านั่นแหละคนแรก" ซูหว่านพูดเสียงดังคำพูดของซูหว่านดังก้องไปทั่วบริเวณ ชาวบ้านที่มามุงดูเงียบเสียงลงไป ป้าข้างบ้านมองซูหว่านด้วยสายตาที่ตื่นตระหนกในชั่วขณะหนึ่ง แต่สุดท้ายก็กัดฟันและพูดกลับด้วยเสียงสั่นๆ ซูหว่านชี้มือไปยังยัยป้าอย่างคาดโทษ"เจ้า...เจ้ายังจะกล้าทำร้ายข้าอีกหรือ อ่อแน่ละซี้ เจ้ามันชอบฆ่าคนนี่ อย่าคิดว่าข้าจะปล่อยเจ้าไปได้ง่ายๆ ข้าจะไล่เจ้าทุกวันคอยดูเถอะ"ซูหว่านที่ยังคงยืนอยู่ด้วยท่าทางมั่นคงยิ้มเย็น พูดกลับด้วยน้ำเสียงเรียบ
ซูหว่านก็เตรียมข้าวร้อนๆ ในถ้วยที่ล้างจนสะอาด อาหารมื้อแรกบนอิสรภาพกลับมีค่ามากมายในตอนนี้ คนเรามันอยู่ที่ใจหรอกจบอกว่าสุขก็สุข ฮ่าาาาจริงไหมนี่เอิ้กกกกฉ้านนนนนนนมีความสุข“หน้าตาดูดีไม่น้อยทีเดียว” เสิร์ฟข้าวพร้อมกับผัดผักบุ้งกลิ่นหอมฟุ้งบนโต๊ะที่ทำมาจากไม้เก่าๆ“อาอวี่...อาเยวี่ยน มานี่เร็ว ลูกร้ากกกกก” ซูหว่านเรียกเด็กๆ ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ทั้งสองพยักหน้าและรีบเดินเข้ามานั่งที่โต๊ะอาหารอาเยวี่ยนมองข้าวร้อนๆ และผัดผักบุ้งที่กลิ่นหอมลอยมาเต็มห้อง เขายิ้มออกมาอย่างอิ่มใจ “ท่านแม่เก่งจัง หอมที่สุดเลย หอมจริงๆ แค่ผัดผักบุ้งแต่หอมไปสามบ้าน”ซูหว่านยิ้ม เด็กๆ พุ้ยข้าวใส่ปากแก้มป่อง คีบผัดผักบุ้งใส่ปาก อาอวี่นิ่งงันอ้าปากค้าง“อืออร่อยจัง ผักนี่หวานจังเลยค่ะท่านแม่ อร่อยมากๆ เลยค่ะ” อาอวี่พูดพร้อมกับยิ้มกว้าง ใบหน้าเล็กๆ เปล่งประกายไปด้วยความสุขจากการได้ทานอาหารร้อนๆ รสชาติอร่อยที่ซูหว่านปรุงกับมือ“ผักที่อร่อยต้องสดใหม่เท่านั้น ผักเก็บมาจากต้นปรุงอาหารได้รสดีที่สุดและผักบุ้งมีสรรพคุณมากมายแต่ที่สำคัญในตอนนี้คือช่วยลดอาการปวดศีรษะและอ่อนเพลีย จากการที่เราสามคนหนีนางปีศาจเมื่อคืนฮ่าาาาา แ
"เด็กๆ วันนี้เราจะเริ่มต้นกันใหม่โดยการทำความสะอาดบ้าน" ซูหว่านพูดเสียงมั่นคง ก่อนจะหันไปมองลูกๆ "เราจะหาทางอยู่ให้ได้ และไม่ต้องหนีอีกต่อไป"ซูหว่านยืนอยู่กลางห้อง มองไปรอบๆ บ้านร้างที่ไม่มีใครจับจอง ภายในบ้านท่ามกลางความเงียบสงัด รู้สึกได้ถึงอารมณ์ที่ค้างคาในใจ เด็กๆ ก็ดูจะตื่นเต้นมาก"ฮึบบบบ…" ซูหว่านสูดลมหายใจเข้าลึก ก่อนจะเดินสำรวจไปรอบๆ บ้านอย่างตั้งใจ แม้ภายในบ้านจะเต็มไปด้วยฝุ่นและข้าวของเก่าๆ แต่ในทุกมุมที่มองดูก็เห็นบางสิ่งที่ยังพอใช้ได้“ปัดฝุ่นเสียหน่อยก็ใช้ได้แล้วล่ะ”บนผนังห้องครัวเก่าๆ ซูหว่านพบกับอุปกรณ์ครัวที่เก่าแต่ยังพอใช้งานได้ น้ำมันเก่าๆ ในโถดีๆ ที่ยังไม่เหม็นหืนอาจเพราะอากาศเย็น ถูกวางอยู่บนชั้นไม้ที่ดูเหมือนจะเก็บไว้ไม่ได้ใช้มานาน ข้างฝาที่เป็นซี่คล้ายลูกกรงมีเชือกที่ผูกพริกแห้งที่ยังไม่ได้ใช้จนแห้งสนิท กระเทียมกับผักชีแห้งๆ ผักเครื่องหอมที่แห้งแต่ยังหอมและฝักข้าวโพดแห้งที่อยู่ในมุมหนึ่งถูกวางทิ้งไว้ เกลือกับเครื่องเทศในห่อกระดาษแห้งสนิทของแค่นี้ก็พอจะทำให้อาหารได้ดวงตากลมเลิกคิ้วสูง ด้านในสุดข้างเตามีกระทะแขวนไว้ ซูหว่านเอื้อมมือไปดึงถังไม้เปิดฝาเห็นข้าวสาล
ซูหว่านหันหลังกลับเด็กๆ ยืนข้างๆ ด้วยท่าทางหวาดกลัว สายตาของซูหว่านมองไปที่จอบที่พิงผนัง เหมือนเป็นสิ่งเดียวที่พอจะใช้เป็นอาวุธป้องกันตัวได้ ซูหว่านเอื้อมมือไปคว้าจอบนั้นมาอย่างรวดเร็ว ตายเป็นตายวะอย่างดีก็แค่ตายอีกที เสียงฝีเท้าของสาวใช้วิ่งเข้ามา ใจซูหว่านร้อนรนแต่ไม่มีเวลาคิดมากกว่านี้ ขณะที่สาวใช้พุ่งเข้ามาหา ซูหว่านคว้าจอบยกขึ้นทันที แล้วทุบลงไปที่แผ่นหลังของสาวใช้อย่างเต็มแรง"โอ๊ยยย" เสียงร้องของสาวใช้ดังขึ้นด้วยความเจ็บปวด ก่อนที่ตัวจะงอไปข้างหน้า ใช้ลงไปกับพื้น หมดแรงที่จะขยับต่อไปฮูหยินซูที่อ้าปากค้างเมื่อเห็นว่าซูหว่านที่ไม่เคยมีปากเสียงครั้งนี้กลับสู้คน “พวกเจ้ามาเร็วๆ มาช่วยกันจับนาง”เสียงแหลมและแข็งกร้าวสั่งการให้ทุกคนทำตาม แต่ยังไม่มีใครมาสักคันก็มันดึกแล้ว มีแต่ฮูหยินซูเท่านั้นที่อยู่คนจับผิดซูหว่านซูหว่านรู้ดีว่านี่ไม่ใช่เวลาที่จะลังเลอีกแล้ว การเผชิญหน้ากับฮูหยินซูในตอนนี้หมายถึงการสู้ หากเอาแต่หนีทั้งยังพาเด็กๆ ไปด้วยคงถูกไล่ตามมาจับได้แน่ ไม่มีทางเลือกนอกจากสู้แล้ว จะต้องทำให้ฮูหยินซูไม่กล้ากับซูหว่านอีกต่อไปซูหว่านหันไปมองฮูหยินซูที่ยืนอยู่ไม่ไกล มือยังคงกำจอ