ภายหลังการเสียชีวิตของผู้เป็นนายใหญ่ของบ้านและภรรยา ‘ป้าช้อย’ หรือ ‘นมช้อย’ แม่เรือนใหญ่ก็คอยทำหน้าที่ดูแลบ้านเพื่อรอคอยการกลับมาของไรอัน
นมช้อยคอยรับหน้าที่ดูแลเรื่องการเรือนและคนใช้ผู้หญิงเป็นหลัก ส่วนงานภายนอกบ้าน คนรถ คนสวน ยาม และงานของผู้ชายทุกๆ อย่าง มีลุงชิตผู้เป็นสามีของนมช้อยคอยช่วยแบ่งเบาภาระรับผิดชอบอยู่ภายใต้คฤหาสน์หลังงามที่มีเนื้อที่กว่าร้อยไร่ซึ่งต้องใช้คนงานจำนวนมากเพื่อคอยดูแลความเรียบร้อย
“โน่นไงคะ...คุณไรอันกำลังเดินลงมาพอดี”
นมช้อยช้อนชำเลืองสายตาไปที่บันไดซึ่งวนเกลียวโค้งลงมาจากชั้นสองของคฤหาสน์
ไรอัน หนุ่มฉกรรจ์ผู้มีสายเลือดผสม โครงร่างสูงใหญ่มาก ทว่าสมส่วนและสง่างามในทุกสรีระ แผงอกผึ่งผาย ปั้นใหญ่กว้าง อยู่ในชุดลำลอง สวมกางเกงขายาวสีน้ำตาลหลวมๆ เสื้อเชิ้ตลายตารางเรียบ สีทึมเทาสลับขาว กระดุมเม็ดแรกนับจากแนวบนสุดของสาบเสื้อที่ไม่ได้ติดเอาไว้ เผยแพขนเลื่อมพรายเหมือนแพรไหมสีน้ำตาลไหม้แพลมออกมารำไร บางส่วนเลื้อยไล่ขึ้นมาจากแผงอกกว้าง สูงขึ้นมาเกือบถึงลำคอและใต้คาง ช่วงไหล่กว้างนั้นรับกับร่างกายกำยำ ท่วงท่าเดินดูงามสง่าสมชายชาตรี ใบหน้านั้นถูกสลักเสลาได้ราวกับประติมากรรมชั้นเยี่ยมจากฝีมือของประติมากรชั้นยอด หน้าผากกว้าง ตรงกึ่งกลางหยักเป็นรูปหัวใจ คาง กราม แผงคิ้วเข้มและกรอบดวงตาขึ้นโครงได้อย่างงดงามไร้ที่ติติง
อีกสิ่งที่สะดุดตาบนใบหน้าของไรอันจนไม่อาจละเลยได้ที่จะกล่าวถึง คือดวงตาสีน้ำตาลที่บางครั้งดูแกร่งกร้าวและบางครั้งกลับฉายแววอ่อนโยนออกมาได้อย่างน่าอัศจรรย์ใจ ภายใต้ใบหน้าและดวงตาคู่เดียวกันนั้น
“สวัสดีครับคุณไรอัน”
ทนายประภาษเอ่ยขึ้นทันทีที่แลเห็นร่างของไรอัน
ไรอันให้เกียรติทายาทประจำตระกูลด้วยการลุกขึ้นยืน กล่าวสวัสดีออกมาก่อน สายตาจับจ้อง มองความเปลี่ยนแปลงของเด็กผู้ชายที่เคยเห็นครั้งสุดท้ายเมื่อ 5 ปีก่อนอย่างไม่เชื่อสายตา
เด็กชายไรอันตัวเล็กๆ ที่เคยเห็น บัดนี้ได้เปลี่ยนแปลงไปมากราวกับเป็นคนละคน ผิดหูผิดตาไปจากความทรงจำที่เคยมีต่อเด็กผู้ชายคนหนึ่งที่เคยได้เห็นเมื่อ 5 ปีที่แล้วอย่างสิ้นเชิง
“สวัสดีครับคุณทนาย”
ไรอันกล่าวด้วยน้ำเสียงสุภาพ สุขุม หนักแน่น สีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส ทรุดร่างกายกำยำใหญ่และความสูงเกือบสองเมตรลงนั่งยังเก้าอี้บุกำมะหยี่สีน้ำตาลตัวใหญ่
กังวานเสียงของไรอันนั้นมีความละม้ายคล้ายคลึงกับคุณคีรีผู้เป็นบิดาอยู่ไม่น้อย
“ขอโทษนะครับที่ทำให้ต้องรอนาน”
ไรอันกล่าว แววตาคมนิ่งอยู่ในท่วงท่าสุขุมนุ่มลึก
“ไม่เป็นไรครับ ถ้าคุณไรอันพร้อมแล้ว ผมขอเริ่มธุระเลยนะครับ”
ทนายประภาษเหลือบมาสบตาไรอันที่พยักหน้าและยิ้มน้อยๆ บ่งบอกว่าพร้อมฟังเรื่องราวสำคัญที่ทำให้ต้องมาพบ
ทนายประภาษหยิบเอกสารในซองสีน้ำตาลพิมพ์ทองเป็นลวดลายเล็กๆ ที่กรอบ ซึ่งผูกผนึกเอาไว้ด้วยเชือกสีขาว ที่ปมเชือกแนบอยู่กับซองมีหยดครั่งสีน้ำตาลแดงประทับตราประจำตระกูลเอาไว้
ทนายประภาษเริ่มอ่านพินัยกรรมในทันที สีหน้าของไรอันไม่ได้แสดงความกังวลถึงเนื้อหาในพินัยกรรมที่ทนายประภาษได้อ่านด้วยน้ำเสียงอันฉะฉานออกมาเลยแม้แต่น้อย เพราะในฐานะทายาทคนเดียวซึ่งจะต้องรับมรดกของตระกูลเอาไว้แต่เพียงผู้เดียวอย่างไม่ต้องสงสัย ไม่ว่าจะเป็นเงินสดในธนาคารหลายพันล้าน เครื่องเพชรและทองคำที่อยู่ในตู้เซฟของธนาคาร ทั้งกิจการโรงแรม รีสอร์ท ฟาร์มโคนมที่วังน้ำเขียว ไร่ชาที่เชียงราย สวนส้มที่เชียงใหม่ และที่ดินอีกหลายพันไร่ที่คุณคีรีได้ซื้อสะสมเอาไว้ให้ลูกชายเมื่อครั้งยังมีชีวิตอยู่ ที่ดินซึ่งกระจัดกระจายอยู่ในหลายพื้นที่ของประเทศจนไรอันเองก็แทบจดจำได้ไม่หมด
และจริงอย่างที่ไรอันคาด
ภายหลังจากนั่งฟังทนายประภาษอ่านจนจบ เพราะเนื้อหาในพินัยกรรมไม่ได้มีสิ่งใดผิดแผกไปจากความคาดหมาย หากไม่รวม ‘ข้อสุดท้าย’ ซึ่งเป็นข้อสุดท้ายที่ถึงกับทำให้หัวคิ้วของไรอันขมวดเข้าหากันด้วยความสงสัย กับข้อความตอนท้ายที่บ่งบอกเอาไว้ว่า ‘ให้ไรอันรับเด็กสาวคนหนึ่งมาอุปการะ’
ขณะนี้ เด็กสาวผู้นี้อาศัยอยู่กับยายที่ฟาร์มร้าง เป็นฟาร์มซึ่งคุณคีรีได้รับซื้อต่อมาจากเพื่อนสนิทคนหนึ่งที่กำลังป่วยหนัก และกำลังประสบกับปัญหาล้มละลายถึงขั้นไม่มีที่จะให้อยู่อาศัย
คุณคีรีรับซื้อฟาร์มจากเพื่อนสนิทคนนี้ไว้เพราะเหตุผลทางด้านมนุษยธรรมมากกว่าจะเล็งเห็นผลกำไรหรือมูลค่าใดๆ จากผืนดินที่แห้งแล้งทุรกันดารจนแทบจะปลูกพืชพันธุ์ใดๆ ไม่ได้
“ในพินัยกรรมระบุเอาไว้เพียงเท่านั้นหรือครับ?”
ไรอันถาม ดวงตายาวรีได้รูปหรี่ลงเล็กน้อยด้วยความอยากรู้ถึงเหตุผลและที่มาที่ไป
“ยังมีต่ออีกนิดครับ” คุณทนายเอ่ย
“ พินัยกรรมยังระบุอีกว่าภายหลังจากคุณไรอันรับเด็กสาวคนนี้มาเลี้ยงดู และให้สิทธิ์ขาดในการตัดสินใจแก่คุณไรอัน…ในฐานะผู้ปกครองของเธอทุกประการ ไปจนกว่าเด็กสาวคนนี้จะเติบโตจนบรรลุนิติภาวะเมื่ออายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ เมื่อนั้นก็ถือเป็นอันสิ้นสุดภาระรับผิดชอบของคุณไรอัน ในฐานะผู้ปกครองของเธอตามที่พินัยกรรมได้ระบุ”
นั่นคือข้อความในตอนท้ายของพินัยกรรมที่ระบุเอาไว้
ด้วยฐานะอันมั่งคั่งของไรอัน ทำให้เขาไม่ได้หนักใจกับเรื่องที่จะรับเด็กสาวคนหนึ่งมาอุปการะมาก
ไปกว่าความฉงนใจ ‘ถึงที่มาที่ไปของเด็กสาวคนนี้?’
และมันทำให้ไรอันต้องหันไปมองหน้านมช้อยอย่างต้องการคำตอบ
ก่อนจะหันกลับมาประสานสายตากับทนายประภาษด้วยแววตาคาดคั้นถึงคำตอบเช่นกัน เพราะไรอันไม่ใช่ผู้ชายที่จะปล่อยให้ตัวเองตกอยู่ในความสงสัยได้นาน
“แค่เลี้ยงดู ให้การศึกษา และเป็นผู้ปกครองไปจนกว่าเธอจะบรรลุนิติภาวะ…แค่นั้นเองหรือ?”
ไรอันถามถึงข้อสงสัยที่ยังค้างคาอยู่ในใจ
“ครับ... ภายหลังจากนั้นก็เป็นสิทธิ์ของเธอที่จะตัดสินใจเลือกทางเดินชีวิตของเธอเอง”
ทนายตอบ
ไรอันเห็นอาการกลืนน้ำลายลงคอเหมือนคนคอแห้งของทนายประภาษ เพราะเกิดความสะท้อนสะเทือนใจในเรื่องที่ตัวเองกำลังเป็นคนเล่าอยู่นั้น“แล้วจากนั้น…เรื่องราวดำเนินไปอย่างไรครับ” ไรอันอยากรู้ต่อ“วันหนึ่ง!...ข่าวการตายของวศินก็ถึงหูคุณพ่อของคุณไรอัน คุณพ่อของคุณไรอันได้ยื่นมือเข้าช่วยสองแม่ลูกในทันทีที่รู้ข่าว คุณคีรีมีโอกาสพบเจอกับรำเพยเพียงช่วงเวลาสั้นๆของชีวิตก่อนที่จะเสียชีวิตลงไม่กี่วัน แต่ก็นับว่าเป็นช่วงเวลาอันแสนสั้น…ที่แสนสุข จากที่ทั้งคู่แอบไปมาหาสู่กันโดยที่คุณแม่ของคุณไรอันไม่เคยล่วงรู้ความจริงในข้อนี้”“คุณพ่อกับแม่ของเด็กสาวคนนี้คบหากันแบบชู้สาวใช่ไหมครับ?”ไรอันถามออกไปตรงๆทว่าสีหน้าก็ไม่ได้แสดงอาการตกใจ หากทนายประภาษจะตอบว่า “ใช่”“ในความจริงก็ใช่!...ทว่าสองคนนี้เคยรักกันมาก่อน”“รักกันมาก่อน?”ไรอันขมวดคิ้ว กับคำตอบที่ยิ่งเพิ่มความสงสัย“ครับ…สองคนนนี้เคยเป็นคนรักกันมาก่อน…ก่อนที่คุณคีรีจะมาแต่งงานกับคุณเดียน่าแม่ของคุณไรอันด้วยซ้ำ รำเพยที่เป็นแม่ของเด็กสาวที่ชื่อทอรุ้งเป็นคนรักคนแรกของคุณคีรี แต่ระหว่างที่คุณคีรีไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ ด้วยขาดการติดต่อกันนานจนกลายเป็นความเข้า
“ผมเดาได้ว่าคุณไรอันคงสงสัยเช่นกัน ถึงความเป็นมาของเด็กสาวคนนี้”“คุณประภาษกล่าวเหมือนรู้ใจผม”ไรอันเอ่ย“ต้องขอโทษด้วยที่มีความจำเป็นให้ต้องปิดบังคุณไรอันมาจนถึงวันนี้”ทนายประภาษเริ่มเกริ่น“ซึ่งเป็นเพราะความประสงค์ของคุณคีรี ซึ่งคุณคีรีเองก็เพิ่งทราบเรื่องเด็กสาวคนนี้เพียงเดือนเดียว และก่อนหน้าที่ท่านจะเสียชีวิตได้ไม่นาน ท่านสั่งให้ผมร่างพินัยกรรมฉบับนี้ขึ้นมาทันที จะว่าไปก็เหมือนเป็นลางสังหรณ์ก่อนที่ท่านจะมาเสียชีวิต ต้องขอโทษจริงๆ ที่ผมจำต้องปิดบังเอาไว้”คุณประภาษเอ่ยขอโทษอีกครั้ง“ข้อนั้นผมเข้าใจ ที่ต้องปิดบังเอาไว้เป็นเพราะคุณประภาษได้สัญญาไว้กับคุณพ่อ”ไรอันชำเลืองไปยังนมช้อยที่เดินยิ้มหน้าชื่นเข้ามาช้าๆ“เชิญคุณไรอันกับคุณทนายกับที่โต๊ะอาหารเลยค่ะ”นมช้อยกล่าว“เชิญครับ”ไรอันผายมือไปที่โต๊ะอาหารเป็นสัญญาณเชื้อเชิญ ซึ่งมีอาหารน่ารับประทานหลายอย่างเรียงรายรออยู่ตรงหน้าภายหลังจากเวลาครู่ใหญ่ๆได้ถูกใช้ไปบนโต๊ะอาหาร ไรอันกวาดสายตามองหาสาวใช้ที่เดินเข้ามารับคำสั่งเบาๆ จากคนเป็นนาย ก่อนจะเดินลับกลับเข้าไปในบ้านอย่างรู้จังหวะ และกลับออกมาอีกครั้งพร้อมกับโรมานี กองติ (Romani Co
“ผมยอมรับเงื่อนไขในพินัยกรรมทุกอย่าง ไม่มีปัญหาเรื่องอุปการะเลี้ยงดูและให้การศึกษาแก่เด็กสาวคนนี้”ไรอันกล่าว ก่อนจะเสร็จสิ้นการอ่านพินัยกรรมที่ใช้เวลาเกือบชั่วโมง“ขอบคุณคุณประภาษที่มาทำหน้าที่สำคัญนี้แทนคุณพ่อ”ไรอันกล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้ม“เป็นหน้าที่ของผมครับ”ทนายประภาษยิ้มเล็กๆ ที่มุมปาก“หากวิญญาณของคุณพ่อรับรู้ ท่านก็คงหมดห่วง”ไรอันรำพึง“วันนี้…คงเป็นวันที่ท่านมองลงมาจากสรวงสวรรค์อย่างเป็นสุข”ทนายประภาษเสริมขึ้นเบาๆ“อืม...ถ้าคุณประภาษว่าง เย็นนี้ผมอยากจะเชิญคุณประภาษมาทานข้าวเย็นกับผมสักมื้อ เพื่อตอบแทนที่คุณประภาษเป็นธุระจัดการเรื่องพินัยกรรมให้เป็นไปตามเจตจำนงของคุณพ่อ”ไรอันกล่าวเชื้อเชิญด้วยน้ำใสใจจริง“เป็นเกียรติกับผมมากกว่าครับ…คุณไรอัน” “แล้วเจอกันตอนค่ำนะครับ”ไรอันระบายยิ้มบางๆ ก่อนที่ทนายประภาษจะขอตัวกลับ ทนายประภาษเป็นคนที่คุณคีรีผู้เป็นพ่อของไรอันไว้เนื้อเชื่อใจตลอดมานอกจากจะให้ตำแหน่งที่ปรึกษาในเชิงกฏหมายที่เกี่ยวข้องกับการทำธุรกิจ อีกสถานะหนึ่ง คุณประภาษก็เปรียบเสมือนเพื่อนสนิทคนหนึ่งที่คุณคีรีให้ความไว้วางใจ คุณประภาษคือเพื่อนที่คอยให้คำปรึกษาซึ่ง
ภายหลังการเสียชีวิตของผู้เป็นนายใหญ่ของบ้านและภรรยา ‘ป้าช้อย’ หรือ ‘นมช้อย’ แม่เรือนใหญ่ก็คอยทำหน้าที่ดูแลบ้านเพื่อรอคอยการกลับมาของไรอันนมช้อยคอยรับหน้าที่ดูแลเรื่องการเรือนและคนใช้ผู้หญิงเป็นหลัก ส่วนงานภายนอกบ้าน คนรถ คนสวน ยาม และงานของผู้ชายทุกๆ อย่าง มีลุงชิตผู้เป็นสามีของนมช้อยคอยช่วยแบ่งเบาภาระรับผิดชอบอยู่ภายใต้คฤหาสน์หลังงามที่มีเนื้อที่กว่าร้อยไร่ซึ่งต้องใช้คนงานจำนวนมากเพื่อคอยดูแลความเรียบร้อย“โน่นไงคะ...คุณไรอันกำลังเดินลงมาพอดี”นมช้อยช้อนชำเลืองสายตาไปที่บันไดซึ่งวนเกลียวโค้งลงมาจากชั้นสองของคฤหาสน์ไรอัน หนุ่มฉกรรจ์ผู้มีสายเลือดผสม โครงร่างสูงใหญ่มาก ทว่าสมส่วนและสง่างามในทุกสรีระ แผงอกผึ่งผาย ปั้นใหญ่กว้าง อยู่ในชุดลำลอง สวมกางเกงขายาวสีน้ำตาลหลวมๆ เสื้อเชิ้ตลายตารางเรียบ สีทึมเทาสลับขาว กระดุมเม็ดแรกนับจากแนวบนสุดของสาบเสื้อที่ไม่ได้ติดเอาไว้ เผยแพขนเลื่อมพรายเหมือนแพรไหมสีน้ำตาลไหม้แพลมออกมารำไร บางส่วนเลื้อยไล่ขึ้นมาจากแผงอกกว้าง สูงขึ้นมาเกือบถึงลำคอและใต้คาง ช่วงไหล่กว้างนั้นรับกับร่างกายกำยำ ท่วงท่าเดินดูงามสง่าสมชายชาตรี ใบหน้านั้นถูกสลักเสลาได้ราวกับประต
ไม่อนุญาตให้สแกนหนังสือหรือคัดลอกเนื้อหาส่วนใดส่วนหนึ่งของหนังสือเว้นแต่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของหนังสือเท่านั้นนิยายเรื่องนี้เป็นเพียงเรื่องที่สมมติขึ้นไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องจริงแต่อย่างใด ชื่อบุคคลและสถานที่ที่ปรากฏในเนื้อเรื่อง ไม่มีเจตนาอ้างอิงหรือก่อให้เกิดความเสียหายใดๆผู้เขียน กาสะลอง “คฤหาสน์ซ่อนสวาท”ที่คฤหาสน์หลังใหญ่ ภายในห้องรับแขก ใบพัดของพัดลมเพดานสีทองเหลืองที่มีขนาดความกว้างของใบพัดราวสองช่วงแขนเหยียด ตรงฐานก้านที่ยึดตัวพัดลมติดไว้กับฝ้าเพดาน ประดับประดาเอาไว้ด้วยลวดลายทองเหลืองมลังเมลือง ดัดเป็นรูปเครือเถาพรรณพฤกษาเรื้อยระไปถึงฝ้าเพดาลสูงโปร่งของห้องโถงโล่งกว้างแรงลมจากพัดลมช่วยพัดไล่ความร้อนที่เจืออยู่ในอากาศของยามสาย ทำให้ภายในห้องนั้นเย็นสบาย รู้สึกได้ถึงความโปร่งโล่งจากอากาศที่ถ่ายเทมาจากหน้าต่างและช่องลมขนาดใหญ่ภายใต้จั่วไม้ที่ขัดสานเป็นช่องให้ลมลอดผ่าน จั่วที่ยังคงไว้ด้วยศิลปะการเข้าไม้ตามแบบบ้านโบราณได้อย่างวิจิตรบรรจงบนเก้าอี้ไม้ตัวใหญ่ที่แกะลายสลักเป็นรูปน่องสิงห์เอาไว้ที่ขาทั้งสี่ด้าน ตรงพื้นเก้าอี้บุด้วยกำมะหยี่สีน้ำตาลทองนุ