“ผมเดาได้ว่าคุณไรอันคงสงสัยเช่นกัน ถึงความเป็นมาของเด็กสาวคนนี้”
“คุณประภาษกล่าวเหมือนรู้ใจผม”
ไรอันเอ่ย
“ต้องขอโทษด้วยที่มีความจำเป็นให้ต้องปิดบังคุณไรอันมาจนถึงวันนี้”
ทนายประภาษเริ่มเกริ่น
“ซึ่งเป็นเพราะความประสงค์ของคุณคีรี ซึ่งคุณคีรีเองก็เพิ่งทราบเรื่องเด็กสาวคนนี้เพียงเดือนเดียว และก่อนหน้าที่ท่านจะเสียชีวิตได้ไม่นาน ท่านสั่งให้ผมร่างพินัยกรรมฉบับนี้ขึ้นมาทันที จะว่าไปก็เหมือนเป็นลางสังหรณ์ก่อนที่ท่านจะมาเสียชีวิต ต้องขอโทษจริงๆ ที่ผมจำต้องปิดบังเอาไว้”
คุณประภาษเอ่ยขอโทษอีกครั้ง
“ข้อนั้นผมเข้าใจ ที่ต้องปิดบังเอาไว้เป็นเพราะคุณประภาษได้สัญญาไว้กับคุณพ่อ”
ไรอันชำเลืองไปยังนมช้อยที่เดินยิ้มหน้าชื่นเข้ามาช้าๆ
“เชิญคุณไรอันกับคุณทนายกับที่โต๊ะอาหารเลยค่ะ”
นมช้อยกล่าว
“เชิญครับ”
ไรอันผายมือไปที่โต๊ะอาหาร
เป็นสัญญาณเชื้อเชิญ ซึ่งมีอาหารน่ารับประทานหลายอย่างเรียงรายรออยู่ตรงหน้า
ภายหลังจากเวลาครู่ใหญ่ๆได้ถูกใช้ไปบนโต๊ะอาหาร
ไรอันกวาดสายตามองหาสาวใช้ที่เดินเข้ามารับคำสั่งเบาๆ จากคนเป็นนาย ก่อนจะเดินลับกลับเข้าไปในบ้านอย่างรู้จังหวะ และกลับออกมาอีกครั้งพร้อมกับโรมานี กองติ (Romani Conti) ไวน์ฝรั่งเศสชื่อก้อง หมักบ่มใน ปี ค.ศ.1970 ราคาขวดละเกือบแสน
เพราะไรอันรู้ว่ามันจะช่วยให้บรรยากาศในการสนทนาตามประสาผู้ชายเป็นไปอย่างออกรสชาติ
ครู่เดียวไวน์ที่ถูกเก็บเอาไว้ภายใต้อุณหภูมิต่ำกว่า 12 องศาก็ถูกรินลงแก้วใสใบบางตรงหน้าคุณทนาย กลิ่นหอมอ่อนๆ ของมัน ลอยอวลไปทั่วโต๊ะอาหาร เรียกความกระหายให้กับปากคอได้อย่างเหลือเชื่อ
“เชิญครับ” ไรอันกล่าว
“ขอบคุณครับ”
ทนายประภาษจับที่ก้านแก้วอย่างคนที่คุ้นเคยกับไวน์ เหมือนรู้ว่าอุณหภูมิที่ฝ่ามือจะทำให้รสชาติของไวน์เปลี่ยนแปลงไป
พลางหันไปสบตาไรอันด้วยแววตาครุ่นคิด
หมุนไวน์เบาๆไปมา 4-5 รอบ สูดกลิ่นหอมของมันแรงลึก จิบเบาๆเข้าไปหนึ่งอึก กำซาบรสชาติของมันด้วยการทิ้งค้างเอาไว้ในปาก 3-4 วินาที กลั้วเอาไว้ใต้ลิ้นเบาๆ แล้วค่อยๆ ปล่อยให้มันละเลียดลงสู่ลำคออย่างมีศิลปะ สมกับที่ไรอันให้เกียรติรับรองมื้อค่ำด้วยการเปิดไวน์ราคาขวดละเกือบแสน
“คิดอยู่แล้วเชียวว่าคุณไรอันต้องอยากรู้เรื่องเด็กผู้หญิงคนนี้?”
ทนายประภาษทำสีหน้าครุ่นคิด
ก่อนที่ไวน์แก้วที่สองจะละเลียดลงลำคอตามไปติดๆ
“ในฐานะผู้ปกครอง ก็เป็นสิ่งที่ผมควรจะรู้ไม่ใช่หรือครับ?”
ไรอันลูบคาง พลางคิด
ทนายประภาษทอดสายตาไปทางสวนดอกไม้สะพรั่งที่ข้างคฤหาสน์ มองไปล่เลยไปที่ริ้วเมฆอาบแสงอาทิตย์ขลิบทองเมื่อใกล้ค่ำอย่างครุ่นคิดเช่นกัน
ก่อนจะเริ่มเล่าเรื่องราวความเป็นมาเกี่ยวกับเด็กสาวที่ไรอันอยากรู้
“ เด็กผู้หญิงคนนี้ชื่อว่า ‘ทอรุ้ง’ ครับ”
ทนายประภาษเริ่มเผยความลับที่เก็บเอาไว้นาน เป็นความลับที่ไรอันรอฟังอย่างตั้งใจ
ตอนที่ 2
เด็กสาวคนนี้ชื่อว่า ‘ทอรุ้ง’ ตอนนี้เธออายุได้ 18 ปี กำลังจะเรียนจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่หกในอีกไม่กี่วันข้างหน้า เธอเป็นลูกสาวเพื่อนของคุณคีรี
“เป็นลูกสาวของเพื่อนคุณพ่อ?” หัวคิ้วเข้มของไรอันขมวดมุ่นเข้าหากันด้วยความสงสัย
ไรอันทวนคำเหมือนไม่เชื่อ เมื่อคำตอบต่างไปจากที่ตนคาดเดาเอาไว้
“ใช่ครับ...ทีแรกผมเองก็คิดว่าทอรุ้งเป็นลูกสาวของคุณท่านที่เกิดกับผู้หญิงอื่น...เอ่อ” ทนายประภาษอึกอักเล็กน้อย
“ต่อครับ” ไรอันเอ่ย
สีหน้าเปิดทางให้ทนายประภาษเล่าได้เต็มที่
แววตาของคุณประภาษผ่อนคลายขึ้นมาก ภายหลังจากไวน์แก้วที่สามและสี่ละเลียดลงลำคอ จึงเริ่มเล่าต่อจนสิ้นสงสัยแก่ไรอัน
ทอรุ้งเป็นลูกสาวของผู้หญิงที่ชื่อ รำเพย ที่เกิดกับพ่อที่ชื่อ วศิน ซึ่งมีฟาร์มเล็กๆอยู่ที่ปากช่อง ฟาร์มที่เป็นมรดกของครอบครัวที่ตกทอดมาถึงวศิน ซึ่งวศินเองก็จำต้องรับเอาไว้ทั้งมรดกและหนี้สินก้อนใหญ่ไปพร้อมๆกันในฐานะทายาทคนเดียวของครอบครัว
แต่ด้วยจำนวนหนี้สินที่มากเกินกว่ามูลค่าของทรัพย์สินและผลผลิตที่ไม่แน่นอนของฟาร์ม ทำให้วศินและรำเพยต้องเคียงบ่าเคียงไหล่กันมาอย่างยากลำบาก ทั้งคู่ทนแบกภาระหนี้สินกันมาอย่างไม่ย่อท้อ ท่ามกลางผืนดินที่แล้งระแหงเกินกว่าจะเพาะปลูกพืชใดๆได้
แม้กระทั่งมันสัมปะหลังที่ว่าเป็นพืชทนแล้งที่สุดชนิดหนึ่ง ก็ถอดใจกับผืนดินกันดารแห่งนี้ ด้วยการให้ผลผลิตเป็นหัวมันที่เล็กลีบจนแทบจะเหลือแต่ราก หรือแม้กระทั่งแก้วมังกรที่ว่าเป็นพืชที่ต้องการน้ำน้อย แม้จะไม่ยืนต้นตายไปกับความร้อนแล้ง…แต่ก็ให้ผลผลิตที่แคระแกรนเกินกว่าจะนำไปขายให้ได้ราคาเหมือนที่ตั้งใจเอาไว้
และสุดท้ายเมื่อไม่มีรายได้พอจะชดใช้ภาระหนี้สินที่ไล่หลังอยู่ทุกวี่วันอย่างไม่ปราณี
วศินถึงขั้นเครียดจัดจนเกิดอาการเส้นเลือดในสมองแตก ทิ้งให้รำเพยและลูกสาวต้องอยู่กันเพียงลำพังด้วยชีวิตที่แทบจะอดมื้อกินมื้อ
“น่าสงสารนะครับ” ไรอันน้ำเสียงเศร้าลงอย่างเห็นได้ชัด
ส่งสายตาเป็นสัญญาณให้สาวใช้ เติมไวน์ลงในแก้วที่เพิ่งว่างลงของคุณประภาษ เมื่อเห็นคุณประภาษนิ่งนานไปชั่วขณะหนึ่ง
“อ๊ะ.....” ทอรุ้งร้องพร้อมกับวางฝ่ามือทั้งสองกรีดทุกเล็บลงบนเนื้อตัวของสามี ก่อนจะไปหยุดขยุ้มที่แผงอกรกขน เมื่อเจอที่ยึด ทอรุ้งจึงรั้งสะโพกเข้าหาเขา กระถดไปมาได้ถนัดถนี่ขึ้น จากช้าค่อยๆเพิ่มจังหวะให้รุนแรงรุกเร้าจนไรอันรู้สึกรวดร้าวและปวดหน่วงไปทั้งท่อนลำสิ่งเดียวที่จะรับมือกับแม่เสือสาวกระหายรักอย่างทอรุ้งได้ก็คือยืนหยัดเอาไว้ซึ่งความแข็งแกร่งแห่งท่อนลำความเป็นชายที่โต้ต้านแรงโยกโยนจนโชฟาร์ยวบยาบกับทุกจังหวะขยับขย่มที่ไม่มีหยุดยั้ง…นับตั้งแต่วินาทีแรกที่สะโพกของภรรยาได้หย่อนลงสู่ความเป็นชายของเขา“ดีเหลือเกินเมียจ๋า” ไรอันพึมพำมือใหญ่ทั้งสองข้างของไรอันยังคงขยำ เคล้นคลำปทุมถันอันอวบใหญ่ คลึงจนมันยวบยาบไปตามแรงเหวี่ยงไหวของเรือนร่างที่กำลังโขยกขยับเหมือนปลอกดาบที่กำลังเสียบคืนสู่ฝัก ทอรุ้งเงยหน้า พริ้มตามองเพดาลปานว่าจะขาดใจ ยกสองมือยกขึ้นเสยแพผมอันยาวสยาย สลับไปกับจังหวะส่ายสั่นของบั้นท้าย โชว์นาฎกรรมแห่งเรือนกายไหวพริ้ว…คลอไปกับเสียงครวญครางจากความรู้สึกอันเสียดเสียวที่ส่งมาจากกลึ่งกลางกายของไรอันเพราะสามีไม่ยอมสยบให้ภรรยาง่ายๆ ซึ่งทอรุ้งก็เต็มใจที่จะจัดการกับความผงาดกล้าอันทรน
ระรวยรินเคล้าไปกับเสียงกระตุกตอดสอดสลับที่ลึกล้ำอยู่กึ่งกลางของร่างกายที่ยังไม่มีทีท่าว่าจะแยกออกจากกันง่ายๆ“พี่รักรุ้งเหลือเกิน” ไรอันกล่าว พร้อมกับกดจูบหนักๆไปตามลำคอระหงและทรวงอกอวบใหญ่ที่ริมฝีปากยังคงงับงึมงำด้วยความปรารถนาที่ยังไม่ยอมมอดลงง่ายๆ“รุ้งก็รักพี่ไรอันค่ะ” ทอรุ้งจูบไปที่แก้มของไรอันเบาๆ ทว่าก่อนที่ไรอันจะเคลิ้มหลับลงไปนั้น“คืนนี้…รุ้งยังไม่ยอมให้พี่ไรอันหลับลงง่ายๆหรอกค่ะ” ภรรยากล่าว เสี้ยวหน้างามด้านที่เผยสู่แสงสว่างของโคมไฟที่หัวเตียง มีรอยยิ้มยั่วอย่างมีเลศนัย“ห๋า…!!!” สามีทำตาโต อุทานกับประโยคจากปากของภรรยาที่เพิ่งได้ยินเต็มสองหู เหมือนไม่เชื่อหูของตัวเอง“ไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่าในชีวิตของผู้หญิงคนหนึ่ง…จะต้องการผู้ชายคนหนึ่งมากมายถึงขนาดนี้” ภรรยากล่าว“เอ่อ…ถ้าต้องการพี่ ก็พิสูจน์ให้พี่รู้สิจ๊ะ…ว่าต้องการพี่มากแค่ไหน” สามีกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ไม่ทีท่าทีว่าจะยอมถอยง่ายๆ…ระบายรอยยิ้มบางๆที่มุมปากอย่างกระหยิ่มใจ กับแววตาและคำพูดท้าทายของภรรยา“ค่ะ!...รุ้งจะพิสูจน์ให้เห็นว่ารุ้งต้องการพี่ไรอันแค่ไหน” พูดจบ ภรรยาก็กระชากร่างกายอันใหญ่โตของสามีเข้าหาร่างน้อยๆของเธอ
ไรอันกล่าวเบาๆที่ใกล้หู สูดกลิ่นหอมจากเรือนผมและซอกคอของภรรยาอีกครั้ง “พี่ต้องขอบคุณคุณพ่อของพี่ที่ร่างพินัยกรรมแห่งความรักเอาไว้…เหมือนคุณพ่อของพี่รู้ว่าหัวใจอีกดวงของผู้หญิงที่ลูกชายของตนกำลังตามหานั้นอยู่แห่งหนไหน”“เจ้าชู้…ปากหวาน” ทอรุ้งสัพยอกสามีเบาๆ“เรื่องเจ้าชู้พี่ขอเถียงขาดใจว่าไม่จริง…แต่ถ้าเรื่องปากหวาน ถ้ารุ้งอยากรู้ว่าหวานจริงไหม?...รุ้งต้องลองชิมเอาเอง” ไรอันทำเสียงทะเล้น แววตาหวาม อารมณ์ดีกล่าวเสร็จไรอันก็ประทับริมฝีปากหยักลึกของเขาเข้ากับริมฝีปากสีชมพูอิ่มเต็มของเธอ แม้จะเพียงเบาๆ หากมันก็รุนแรงและล้ำลึกลงไปในความรู้สึกเสียวซ่านกร่อนกัดไปถึงขั้วใจ จนไรขนอ่อนๆที่แขนของทอรุ้งลุกเกรียว “พี่ไรอันกำลังจะทำให้ชีวิตของรุ้งขาดพี่ไรอันไม่ได้ รู้ตัวไหมคะ?” ทอรุ้งหันไปส่งสายตาออดอ้อน“นับจากนี้ไป...พี่สัญญาว่าจะไม่แยกจากรุ้งจนลมหายใจสุดท้ายของพี่” พูดจบไรอันก็รวบร่างของภรรยาสาวขึ้นอุ้ม ก้าวยาวๆตรงกลับเข้าไปในคฤหาสน์โดยไม่สนใจว่าสายตาใครจะมองทอรุ้งจำต้องนิ่ง ไม่อยากดิ้นให้ขลุกขลัก เพราะแค่นั้นนมช้อยกับลุงชิตที่ยืนเชียร์อยู่ห่างๆก็หัวเราะลั่น แอบปรบมือเชียร์กันเบาๆที่ได้เห็นกา
หนึ่งสัปดาห์หลังจากนั้น หลังจากวันที่พอลลีนได้ก่อเรื่องที่ไม่มีใครคาดคิดขึ้นที่บ้านสวนริมคลอง เดชะบุญที่นอกจากทิวที่โดนกระสุนถาก ก็ไม่มีใครถึงกับเลือกตกยางออก ซึ่งวันนั้นพอลลีนเกิดอาการสติหลอนสุดขีดถึงขั้นขับรถไปตกคูน้ำข้างนา ดีที่เป็นเพียงน้ำตื้นๆ และทิวตามไปช่วยเอาไว้ได้ทัน“ทานข้าวอีกนะครับ”ร่างกำยำใหญ่ ถือช้อนและจานข้าวเดินตามพอลลีนในชุดเสื้อสีฟ้าและกางเกงตัวสีเดียวกับเสื้อที่วิ่งไปดมดอกไม้ตรงนั้นทีตรงนี้ทีด้วยสีหน้าระรื่นดูคล้ายกับคนที่กำลังมีความสุขอยู่ในโลกส่วนตัวของเธอเอง โลกที่ไม่ต้องรับรู้อีกต่อไปว่าสิ่งใดจริงสิ่งใดลวง เพราะเวลานี้พอลลีนไม่สามารถแยกแยะมันออกจากกันได้จะมีบ้างก็ในบางขณะจิตที่สวรรค์คืนสติให้กับพอลลีนเพียงชั่วขณะสั้นๆ…เหมือนจงใจจะกลั่นแกล้ง“พอลลีน…ทานข้าวอีกคำนะครับ” ทิวเรียก เดินตามไปป้อนข้าวให้อีกคำพอลลีนอ้าปากรับช้อนอย่างว่าง่ายเหมือนเด็กๆ…เคี้ยวและกลืนเหมือนเด็ก ทว่าสายตาของทิวก็เป็นสุขที่เห็นพอลลีนเริ่มทานข้าวที่เขาพยายามมาป้อนให้กับมือเนื่องจากเป็นโรงพยาบาลจิตเวชของเอกชน จึงไม่เคร่งครัดเรื่องอาหารและเวลาเยี่ยมเหมือนโรงพยาบาลของรัฐบาลที่ต้องมีกฏเด็ดขาด
ที่เรือนของยายน้อม ค่ำคืนเดียวกันนั้น ขณะที่ทุกคนกำลังจะแยกย้ายกันเข้านอน ลำแสงจาดดวงโคมหน้ารถที่สาดเข้ามาจากประตูทางเข้าบ้านของยายน้อมก็สร้างความประหลาดใจให้กับทุกคนไม่น้อย เพราะนอกจากรถของพิมพ์พรและไรอันก็ไม่น่าจะมีใครรถของใครที่ไหนอีก“รถใครนะ! มาเสียดึกดื่นเชียว” นายน้อมกล่าวขึ้นเบาๆ“เดี๋ยวพิมพ์ลงไปดุเองจ้ะยาย” พิมพ์พรผู้เป็นหลานกล่าว ขณะสายตายังไม่ละจากแสงไฟจ้าที่หน้ารถของผู้มาเยือน“ให้ผมลงไปดูเองจะดีกว่า” ไรอันที่เดินเข้ามาสมทบพร้อมกับทอรุ้ง เอ่ยขึ้นช้าๆ“รุ้งไปด้วยค่ะ” ทอรุ้งเกาะแขนไรอัน ไรอันหันมามองหน้าหญิงสาวด้วยความห่วงใย“รอพี่อยู่ตรงนี้ดีกว่า” ไรอันสั่ง“มีอะไรไม่ชอบมาพากลหรือคะ?” ทอรุ้งเอ่ยถามขึ้นด้วยความสงสัย เพราะไรอันยังไม่ได้บอกเรื่องที่นมช้อยเพิ่งโทรมาหาตนเมื่อตอนค่ำ บอกว่าเจอขวดยาในถังขยะ ในห้องที่พอลลีนพักที่คฤหาสน์ เป็นยาจากโรงพยาบายซึ่งห้การรักษาด้านจิตเวช และทิวได้แจ้งว่าปืนของทิวหายไปภายหลังจากที่พอลลีนมาหาที่ห้องพัก“ไม่มีอะไรน่าห่วงหรอก” ไรอันพยายามปกปิดความจริงที่อาจสร้างความกังวลใจให้กับทอรุ้งได้“ถ้าไม่มีอะไรน่าห่วง…งั้นรุ้งก็ลงไปกับพี่ได้สิคะ” หญิงสาวด
ที่ไรอันปล่อยร่างของทอรุ้งให้ปลายเท้าน้อยๆนั้นเลื่อนไหลลงไปสัมผัสกับพื้นโคลนเบื้องล่างนับจากตอนแรกที่รั้งทอรุ้งลงมาในน้ำมือซุกซนของไรอันพยายามดึงกางเกงขาสั้นของทอรุ้งออกอย่างลนลาน ก่อนจะโยนมันขึ้นไปกองอยู่บนแพผักบุ้งพร้อมกับรั้งร่างนั้นเข้าหาอีกครั้ง ทอรุ้งเกี่ยวขาเข้ากับบั้นเอวใหญ่ ทุกอย่างเกิดขึ้นและดำเนินไปอย่างรวดเร็วเร็วเท่าความคิด…!!!ที่กึ่งกลางร่างกายของเธอและเขาก็เบียดแทรกเข้าหากันด้วยความคับแค่นและแน่นสนิท พูเนื้อที่หนีบแน่นของหญิงสาวพยายามรัดรอบและรูดลงจนสุดท่อนลำความเป็นชายของเขา เบียดลงถึงแพขนสีดำที่สยายอยู่ใต้น้ำราวกับพุ่มสาหร่าย“อ๊ะ!...” หญิงสาวอุทานออกมาด้วยความคับแน่นที่แค่นเข้าหาด้วยความล้ำลึกได้อย่างน่าอัศจรรย์ใจ “โฮววว.....” ไม่รู้ว่าเสียงครางหรือเสียงผ่อนลมหายใจหลุดออกมาจากริมฝีปากเผยออ้าของทอรุ้ง ในวินาทีที่รู้สึกเหมือนกำลังอยู่ในสนามรบ ตรงพูเนื้อที่กลางกายถูกตรึงด้วยศาสตราวุธแห่งความเป็นชายของไรอัน ทุกสรรพางค์เต็มไปด้วยความรู้สึกตึงรั้งจนไม่เหลือช่องว่างให้อากาศแทรกสวน แก่นกายที่รูปร่างเสมือนหอกอันทึ่มทื่อไม่น่าจะมีพิษสงอันใด หากอานุภาพของมันกลับตรงกันข้าม…ม