มหาวิทยาลัย
สกาวที่ได้รับคำตอบจากทางมหาวิทยาลัย เธอก็ต้องยอมรับโชคชะตาอย่างด้วยดีแม้ในใจอยากจะทำงานต่อที่เดิมแต่ก็ต้องทำตามความต้องการของทางมหาวิทยาลัยเพื่อเป็นหน้าเป็นตาด้วยส่วนหนึ่งฉันนางสาวสกาวฟ้าจึงได้ไปเป็น Resident ในโรงพยาบาลเอกชนของกรุงเทพมหานครที่ทางมหาวิทยาลัย ส่งตัวเข้าไปศึกษาต่อเฉพาะทางที่นั่น"เป็นหนึ่งสัปดาห์ที่ไวมาก" หนูนาทำหน้าเศร้าเมื่อต้องมาส่งเพื่อนสาวกลับเมืองกรุง ส่วนข้าวปุ้นอยู่โรงพยาบาลเพราะเสี่ยงแท้งคุกคามเนื่องจากว่าแฟนเก่าของแฟนยัยข้าวปุ้นกลับมาก็สร้างเรื่อง ล่าสุดเพื่อนสาวของฉันแจ้งความข้อหาพยายามฆ่าโดยเจตนาพร้อมด้วยหลักฐานและคลิปเสียง ซึ่งคนที่หาหลักฐานก็คือแฟนยัยข้าวปุ้นเองนั้นและ เหมือนว่าจะเอาเรื่องแฟนเก่าให้ถึงที่สุดด้วย"สงสารยัยปุ้นอ่ะ ฉันหน้าจะส่งคนไปกระทืบแฟนเก่าพี่เขาอีกสักรอบ" หนูนาก็ทำตัวเป็นแม่สาวขาโหดปกป้องเพื่อนแบบไม่ลืมหูลืมตา แต่ก็จริงเป็นฉัน ฉันคงแค้นและเกลียดไปอีกนาน"ช่างเถอะ แฟนยัยปุ้นก็จะเอาเรื่องให้ถึงที่สุดแล้วนิ" ฉันลูบมือเพื่อนสาวเบา ๆ"เหอะให้จริงเถอะ อาลัยอาวรณ์กันดีนักทำให้ยัยปุ้นเกือบแท้ง ค่อยดูนะวันต่อมา ภายในห้องประชุมของโรงพยาบาลในช่วงเช้าเต็มไปด้วยความเคร่งเครียดเพราะแต่ละวอร์ดนั้นยังมีบุคลากรทางการแพทย์ไม่เพียงพอ "ยังไงเราก็ยังคงต้องส่งตัวแทนไปครับ" หมอทักษ์พูดขึ้นมาเพราะแต่ละคนมีใบนัดกับคนไข้ในช่วงเวลานั้นพอดี "แต่วอร์ดอายุรกรรมคงไม่เพียงพอนะค่ะคุณหมอ คนไข้เยอะแต่บุคลากรทางการแพทย์ของโรงพยาบาลเรายังมีไม่เพียงพอนะคะ" แพทย์สาววอร์ดอายุรกรรมพูดขึ้นเพราะทุกวันนี้เธอแทบจะไม่มีเวลาให้สามีแถมช่วงนี้ยังทะเลาะกันอีก "งั้นผมคงต้องลงพื้นที่เอง คุณสกาวคุณก็ไปเตรียมตัวให้พร้อม เราจะไปกันวันจันทร์หน้า" หมอทักษ์สรุปผลการประชุมวันนี้โดยไม่ฟังคำคัดค้านของใครก่อนจะเดินออกจากห้องไปเลย "พี่นิล~ วอร์ดพี่ไม่มีคนไปด้วยกันจริง ๆ เหรอคะ" สกาวส่งสายตามาถามแพทย์อายุรกรรมที่ปฏิเสธหมอสูติได้อย่างไร้เยื้อใย "ไม่มีจริง ๆ ทุกวันนี้พี่ก็คิดหนักเหมือนกัน ทางนี้ก็งานอีกทางก็คู่ชีวิต" ลานิลตอบกลับแพทย์สาวที่ส่งสายตาออดอ้อนใาของร้องเธอ "ว่าแต่ลูกชายเธอออกจากโรงพยาบาลหรือยัง" ลานิลถามขึ้นเพราะนึกได้ว่าเช้านี้เธอต้องไปราวน์คนไข้ แต
19:00"กลับมาแล้วเหรอสกาว เด็ก ๆ กำลังอาบน้ำแต่งตัวเราก็รีบไปอาบน้ำแต่งตัวด้วยวันนี้จะไปพาหลานไปฉลองกับความสำเร็จในก้าวแรก" สกายมิงน้องสาวที่เดินเข้าบ้านมาด้วยท่าทางอิดออด ราวกับมีเรื่องให้คิดหนัก "โอเคค่ะงั้นกาวขอตัวก่อนนะคะเดี๋ยวมา" สกาวเดินเข้าไปในห้องตัวเองทิ้งตัวลงบนเตียงอย่างเหม่อลอย "ทำไมเราไม่สังเกตนะ เฮ้อ" สกาวได้แต่โทษตัวเองที่ไม่สังเกตไปสัญญาจ้างงานของโรงพยาบาล หลังจากนั้นไม่นานเธอก็ลุกไปอาบน้ำแต่งตัวเพื่อจะไปทานอาหารมื้อเย็นข้างนอกกับลูกแฝดและพี่ชายพี่สะใภ้ของเธอ .ณ ร้านอาหาร ทั้ง ห้าคนเดินเข้าร้านมาอย่างไม่ได้ใส่ใจเพราะจองเป็นห้อง VIP ไว้ "วันนี้เด็ก ๆ อยากทานอะไรสั่งได้เต็มที่เลยนะครับ" สกายที่เดินจูงมือหลานๆเข้ามาบอกให้หลานเข้าใจเพราะวันนี้เขาจะตามใจพวกหลาน ๆ อย่างเต็มที่ "พ่อคนสปอย เดี๋ยวหลานก็เอาแต่ใจตัวเองหรอกแต่มื้ออาหารมื้อนี้กาวก็ตามใจลูกเช่นกันค่ะ เห็นว่าน้องซีเฟียแคสงานผ่านหรอกนะคะ" สกาวหยอกพี่ชายก่อนจะหันไปบอกกับลูกสาวที่มองเธอด้วยสายตาออดอ้อนและภาคภูมิใจในตัวเองส่งมาให้เธอด้วยรอยยิ้มมุมปาก เมื่อเห็นว่าคุณแม่เองก็สปอยเธ
สกาวเดินกลับมาพร้อมเอกสารสัญญา 10ปีกับการเป็นหมอประจำวอร์ดสูนติ ด้วยความคิดหนักเพราะเธอเผลอเซ็นเอกสารด้วยความไม่รอบคอบเพราะคิดว่าตัวเองอ่านสัญญาละเอียดแล้ว แต่หมายเหตุมุมกระดาษบนขวามือมันเล็กจนเธอไม่ทันสังเกตมันเลย"อาจารย์โคตรขี้โกงเลย" สกาวบ่นออกมาหมือนคนบ้าที่เซ็นสัญญา 10ปีอย่างไม่ได้ตั้งใจ "เกิดอะไรขึ้นค่ะว่าที่แพทย์หญิงคนสวยของวอร์ด" พี่พยาบาลที่เดินตามหลังมาทันได้ยินเสียงบ่นของหญิงสาวจึงทีกทายและถามไถ่ด้วยความอยากรู้ "พี่แพทดูสิค่ะ อาจารย์หมอโคตรโกงหลอกกาวเซ็นสัญญา ทำงานให้ ตั้ง10ปีเลยนะ" สกาวถอนหายใจอย่างหมดอารมณ์ทำงานในตอนนี้เพราะเธอตั้งรับสถานการณ์ของตัวเอง ไม่ทัน "ไม่เป็นไรค่ะน้องกาว 10ปีแปบเดียวเองนะไม่นานเลย" พี่พยาบาลแพทยังคงค่อยให้กำลังใจทั้งที่รู้ว่ามันก็นานพอสมควรกับสัญญาจ้างงานขนาดนี้ ."น้องค่ะมาแคสได้เลยค่ะ ทีมงานพร้อมแล้ว" เสียงสตาฟที่ค่อยดูแลกองประกวดเรียกเหล่านักแสดงเด็กให้แคสติ้งละคร "สู้ ๆ นะครับ ซีเฟียลุงจะค่อยส่งกำลังใจให้ทำให้เต็มที่นะครับ" สกายบอกหลานสาวที่เตรียมตัวแคสบทละครที่อยากเล่น "ขอบคุณค่ะ แต่ซีเฟียอยากขอกำลังใ
ผ่านมาหลายเดือน จนสกาวได้รับใบผ่านการเป็นแพทย์ประจำบ้านของวอร์ดกุมารเวชศาสตร์ ทันทีที่เธอได้รับใบประกาศอาจารย์แพทย์ที่คุมสอนและให้ความรู้กับเธอก็ส่งตัวเธอมาเป็นแพทย์ประจำบ้านของวอร์ดสูติต่อและยังให้เวลาเธอพักเพียง 2 สัปดาห์เท่านั้น 2 สัปดาห์ต่อมา "มาแล้วเหรอเธอเอาเอกสารอันนี้ไปอ่านดูก่อนนะไม่เข้าใจตรงไหนก็เข้ามาถาม" สกาวที่เดินก้าวเข้ามาในห้องยังไม่ทันได้เอ่ยปากสวัสดีอาจารย์ประจำวอร์ดสูติใครด้วยซ้ำเธอก็ต้องรับเอกสารจากอาจารย์ประจำวอร์ดมาเรียนรู้ "ได้ค่ะ" เธอเดินเข้าไปหยิบแฟ้มเอกสารจากมืออาจารย์ประจำวอร์ดของโรงพยาบาลโดยไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก "อ๊ะ" ฉันตกใจเล็กน้อยที่อยู่ดี ๆ มือแกร่งของบุคคลตรงหน้าที่ยื่นแฟ้มเอกสารให้ฉันกับจับมือฉันไว้แน่น "เดี๋ยวก่อนครับอย่าพึ่งไป" เขาบอกกับหญิงสาวก่อนจะยื่นกล่องขนมที่ซื้อมาเพื่อต้อนรับแพทย์ประจำบ้านในวอร์ดของตัวเอง "เอ่อไม่ทราบว่ามีอะไรหรือเปล่าคะ" สกาวที่มองและตั้งคำถามกับคนตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจในการกระทำของเขา "นี่ขนมครับ ต้อนรับแพทย์ประจำบ้านคนใหม่รับไปสิครับ" อาจารย์แพทย์ประจำวอร์ดสูติบอกกับคนตรงหน้าให้หยิบของที่เข
หวี้ว่อ หวี้ว่อ หวี้ว่อ หวี้ว่อ หวี้ว่อ เมื่อทั้ง 4 คนได้ยินเสียงรถพยาบาลดังขึ้นหน้าร้านชาลีก็เดินออกไปยืนรอด้วยความกลัวว่าจะขับรถเลยตำแหน่งที่พุดแจ้งไป "ทางนี้เลยครับพี่รีบเลยนะครับ" ชาลีตอบกลับและมองหญิงสาวที่กำลังนอนลมหายใจแผ่วปลาย อยู่บนพื้นพร้อมกับเลือดที่ไหล่ลงตรงหว่างขามากมายทั้งยังท้องโตเหมือนว่าเธอกำลังจะท้องได้สักประมาณ 7 เดือนกว่า "โทรแจ้งอาจารย์หรือยัง" สกาวเมื่อได้สติรีบถาม เพื่อนชายเพื่อให้เตรียมห้องคลอดไว้ "แจ้งไปแล้วตอนนี้อาจารย์รับเรื่องแล้ว คงมีแพทย์ทำงานประจำอยู่ที่นั่น ส่วนพวกเราก็หมดเรื่องหมดราวแล้วไปกันเถอะไปหาร้านอื่นก็ได้" พุดตอบกลับเพื่อนโดยไม่มีความร้อนรนหรือตื่นตนกกับสิ่งที่เจอเลยสักนิด "ทำไมนายดูชิวจังเลย" สกาวถามเพื่อนชายที่เขาดูไม่ออกอาการ ทั้งยังมีสติกว่าเพื่อนคนอื่น ๆ "แล้วทำไมต้องตกใจ ในเมื่อมันเป็นเรื่องปกติที่แพทย์ควรจะรับมือกับสถานการณ์ต่าง ๆ ที่ต้องเจอให้ได้ไม่ใช่เหรอ" พุดตอบกลับตามสิ่งที่คิด เพราะเขามีสติและแก้สถานการณ์ทั้งยังปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้กับ คนไข้สาวที่พึ่งตกเลือดไป "เคสคนไข้คนนี้คงต้องคลอดก่อนกำหนด"
สองเดือนต่อมาสกาวมองตึกที่เธอจะต้องเข้ามาเรียนรู้เพื่อเอาบัตรเปิดทางและต้องเรียนจบเฉพาะทางให้ประสบความสำเร็จภายในสองปี "สวัสดีค่ะห้องอาจารย์แพทย์อยู่ตรงไหนเหรอคะ" สกาวเดินเข้ามาถามอย่างนอบน้อมด้วยความเกรงใจและไม่มีคนรู้จักเลย "ตรงไปเลี้ยวซ้ายอยู่หลังห้องผ่าคลอดเลยค่ะ" ผู้ช่วยพยาบาลตอบคนถามอย่างไม่ได้ใส่ใจนักเพราะเธอกำลังสนใจสื่อในโทรศัพท์ "ขอบคุณค่ะ" สกาวรีบขอบคุณและตรงไปยังห้องพักอาจารย์แพทย์ที่เธอจะต้องเรียนรู้งานและฝึกประสบการณ์เพื่อใบเกียรติบัตรด้วย ความสามารถของเธอก็อก ๆ ก็อก เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นทำให้คนมที่นั่งอยู่ภายในห้องพึงพอใจไม่หน่อยหลังจากมองภาพผ่านกล้องวงจร "เชิญครับ" เสียงทุ้มน่าฟังพูดขึ้นมาหลังจากที่มีเวลาว่างมาเล่นสนุกกับหลานชายและว่าที่หลานสะใภ้ "สวัสดีค่ะอาจารย์" สกาวเปิดประตูเข้ามาก็ทักทายอาจารย์ใหญ่ของโรงพยาบาลเอกชนอย่างมีมารยาท "ตามสบายนะครับ วันนี้เราเน้นไปศึกษาดูงานให้วอร์ดกุมารเวชศาสตร์กันก่อน" ทิวเขามองหลานสะใภ้อย่างพอใจในอิริยาบถต่างๆ แสดงออกมา "ได้ค่ะอาจารย์" สกาวตอบรับอย่างไม่ลังเล และเหมือนว่าทั้งวอ