"พี่คะเสร็จแล้วค่ะกลับบ้านกันเถอะน้องง่วงนอนจะแย่อยู่แล้วเนี่ย" ฉันบอกพี่ชายทันทีที่เดินเขามาทักทายคุณหมอเจ้าของไข้ฉัน
"ปะกลับสิพี่ก็มีธุระต่อเหมือนกัน กะว่าจะเข้าไปดูงานสักหน่อย" สกายหันหน้ามองน้องสาวตัวเองก่อนจะหันกลับไปบอกลาคุณหมอ "งั้นผมขอตัวกลับก่อนนะครับคุณหมอ สวัสดีครับ" "กลับก่อนนะคะสวัสดีค่ะคุณหมอ" ทั้งสองคนกล่าวลาคุณหมอแล้วก็เดินจากไปทันที "ครับ" ผมมองคนที่กล่าวลาและเดินจากไป ก่อนจะพาตัวเองออกจากตรงจุดนั้นและกลับไปห้องพักของตัวเองทันที . "คุณหมอคะ มีเคสด่วน!" พยาบาลผู้ช่วยของผมบอกกับผมทางนี้ที่ผมเตรียมตัวจะเดินเข้าห้องพักของตัวเอง "โอเคเดี๋ยวผมออกไปรับเองคุณก็เตรียมอุปกรณ์และอำนวยความสะดวกให้กับคุณแม่ลูกอ่อนและครอบครัวของเขาด้วยแล้วกัน" ผมบอกกับพยาบาลก่อนที่จะเปิดเข้าไปห้องพักของตัวเองเพื่อเตรียมของจำเป็นที่ต้องใช้ในการทำงาน "ค่ะคุณหมอ" พยาบาลตอบรับแล้วเดินออกไปทันทีเพื่อไปทำงานตามหน้าที่ของตัวเองที่ได้รับมอบหมาย . . ภายในรถ "น้องมีอะไรจะถาม" เมื่อถึงรถแล้วเข้ามานั่งภายในรถฉันก็ถามพี่ชายตัวเองทันทีในเรื่องที่สงสัยและอยากรู้แต่ก็ยังมีเรื่องที่ต้องเคลียร์ก่อน "พี่สกายคะอันนี้โทรศัพท์พี่หรือเปล่า" ฉันหยิบโทรศัพท์ของพี่สกายขึ้นมาแล้วยื่นไปตรงหน้าพี่ชายของฉันทันที "เอ้าอยู่ที่สกาวเหรอพี่ก็หาตั้งนานว่าหายไปไหนคิดว่าต้องได้ซื้อใหม่แล้วนะเนี่ย" พี่ชายของฉันตอบกลับมาด้วยรอยยิ้มโดยไม่เป็นเดือดเป็นร้อนอะไร จ้าพ่อคนรวยขี้งก!! "พี่จะทิ้งโทรศัพท์ที่ต้องใช้ทำงานและต้องใช้ในเรื่องสำคัญเอาวางไว้เรี่ยราดไม่ได้เข้าใจไหมตัวเองทำธุรกิจไม่รู้เหรอว่ามันอันตรายแค่ไหนกับการดูดข้อมูลที่สำคัญในเครื่องได้น่ะเดี๋ยวนี้มิจฉาชีพเยอะจะตาย" ฉันบ่นให้พี่ชายของตัวเองออกมาแต่ดูเหมือนว่าคนที่ฟังจะไม่ค่อยสำนึกในการกระทำของตัวเองเท่าไหร่ "เอาน่าอย่าขี้บ่นไปเลยเป็นเด็กเป็นเล็กใช้ชีวิตไปเถอะโทรศัพท์พี่ไม่ได้มีข้อมูลอะไรสำคัญขนาดนั้นหรอก" สกายเองก็ตอบกลับน้องสาวทันทีความจริงโทรศัพท์เครื่องนี้เขาใช้ติดต่อกับญาติพี่น้องเท่านั้นไม่ได้มีอะไรสำคัญหรอก ส่วนเครื่องที่สำคัญจริง ๆ เขาไม่ได้พกมา "แต่มันก็ใช้เงินซื้อมาอยู่ดีถึงหนูจะใช้เงินสิ้นเปลืองแต่หนูก็รักษาของอย่างดีนะคะ หนูน่าจะเกิดเป็นพี่ของพี่นะคะ มีความรับผิดชอบมากกว่าพี่ชายตัวเองอีก ชิ" ฉันมองพี่ชายตัวเองที่ไม่รู้สึกเสียดายของเลยสักนิด "ไม่คิดว่าคนท้องจะบ่นเก่งเหมือนกันนะเนี่ย" สกายหันไปมองน้องสาวของเขาที่บ่นออกมาเป็นชุด ราวกับว่าเขาไปทำอะไรโหดร้ายหรือไปฆ่าใครตายอย่างนั้นแหละเพียงแค่วางโทรศัพท์ไว้บนกระเป๋าทิ้งไว้ตรงหน้าห้องตรวจเฉย ๆ "พี่สกาย!" ฉันหันไปจ้องมองพี่ชายตัวเองแล้วเองเสียงดังพอให้ได้ยินว่ากำลังหงุดหงิดให้พี่ชายตัวเองอยู่ "ok ok พี่ผิดเองแล้วกันวันหลังพี่จะเก็บรักษาอย่างดีเยี่ยงชีวิตอันมีค่าของพี่" สกายบอกกับน้องสาวของเขาพร้อมกับยังตอบออกไปกวนๆหน้าตาก็ทะเล้นทำให้คนขี้โมโห โมโหมากกว่าเดิมไปอีก "ช่างเหอะ...ว่าแต่พี่รู้จักที่ใบหม่อนด้วยเหรอ" สกาวถามออกมาโดยไม่ได้ใส่ใจอะไรทำให้คนที่เตรียมตัวสตาร์ทรถออกจากโรงพยาบาลชะงักไปทันที "อะไร!?" สกายทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ถามออกไปโดยที่ภายในใจนั้นรู้ดี "หนูถามว่าพี่รู้จักกับพี่ใบหม่อนด้วยเหรอ" สกาวถามคำถามเดิมซ้ำให้พี่ชายฟังอีกครั้ง "ไม่รู้จัก..ว่าแต่เราเถอะถามพี่ทำไมรู้จักกันเหรอ" สกายตอบออกไปโดยไม่มองหน้าน้องสาว แล้วก็ขับรถออกจากโรงพยาบาลเพื่อกลบเกลื่อนอารมณ์ไหวหวั่นที่ตนเองนั้นยังมีให้กับอดีตแฟนสาวอยู่ "ก็คิดว่ารู้จักเสียอีกเห็นคุยกันอยู่นานสองนาน สรุปก็คือไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัวใช่ไหมคะ" ฉันเองก็ยังคงถามต่อแม้ในใจมันจะรู้สึกทะแม่ง ๆ กับการกระทำของครั้งสองคน ระหว่างพี่ชายของฉันและพี่ใบหม่อนต้องมีอะไรมากกว่าที่ฉันรู้แน่ ๆ ฉันผู้เป็นน้องสาวก็อยากจะทำตัวเอาใจใส่และใส่ใจพี่ชายเป็นพิเศษอยู่บ้าง แต่ทุกวันนี้ตัวเองยังเอาไม่รอดเพราะฉะนั้นพักเรื่องของพี่ชายมาเคลียร์เรื่องของตัวเองก่อนดีกว่า "ก็ไม่รู้จักนะสิถามอะไรเยอะแยะนอนไปเลยไปไหนบอกว่าง่วงไม่ใช่เหรอถึงบ้านเดี๋ยวพี่ปลุกเอง" สกายตอบออกไปทันทีที่น้องสาวตัวเองถามจบพร้อมกับเปลี่ยนเรื่องไปเรื่อยเปื่อยเพื่อหลีกเลี่ยงการตอบคำถามที่ไม่อยากจะตอบสักเท่าไหร่ "เชื่อแล้วก็ได้ว่าไม่รู้จัก" สกาวพายักหน้าทำความเข้าใจก่อนจะปรับเบาะเอนตัวนอนทันทีเมื่อความรู้สึกง่วงเข้ามาปะทะกับอารมณ์แปรปรวนของฮอร์โมนคนท้องอ่อน ๆ . . แชท ใบหม่อน: จากนี้ไปเราขอให้สกายมีความสุขมากๆนะ "มันไม่มีความสุขตั้งแต่เธอบอกเลิกแล้ว" ใบหม่อน: ถึงเราจะเลิกกันแล้วหม่อนก็อยากเป็นเพื่อนที่ดีของสกายเสมอ "เพื่อนบ้าอะไรจะเอากันทุกคืน!" ใบหม่อน: ขอบคุณที่เข้ามาเป็นความสุขของใบม่อนคนนี้ถึงแม้ว่าเราจะงี่เง่า "ใช่งี่เง่ามากแต่ก็น่ารักเสมอ" และข้อความที่ส่งมาอีกมากมายสกายทำได้แต่อ่านแล้วก็พูดออกมาไม่ได้พิมพ์ตอบกลับข้อความที่ใบหม่อนได้ส่งมาให้เขาเลยแม้แต่ตัวอักษรเดียว "คิดถึง" หลังจากที่กระจายพูดจบคนที่นอนหลับอยู่ในรถยนต์ก็ตื่นมาทันได้ยินเสียงบนของพี่ชายตัวเอง "ถึงบ้านแล้วเหรอคะ ว่าแต่คิดถึงใครอ่ะ" สกาวลืมตาตื่นขึ้นมาก็ถามพี่ชายออกมาแล้วยื่นหน้าไปทำหน้าตาทะเล้นเอ่ยแซวทันที "ไม่ใช่เรื่องของเด็กทำไมชอบยุ่ง" สกายมองสายตาดุน้องสาวอย่างไม่จริงจังนักกับการกระทำของสกาวที่ติดเล่นเกินไปหน่อยก็เถอะ "นี่น้องไงยุ่งไม่ได้เหรอ" ฉันบอกกับพี่ชายตัวเองทันทีที่บ่นมาให้พร้อมกับสงสัยตาแกรมดุราวกับว่าคนอย่างสกาวจะกลัวนักหนิ ไปก็ได้ชิ! "จะรีบไปไหนสกาวของยังไม่ได้ขนลงจากรถเลยนะ มาช่วยกันขนของลงจากรถเดี๋ยวนี้เลยอย่ามาตีเนียน" สกายที่เปิดประตูรถลงมาพร้อมกับน้องสาวก็รีบเอ่ยพูดขึ้นมาทันที "อะไรเล่า ก็คนมันง่วงนี่นาตอนเย็นค่อยมาขนออกก็ได้จะรีบไปไหนอีกล่ะ" สกาวที่เดินขึ้นไปถึงบันไดหน้าบ้านแล้วต้องมุ่ยน่ามองพี่ชายด้วยความอารมณ์เสียทันที "ไม่ได้เดี๋ยวพี่จะต้องไปทำธุระต่อรีบมาช่วยพี่ขนเลยเร็ว ๆ" สกายรีบเดินไปจับมือน้องสาวแล้วลากเบา ๆ มาช่วยกันขนของหลังรถหลังทันที "ชิ จะไปไหนอีกเพิ่งกลับบ้านไม่ใช่หรือไงจะออกไปอีกแล้วเหรอธุระเยอะเหลือเกินนะพ่อนักธุรกิจพ่อมหาเศรษฐีพ่อคนรวยขี้งก!" ฉันบ่นให้พี่ชายตัวเองทันทีที่ถูกลากจูงมาเพื่อมาขนของที่ฉันช้อปและใช้เงินพี่ชายไปในวันนี้ "เดี๋ยวก็ให้คนเองเลยนี่ของของใครก็ขนลงสิจ๊ะ" สกายหันไปบอกน้องสาวตัวเอง โดยไม่ได้สนใจคำประชดประชันของเธอเลยสักนิดแถมยังบ่นและช่วยขนเอาไปไว้ในบ้านให้อีก เกิดเป็นพี่ชายก็ไม่ได้แย่แค่รับหน้าที่คนรับใช้น้องสาวไปในตัว "หมดหรือยังเนี่ย" สกาวเดินถือถุงช้อปปิ้งของตัวเองเข้ามาในบ้านพร้อมกับเอวตัวหันไปมองด้านหลังที่มีพี่ชายเดินตามมาเธอก็ถามโดยใช้การบ่นออกไปนั่นแหละ "หมดแล้วจะให้พี่เอาไปไว้ในห้องเธอเลยไหมหรือจะเอาไว้ตรงนี้ก่อน" สกายที่ถือถุงพะรุงพะรังเข้ามาในห้องนั่งเล่นก็วางถุงพวกนั้นลงที่พื้นทันที "เอาไว้ตรงนี้ก่อนแล้วกันหนูง่วงแล้วจะไปนอนไม่อยากให้ของพวกนี้มันรกในห้องค่อยมาขนขึ้นห้องตอนเย็นแล้วกัน" สกาวก็บอกออกไปทันทีก่อนจะลากสังขารตัวเองเข้าห้องนอนเพื่อพักผ่อนเพราะตอนนี้สภาพร่างกายเหมือนว่าจะหลับได้ตลอดเวลา ส่วนสกายก็ย่างเท้ากลับไปหน้าบ้านเพื่อขับรถไปทำธุระส่วนตัวต่อโดยไม่ได้สนใจอะไรเพราะที่อยู่ของเขานั้นปลอดภัย สำหรับน้องสาวที่นอนอยู่ในบ้านคนเดียวอยู่แล้วระบบป้องกันภัยหนาแน่นเลยไม่ได้รู้สึกเป็นห่วงมากนัก . . . 18:00 "อืม~ อืม~" ร่างบางนอนบิดร่างกายตัวเองไปมาหลังจากพักผ่อนเป็นเวลานานหลายชั่วโมงก็เริ่มรู้สึกตัวตื่น "กี่โมงแล้วเนี่ย" ถามกับตัวเองก่อนจะมองหาโทรศัพท์มือถือเพื่อดูเวลานอนที่ล่วงเลยมา "18:00 น แล้วเหรอทำไมยังรู้สึกง่วงจังเลยนะ" "หาว~ อยากนอนต่อ" สกาวตื่นมาก็นอนเล่นโทรศัพท์มือถืออยู่บนเตียงนอนยังไม่ลุกไปไหน หลังจากนั้นไม่กี่นาทีเพียงแค่เธอวางโทรศัพท์ลงและเตรียมจะลุกไปอาบน้ำก็มีเสียงแจ้งเตือนแชทดังขึ้นมา แชทไลน์ ทักษ์ครับ: ผมมีวันหยุดช่วงประมาณวันเสาร์กับอาทิตย์คุณสะดวกวันไหน เรามีเรื่องต้องคุยกัน ทักษ์ครับ: ไม่สิผมมีเรื่องจะคุยกับคุณ สกาวเห็นหน้าจอมือถือของคนที่ทักมาก็ต้องรู้สึกว่าหัวใจหวั่น ๆ ไม่ได้กลัวหมอแต่กลัวความจริงเรื่องที่เธอได้กระทำผิดพลาดนั้นเปิดเผยต่างหาก มันเป็นเพียงอารมณ์ชั่ววูบและอารมณ์ปรารถนาของตัวเธอเองทั้งนั้น ไม่รู้ว่าในวันนั้นอะไรเกิดโดนจิตโดนใจให้เธอต้องกระทำตัวอย่างไม่สมเหตุสมผล และไม่เหมาะสมกับการที่ได้รับการอบรมสั่งสอนมาอย่างดีในที่สุดจดหมายตอบรับการเข้าฝึกงานเป็นนักศึกษา Extern ของสถานพยาบาลแห่งรัฐในกรุงเทพฯ "ในที่สุดพวกเราก็ใกล้จบแล้วสินะ" หนูนาสวมกอดเพื่อนก่อนจะเดินทางเพื่อไปเตรียมตัวเขารับการฝึกงานเป็นปีสุดท้ายของการเรียนแพทย์ "อืมโชคดีที่มีพวกแกค่อยพยุงให้ผ่านช่วงเวลาที่สอบกับอาจารย์ใหญ่" สกาวยิ้มมองเพื่อน ๆ ที่ต้องแยกย้ายไปทำหน้าที่ของตัวเองกันแล้ว "เดินทางปลอดภัยนะแกถึงแล้วคอลสายมาด้วยเข้าใจไหม" หนูนาเข้ามาสวมกอดเพราะเพื่อนสาวจะต้องไปฝึกงานไกลกว่าคนอื่น ๆ ในคลาสเรียน กรุงเทพมหานคร "ไงเราจะเข้าฝึกงานวันไหน" พี่สกายถามฉันทันทีที่เจอหน้าเพราะฉันให้พี่ชายมารับกลับไปหาสุดหล่อกับสุดสวย "วันจันทร์หน้ามีเวลาพักอีกสามวันขอกลับไปฟัดเจ้าแฝดให้ชื่นใจก่อนนะคะ" สกาวสวมกอดพี่ชายก่อนจะพากันเดินออกจากสนามบิน "หิวไหมพี่ว่าเราแวะหาอะไรกินก่อนไหม หรือจะไปกินที่บ้าน" สกายถามด้วยความเป็นห่วงน้องสาว "ไม่หิวกินมาแล้วค่ะ กลับบ้านเลย" สกาวตอบพี่ชายของเธอก่อนจะไถ่โทรศัพท์เล่น และดูความเคลื่อนไหวอัพเดทสถานะของคุณหมอ อดีตแฟนของเธอ จะว่าอดีตเลยก็ไม่ได้เพราะเธอกับเข้ายังไม่ได้จบกันจริง ๆ "เฟียสกับซีเฟีย โตไวมากเลย
หลังจากวันนั้นการเรียนของสกาวและเพื่อน ๆ ก็เรียกได้ว่าล้มลุกคลุกคลานกันเลยทีเดียว "แกจะฝึกงานตอนไหนเหรอ" ข้าวปุ้นหันมาถามเพื่อนสาวที่กำลังแต่งหน้าอย่างมีสมาธิตอนนี้ทุกคนกำลังจบหลักสูตรและสาว ๆ แต่ละคนเรียกได้ว่าเป็นสาวร้อนแรงแห่งคณะแพทยศาสตร์ "ยังไม่รู้กำลังดู ๆ อยู่เหมือนกันคงจะเรียนจบก่อนค่อยฝึกมั้ง" สกาวตอบทั้งยังกำลังลงสีลิปสติกของพี่ชายที่กำลังเริ่มลงทุนสร้างแบรนด์เครื่องสำอาง "เหรอ ดีจังแกเลือกลงเองแต่ฉันนี้สิโคตรเซ็ง" หนูนาทำหน้าบึ้งหลังจากได้ระบายความอัดอั้นในใจออกมาให้เพื่อน ๆ ได้ฟัง "ทำไมไหนเล่ามา" ข้าวปั้นที่ปรึกษาที่ดีของเพื่อน ๆ ไม่ว่าจะเรื่องไหนรวมถึงเรื่องหัวใจด้วย "พ่อฉันนะสิชอบบงการชีวิตไม่ชอบเลย ที่ตกลงกันไว้ว่าจะไปเป็น อีสเทอร์ ที่เดียวกับพวกแกคงไม่ได้แล้วนะ พ่อฉันจับลงฝึกกับลูกเพื่อนเขา เซ็ง ๆ เซ็ง" หนูนาทั้งบ่นทั้งทำหน้าบึ้งและไม่พอใจแต่ก็ทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากยอมรับ ชาตากรรมที่ถูกกำหนดไว้ด้วยฝีมือคุณพ่อ "อ้าวงั้นก็เหงาแย่เลยไม่มีสาวฮอตประจำกลุ่ม" สกาวมองเพื่อนอย่างเห็นใจเพราะเธอเข้าใจดี "โอ้ ๆ น๊าเพื่อนร๊าก" ข้าวปุ้นกอดแขนปลอบเพื่อนอย่างเห็นใจ "แล้ว
สกาวยังคงนั่งมองคนที่เสนอแผนการนิ่งอย่างไม่ได้คาดหวังอะไร เพราะเธอไม่ได้สนใจแค่ฟังเฉย ๆ "ตกลงไหม" เรย์ถามขึ้นหลักจากบอกเล่าแผนการของตัวเองจบลงในเวลาสั้น ๆ เท่านั้น "แล้วทำไมไม่ไปจ้างนักแสดงหรือดาราละ ไม่มีเวลามาเล่นอะไรแผลง ๆ ด้วยหรอกนะคะ" สกาวนั่งถอนหายใจอย่างเบื่อหน่ายเต็มทน "มีแค่ช่วยกับช่วยเท่านั้น" คนที่ทำทีมาดเข้มตั้งแต่ที่แรกกับลังเข้าสู่โหมดบังคับเธออยู่ซึ่งเธอไม่ชอบ "เฮ่อ ครั้งเดียวนะคะฉันบอกคุณไปแล้วนะว่าฉันรีบหากเล่นไม่สมจริงก็อย่ามาโทษกันละ" คุณแม่ลูกสองหงุดหงิดกับการที่ถูกบังคับแต่ก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี "อืม" เรย์ที่ยิ้มอย่างพึงพอใจและจ้องมองสีหน้าอารมณ์ของคนที่ตนเองบีบบังคับแล้วรู้สึกพึงพอใจกับการกระทำของตัวเองไม่น้อย กรุงเทพมหานคร เครื่องบินที่ถูกบังคับด้วยลูกน้องผู้ชำนาญของเรย์ก็ลงจอดที่สนามบินต้นทางอย่างปลอดภัย "เริ่มงานคืนนี้อย่าให้ต้องรอ" สกาวมองคนที่พูดแล้วเดินผ่านไหล่เธอไปอย่างคนเร่งรีบทำให้เธอรู้สึกหมั่นไส้มากกับคนที่มีอำนาจเหนือกว่าตัวเอง "ชิ อย่าให้ต้องรอ" ร่างบางเลียนแบบและพูดตามเบา ๆ ก่อนจะเดินออกไปอีกทางเพื่อไปเยี่ยมแฟนหนุ่มที่ตกลงคบหากั
การเริ่มต้นใหม่มันไม่ง่ายอยากที่คิดแหะ ความคิดถึงยังคงอยู่ภายในใจ ซีเฟีย และ เฟียส อยู่ในการดูและของพี่ชายคุณยายหายไปเลยหลักจากสร้างเรื่องวุ่น ๆ ให้หลานสาวต้องเสียน้ำตาคุณหมอก็ยังคงคอยห่วงใยเธอทั้งยังค่อยช่วยเลี้ยงเจ้าแฝดให้เพราะพี่สกายโทรมารายงานเธอ ส่งรูปคนเป็นแฟนเธอเข้ามาให้เห็นทุกครั้งที่เขาเข้าไปหาเด็ก ๆ "สกาวคิดอะไรอยู่เหรอ" นักศึกษาแพทย์ปีหนึ่งคณะแพทยศาสตร์ เพื่อนใหม่ของเธอเดินเข้ามาถามเมื่อเห็นว่าหญิงสาวนั่งเหม่อใจลอย "ตกใจหมดเลยข้าวปุ้นมาไม่ให้สุ้มให้เสียงหัวใจจะวายตาย" สกาวมองเพื่อนใหม่อยากคาดโทษชอบผลุบ ๆ โผล่ ๆ มาให้ตกใจทำเอาเธอขวัญเสียหมด "เอ้า ก็เห็นนั่งเหม่อใจลอยคิดถึงใครอยู่เหรอจ๊ะ" ข้าวปุ้นมองเพื่อนสาวคนใหม่ของเธอ เพราะเธอสอบติดคณะแพทย์เพียงคนเดียวของโรงเรียนมัธยมปลาย ส่วนเพื่อน ๆของเธอก็สอบติดคณะอื่น ๆ เช่นกัน "ไม่บอกหรอก" สกาวทำเป็นไม่สนใจเพื่อนสาวคนสวยของเธอก่อนจะค่อย ๆ ยื่นมือไปหยิบข้าวกล่องที่ข้าวปุ้นเตรียมมาอย่างเนียน ๆ โดยเจ้าของข้าวกล่องนั้นเอาแต่สนใจโทรศัพท์ "เฮ้! ไปอดไปอยากมาจากที่ไหนเนี่ย" ข้าวปุ้นมองข้าวกล่องของตัวเองที่ถูกฉกไปด้วยมือของเพื
สองวันต่อมา จะบอกว่ามาทั้งครอบครัวก็คงไม่ถูกเพราะมีเพียงยายของเธอพี่ชายและแฟนของพี่ชายเท่านั้น ส่วนพ่อกับแม่ก็คงจะเห็นงานสำคัญกว่าลูกเสมอ เธอเริ่มชินชาไปแล้ว "ไหนเหลนยายอยู่ไหน" คนที่เปิดประตูห้องพักเข้ามาโดยไม่เคาะรีบสาวเท้าเดินเข้ามาในห้องมองหาเหลนตัวน้อยทันทึ "ชิทำไมเขาอยู่ในนี้ละ" เหมือนเห็นคุณหมอที่เธอเคยมีปากเสียงด้วยกำลังอุ้มเด็กน้อยอยู่ก็หันหน้าไปถามหลานสาวทันที "คุณยาย" สกาวเรียกยายนีน่าเสียงเบาเธอไม่รู้ว่าควรจะอธิบายเรื่องราวระหว่างเขากับเธอยังไงดีให้คุณยายเข้าใจ "ตอบยายมาทำไมตานี่ถึงมาอยู่ในนี้ ทั้งยังมาอุ้มเหลนยายอีก" คุณยายนีน่าอดไม่ได้ที่จะจ้องมองไปยังหมอทักษ์และเหลนน้อยในวงแขนของชายหนุ่ม "คือหนูกับพี่หมอตกลงคบกันค่ะ" สกาวบอกคุณยายของเธอทั้งลุ้นไปด้วยเพราะเกรงว่าคุณยายจะโกรธเธอ "เหอะ" คุณยายนีน่าไม่มีคำที่จะพูดออกมาในตอนนี้เพราะกำลังเห่อเหลนตัวน้อยทั้งสองคน เดินเอาไปแยกเด็กน้อยในอ้อมแขนหมอทักษ์มาอุ้มเอง "ส่งเหลนฉันมาสิ" คนที่ยืนประจันหน้ากันคนที่อายุอย่างคุณยายนีน่าก็ยังเกลียดเขาอยู่พร้อมแค่ด่าเขาไปด้วย ถามว่าด่าแล้วจำได้ไหมคุณยายได้เคยจำเพราะเน
"อะแฮ่ม" เสียงของสกายดังขึ้นเมื่อเห็นว่าทั้งสองคนดูใส่ใจกันมากกว่าคนไข้กับคุณหมอ "อ้าวพี่สกายว่างมาเยี่ยมน้องด้วนเหรอคะ" สกาวทำหน้าเหมือนสงสัยทั้งยังปั้นหน้าทำงอนใส่พี่ชายแท้ ๆ ของเธออีกด้วย "เอ๊ะ..มากับใครคะเนี่ย" สกาวมองหน้าบุคคลที่นั่งข้าง ๆ พี่ชายเธอหน้าตาสาวสวยคนนั้นดูคุ้น ๆ เหมือนเธอเคยไปเจอที่ไหนมานะจำไม่ได้แต่ก็ช่างมันเถอะ "น้ำครับ" หมอทักษ์ไม่สนใจบทสนทนาของพี่น้องแต่ก็ฟังพวกเขาพูดคุยกันและยื่นแก้วน้ำให้เธอ "เด็ก ๆ ละคะ" สกาวถามเขาทั้งยังไม่ได้มองไปข้างเตียงอีกฝังของตัวเองเพราะในห้องมันเงียบมาก "อยู่ตรงนั้นครับยธงหลับอยู่เลย" หมอทักษ์ชี้ไปตรงข้างเตียงอีกฝั่งให้เธอได้หันไปมอง "ขี้เซา" สกาวมองลูก ๆ ของเธอทั้งแอบบ่นออกมาเล็กน้อยพอหมอทักษ์ได้ยินก็ยิ้ม "เหมือนแม่" บอกกับเธอที่ยังคงจับตามองลูกแฝดโดยไม่ได้สนใจพี่ชายตัวเองเลย และคนเป็นพี่อย่างสกายก็ไม่คิดจะเย้าแหย่หรือวุ่นวายกับน้องสาวมากนัก "ไม่เหมือนสักหน่อย" เธอมองเด็กน้อยด้วยความสุขจนล้นหัวใจ "อีกสองวันคุณยายจะเดินทางกลับมาเตรียมตัวให้พร้อมด้วยละ" สกายพูดขึ้นหลังจากที่น้องสาวเขาได้นอนพักผ่อนอีกครั้ง "เตรี