"พี่คะเสร็จแล้วค่ะกลับบ้านกันเถอะน้องง่วงนอนจะแย่อยู่แล้วเนี่ย" ฉันบอกพี่ชายทันทีที่เดินเขามาทักทายคุณหมอเจ้าของไข้ฉัน
"ปะกลับสิพี่ก็มีธุระต่อเหมือนกัน กะว่าจะเข้าไปดูงานสักหน่อย" สกายหันหน้ามองน้องสาวตัวเองก่อนจะหันกลับไปบอกลาคุณหมอ "งั้นผมขอตัวกลับก่อนนะครับคุณหมอ สวัสดีครับ" "กลับก่อนนะคะสวัสดีค่ะคุณหมอ" ทั้งสองคนกล่าวลาคุณหมอแล้วก็เดินจากไปทันที "ครับ" ผมมองคนที่กล่าวลาและเดินจากไป ก่อนจะพาตัวเองออกจากตรงจุดนั้นและกลับไปห้องพักของตัวเองทันที . "คุณหมอคะ มีเคสด่วน!" พยาบาลผู้ช่วยของผมบอกกับผมทางนี้ที่ผมเตรียมตัวจะเดินเข้าห้องพักของตัวเอง "โอเคเดี๋ยวผมออกไปรับเองคุณก็เตรียมอุปกรณ์และอำนวยความสะดวกให้กับคุณแม่ลูกอ่อนและครอบครัวของเขาด้วยแล้วกัน" ผมบอกกับพยาบาลก่อนที่จะเปิดเข้าไปห้องพักของตัวเองเพื่อเตรียมของจำเป็นที่ต้องใช้ในการทำงาน "ค่ะคุณหมอ" พยาบาลตอบรับแล้วเดินออกไปทันทีเพื่อไปทำงานตามหน้าที่ของตัวเองที่ได้รับมอบหมาย . . ภายในรถ "น้องมีอะไรจะถาม" เมื่อถึงรถแล้วเข้ามานั่งภายในรถฉันก็ถามพี่ชายตัวเองทันทีในเรื่องที่สงสัยและอยากรู้แต่ก็ยังมีเรื่องที่ต้องเคลียร์ก่อน "พี่สกายคะอันนี้โทรศัพท์พี่หรือเปล่า" ฉันหยิบโทรศัพท์ของพี่สกายขึ้นมาแล้วยื่นไปตรงหน้าพี่ชายของฉันทันที "เอ้าอยู่ที่สกาวเหรอพี่ก็หาตั้งนานว่าหายไปไหนคิดว่าต้องได้ซื้อใหม่แล้วนะเนี่ย" พี่ชายของฉันตอบกลับมาด้วยรอยยิ้มโดยไม่เป็นเดือดเป็นร้อนอะไร จ้าพ่อคนรวยขี้งก!! "พี่จะทิ้งโทรศัพท์ที่ต้องใช้ทำงานและต้องใช้ในเรื่องสำคัญเอาวางไว้เรี่ยราดไม่ได้เข้าใจไหมตัวเองทำธุรกิจไม่รู้เหรอว่ามันอันตรายแค่ไหนกับการดูดข้อมูลที่สำคัญในเครื่องได้น่ะเดี๋ยวนี้มิจฉาชีพเยอะจะตาย" ฉันบ่นให้พี่ชายของตัวเองออกมาแต่ดูเหมือนว่าคนที่ฟังจะไม่ค่อยสำนึกในการกระทำของตัวเองเท่าไหร่ "เอาน่าอย่าขี้บ่นไปเลยเป็นเด็กเป็นเล็กใช้ชีวิตไปเถอะโทรศัพท์พี่ไม่ได้มีข้อมูลอะไรสำคัญขนาดนั้นหรอก" สกายเองก็ตอบกลับน้องสาวทันทีความจริงโทรศัพท์เครื่องนี้เขาใช้ติดต่อกับญาติพี่น้องเท่านั้นไม่ได้มีอะไรสำคัญหรอก ส่วนเครื่องที่สำคัญจริง ๆ เขาไม่ได้พกมา "แต่มันก็ใช้เงินซื้อมาอยู่ดีถึงหนูจะใช้เงินสิ้นเปลืองแต่หนูก็รักษาของอย่างดีนะคะ หนูน่าจะเกิดเป็นพี่ของพี่นะคะ มีความรับผิดชอบมากกว่าพี่ชายตัวเองอีก ชิ" ฉันมองพี่ชายตัวเองที่ไม่รู้สึกเสียดายของเลยสักนิด "ไม่คิดว่าคนท้องจะบ่นเก่งเหมือนกันนะเนี่ย" สกายหันไปมองน้องสาวของเขาที่บ่นออกมาเป็นชุด ราวกับว่าเขาไปทำอะไรโหดร้ายหรือไปฆ่าใครตายอย่างนั้นแหละเพียงแค่วางโทรศัพท์ไว้บนกระเป๋าทิ้งไว้ตรงหน้าห้องตรวจเฉย ๆ "พี่สกาย!" ฉันหันไปจ้องมองพี่ชายตัวเองแล้วเองเสียงดังพอให้ได้ยินว่ากำลังหงุดหงิดให้พี่ชายตัวเองอยู่ "ok ok พี่ผิดเองแล้วกันวันหลังพี่จะเก็บรักษาอย่างดีเยี่ยงชีวิตอันมีค่าของพี่" สกายบอกกับน้องสาวของเขาพร้อมกับยังตอบออกไปกวนๆหน้าตาก็ทะเล้นทำให้คนขี้โมโห โมโหมากกว่าเดิมไปอีก "ช่างเหอะ...ว่าแต่พี่รู้จักที่ใบหม่อนด้วยเหรอ" สกาวถามออกมาโดยไม่ได้ใส่ใจอะไรทำให้คนที่เตรียมตัวสตาร์ทรถออกจากโรงพยาบาลชะงักไปทันที "อะไร!?" สกายทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ถามออกไปโดยที่ภายในใจนั้นรู้ดี "หนูถามว่าพี่รู้จักกับพี่ใบหม่อนด้วยเหรอ" สกาวถามคำถามเดิมซ้ำให้พี่ชายฟังอีกครั้ง "ไม่รู้จัก..ว่าแต่เราเถอะถามพี่ทำไมรู้จักกันเหรอ" สกายตอบออกไปโดยไม่มองหน้าน้องสาว แล้วก็ขับรถออกจากโรงพยาบาลเพื่อกลบเกลื่อนอารมณ์ไหวหวั่นที่ตนเองนั้นยังมีให้กับอดีตแฟนสาวอยู่ "ก็คิดว่ารู้จักเสียอีกเห็นคุยกันอยู่นานสองนาน สรุปก็คือไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัวใช่ไหมคะ" ฉันเองก็ยังคงถามต่อแม้ในใจมันจะรู้สึกทะแม่ง ๆ กับการกระทำของครั้งสองคน ระหว่างพี่ชายของฉันและพี่ใบหม่อนต้องมีอะไรมากกว่าที่ฉันรู้แน่ ๆ ฉันผู้เป็นน้องสาวก็อยากจะทำตัวเอาใจใส่และใส่ใจพี่ชายเป็นพิเศษอยู่บ้าง แต่ทุกวันนี้ตัวเองยังเอาไม่รอดเพราะฉะนั้นพักเรื่องของพี่ชายมาเคลียร์เรื่องของตัวเองก่อนดีกว่า "ก็ไม่รู้จักนะสิถามอะไรเยอะแยะนอนไปเลยไปไหนบอกว่าง่วงไม่ใช่เหรอถึงบ้านเดี๋ยวพี่ปลุกเอง" สกายตอบออกไปทันทีที่น้องสาวตัวเองถามจบพร้อมกับเปลี่ยนเรื่องไปเรื่อยเปื่อยเพื่อหลีกเลี่ยงการตอบคำถามที่ไม่อยากจะตอบสักเท่าไหร่ "เชื่อแล้วก็ได้ว่าไม่รู้จัก" สกาวพายักหน้าทำความเข้าใจก่อนจะปรับเบาะเอนตัวนอนทันทีเมื่อความรู้สึกง่วงเข้ามาปะทะกับอารมณ์แปรปรวนของฮอร์โมนคนท้องอ่อน ๆ . . แชท ใบหม่อน: จากนี้ไปเราขอให้สกายมีความสุขมากๆนะ "มันไม่มีความสุขตั้งแต่เธอบอกเลิกแล้ว" ใบหม่อน: ถึงเราจะเลิกกันแล้วหม่อนก็อยากเป็นเพื่อนที่ดีของสกายเสมอ "เพื่อนบ้าอะไรจะเอากันทุกคืน!" ใบหม่อน: ขอบคุณที่เข้ามาเป็นความสุขของใบม่อนคนนี้ถึงแม้ว่าเราจะงี่เง่า "ใช่งี่เง่ามากแต่ก็น่ารักเสมอ" และข้อความที่ส่งมาอีกมากมายสกายทำได้แต่อ่านแล้วก็พูดออกมาไม่ได้พิมพ์ตอบกลับข้อความที่ใบหม่อนได้ส่งมาให้เขาเลยแม้แต่ตัวอักษรเดียว "คิดถึง" หลังจากที่กระจายพูดจบคนที่นอนหลับอยู่ในรถยนต์ก็ตื่นมาทันได้ยินเสียงบนของพี่ชายตัวเอง "ถึงบ้านแล้วเหรอคะ ว่าแต่คิดถึงใครอ่ะ" สกาวลืมตาตื่นขึ้นมาก็ถามพี่ชายออกมาแล้วยื่นหน้าไปทำหน้าตาทะเล้นเอ่ยแซวทันที "ไม่ใช่เรื่องของเด็กทำไมชอบยุ่ง" สกายมองสายตาดุน้องสาวอย่างไม่จริงจังนักกับการกระทำของสกาวที่ติดเล่นเกินไปหน่อยก็เถอะ "นี่น้องไงยุ่งไม่ได้เหรอ" ฉันบอกกับพี่ชายตัวเองทันทีที่บ่นมาให้พร้อมกับสงสัยตาแกรมดุราวกับว่าคนอย่างสกาวจะกลัวนักหนิ ไปก็ได้ชิ! "จะรีบไปไหนสกาวของยังไม่ได้ขนลงจากรถเลยนะ มาช่วยกันขนของลงจากรถเดี๋ยวนี้เลยอย่ามาตีเนียน" สกายที่เปิดประตูรถลงมาพร้อมกับน้องสาวก็รีบเอ่ยพูดขึ้นมาทันที "อะไรเล่า ก็คนมันง่วงนี่นาตอนเย็นค่อยมาขนออกก็ได้จะรีบไปไหนอีกล่ะ" สกาวที่เดินขึ้นไปถึงบันไดหน้าบ้านแล้วต้องมุ่ยน่ามองพี่ชายด้วยความอารมณ์เสียทันที "ไม่ได้เดี๋ยวพี่จะต้องไปทำธุระต่อรีบมาช่วยพี่ขนเลยเร็ว ๆ" สกายรีบเดินไปจับมือน้องสาวแล้วลากเบา ๆ มาช่วยกันขนของหลังรถหลังทันที "ชิ จะไปไหนอีกเพิ่งกลับบ้านไม่ใช่หรือไงจะออกไปอีกแล้วเหรอธุระเยอะเหลือเกินนะพ่อนักธุรกิจพ่อมหาเศรษฐีพ่อคนรวยขี้งก!" ฉันบ่นให้พี่ชายตัวเองทันทีที่ถูกลากจูงมาเพื่อมาขนของที่ฉันช้อปและใช้เงินพี่ชายไปในวันนี้ "เดี๋ยวก็ให้คนเองเลยนี่ของของใครก็ขนลงสิจ๊ะ" สกายหันไปบอกน้องสาวตัวเอง โดยไม่ได้สนใจคำประชดประชันของเธอเลยสักนิดแถมยังบ่นและช่วยขนเอาไปไว้ในบ้านให้อีก เกิดเป็นพี่ชายก็ไม่ได้แย่แค่รับหน้าที่คนรับใช้น้องสาวไปในตัว "หมดหรือยังเนี่ย" สกาวเดินถือถุงช้อปปิ้งของตัวเองเข้ามาในบ้านพร้อมกับเอวตัวหันไปมองด้านหลังที่มีพี่ชายเดินตามมาเธอก็ถามโดยใช้การบ่นออกไปนั่นแหละ "หมดแล้วจะให้พี่เอาไปไว้ในห้องเธอเลยไหมหรือจะเอาไว้ตรงนี้ก่อน" สกายที่ถือถุงพะรุงพะรังเข้ามาในห้องนั่งเล่นก็วางถุงพวกนั้นลงที่พื้นทันที "เอาไว้ตรงนี้ก่อนแล้วกันหนูง่วงแล้วจะไปนอนไม่อยากให้ของพวกนี้มันรกในห้องค่อยมาขนขึ้นห้องตอนเย็นแล้วกัน" สกาวก็บอกออกไปทันทีก่อนจะลากสังขารตัวเองเข้าห้องนอนเพื่อพักผ่อนเพราะตอนนี้สภาพร่างกายเหมือนว่าจะหลับได้ตลอดเวลา ส่วนสกายก็ย่างเท้ากลับไปหน้าบ้านเพื่อขับรถไปทำธุระส่วนตัวต่อโดยไม่ได้สนใจอะไรเพราะที่อยู่ของเขานั้นปลอดภัย สำหรับน้องสาวที่นอนอยู่ในบ้านคนเดียวอยู่แล้วระบบป้องกันภัยหนาแน่นเลยไม่ได้รู้สึกเป็นห่วงมากนัก . . . 18:00 "อืม~ อืม~" ร่างบางนอนบิดร่างกายตัวเองไปมาหลังจากพักผ่อนเป็นเวลานานหลายชั่วโมงก็เริ่มรู้สึกตัวตื่น "กี่โมงแล้วเนี่ย" ถามกับตัวเองก่อนจะมองหาโทรศัพท์มือถือเพื่อดูเวลานอนที่ล่วงเลยมา "18:00 น แล้วเหรอทำไมยังรู้สึกง่วงจังเลยนะ" "หาว~ อยากนอนต่อ" สกาวตื่นมาก็นอนเล่นโทรศัพท์มือถืออยู่บนเตียงนอนยังไม่ลุกไปไหน หลังจากนั้นไม่กี่นาทีเพียงแค่เธอวางโทรศัพท์ลงและเตรียมจะลุกไปอาบน้ำก็มีเสียงแจ้งเตือนแชทดังขึ้นมา แชทไลน์ ทักษ์ครับ: ผมมีวันหยุดช่วงประมาณวันเสาร์กับอาทิตย์คุณสะดวกวันไหน เรามีเรื่องต้องคุยกัน ทักษ์ครับ: ไม่สิผมมีเรื่องจะคุยกับคุณ สกาวเห็นหน้าจอมือถือของคนที่ทักมาก็ต้องรู้สึกว่าหัวใจหวั่น ๆ ไม่ได้กลัวหมอแต่กลัวความจริงเรื่องที่เธอได้กระทำผิดพลาดนั้นเปิดเผยต่างหาก มันเป็นเพียงอารมณ์ชั่ววูบและอารมณ์ปรารถนาของตัวเธอเองทั้งนั้น ไม่รู้ว่าในวันนั้นอะไรเกิดโดนจิตโดนใจให้เธอต้องกระทำตัวอย่างไม่สมเหตุสมผล และไม่เหมาะสมกับการที่ได้รับการอบรมสั่งสอนมาอย่างดีพอเดินเข้ามาในคาเฟ่ก็ทำให้เธอรู้สึกตะลึงไปกับความแปลกใหม่เล็กน้อย "มันสวยมากเลยค่ะ ราวกับว่าเราได้อยู่ในจักรวาลทั้ง ๆ ที่อยู่บนโลกมนุษย์แท้ ๆ" สกาวมองไปรอบร้านที่ตกแต่งร้านได้สวยงามรวมพวกสิ่งประดับเกี่ยวกับกาแล็กซี่ต่าง ๆ ของจักรวาลอยู่ในร้าน "ผมว่าเจ้าของคาเฟ่คงต้องเป็นนักวิทยาศาสตร์ด้วยแน่เลย" ความคิดของเขาไปในทางนั้นจริง ๆ ไม่แน่ใจว่าเจ้าของคาเฟ่เก่งเรื่องวิทย์ - คณิตด้วยหรือเปล่า "แต่กาวไม่น่าจะใช่นะคะ เพราะถ้าเป็นแบบนั้นจริง ๆ เจ้าของร้านคงต้องเรียงพวกดาวเคราะห์ถูกสิ ไม่ใช่ให้เรียงตามใจชอบแบบนี้" เธอมองไปที่ผนังร้านที่มีกลุ่มดาวเคราะห์หลายดวงที่เรียงกันสับสนไปหมด "จริงด้วยสินะ หรืออาจจะเป็นลูกค้าที่มาสลับสับเปลี่ยนพวกกลุ่มดาวพวกนี้เองหรือเปล่าก็ไม่รู้ดูสิเห็นไหมว่ามันขยับได้" หมอทักษ์ ชี้ไปที่ดาวเคราะห์ต่าง ๆ ที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่บนผนังคาเฟ่ "มันขยับได้จริง ๆ ด้วยค่ะ" สกาวพูดขึ้นมาด้วยความตื่นเต้นที่ได้เห็นสิ่งแปลกตาและมหัศจรรย์ ภายในร้านคาเฟ่เล็ก ๆแห่งนี้ "ขอโทษนะคะลูกค้า ลูกค้าต้องการดื่มอะไรดีคะ" พนักงานของร้านที่ตอนแรกไม่เห็นว่ามีลูกค้ารีบเดิน
เขามองริมฝีปากเธออยู่อย่างนั้นก่อนที่จะค่อย ๆ เอามือของตัวเองไปโอบศรีษะของเธอให้ริมฝีปากของเธอเข้ามาใกล้กับริมฝีปากของเขาอีกครั้ง "คะ..คุณ อืม~" 'หมอคะ' เธอไม่ทันได้พูดเรียกสติของชายหนุ่มก็ถูกริมฝีปากของเขาประกบจูบเข้ามาทันทีโดยที่เธอไม่ทันได้ตั้งตัว ทั้งสองคนกำลังจบกันอย่างโดดดื่มทำให้การสัมผัสของทั้งคู่เกิดความเร่าร้อนขึ้นมาทันที ชุดนอนผ้าลื่นเนื้อบางถอดง่ายใส่สบายทำให้สกาวต้องเผลอไผไปกับรสจูบของคุณหมอหนุ่ม "อืม~" จ๊วบ ๆ จ๊วบ เสียงจูบและลิ้นพันกันอย่างเร่าร้อนยังคงไม่จบลงทำให้สกาวเริ่มหายใจติดขัด เมื่อเขารู้ว่าเธอเริ่มจะหายใจไม่ออกและดิ้นรน จึงค่อย ๆ ถอดริมฝีปากของตัวเองออกจากปากของหญิงสาว "คุณสงสัยเหมือนผมไหมครับ ว่าทำไมเวลาผมอยู่กับคุณทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองเป็นสุภาพบุรุษ และต้องการที่จะสัมผัสคุณมากขึ้นทุกครั้ง" เขาจับคางของหญิงสาวขึ้นมาเผชิญหน้ากับตัวเองที่ตอนนี้ใบหน้าของเธอเริ่มมีอาการแดงกล่่ำเพราะความเขินอายจากรสจูบแสนหวาน ที่เขามอบให้เธอ "ทะ..ทำไปคุณหมอพูดอย่างนี้ล่ะค่ะคงไม่มีอะไรหรอกมั้งคะ" สกาวที่ไม่ยอมบอกอะไรกับเขา ทำให้เขาต้องเป็นคนดิ้นร
หลังจากออกเวรสกาวรู้สึกอ่อนเพลียมาก เธอกลับมาทำงานตามปกติ พอนึกไปถึงเหตุการณ์เมื่อหลายวันก่อนที่ทางเธอและหมอเทพพิทักษ์ได้ไปเป็นตัวแทนของโรงพยาบาลเพื่อมอบ เงินสมทบทุนให้กับเด็ก ๆ ที่ขาดแคลน .หลังจากที่ขับรถมาถึงที่พักก็เข้าเช็คอินทันที "ทำไมจองไว้ห้องเดียวล่ะคะ" จะกล่าวถามด้วยใบหน้าที่ตกใจและมองสบตากับคุณหมอที่เคยเป็นอาจารย์แพทย์สอนเธอ "ห้องมันเต็มครับผมถามไปแล้วกว่าจะได้ห้องก็คงอีก สองวันนู้นพอถึงตอนนั้นเราก็เช็คเอาท์ออกกันพอดี แต่ห้องนี้เป็นห้องใหญ่ไม่ต้องกังวลหรอกครับผมไม่ทำอะไรคุณหรอก" หมอทักษ์ มองคนที่เขารู้สึกคุ้นเคยแต่ก็คับคล้ายคับคลายังจำไม่ค่อยได้ ในหัวสมองของเขามีอาการสับสนกับความเป็นสุภาพบุรุษต่อหน้าหญิงสาวของเขาจนแปลกใจ "อ่อ เป็นห้อง สองเตียงใช่ไหมคะ" สกาวหันกลับไปถามพนักงานที่คอยต้อนรับและให้ลูกค้ามาเช็คเอาท์อยู่หน้าเคาน์เตอร์ "ใช่ค่ะลูกค้าต้องขออภัยจริง ๆ นะคะที่ทางเราไม่สามารถจำหน่ายห้องแยกได้เพราะช่วงนี้เป็นช่วง ที่ทางที่พักได้ทำการโปรโมทไปด้วยเลยทำให้ห้องพักไม่เพียงพอต่อการเข้าพักค่ะ" พนักงานตอบด้วยสีหน้ายิ้มแย้มและพูดด้วยถ้อยคำอ่อนโยนกล
ร้านอาหารทะเล ในช่วงเวลา 19:30 ทั้งสี่คนได้มานั่งสั่งอาหารและตอนนี้อาหารทะเลเติมโต๊ะ "ลุงแกะให้หนูรอกินอย่างเดียว" สกายอาสาแกะปูแกะกุ้งให้หลานชายหลานสาว และ ภรรยา เป็นภาพที่น่ารักมากหากมองจากบุคคลภายนอก "ขอบคุณค่ะคุณลุง" ซีเฟียตักอาหารเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อย "อันนี้ของเฟียสครับ" สกายว่างกุ้งตัวใหญ่ในจานหลานชาย"ขอบคุณครับ" "พี่ก็กินของตัวเองได้แล้ว เด็ก ๆ ก็แกะกุ้งแกะปูกันเป็นนะคะ" คนเป็นภรรยาเมื่อเห็นว่าสามียังไม่ได้แตะอาหารของตัวเองก็ท้วงขึ้นมาทันที"ใช่ครับคุณลุงพวกเราแกะเป็นพวกเราโตแล้ว" น้องชายฝาแฝดของซีเฟีย พูดขึ้นมาบ้างเมื่อเห็นว่าจานอาหารของคุณลุงยังไม่ลดลง มื้ออาหารเติมไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ ในค่ำคืนที่ผ่านมา 07:00น.ช่วงเวลาของเช้าวันถัดมาชั่งผ่านมาวัยเหลือเกิน "ทำไมตื่นเช้าจังเลยคะ" เธอเดินตามสามีออกมาเมื่อมองบนเตียงนอนแล้วไม่พบผู้เป็นสามีนอนอยู่ "วันนี้พี่ต้องเตรียม ฉากและพื้นที่ให้กับหลานน่ะเลยจะลองออกไปขออนุญาตทางเจ้าของหาดดูก่อน" สกายหันกลับมามองตามเสียงคำถามของภรรยา เขาก็รีบตอบทันที"หันหม่อนไปถามให้ดีไหมคะ
"สวยมากเลยค่ะคุณลุง" ซีเฟียมองดูชุดคอลเลชั่นใหม่อย่างตื่นเต้น "ไหนคุณลุงบอกว่าอีกสองสามวันถึงจะได้ทำงานไงครับ" เฟียสมองชุดตาเป็นประกายเพราะเขาเองก็อยากหาเงินช่วงวันหยุด "ลุงกะว่าจะเอามาเซอร์ไพรส์หลาน ๆ แต่ได้ยินตอนที่กำลังพูดคุยกันพอดีเลยบอกเลยดีกว่า" สกายยื่นชุดให้หลาน ๆ ไปลองใส่มาให้ดูก่อน ซึ่งเขาก็นั่งรออยู่ในห้อง "ที่รักอาหารมาส่งแล้ว เอะแล้วเด็ก ๆ ไปไหนกันหมดคะ" ใบหม่อนภรรยาสาวที่ปลีกตัวออกไปรับอาหารที่สั่งไว้ เพราะมีพนักงานมากดกริ่งเรียกที่หน้าบ้านพักพอดี หลังจากรับอาหารเสร็จพอเดินกลับเข้ามาก็ไม่เห็นหลาน ๆ แล้ว "ลองชุดว่ายน้ำอยู่ในน้ำห้องครับ" สกายส่งสายตามองไปยังประตูห้องน้ำสองห้องที่ติดกัน "คุณลุงหนูใส่ได้พอดีเลยค่ะ" ซีเฟียเปิดประตูออกมาและหมุนตัวอวด ลุงของเธอ "ชุดเฟียสก็เท่ห์มากเลยครับคุณลุง" เด็กชายเดินออกมาหลังจากเห็นพี่สาวหมุนตัวราวกับเป็นนักบัลเล่ต์ "ไหนขอลุงถ่ายรูปหน่อยเดี๋ยวจะส่งให้แม่พวกหนูดู" สกายหยิบโทรศัพท์ของตัวเองมากดถ่ายภาพหลาน ๆ และส่งเข้าไปในแชทน้องสาว "อาหารมาแลเวนะเด็ก ๆ
เช้าวันต่อมา 08:30น. สกาวมองนาฬิกาข้อมือ ปากก็หาวออกมาเนื่องจากเมื่อคืนเธอรอดูละครที่ลูกสาวแสดง จนทำให้ร่างกายพักผ่อนไม่ค่อยเพียงพอ แม้ว่าปกติเธอก็นอนไม่เพียงพออยู่แล้ว "มารอเช้าจังนะเลยนะครับ" รถสปอร์ตคันหรูแล่นเข้ามาประชิดริมฟุตบาท "ความจริงก็อยากจะมาสายกว่านี้เหมือนกันคะ แต่ติดที่เป็นคนตรงต่อเวลาเลยต้องมากก่อนเวลาเสมอ" สกาวตอบกลับคนที่ทักทายก่อนที่เขาจะเดินลงจากรถมายกกระเป๋าให้เธอ "ขอบคุณที่ช่วยค่ะ" สกาวเดินเข้ามานั่งในรถรอให้หมอทักษ์เอากระเป๋าเธอไปเก็บทายรถ พอเขาเดินกลับมาก็เอ่ยขอบคุณตามมารยาท "หืม ทำไมคุณหมอมีนิตยสารแฟชั่นเด็กเยอะจังเลยคะ" เมื่อสกาวเห็นว่านิตยสารที่อยู่ในรถของหมอทักษ์ ล้วนแต่เป็นลูกชายเธอที่ค่อยถ่ายแบบให้กับแบรนด์เสื้อผ้าของพี่ชาย "อ่อ คุณพ่อผมเป็นหุ้นส่วนกับแบรนด์นี้ ก็ไม่แปลกหรอกครับที่ผมจะมีนิตยสารทุกคอลเลคชั่น" หมอทักษ์หันมามองหญิงสาวที่สนใจนิตยสารของเขาที่อยู่ในรถ แม้ว่าความจริงเขานั้นจะพึ่งรู้ว่าคุณพ่อของเขาก็มีหุ้นส่วนกับแบรนด์แฟชั่นเด็กไม่กี่วันนี้เอง "จริงเหรอคะ" พอหมอทักษ์พูดขึ้นสกาวจึงพ