"___"
... "___!?" เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเงียบและยังไม่ตอบอะไรสกาวก็ได้แต่เงียบและรอฟังอย่างใจเย็น "นั่งก่อนสิคะ" ฉันบอกกับคุณใบหม่อนที่ยังไม่เคยปากพูดอะไรไม่รู้ว่าแค่แวะมาทักทายเฉย ๆ จริง ๆหรือเปล่าหรือมีเรื่องอยากจะคุยอะไรกับเธอกันแน่ท่าทางดูเหมือนว่าจะคิดหนักมากเลยทีเดียว "ขอบคุณค่ะ" หลังจากคำเชิญชวนใบหม่อนก็นั่งลงข้าง ๆ สกาวทันทีพร้อมกับส่งยิ้มมาให้เล็กน้อยราวกับว่ามีความในใจมากมายอยู่เต็มเปี่ยมที่อยากจะคุยกับสกาว "คุณใบหม่อนมีอะไรจะคุยกับกาวหรือเปล่าคะมีเรื่องหนักใจหรือทุกข์ร้อนใจอะไรระบายกับกาวได้นะคะกาวเป็นผู้ฟังที่ดีเสมอค่ะแม้เราจะไม่ได้รู้จักกันเป็นการส่วนตัวก็เถอะ" ระหว่างรอรับยาฉันก็รู้สึกว่าโชคดีที่มีคนเข้ามาทักมาคุยด้วย "คือจริง ๆ แล้วก็มีเรื่องอยากจะขอคุณกาวนิดหน่อยนะคะไม่ได้สำคัญอะไรมากแต่ไม่รู้จะพูดยังไงให้คุณกาวเข้าใจดี" ใบหม่อนพูดออกมาทันทีหลังจากที่หญิงสาวถามขึ้นมา "พูดได้นะคะเรารับฟังเสมอค่ะ" สกาวพูดออกมาด้วยรอยยิ้มแล้วมองคนที่อยากจะคุยกับเธอ "ว่าแต่คุณกาวอายุเท่าไหร่หรอคะ ส่วนหม่อนตอนนี้อายุ 25ปี แล้วค่ะ" เธอถามอายุของสกาวพร้อมกับบอกอายุของตัวเองไปด้วยเพื่อซอฟอาการเสียมารยาทในการถามไถ่เรื่องส่วนตัว "กาวเพิ่งอายุได้ 18ปีค่ะ" สกาวตอบออกมายิ้ม ๆ โดยไม่ได้อะไรเลยเพราะอายุไม่ได้สำคัญเท่าวุฒิภาวะทางสมองของแต่ละคน "อะ..อ่อ~" ซึ่งอายุของอีกฝ่ายที่กล่าวมานั้นทำให้เจ้าของประโยคที่ถามออกไปเมื่อครู่ถึงกับออกอาการพึมพำไปเลยไม่คิดว่าอายุของเธอกับเด็กสาวจะห่างกันมากขนาดนี้ "งั้นกาวขออนุญาตเรียกคุณใบหม่อนว่าพี่นะคะเพราะกาวอายุน้อยกว่าคุณใบหม่อนตั้ง 7 ปีแน่ะ" ฉันบอกกับผู้หญิงตรงหน้าซึ่งฉันมั่นใจมาก ๆ ว่าเธอคนเดียวต้องมีซัมติง กับพี่ชายของเธอแน่นอน "อ่อ ๆ ได้ค่ะ ได้ค่ะ" ใบหม่อนพยักหน้าตอบรับทันที ตืด ตืด ตืด เสียงสายเรียกเข้าของโทรศัพท์ใบม่อนดังขึ้นทำให้เธอตกใจเล็กน้อย ก่อนจะขอตัวรับโทรศัพท์ "คือหม่อน เอ่อคือพี่ขอตัวไปรับโทรศัพท์ก่อนนะคะไว้มีโอกาสคงได้เจอกันอีกค่ะ" ใบหม่อนชิวโทรศัพท์ขึ้นมาให้สกาวดูเหมือนว่าเธอจะโดนเพื่อนโทรตามเรียกตัวกลับไปทำหน้าที่ของตนเองแล้วแล้วในตอนนี้ "โอเคค่ะพี่ใบหม่อนไว้มีโอกาสคงได้เจอและได้คุยกันอีกค่ะ โชคดีนะคะ" สกายพยักหน้ายิ้มรับพร้อมกับกล่าวคำอวยพรและโบกมือลาในขณะเดียวกัน "เช่นกันค่ะ" หลังจากนั้นใบหม่อนก็เดินออกไปรับสายแล้วก็จากไปในทันที "ยังคุยกันไม่รู้เรื่องเลยอ่ะ" สกายบนออกมาหลังจากที่หญิงสาวได้เดินจากไปแล้วเพราะเธอมั่นใจมากว่าพี่ใบหม่อนมีเรื่องจะคุยกับเธอแน่ ๆ . "ยังไม่ได้รับยาอีกเหรอ" ผมเดินเข้าไปถามคนที่นั่งรอคิวรับยาอยู่หน้าห้องจ่ายยาทันทีที่ยังเห็นเธอนั่งเหม่ออยู่ "คุณหมอทักษ์ มีอะไรหรือเปล่าคะ" ฉันที่นั่งเหม่อลอยอยู่ก็จำต้องได้สติเมื่อมีคนเอ่ยทักทายขึ้นมาแต่ก็ไม่คิดว่าจะเป็นคุณหมอคนเดิมที่บอกว่ามีเรื่องจะคุยกับเธอด้วยแล้วตอนนี้ก็ยืนอยู่ตรงหน้าเธออีกครั้ง "ไม่มีครับแค่เห็นเลยแวะมาถามว่าคุณยังไม่ได้รับยาอีกเหรอ" ผมถามเธอออกมาเพราะตอนนี้คิวยาก็รันไปที่ร้อยกว่าแล้วเหมือนกัน "ก็เขายังไม่เรียกนี่คะจะรับยาได้ยังไงล่ะคุณหมอนี่ก็ถามอะไรแปลก ๆ นะโรงพยาบาลคือที่ทำงานตัวเองแท้ๆ" ฉันตวัดสายตามองคุณหมอเจ้าของไข้ตัวเองที่ถามอะไรไม่คิดหรือคิดแล้วก็ไม่รู้ เพียงแค่เธอไม่อยากจะใส่ใจมากนัก "แล้วคุณคิวที่เท่าไหร่ล่ะครับตอนนี้คิวมันรันไปที่ร้อยกว่าแล้วนะ" ผมถามเธอออกมาทันทีพร้อมกับชี้ไปที่เลขที่ขึ้นโชว์ตามคิวด้านบนป้ายหน้าห้องยา "เฮือก!! คิวนี้แหละค่ะคุณหมอ! ขอตัวก่อนนะคะ" พอเห็นเลขคิวตัวเองโชว์ขึ้นเด่นหลาขนาดนี้ก็ไม่รอช้ารีบพาตัวเองเดินไปหน้าห้องยาทันที "ไม่ต้องรีบก็ได้ครับ คิวไม่ได้รันผ่านไปเร็วขนาดนั้น" หมอทักษ์ที่เดินตามมาก็บอกกับเธอไปตามตรงเพราะโรงพยาบาลของอาเขามีมาตรฐานพอที่จะจ่ายยาให้ผู้ป่วยได้รับทุกคนโดยไม่เร่งรีบเรียกคิวถัดไป "ก็คนมันไม่รู้นี่นา ไม่รู้ไม่ผิดหมอเคยได้ยินไหมคะ" สกาวหันไปมองหน้าหมอพร้อมกับเอ่ยด้วยท่าทางกวน ๆออกมาอย่างไม่ได้ใส่ใจ แต่กลับทำให้คนมองอมยิ้มได้โดยไม่มีสาเหตุ ทั้ง ๆ ที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนแต่ทำไมอยู่ใกล้หรืออยู่ด้วยแล้วเขารู้สึกสบาย และเคยเจอกันแค่ครั้งเดียวก็คือครั้งที่คุณยายของหญิงสาวนั้นมาโวยวายให้เขานั่นแหละจุดเริ่มต้นของเขาและเธอ อนาคตไม่รู้ปัจจุบันเขาเป็นเจ้าของไข้ของหญิงสาวคนที่รอรับยาอยู่ตอนนี้ "เคยได้ยินครับ แต่ใช้กับทุกสถานการณ์คงไม่ได้หรอกมั้งครับ" ผมบอกกับเธอออกไปทันที ที่เธอถามออกมา "ก็จริงอย่างที่คุณหมอว่านั่นแหละค่ะ" สกาวพยักหน้าเข้าใจรับรู้ ในสิ่งที่คุณหมอพูด แต่ก็ช่วยไม่ได้หรอกนะเพราะเรื่องนี้เธอไม่รู้จริง ๆ แต่ละโรงพยาบาลไม่เหมือนกันอันนี้เธอทราบดี เพราะตอนเด็กเธอป่วยบ่อยและเข้าโรงพยาบาลบ่อยเป็นว่าเล่นแถมยังเปลี่ยนโรงพยาบาลเป็นว่าเล่นไม่ต่างกันเพราะว่ารักษาที่ไหนก็ไม่หายขาดสักทีจนกระทั่งเธออายุได้ 13 ปีทุกอย่างก็เริ่มดีขึ้น ถ้าทำความเข้าใจง่าย ๆ ก็คืออาการป่วยอิด ๆ ออด ๆของเธอมันดีขึ้นเองตามภูมิคุ้มกันของร่างกาย แต่ก็ใช่ว่าทุกคนจะอาการดีขึ้นเองแบบเธอได้ "ครับ! เดี๋ยววันหยุดของผมผมแจ้งคุณอีกทีแล้วกันนะครับ" หมอทักตอบรับแล้วก็บอกเรื่องที่เขาจะคุยกับเธอและจะแจ้งวันนัดให้เธออีกที "ค่ะคุณหมอ" สกาวตอบรับไม่ได้สนใจเพราะเธอกำลังค้นหากระเป๋าตังค์ตัวเองอยู่ "ค่ายาทั้งหมด 180$ ค่ะคนไข้" เจ้าหน้าที่หรือผู้ช่วยเภสัชกรบอกราคาของค้ายาที่เธอต้องชำระ "สักครู่นะคะ" สกาวตอบกลับไปแล้วก็ยังค้นหากระเป๋าตังค์ตัวเองต่อ สรุปหายังไงก็ยังหาไม่เจอสักทีเธอไม่แน่ใจว่าเอากระเป๋าสตางค์ตัวเองไปไว้ที่ไหน "เอ่อทางโรงพยาบาลรับเงินจ่ายผ่านพร้อมเพย์ไหมคะไหมคะ" สกาวที่หากระเป๋าสตางค์ตัวเองไม่เจอก็เลยถามขึ้นมาทันทีเพราะตอนนี้เธอมีแค่โทรศัพท์ที่พึ่งพาได้ "มีค่ะคนไข้รอสักครู่นะคะ" จากนั้นไม่นานพนังงานเจ้าหน้าที่ก็หยิบเอาใบสแกนบาร์โค้ดชำระเงินให้กับคนไข้ "โอเคค่ะ" หลังจากได้บาร์โค้ดชำระเงินมาเถอะก็สแกนจ่ายออกไปทันทีโชคดีที่โรงพยาบาลทันสมัยและมีการรับสแกนจ่ายเงิน "เรียบร้อยค่ะ" หลังจากที่ฉันสแกนสายเงินค่ายาเสร็จก็ยื่นสลิปการชำระเงินผ่านหน้าจอมือถือให้กับพนักงานเจ้าหน้าที่ดู "โอเคค่ะคนไข้เรียบร้อยแล้วค่ะเดินทางกลับบ้านโดยสวัสดิภาพนะคะ" พนักงานเจ้าหน้าที่ของห้องจ่ายยาก็ตอบรับและอวยพรคนไข้ของโรงพยาบาลยังนอบน้อม และห่วงใย "ขอบคุณค่ะ" ฉันหยิบยาบำรุงของตัวเองก่อนจะเอาใส่ในกระเป๋าก็ต้องชะงักไปเมื่อหันหลังเตรียมกลับคุณหมอก็ยังยืนเฝ้าอยู่ข้านหลังของเธอ "คุณหมอมีอะไรกับฉันอีกหรือเปล่าคะ" สกาวถามออกมาด้วยความสงสัยเพราะว่าคุณหมอเจ้าของไข้ ของเธอนั้นทำตัวราวกับคนว่างงานไม่มีอะไรทำ ซึ่งเวลานี้มันเลยช่วงพักมาหลายนาทีแล้ว " ไม่มีอะไรแค่รอคุณรับยาเฉย ๆ" ผมบอกเธอแบบนั้นซึ่งผมเองก็ไม่รู้ตัวเหมือนกันว่าตัวเองมายืนรอเธอรับยาอยู่ตรงนี้ตั้งนาน สองนาน ความจริงแล้วผมควรจะกลับห้องทำงานของตัวเองไปพักผ่อน "พูดเป็นเล่น คุณหมอมายืนรอทำไมคะไม่มีการมีงานทำแล้วหรือยังไงคะเนี่ย" กรีดดด!! ยัยสกาวอยากตบปากตัวเองหลาย ๆ รอบ ๆ 'พูดอะไรออกไปเนี่ยยัยสกาวยัยบ้าเอ้ย' เธอได้แต่บ่นพึมพำในใจตัวเอง "มีครับแต่ตอนนี้ผมว่างอยู่ ก็เลยมาคุยกับคุณแล้วก็รอคุณรับยาอยู่นี่ไง" เออสิ! เอาเข้าสกาวอยากจะเป็นเวลาว่าง ๆ ของคุณหมอ "โอเคค่ะคุณหมอ แต่ก็ต้องขอบคุณคุณหมออีกครั้งนะคะที่แนะนำวิธีดูแลตัวเองและวิธีดูแลลูกแฝดในครรภ์" ฉันรีบเปลี่ยนเรื่องและเบี่ยงเบนประเด็นทันทีที่คิดว่าอาจจะเกิดสงครามอารมณ์ขึ้นมาได้ "ครับยังไงคนไข้ก็ต้องดูแลตัวเองให้ดี ๆ แล้วกันอย่าทำอะไรเกินตัวนะครับยิ่งเป็นท้องแฝดยิ่งอันตราย" คุณหมอผู้ดูแลคนไข้ก็ไม่วายย้ำอีกครั้งเพื่อให้เธอได้ละแวกระวังตัวเองเป็นพิเศษจะได้ไม่มีผลกระทบต่ออายุครรภ์อันน้อยนิดของเธอ "รับทราบค่ะคุณหมอ กาวจะดูแลตัวเองและลูก ๆ ของกาวอย่างดีแน่นอนค่ะคุณหมอไม่ต้องห่วงยังไงพวกเขาทั้งสองคนก็ต้องได้ออกมามองโลกใบนี้แน่นอน" ฉันก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าวันนี้มันเป็นวันอะไรมีคนเป็นห่วงเป็นใยตัวฉันมากเป็นพิเศษปกติก็แทบจะไม่มีใครเป็นห่วงเป็นใยเธอเลยนอกจากคุณยายที่อบรมสั่งสอนบ่มนิสัยมาสารพัดสุดท้ายก็ไม่ได้เป็นดั่งใจที่คุณยายคาดหวังเอาไว้ และอีกคนที่ขาดไม่ได้เลยก็คือพี่ชายผู้แสนดีของเธอแม้จะขี้งก เกินงามไปหน่อยก็เถอะ "อ้าวเสร็จแล้วหรอสกาวพี่ซื้อของเสร็จพอดีเลยเนี่ย" สกายที่เดินเข้ามาเห็นว่าน้องสาวตัวเองได้รับยาแล้วเพราะเธอยืนคุยกับคุณหมออยู่หน้าห้องจ่ายยา "สวัสดีครับคุณหมอ" สกายเอยทักทายอย่างเป็นมิตรไม่ได้มีอคติอะไรกับผู้ชายที่เข้าหาน้องสาวยังไงเขาก็รู้ตัวดีว่าน้องสาวเขาเอาตัวรอดเก่ง "สวัสดีครับ" หมอทักษ์เอง ก็เอ่ยทักทายตอบกลับไปตามมารยาทของสังคม น้อยนักที่จะเจอคนชาติเดียวกันในต่างแดนแต่ก็ยังเจอได้บ่อย ๆ"พี่คะเสร็จแล้วค่ะกลับบ้านกันเถอะน้องง่วงนอนจะแย่อยู่แล้วเนี่ย" ฉันบอกพี่ชายทันทีที่เดินเขามาทักทายคุณหมอเจ้าของไข้ฉัน "ปะกลับสิพี่ก็มีธุระต่อเหมือนกัน กะว่าจะเข้าไปดูงานสักหน่อย" สกายหันหน้ามองน้องสาวตัวเองก่อนจะหันกลับไปบอกลาคุณหมอ "งั้นผมขอตัวกลับก่อนนะครับคุณหมอ สวัสดีครับ""กลับก่อนนะคะสวัสดีค่ะคุณหมอ" ทั้งสองคนกล่าวลาคุณหมอแล้วก็เดินจากไปทันที "ครับ" ผมมองคนที่กล่าวลาและเดินจากไป ก่อนจะพาตัวเองออกจากตรงจุดนั้นและกลับไปห้องพักของตัวเองทันที ."คุณหมอคะ มีเคสด่วน!" พยาบาลผู้ช่วยของผมบอกกับผมทางนี้ที่ผมเตรียมตัวจะเดินเข้าห้องพักของตัวเอง "โอเคเดี๋ยวผมออกไปรับเองคุณก็เตรียมอุปกรณ์และอำนวยความสะดวกให้กับคุณแม่ลูกอ่อนและครอบครัวของเขาด้วยแล้วกัน" ผมบอกกับพยาบาลก่อนที่จะเปิดเข้าไปห้องพักของตัวเองเพื่อเตรียมของจำเป็นที่ต้องใช้ในการทำงาน "ค่ะคุณหมอ" พยาบาลตอบรับแล้วเดินออกไปทันทีเพื่อไปทำงานตามหน้าที่ของตัวเองที่ได้รับมอบหมาย ..ภายในรถ "น้องมีอะไรจะถาม" เมื่อถึงรถแล้วเข้ามานั่งภายในรถฉันก็ถามพี่ชายตัวเองทันทีในเรื่องที่สงสัยและอ
พอนึกถึงวันนั้นก็แอบหงุดหงิดเล็กน้อยแต่ไม่มาก จุดเริ่มต้นของการอยากลองของมันมาจากตรงนี้สินะ วันนั้นที่ทะเลาะกับคุณยายแล้วแอบหนีเที่ยว! "ยัยตัวแสบมานี้สิยายมีเรื่องจะคุยด้วย เร็ว ๆ อย่ามาทำหน้าทำตาอาลัยอาวรณ์อย่างนั้น" ยายผู้ที่คอยดูและและกำหนดชีวิตหลาน ๆ ทั้งหลายของนางเรียกยัยสกาวอย่างฉันเข้าไปคุยไม่รู้มีเรื่องสำคัญอะไร คนพึ่งเรียนจบพร้อมกลับมานอนสลบอยู่ที่บ้านก็ต้องฝืนร่างกายตัวเองมานั่งเป็นกลุสตรี ต่อหน้าคุณยาย "มีอะไรคะ กาวง่วงอยากนอนอ่อนล้าไปหมดรีบคุยมาได้เลยคะคุณยายขา~" ฉันหันไปตอบรับเสียงหวานเพราะง่วงมากจริง ๆ "เรียนจบแล้วใช่ไหม พอดียายมีคนแนะนำอยากให้รู้จักสนิทสนมกันไว้ไหน ๆ ก็ต้องเป็นคู่หมั้นคูหมายกันอยู่แล้ว" และนั่นแหละหลังจากที่คุณยายพูดจบก็เหมือนโลกทั้งใบได้แตกสลายฟ้าถล่มดินทลาย ไปในพริบตาคนที่กำลังสะลึมสะลือพร้อมนอนหลับอย่างฉันสะดุ้งตัวตื่นได้เต็มตาทันที "เดี๋ยวนะคะใครจะหมั้นกับใคร แล้วใครจะหมั้นกันตอนไหน คุณยายคงไม่ได้หมายถึงกาวหรอกใช่ไหมคะ" ฉันถามออกมากทันทีเพื่อคลายความสงสัย "ยายก็หมายถึงหลานนั่นแ
"คุณ..ไอ้นี่เขาเรียกว่าอะไรคุณเอามาจากไหนเอามาตอนไหนทำไมฉันไม่เห็นเลย" สกาวมองตามอุปกรณ์ที่ชายหนุ่มได้ถึงไว้ในมือด้วยความสับสนเพราะเธอไม่เคยเห็นอุปกรณ์มากมายหลายชนิดที่อยู่ในมือของชายหนุ่มเลยสักชิ้นเดียวจะว่าเธอโลกสวยก็ได้เพราะตั้งแต่เกิดมาก็ไม่รู้จักไอ้อุปกรณ์อะไรพวกนี้เลยจริง ๆ "เขาเรียกว่าอุปกรณ์เสริมความเร่าร้อนระหว่างเรา คุณอยากลองอันไหนก่อนล่ะระหว่าง โซ่! แซ้ กุญแจมือ! หรือว่าเทียนไขสื่อรัก" ชายหนุ่มถามออกมาทันทีพร้อมกับสายตามุ่งมั่นเพื่อรอคำตอบจากเธอ "มะ..มันจำเป็นต้องใช้ ดะ..ด้วยเหรอ" สกาวมองไปตามอุปกรณ์ต่าง ๆ พร้อมกับเอ่ยถามออกมาได้ไม่เต็มเสี่ยงมากนักเพราะเธอไม่แน่ใจว่าอุปกรณ์เหล่านี้ต้องใช้ทำอะไรบ้าง "จำเป็นสิไม่งั้นเขาจะเรียกกันว่าความสนุกสุดเหวี่ยงเหรอ" ซึ่งชายหนุ่มก็ยิ้มให้แล้วตอบออกมาด้วยความใจเย็น "อย่างเดียวได้ไหม!?" หญิงสาวถามออกมาอีกครั้ง "อะไร" เขาก็มึนงงกับคำพูดของเธอเล็กน้อยจึงเอ่ยถามออกมาด้วยความสงสัย "เลือกอย่างเดียวได้ไหมไม่เลือกทั้งหมดได้ไหมฉันไม่รู้ว่าคุณเอาพวกมันมาทำอะไร" สกาวก็ตอบออกมาตามคว
กึก! ปึก! เยื่อพรหมจรรย์ขาดสะบั้น ทำเอาคนที่โดนกระทำเบ๊หน้าด้วยความเจ็บแสบ "ซี๊ด~ อ่า~" เสียงครางด้วยความเสียวของชายหนุ่มเมื่อร่องสวาทตอดรัดลำรักแนบแน่น "อืม~ แสบ! เบา ๆ สิ!" ร่างบางเองก็ทรมานไม่ต่างกันพยายามขยับตัวถอยห่างก็กลับกลายเป็นว่าช่วงขาขยับกว้างมาขึ้นราวกับรอรับแกนกายให้ปรนเปรอความสุขสัน "อยากขนาดนั้น เลยเหรอครับ~" ชายหนุ่มถามออกมาทันที ที่มองเห็นช่วงขาเธออ้ากว้างขึ้นกว่าเดิม "ไม่..ชะ...อืม~" ร่างบางทีก็พยายามพูดปฏิเสธในสิ่งที่ชายหนุ่มเข้าใจผิดก็จำต้องรับจูบอันดื่มด่ำและเร้าร้อนที่ชายหนุ่มมองให้ จ๊วบ ๆ จ๊วบ ๆ จ๊วบบบบ ปึก! ปึก! ปึก! เมื่อเห็นว่าคนโดนจูบเคลิบเคลิ้มแล้วก็สวนแกนกายอันมโหฬาร เข้าไปสัมผัสร่องรักให้ลึกที่สุด "อืม~" ร่างบางที่เคลิบเคลิ้มอยู่นั้นถึงกับสะดุ้งตัวผวาลืมตาโตพร้อมกับร้องครวนครางในลำคอเพราะความเจ็บโดยไม่ได้ตั้งตัวรับมัน ร่างบางพยายามขยับดิ้นไปมาเพื่อถอยห่างแต่มันก็ยังคงกลับทำให้เหมือนว่าช่วงขาขยับกว้างขึ้นไปอีกเพราะด้วยความที่เธอถูกล็อคข้อมือไว้กับหัวเตียง จา
"ชะ...ชอบทะ..ทั้งสองอย่างอ่าส~" สกาวตอบรับในสิ่งที่ชายหนุ่มต้องการทันทีพร้อมกับร้องออกมาด้วยความเสียวซ่านกับแรงกระแทกที่ตอกอัดเข้ามาบริเวณร่องสวาทของเธอ ตรับ ๆ ปึก ๆ ตรับ ๆ ปึก ๆ ตรับ ๆ ปึก ๆ ตรับ ๆ ปึก ๆ ตรับ ๆ "อ๊า ๆ อ๊า เบา ๆ สิ น..หนูเสียว~ อ๊า~" "เสียวมากไหมครับ~" เสียงร้องครวญครางของเธอทำให้ชายหนุ่มพึงพอใจในสิ่งที่ตนต้องการ "มะ...มากค่ะ!" สกาวตอบรับด้วยใบหน้าที่เก็บกั้นอารมณ์ความเสียวซ่านเอาไว้แทบไม่อยู่ "พี่ก็ชอบ! ชอบเสียงครางของหนู~" ชายหนุ่มตอบกลับเสียงทุ่มใกล้ใบหูทำให้สกาวต้องหันหน้ากลับไปมองคนที่อยู่ด้านหลังของเธอแล้วสวนแกนกายเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ปึก ๆ ตรับ ๆ ปึก ๆ ตรับ ๆ ปึก ๆ ตรับ ๆ "อ๊า ๆ อ่ะ อ่า~ อ๊ะ ๆ อ๊าย~" หญิงสาวร้องครางออกมาทันทีพี่ชายหนุ่มอัดกระแทกแกนกายเข้ามาจนทำให้เธอมองหน้าเขาได้เพียงเสี้ยวนาทีเท่านั้น "ชี๊ดอ่า~ เสียวมาก!" ชายหนุ่มพูดออกมาด้วยความเสียวซ่านกับร่องรักที่ดูดรัดแกนกายขนาดใหญ่ของเขาอย่างกลับว่าไม่อยากให้หลุดพ้นออกจากร่องสวาทของเธอ "หนูมะ...ไม่ไหวแล้วจะเ
ร่างกายสาวขยับโยกแรงขึ้นจากท่าด็อกกี้จำต้องลืมตาตื่นขึ้นมา เพราะแรงตอกอัด "อ๊ะ...เดี๋ยว!" เมื่อลืมตาตื่นสกาวก็จำต้องหันหลังไปมองคนที่สวนแกนกายเข้ามาทันที ปึก ๆ ตรับ ๆ ตรับ ปึก ๆ "ตื่นแล้วเหรอ~ อ๊า~" ทัักษ์รัองครางออกมาด้วยความเสียวซ่านเพราะแรงตอดรัด ที่ถูกกระตุ้นอารมณ์ "แสบ! หยุดหนูไม่ไหวแล้ว~" ร่างบางร้องเสียงหลงเมื่อแรงตอกอัดของลำกายไม่มีท่าทางที่จะผ่อนเปรอลง "ทนอีกสักน้ำสองน้ำนะฮันนี่~" ร่ากายของชายหนุ่มยังคงมีความต้องการมากขึ้นราวกับว่าเขานั้นโดนยาเสียว เพราะปกติก็ไม่เคยทำอะไรแบบนี้และนานขนาดนี้มาก่อน "มะ..ไม่ไหวหรอก~ อ๊า~ อ๊ะ อ๊ะ~ อ่าส~" สกาวร้องครางทันทีเมื่อแกนกายตอกอัดเข้ามาสุดลำรัก ทำให้เธอทั้งจุกทั้งเสียวแถมยังรู้สึกแสบตรงบริเวณร่องรักของตัวเองอีกด้วย 'แบบนี้ไม่ไหวหรอกพังหอยพังพอดี' สกาวทำได้แค่บ่นในใจ ตรับ ๆ ตรับ ๆ ปึก! ปึก ปึก ตรับ ๆ เสียงเนื้อกระทบกันดังสนั่นในห้องพักแสนโรแมนติกของผับ ทำเอาร่างบางที่ดวงตาแทบจะหลับลงสนิทอีกครั้งจำต้องตื่น จนร้องควรญครางเพราะความเสียวซ่าน ที่ถูกมอบให้ "ไม่ไหวก็นอนครางอย่างเดียว เดี๋ยวพี่ทำให้เอ
"อ๊าส~ อ่ะ อ๊ะ อ๊ะ อ๊ะ อ่า อึก อ๊าย~" ร่างบางครางเสียวออกมาเพราะแรงกระแทกที่ตอกอัดเข้ามาในโพรงมดลูกลึกจนสุดลำยาวของแท่งรัก "ชอบไหมเสียวหรือเปล่าตอบพี่มาสิที่รัก" ทักษ์ถามเพราะต้องการอยากรับรู้ความรู้สึกอันเสียวซ่านของหญิงสาว "เสียว เสียวมาก พ..พี่เบา ๆ หน่อยได้ไหม อ่ะ อ่าส~ ทั้งเสียวทั้งเจ็บแล้วก็แสบด้วย อ่า~" หญิงสาวพูดออกมาพร้อมกับหันหน้ากลับไปมองชายหนุ่มที่สวนลำเอ็รกระแทกเข้ามาด้วยสายตาอ้อนวอนและร้องขอเพราะเธอรู้สึกว่าท่าที่เขาจัดแจ้งให้นั้นมันทั้งเมื่อยและทรมานและจุกหน่วงตรงช่วงท้อง "ทนหน่อยนะครับ~" สายตาที่มุ่งมั่นมองสบตากับเธอโดยไม่ได้สนใจคำขอร้องอ้อนวอนเพียงต้องการบอกให้เธอรู้ว่าเขานั้นกำลังจะอัดแกนกายกระแทกเข้ามาตามความปรารถนาของจิตใต้สำนึกที่มันกักเก็บความอัดอั้นมานาน ปึก ๆ ตึบ ๆ ตรับ! ตรับ! จึก! ปึก! แจ๊ะ ๆ เสียงบทรักยังคงดำเนินต่อไปในท่าทางที่หญิงสาวนั้นแทบจะไม่มีแรงยืนบนเตียงนอนด้วยซ้ำแต่กับมีมือของชายหนุ่มมาจับยกสะโพกให้ตอกน้องรักของเธอเข้าออกตามความต้องการ ของชายหนุ่ม "พอก่อนหนู ๆ จะเสร็จ อ่าส~" สกาวพยายามควบคุมสติของตัวเองให้มั่นและขยับร่
ก๊อก ๆ ก๊อก เสียงเคาะประตูดังขึ้นทำให้หญิงสาวเลิกสนใจสิ่งที่กำลังไหลวนเวียนเข้ามาในหัว ของเธอซึ่งเกิดจากเรื่องคืนนั้น "ใครคะ!?" สกาวขมวดคิ้วยุ่งหลังจากได้สติก็ถามออกไปทันทีพร้อมกับย่างเท้าเดินไปเปิดประตูห้องให้ "พี่เรียกตั้งนานมัวทำไรอยู่ ออกไปกินข้าวนอกบ้านกันดีกว่าชาบูหมูทะอยากกินไรว่ามา" สกายกอด'อก'พิงประตูห้องน้องสาวแล้วถามออกมาทันทีที่เจอหน้าแล้วยกคิ้วกวน ๆ ส่งไปให้เธอ "ไม่ไปอ่ะขี้เกียจ~" ฉันทำเสียงเหนื่อยหน่ายบอกพี่สกายแล้วหมุนตัวกลับไปทิ้งร่างกายลงบนเตียงนอนทันที "เฮ้! ได้ไงลุกเลยเร็ว ๆ ไปหาอะไรกินกันดีกว่า ของกินจะเยี่ยวยาทุกอย่าง ลุก!" พี่สกายเดินเข้ามาลาก เน้นย้ำว่าลาก ฉันออกจากที่นอนอันแสนวิเศษทันที หลังจากที่พูดชวนกินนั่นนี้อยู่นั่น สรุปใครท้องคนท้องแบบฉันไม่หิวคนหิวคือพี่สกายเนี่ยนะ!"โอ๊ยเบา ๆ สิพี่สกาย อย่าลากแรง ๆ" แล้วฉันเลือกอะไรได้บ้างเนี่ยถ้าไม่ติดว่าพี่มีตังเยอะนะฉันจะหาผัวรวย ๆ มาเลี้ยงดูตัวเองสักคน จะได้ไม่ต้องลากสังขารที่ไม่พร้อมออกไปหาอะไรกินแบบนี้ "อย่าเวอร์ ๆ พี่ไม่ได้ลากเลยแค่จับมือให้เดินตามเฉย ๆ" สกายรีบแก้ตัวทันที "เหร
ภายในห้องตรวจ"คุณหมอสวัสดีค่ะ" แพทย์หญิง ชารันญา ทักทายผู้บริหารที่ตอนนี้กำลังนั่งมองดูอัลตราซาวด์ข้าง ๆ สกาวและค่อยมองจอที่ปรากฏ ขนาดและน้ำหนักตัวของเด็ก ๆ ขึ้นที่ละคน "มาทำงานสายนะครับ" หมอทักษ์ไม่ได้สนใจคนเดินเข้ามาใหม่อย่างหมอ ชารันญา เพราะเขากำลังสนใจสิ่งมีชีวิตในครรภ์มารดา "ขอโทษค่ะ จะไม่ให้เกิดขึ้นอีก" แพทย์หญิงชารันญา กล่าวบอกกับคุณหมอทักษ์ ทั้ง ๆ ที่เป็นวันหยุดของคุณหมอเขาก็มาทำหน้าที่แทนเธอทำให้เธอปลื้มใจเขาอยู่ไม่น้อย "ไม่เป็นไร" เขายังคนสนใจสิ่งมีชีวิตเล็ก ๆ ที่อยู่ในครรภ์ของแฟนสาว "พี่หมอคะลูกตัวเล็กไปไหมค่ะ" สกาวมองในจอและถามเขาเพราะขนาดของเด็กแต่ละคนไม่เคยตามเกณฑ์ "ยังอยู่ในเกณฑ์ครับไม่ต้องกังวล" เขาหันมามองหน้าสบตากับเธอแล้วก็กลับไปมองจอ เพื่อดูพัฒนาการของเด็ก ๆ ในครรภ์ "พี่หมอซาวด์สี่มิติได้ไหมคะ" สกาวถามเขาเพราะความอยากเห็นหน้าตาของทารกในครรภ์ "ได้สิครับ" เขามองแพทย์หญิงที่ยืนมองอยู่ไม่ไกลแล้วเอ่ยบอกให้เธอทำงานในหน้าที่ของเธอ"คุณชารันญาครับ ช่วยต่อสายคอมให้หน่อย เสร็จแล้วคุณไปรอรับคิวคนไข้คนต่อไปได้เลยนะครับส่วนคนนี้ผมดู
ภายในร้านอาหาร ทั้งสองคนนั่งรออาหารมาเสิร์ฟและคุณแม่ท้องโตที่โวยวายเมื่อครู่ก็สงบลงเพราะได้สั่งในสิ่งมี่อยากลองกินสมใจ "หายงอนยังครับ" คนที่นั่งมองเธอตั้งแต่สั่งอาหารเสร็จก็ถามออกมา "ก็พี่หมอพูดจาไม่ดีทำให้หนูเข้าใจผิด ไม่รู้แหละแต่หนูไม่ได้งอนสักหน่อย" สกาวรีบปฏิเสธทันทีที่ถูกกล่าวหา "ครับพี่เชื่อว่าหนูไม่ได้งอนแต่โวยวายไม่หยุดเลยนะครับ" หมอทักษ์ เองก็อดไม่ได้ที่จะแซวคุณแม่จอมขี้โวยวายในช่วงหลัง ๆ มานี้ที่ไม่ได้เจอกันเป็นอาทิตย์รู้สึกว่าตัวเธอจะท้องโตขึ้นมากเลยทีเดียว "กาวจะไม่คุยกับคุณหมอ" สกาวมองหน้าเขาก่อนพนักงานจะเอาน้ำมาเสิร์ฟให้ทั้งสองคน และเดินกลับไปทำงานในหน้าที่ของตัวเองต่อ .หลังจากนั้นเขาก็พาเธอมาห้องของเขาที่เซ็นสัญญาซื้อขาย ไปเมื่ออาทิตย์ก่อน "ห้องสวยมากเลยค่ะ ใหญ่ด้วยห้องกว้างมาก" สกาวเดินอุ้ยอ้ายสำรวจห้องของชายหนุ่มที่พาเธอขึ้นมาดูซึ่งเธอชอบมาก ใหญ่พอ ๆ กับห้องนอนที่บ้านของเธอเลย "ชอบไหม ห้องนี้มีห้องนอนตั้งสี่ห้อง" หมอทักษ์บอกกับเธอก่อนจะพาเธอเดินสำรวจขนทั่ว ห้องพักสุดหรูที่เขาจ้างรีโนเวท ทั้งอาทิตย์ และมันก็พึ่งเสร็จเมื่อสองวั
ห้องพักพิเศษ สำหรับคนไข้vvip ของเขาเป็นห้องที่เพิ่มความสะดวกสบายและกว้างขวางราวกับอยู่ในคอนโดหรู หากป้ายทางเข้าไม่มีคำว่าโรงพยาบาลติดอยู่หลายครอาจจะคิดว่านี้คือคอนโดมิเนียมที่สร้างขึ้นภายใต้อาคารอเนกประสงค์ของทางโรงพยาบาล "เฟอร์นิเจอร์ที่สั่งมาเอาติดตั้งเลยไหมครับ" เลขาที่เขาพึ่งรับเข้ามาทำหน้าที่ตรวจทานเอกสารและค่อยนำเนินแผนงานต่าง ๆ ให้ถามเจ้านายหนุ่มอายุน้อย "ครับคุณ นรินทร์จัดการได้เลยนะครับตามแบบที่ผมส่งให้ในเมล" หมอทักษ์บอกกับเลขาและคอยตรวจสอบเอกสารงานต่าง ๆ ที่ถูกส่งเข้ามาภายในระยะเวลาสั้น ๆ แต่ทำไมเอกสารถึงล้นมือจนเขาแทบไม่มีเวลาจับโทรศัพท์เลย ..ทางด้านสกาวตอนนี้เธอมาอยู่ที่ประเทศไทยได้เกือบสัปดาห์แต่ก็อยู่แต่บ้านไม่ได้ออกไปไหน "ยายจะเดินทางไปต่างประเทศเราอยู่บ้านคนเดียวได้ใช่ไหม" ยายนีน่าเดินลากกระเป๋าเดินทางออกมาหาหลานสาวในห้องนั่งเล่น "ไปทำไมคะ" สกาวมองกระเป๋าใบใหญ่ของคุณยายรางกับว่าจะไปนานขนไปทั้งบ้านหรือเปล่าก็ไม่รู้ "ไปทำงานและไปเที่ยวคนแกอยู่บ้านเฉย ๆ มันก็เหงา รอหลานคลอดยายจะกลับมาช่วยเลี้ยงเหลนแล้วกันนะ" คุณยายนีน่าบอกหลายสาวไ
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ทั้งสองที่เดินทางมาหลายสัปดาห์เรือสำราญก็จอดเข้าแทบท่าที่อ่าว เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ท่องเที่ยว และคนที่มีจุดหมายลงที่ประเทศได้ก็เริ่มเช็คเอาท์ออก และบัตรการ์ดที่เชื่อมบัตรของแต่ละคน ทางเรือก็ไม่คิดเก็บคืนถือว่าเป็น ของกำนันเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้นักท่องเที่ยวไว้สะสม"มาพี่ช่วยถือให้ครับ" หมอทักษ์ยืนมือไปรับกระเป๋าสัมภาระของเธอมาถือเอง "พี่สกายแชทมาบอกว่าคุณยายมารอรับ" สกาวรู้สคกใจคอไม่ดีเพราะเขาและยายของเธอเคยมีปากเสียงกันมาก่อน กลัวว่าพอเจอกันแล้วทันเขาและยายเธอคงเข้าหน้ากันไม่ติด "ครับ" เขาเองก็ไม่ได้ซีเรียสอะไรมาก ไลฟ์สไตล์ชีวิตเขาเป็นคนโหมงานหนักและไม่ค่อยได้เที่ยวสังสรรค์ทั้งยังพอจะรู้สึกถึงความประหม่าของเธอได้ "ไม่ต้องทำหน้าคิดหนักขนาดนั้นหรอกครับ" หมอทักษ์เอามือข้างที่ว่างขยี้ผมเธอเล่นเบา ๆ "ก็จะไม่ให้คิดหนักได้ไงค่ะ คุณหมอกับคุณยายเคยทะเลาะกันรุนแรงขนาดนั้น" สกาวยังคงมีสีหน้ากังวลมาก เพราะไม่รู้จะอธิบายกับคุณยายยังไงอีกทั้งกลัวว่าคุณยายของเธอกับคุณหมอจะปะทะฝีปากกันอีก คนหนักใจคงไม่พ้นเธออีกเช่นเคย "พี่สัญญาว่าจะไม่ตอบโต้จะไม่ปา
"ยังไม่อาบน้ำอีกเหรอครับ ถอดได้ไหมถ้าถอดไม่ได้เดี๋ยวพี่ถอดให้" หมอทักษ์เดินเข้ามาเห็นคนที่กำลังพยายามจะถอดชุดตัวเองออก เธอเหนื่อยจนต้องนั่งถอนหายใจออกมากหลายครั้งเพราะ ชุดที่ตัวเธอเองเลือกที่จะใส่ ทั้ง ๆ ที่คุณหมอเตือนแล้วก่อนออกจากห้องไปชมวิว แต่คนดื้อแบบเธอมีเหรอที่จะฟังเขา ไม่ได้ดั่งใจก็มีบีบน้ำตาบ้างเล็กน้อย จนคนเตือนต้องยอมจำนน "ช่วยหน่อยนะคะ มันติดพุงค่ะ" สกาวมองชุดที่สวมใส่มันสวยและเธอชอบมาก สุดท้ายก็ต้องมาลำบากตอนที่จะถอดเนี่ยแหละ "ถอดง่ายที่ไหนละ พี่ห้ามแล้วเธอไม่ฟังพี่เองนะครับ" หมอทักษ์เดินเข้ามาช่วยเธอถอดชุดออกพร้อมซ้อนตัวเธอ เข้าไปแช่ในอ่างพร้อมกับเขาที่ลงไปนั่งแช่ตัวด้วยเช่นกัน "อืม" สกาวเริ่มรู้สึกว่าเธอมีอารมณ์เพราะถูกปรายนิ้วของคุณหมอคนหื่นขยี้ตรงจุดคริสตัลเพื่อทำให้เธอน้ำเดินและมีอารมณ์ในเรื่องเพศศึกษา "พี่หมอ" ดวงตาหยาดเยิ้มเงยหน้าขึ้นมองคนที่โอบกอดแนบชิดแผ่นหลังของเธอ "ครับ หนูจะเสร็จแล้วเหรอ" หมอทักษ์มองเธอที่ส่งสายตาอ้อนวอนมาให้ เขาเธอก็นึกสนุกอยากให้เธอขึ้นขย่มบ้าง "หมอ หยุดทำไมคะหนูใกล้จะเสร็จแล้ว" สกาวเริ่มรู้สึกขัดใจเล็กน้อยที่
ทั้งสองคนอาศัยอยู่บนเรือสำราญนานนับสัปดาห์เพราะเรือสำราญเข้าเทียบท่าหลายประเทศเพื่อเอาใจนักท่องเที่ยวที่เสียเงินเป็นจำนวนมากได้เปิดหูเปิดตาในสิ่งใหม่ ๆ และภูมิอากาศของแต่ละประเทศด้วยตัวเอง "อีกสามวันเรือก็เข้าเทียบท่าประเทศไทยแล้ว" หมอทักษ์ยืนกอดอกมองชมวิวอยู่บนดาดฟ้าของเรือพร้อมกับหญิงสาวที่อยากออกจากห้องพักมารับลมทะเล ในช่วงสาย ๆ ท้องฟ้าที่เป็นสีฟ้าไร้ก้อนเมฆ ทำให้น้ำทะเลสะท้อนความแวววาว อย่างน่าอัศจรรย์ "ค่ะ ท้องฟ้าไร้เมฆบดบังมันก็ดูสวยดีนะคะ" สกาวนั่งมองวิวบนดาดฟ้าทั้งยังเอาโทรศัพท์มาถ่ายเก็บรูปภาพแห่งความทรงจำว่าครั้งหนึ่งเธอเคยได้ท่องเที่ยวไปพร้อมกับเรือสำราญที่จอดเทียบท่าเรือให้ได้ชื่นชมในเมืองต่าง ๆ "คงจะสวยสู้ใครบางคนแถวนี้ไม่ได้หรอกครับ" หมอทักษ์หันหน้ามาสบสายตาคนที่กำลังสนใจในการถ่ายรูปตัวเองให้ติดวิวธรรมชาติเข้าในเฟรมกล้องเยอะ ๆ อยู่ "ใครเหรอคะ" สกาวเอ่ยถามทั้งที่มือของเธอ ก็ยังคงจับกล้องโทรศัพท์ถ่ายตัวเองและวิวบนท้องฟ้าที่สวยงามสะดุดตา ในความแวววาวของท้องฟ้ากลางมหาสมุทร "คนข้าง ๆ" หมอทักษ์หันไปมองคนที่กำลังสนใจอย่างอื่นมากกว่าตัวเขา แต่พอจังหวะม
ผมมองคนที่กำลังจ้องมองถาดอาหารของผมทั้งสีหน้าและท่าทางเหมือนคนที่กำลังร้องของในสิ่งที่ต้องการแต่เธอคงจะมีความเกรงใจอยู่ไม่น้อยเลยไม่กล้าขออีก"แลกกันไหมครับ" ผมถามเธอทันทีที่เห็นสายตาแบบนั้นรู้สึกเอ็นดูอาการที่แสดงออกมาของเธอ มันก็น่ารักดีนะครับ สกาวรีบพยักหน้าตอบรับทันทีอย่างไม่ต้องคิด "แลกค่ะ" น้ำเสียงตอบกลับมีความรู้สึกดีใจอยู่ไม่น้อยที่เธอได้รับในสิ่งที่ต้องการ "ครับ" หมอทักษ์ค่อย ๆ ยกอาหารของเขาให้เธอ "ขอบคุณนะคะ" สกาวมองหน้าคุณหมอที่กำลังสลับสับเปลี่ยน อาหารที่อยู่บนโต๊ะกล่าวขอบคุณเขาด้วยรอยยิ้มหวานจนทำให้คนได้รับบาดใจจนใจสั่นทุกครั้ง "อืม ครับ" มองทักษ์ก็เริ่มลองทานในสิ่งที่หญิงสาวชอบ ก็พอได้นะสำหรับอาหารฟาสฟู๊ดของเธอคนรักสุขอย่างคุณหมอก็ต้องมีหลุดลุคบางใครบางเวลาที่จำเป็น โดยเฉพาะต่อหน้าหญิงสาวที่ทำให้เขาใจสั่นโดยไม่รู้ตัวว่าเกินขึ้นตั้งแต่ตอนไหน ..เมื่อทั้งสองร่วมรับประทานอาหารเสร็จก็พากันกลับขึ้นห้องพักเลย ทั้งยังมีอาหารที่แทบจะไม่ได้แตะต้องเอาให้พนักงานบริการหรือผู้ช่วยในห้องอาหาร เอาไปห่อมาให้อีก สามสี่ถุง "อยากทำอะไรอีกไห
"หืมคนเยอะมากเลยค่ะ มอง ๆ เข้าไปในร้านแล้วดูอึดอัดอยู่นะ" สกาวที่ถูกหมอหนุ่มขอร้องให้นั่งรถเข็นวีแชร์ บ่นทั้งเงยหน้ามองคนที่คนซัพพอร์ตด้วยการเข็นรถให้เธอ "ครับ ปกติคนก็เยอะอยู่แล้วแบรนด์ใหม่พึ่งเข้าและกำลังดังมาก สินค้าตัวใหม่มักจะได้ขึ้นโชว์บนเรือสำราญก่อนจะถูกนำไปวางจำหน่ายในห้าง" หมอทักษ์มองกระเป๋าแบรนด์ดังราคาหลักหมิ่นที่ครองตลาดในช่วงนี้ และทางแบรนด์มักจะส่งมันมาให้ตั้งโชว์สินค้าและขายลองตลาดภายในเรือสำราญที่มีห้างขนาดไม่ใหญ่มาก แต่ก็มีสินค้าหลาย ๆ ส่งมาไม่ต่างกัน เพราะนักท่องเที่ยวของเนืองสำราญจะเป็นกลุ่มใหญ่และเฉพาะเจาะจง ชนชั้นได้ดีกว่าห้างสรรพสินค้าทั่วไป "จริงเหรอคะ" หน้าตาตื่นเต้นต่อการรับรู้เรื่องใหม่ ๆ ทำให้สกาวอยากเข้าไปมองและชมสินค้าด้านในแต่ติดที่คนเยอะจนดูเหมือนจะแออัดเกินไป "จริงครับ ลองเข้าไปดูอีกร้านก็ได้ หรูกว่าราคาดีกว่า ซื้อมาไว้ใช้หรือไว้โชว์ก็ไม่เสียหาบยนะครับ" เขาเลื่อนวีลแชร์พาเธอเดินเข้าไปในร้านที่เรียบหรูและดูเหมือนว่าจะแพงกว่าร้านอื่น ๆ "สัวสดีครับ" พนักงานตอนรับเข้าชาร์จและบริการลูกค้าตามที่ได้อบรมมาก่อนที่ทางเจ้าของแบรนด์
ผ่านมาสองชั่วโมง ทั้งสองคนก็เผลอหลับไหลไปโดยไม่รู้ตัวร่างกายกอดก่ายกันมอบความอบอุ่นบนเตียงนอน เสียงลมหายใจแผ่วเบาและคลื่นทะเลอันมืดหม่นและเงียบสงบกลมทั้งสองให้หลับสบายได้เป็นอย่างดี ..ก๊อก ๆ ก๊อก เสียงเคาะประตูหน้าห้องทำให้หมอทักษ์จำใจต้องตื่นขึ้นมาและมองคนที่หลับสนิท ก่อนจะเดินออกไปเปิดประตูห้องดู "อ่าหารเช้าที่สั่งให้เตรียมไว้เมื่อวานมาเสิร์ฟครับ" พนักงานบอกกลับคนที่เปิดประตูห้องออกมาเจอเขา "ขอบคุณ" หมอทักษ์รับอาหารมื้อเช้าที่เขาบอกกับพ่อครัวไปเมื่อวานให้นำมาส่งที่ห้องเพราะไม่สะดวกออกไปรับประทานพร้อมกับนักท่องเที่ยวคนอื่น ผมมองคนที่หลับสนิทอยู่บนเตียงแม้ว่าคลื่นลมในยามเช้าจะแรงมากกว่าช่วงสาย แต่น้ำทะเลกลับนิ่งสงบ "สกาวครับ สกาวตื่นได้แล้วอาหารเช้ามาส่งแล้วนะ" หมอทักษ์เดินเข้าไปนั่งบนเตียงพร้อมเรียกคนที่หลับสนิทให้ตื่นขึ้นมาทานข้าว มือก็สัมผัสหน้าท้องที่นู้นขึ้นมาตามไตรมาสแต่อาจจะใหญ่กว่าคนปกติทั่วไปเพราะเป็นเด็กแฝด "อืมอย่าพึ่งกวนนะคะ ขอนอนต่อ" สกาวยังคนนอนเซานัวเนียอยู่บนเตียง "ครับ" เขามองคนที่นอนหลับสนิทตลอดทั้งคืนและให้เธอได้พักผ่อน