เมื่อถึงเวลาสิบโมงกวินภพก็ขับรถมาจอดที่ร้านกาแฟที่นัดกับยงยุทธไว้ นอกจากงยุทธจะเป็นเพื่อนที่เขาไว้ใจที่สุดแล้วชายหนุ่มยังเป็นทนายของบริษัทและเป็นคนกว้างขวางในการหาข้อมูลอีกด้วย
“มีอะไรวะภพ ดูเครียดๆ นะ” ยงยุทธทักขึ้นทันที
กวินภพสั่งกาแฟมาวางตรงหน้า ก่อนจะเริ่มเล่าเรื่องที่เขาสงสัยให้ยงยุทธฟัง
“ฉันรู้สึกว่ามิ้นต์ไม่เหมือนเดิม” กวินภพเอ่ยขึ้น
“หมายถึงยังไงวะ” ยงยุทธเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจ
“หลายอย่างเลย ตั้งแต่ท่าทางการพูดจาแววตาและรอยยิ้มที่ดูจริงใจกว่าที่ฉันเคยเห็น” กวินภพอธิบาย
“นายคิดมากไปหรือเปล่า นายกับคุณมิ้นต์ไม่ได้สนิทกันมากก่อนแต่งนะ”
“มันก็ใช่ที่ฉันกับเธอไม่สนิทกันเท่าไหร่ แต่ก็พอจะรู้นิสัยของเธอบ้างและรู้ว่าเธอเป็นคนแบบไหน”
“แล้วมันต่างจากตอนนี้ยังไง”
“เมื่อคืนเธอบอกว่าเธอไม่ชินกับการนอนกับคนอื่นแล้วดูเหมือนจะตื่นเต้นที่นอนร่วมเตียงกับฉัน แต่พอฉันถามเธอก็ว่าเพราะฉันเป็นสามี ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้เธอเคยมีแฟนมาแล้วหลายคน ไม่น่าจะมีท่าทีเขินอายแบบนั้น”
“เธออายเหรอ”
“อือ นอกจากอายแล้วยังบอกฉันว่าเป็นรอบเดือน มันตลกไหมล่ะ แต่งงานมาสองคืนแล้วฉันกับเจ้าสาวยังไม่เคยมีอะไรกัน” กวินภพพูดอย่างหัวเสีย
“ที่ว่าเธอแปลกเพราะยังไม่ได้นอนกับเธอนี่เอง” ยงยุทธพูดพลางหัวเราะร่วน
“ไม่ใช่นะเว้ย ฉันไม่ได้บ้ากามขนาดนั้น ก็แต่เห็นท่าทางของเธอแล้วมันขัดตาน่ะ”
“แล้วนายคิดว่ายังไง”
“ฉันคิดว่าเธออาจจะไม่ใช่มิ้นต์” กวินภพเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ตลกแล้วภพ มันจะเป็นไปได้ไงวะ”
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ฉันรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ เธอเปลี่ยนไปมากจนฉันรู้สึกได้ นายช่วยสืบเรื่องนี้ให้ฉันหน่อยได้ไหม ยงยุทธ สืบให้ละเอียดที่สุดเท่าที่จะทำได้ ว่าแท้จริงแล้วเธอเป็นใครกันแน่”
“จะเป็นใครได้ล่ะ หน้าเหมือนขนาดนั้น หรือว่าคุณมิ้นต์เธอมีแฝด” ยงยุทธตั้งข้อสังเกต
“แต่เท่าที่ฉันรู้จักครอบครัวลุงสันติท่านก็ไม่เคยพูดนะว่ามีลูกสาวอีกคน พ่อกับแม่ของฉันก็ไม่เคยพูดถึงเลย”
“ฉันจะลองสืบดูนะ แต่ไม่รับปากว่าจะได้อะไรหรือเปล่า”
“อือ ฝากด้วยนะ อย่าบอกเรื่องนี้กับใครล่ะ”
“รู้แล้วน่า มีอะไรคืบหน้าจะรีบแจ้งนายทันที”
ในแต่ละวันผ่านไปอย่างเชื่องช้าสำหรับมินตรา กวินภพยังคงออกไปทำงานแต่เช้าและกลับมาในตอนเย็น บรรยากาศบนโต๊ะอาหารยังคงเงียบสงบเหมือนเดิม และทุกคืนเขาก็ยังคงนอนบนเตียงเดียวกันกับเธอ แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นไปมากกว่านั้น มินตราพยายามทำตัวให้เป็นธรรมชาติมากที่สุด
เช้าวันศุกร์ขณะที่มินตรากำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ในห้องสมุด เสียงโทรศัพท์เธอก็ดังขึ้น หญิงสาวกดรับสายด้วยความตื่นเต้นเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่กวินภพโทรหา หญิงสาวนึกไม่ออกเลยด้วยซ้ำว่าเขาโทรมาทำไม
“สวัสดีค่ะ”
“ผมเองนะมิ้นต์”
“คุณภพมีอะไรหรือเปล่าคะ”
“เย็นนี้ผมเลิกงานเร็วนะ ว่าจะพาออกมาช้อปปิ้งสักหน่อย เราจะทานข้าวนอกบ้านและไปฟังเพลงกันต่อเตรียมตัวให้พร้อมนะ ผมน่าจะถึงบ้านสักสี่โมง”
“ได้ค่ะ” เธอตอบรับโดยไม่ถามอะไรเพราะไม่อยากให้เขามองว่าเธอเรื่องมาก
เมื่อวางสายจากกวินภพแล้วหญิงสาวก็คิดหนักแม้จะรู้ว่ามันตราตัวจริงชอบช้อปปิ้งเป็นชีวิตจิตใจ แต่เธอไม่แน่ใจว่าการที่กวินภพพาไปช้อปปิ้งครั้งนี้มีจุดประสงค์อะไรแอบแฝงหรือไม่ หรือเขาแค่ต้องการจะตามใจภรรยา
เมื่อกวินภพกลับมาถึงบ้านในตอนบ่าย มินตราก็แต่งตัวเรียบร้อยพร้อมออกไปข้างนอก เธอสวมชุดเดรสยาวสีเขียวมิ้นต์อ่อนๆ ที่กวินภพซื้อให้เมื่อวันก่อน ซึ่งเป็นชุดที่เรียบง่ายแต่ก็ดูดี กว่าชุดของมันตรา
“พร้อมแล้วใช่ไหม” กวินภพถามสั้นๆ เมื่อเห็นเธอเดินลงมา
“พร้อมแล้วค่ะ” เธอยิ้มให้เขาสายตาที่มองซ่อนความกังวลเอาไว้
รถคันหรูเคลื่อนตัวออกจากคฤหาสน์ มุ่งหน้าสู่ห้างสรรพสินค้าใจกลางเมือง มินตรารู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อยแต่ก่อนเธอไม่เคยเข้ากรุงเทพและมาเดินห้างใหญ่ๆ แบบนี้ แต่ลุงสันติก็ให้คนพาเธอมาเดินและเรียนรู้รสนิยมของมันตรา
กวินภพไม่ได้ใช้งานคนขับรถเพราะเขาอยากอยู่กับหญิงสาวตามลำพัง ระหว่างทางก็คอยเหลือบมองเธอเป็นอยู่บ่อยๆ
“เราจะไปซื้ออะไรก่อนดีล่ะ” กวินภพถามเมื่อเดินเข้ามาในห้างขนาดใหญ่ที่มีผู้คนพลุกพล่าน
“ไปดูเสื้อผ้าก่อนก็ได้ค่ะ” มินตราสลัดความเป็นตัวเองทิ้ง เธอต้องซื้อต้องเลือกและให้เขาเป็นคนจ่ายทั้งที่จริงตัวของเธอนั้นเป็นคนขี้เกรงใจมาก
กวินภพก็เดินนำไปที่โซนเสื้อผ้าแบรนด์เนม มินตราเดินตามเขาไปเงียบๆ
“อยากได้เบรนด์ไหนล่ะ”
“มิ้นต์เลือกเสื้อผ้าเองมาเยอะแล้ว ตอนนี้ขอให้คุณภพเป็นคนช่วยเลือกให้ดีไหมคะ” มินตราทำเสียงอ้อนและคล้องแขนเขาอย่างประจบ
มินตราคิดว่านี่คงเป็นทางออกที่ดีคือการผลักภาระให้เขาเป็นคนเลือก เพราะถ้าเธอเลือกเองก็คงเสียดายเงินมากและเขาต้องสงสัยแน่ว่าทำไมเธอต้องเลือกแต่ของถูกๆ
หญิงสาวสังเกตว่ากวินภพเลือกเสื้อผ้าให้เธออย่างพิถีพิถัน เขาหยิบเสื้อผ้าหลายชุดมาให้เธอเลือก ทั้งชุดเดรสหรูหรา เสื้อผ้าลำลองและชุดทำงาน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชุดที่เรียบง่ายแต่ดูมีสไตล์ ต่างจากชุดที่มันตราเคยใส่ซึ่งเน้นความเซ็กซี่และโฉบเฉี่ยว
“ชอบชุดไหน” กวินภพถามขึ้นขณะที่เธอกำลังลองชุดเดรสยาวสีครีม
“สวยทุกชุดเลยค่ะ คุณภพเลือกให้ดีมากเลย” มินตราตอบตามความรู้สึก เพราะเสื้อผ้าที่เขาเลือกให้เป็นสไตล์ที่เธอชอบจริงๆ
“ไม่คิดว่าจะชอบชุดเรียบๆ แบบนี้”
มินตราชะงักไปเล็กน้อย เธอเกือบจะหลุดปากบอกว่านี่คือสไตล์ที่เธอชอบ แต่ก็รีบเปลี่ยนคำพูด
“ก็มิ้นต์คิดว่าตอนนี้มิ้นต์แต่งงานแล้ว ก็ควรจะแต่งตัวให้เหมาะสมกับสถานะใช่ไหมคะ คนอื่นจะได้ไม่มองว่าภรรยาคุณภพแต่งตัวไม่รู้จักกาลเทศ” เธอพยายามหาเหตุผลมาอธิบาย ซึ่งก็เป็นเหตุผลเดียวกับที่เธอเคยบอกเขาเรื่องการเปลี่ยนการแต่งตัว
กวินภพไม่ได้พูดอะไรต่อเขาแค่พยักหน้ารับเล็กน้อย ก่อนจะเดินไปเลือกชุดอื่นๆ เพิ่มเติม มินตราชะเง้อคอไปมองดูป้ายราคาที่ชุด และรู้สึกตกใจกับตัวเลขที่ปรากฏ เธอไม่เคยคิดมาก่อนว่าเสื้อผ้าจะมีราคาแพงขนาดนี้
หลังจากเลือกเสื้อผ้าได้หลายชุด กวินภพก็พาเธอเดินต่อไปยังโซนเครื่องประดับและนาฬิกา มินตราได้แต่มองตามเขาไปเงียบๆ เธอเห็นเขาหยิบนาฬิกาเรือนหนึ่งขึ้นมาดู ซึ่งเป็นนาฬิกาที่ดูเรียบง่ายแต่หรูหราและมีราคาสูงลิ่ว
“ชอบไหม” กวินภพถามขึ้น
“สวยค่ะ” เธอไม่อยากตอบว่าชอบเพราะกลัวว่าเขาจะซื้อให้
“ลองใส่ดูสิ” เขายื่นให้เธอ
มินตรารับมาลองใส่ ข้อมือเล็กๆ ของเธอดูบอบบางเมื่อเทียบกับนาฬิกาเรือนหรู กวินภพมองเธออยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจซื้อนาฬิกาเรือนนั้นให้เธอ
“คุณภพค่ะ มิ้นต์ว่ามันแพงไปหรือเปล่าคะ” หญิงสาวกระซิบ
“ผมว่าไม่แพงเลยนะ ถือว่าเป็นของขวัญให้คุณในวันแต่งงานก็ก็แล้วกันนะ ขอโทษทีที่ให้ช้าไปหน่อย” เขากระซิบกลับแต่ก็รู้สึกแปลกใจที่ภรรยาปฏิเสธ
“ขอบคุณค่ะคุณภพ” หญิงสาวยิ้มกว้างแม้รู้ว่าเขาซื้อให้เพราะคิดว่าเธอคือมันตราแต่เธอก็ดีใจ
แม้จะเหนื่อยแค่ไหนแต่หน้าที่ก็ต้องมาก่อน เช้านี้มินตราก็ตื่นนอนแต่เช้ามาช่วยป้ากัลยาทำอาหารระหว่างที่กวินภพวิ่งออกกำลังกายรอบๆ บ้านเมื่อเตรียมอาหารเสร็จเธอก็ขึ้นไปอาบน้ำ ขณะนั่งแต่งหน้ากวินภพก็อาบน้ำแต่วตัวเสร็จพอดี เขาเดินถือเนกไทมาให้มินตราผูกเหมือนกับทุกวัน มินตราชอบหน้าที่นี่มากเพราะหญิงสาวเคยดูละครตอนตัวเองยังเป็นเด็กแล้วเห็นฉากที่นางเอกผูกเนกไทให้พระเอกก่อนไปทำงาน พอเข้ามหาวิทยาลัยเธอเลยให้เพื่อนผู้ชายช่วยสอนและจำวิธีผูกมาจนถึงทุกวันนี้“เป็นอะไรหรือเปล่าครับมิน” กวินภพถามเมื่อเห็นว่าจู่ๆ ภรรยาก็นิ่งไปขณะกำลังผูกเนกไทให้“มินกำลังนึกถึงตัวเองตอนเด็กค่ะ”“มีอะไรเหรอครับ”“ก็มินเคยดูละครแล้วเห็นนางเอกในละครผูกเนกไทให้พระเอกก่อนที่พระเอกจะไปทำงาน มินก็เลยฝันว่าโตขึ้นมินอยากจะเป็นแบบนั้นบ้าง”“ตอนนี้มินก็เป็นแบบนั้นแล้วนะ หน้าที่ผูกเทกไทที่พี่ยกให้มินทำให้คนเดียวเลยนะครับ แล้วมินไปฝึกทำมาจากไหน”“มินให้เพื่อนผู้ชายที่มหาวิทยาลัยสอนจากนั้นก็จำวิธีการผูกมาเรื่อยๆ ไม่คิดเลยว่าวันหนึ่งจะได้ทำเหมือนในละครจริงๆ เหมือนเป็นการเติมเต็มความฝันค่ะ ถึงจะเป็นความฝันเล็กๆ แต่มันก็ทำให้มินมีความส
มินตรากรีดเสียงร้องลั่นห้องร่างกายหญิงสาวสั่นสะท้าน เมื่อกวินภพส่งเธอแตะขอบสวรรค์ น้ำหวานจากกุหลาบดอกสวนล้นทะลักจนชุ่มไปทั่วปลายลิ้น ชายหนุ่มกวินภพไม่พลาดที่จะดูดกิน รสชาติหอมหวานจากภรรยาสาว มันทำให้เขาหลงใหลเธอมากขึ้น กินเท่าไหร่ก็ไม่เคยเบื่อ กินแล้วก็อยากจะกินอยู่แบบนั้นเมื่อส่งคนรักไปพบกับความสุขแล้ว เขาก็ดึงให้เธอมาอยู่ริมขอบโต๊ะ กดจูบลงไปอย่างเร่าร้อนเติมเชื้อไฟให้โหมกระหน่ำ ริมฝีปากลากมายังอกอิ่มดูดกินเม็ดเชอร์รี่เข้าปากร้อน มือใหญ่ท่อนเอ็นกดนวดบนเกสรสวาทเป็นจังหวะเบาๆ“อื้อ...พี่ภพขา รักมินนะคะ อย่าทรมานกันเลยนะคะ”หญิงสาวเสียวซ่านและต้องการแท่งร้อนของเขาเข้ามาเติมเต็มจนต้องร้องขออย่างน่าอาย“ใจเย็นนะเมียจ๋า”กวินภพลากไล้ปลายแท่งร้อนขึ้นลงกลางกลีบกุหลาบจนมันชุ่มไปด้วยน้ำหวานที่เธอยังคงผลิตออกมาอย่างไม่ขาดสาย ก่อนจะสอดท่อนเอ็นร้อนเข้าไปในช่องทางรักที่คับแน่นทีละนิดเข้าไปเพียงนิดร่องสวาทก็ตอดรัดแรงกวินภพไม่อาจจะรอช้าได้เขาดันแท่งร้อนเข้าไปทีเดียวจนลึกสุด มินตราสะดุ้งสุดตัว“อ๊ะ!.....”สองมือจิกบนท่อนแขนของสามีไว้แน่น ชายหนุ่มนิ่งค้างเพราะอยากเธอได้ผ่อนคลาย แต่ดูเหมือนเขาจะคิด
“ทนอะไรคะ” มินตราถามสามีแต่แล้วใบหน้าเธอก็แดงซ่านขึ้นมาทันทีเมื่อรู้สึกถึงความแข็งร้อนที่บดเบียดอยู่บริเวณท้องน้อย“คืนนี้พี่อยากเปลี่ยนบรรยากาศได้ไหมที่รัก” เขากระซิบข้างหูด้วยเสียงแหบพร่า เธอรู้ว่าเวลานี้กวินภพอยู่ในอารมณ์ไหน เสียงแบบนี้ลมหายใจไม่สม่ำเสมอกันแบบนี้หญิงสาวนึกออกเพียงอย่างเดียวว่าสิ่งที่เขาต้องการมันคืออะไร“แต่นี่ห้องทำงาน คงไม่เหมาะนะคะถ้าใครรู้พี่ภพจะเสียชื่อเสียงเอานะคะ” มินตรารีบห้ามเมื่อรู้สึกว่าอารมณ์ของกวินภพน่าจะห้ามได้ยาก แต่เธอก็ต้องเตือนสติ“ถ้ากลับตอนนี้พี่อาจจะทนไม่ไหวแล้วมีอะไรกับมินในรถและตรงที่รถของเราจอดอยู่มีกล้องด้วยนะ พี่ให้มินเลือกว่าเราจะมีความสุขกันตรงนี้หรือที่รถดีล่ะ” กวินภพทั้งอ้อนทั้งขู่ด้วยเสียงแหบพร่าความต้องการมันทำให้เขาไม่สนใจว่าตอนนี้จะอยู่ที่ไหน“อย่าใจร้อนสิคะพี่ภพ”“ทำไมล่ะครับ หรือมินไม่ต้องการพี่” กวินภพพูดออกไปแบบนั้นและก็หวังว่าเธอจะไม่ปฏิเสธ“มินกลัวคนอื่นมาเจอ”“จะมีใครกันล่ะครับที่รัก นะมินนะ”“พี่ภพล็อกประตูแล้วใช่ไหมคะ” มินตราเสียงถามเบาหวิวเพราะความเขินอาย“ล็อกแล้วครับมิน ให้พี่นะครับ”เขากระซิบแหบพร่าที่ใบห
หลังจากที่การเซ็นสัญญาร่วมทุนโครงการโรงแรมฉบับใหม่เสร็จสิ้นลงด้วยดีและปัญหาเรื่องคุณสันติกับมันตราคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น กวินภพก็รู้ดีว่าถึงเวลาแล้วที่จะทำให้ความสัมพันธ์ของเขากับมินตราจะต้องบอกกับผู้ใหญ่ของเธอให้รับรู้“มินครับ” กวินภพเรียกมินตราที่กำลังอ่านทำอาหารเย็นอยู่ในครัวเพราะป้ากัลยาไม่สบายและไปนอนโรงพยาบาลโดยมีเหมียวเด็กรับใช้ไปเฝ้า“กลับมาแล้วเหรอคะพี่ภพ” เธอยิ้มให้อย่างอ่อนโยน“พี่มีเรื่องดีๆ จะบอกมินด้วยนะ” กวินภพเดินเข้าไปหาเธอ โอบกอดเอวบางไว้จากด้านหลัง“เรื่องอะไรคะ” มินตราหันมาถามพร้อมกับยิ้มหวาน“พรุ่งนี้พ่อกับแม่จะไปขอมินกับป้าจันทร์และลุงชิด”“จริงเหรอคะ” มินตราทั้งตกใจและดีใจเพราะคิดว่ากวินภพลืมเรื่องนี้ไปแล้วเพราะช่วงนี้ชายหนุ่มยุ่งกับงานมากๆ“แล้วพี่ภพจะอธิบายกับป้ากับลุงยังไงคะ” มินตราถามด้วยความกังวลเธอไม่อยากให้ญาติผู้ใหญ่ต้องเป็นห่วงหรือคิดมาก“ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้น พี่เตรียมคำพูดไว้แล้ว เราจะบอกว่ามินมาทำงานแทนมันตราและได้เจอกับพี่จากนั้นเราก็ได้ทำความรู้จักและรักกันในที่สุด”มินตราพยักหน้า เธอรู้ว่านี่เป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะไม่ทำให้ป้ากับลุงต้องกังวลใจ
หลังจากจัดการเรื่องการซื้อที่ดินจากคุณสันติได้สำเร็จ กวินภพก็รู้สึกโล่งใจไปเปลาะหนึ่ง แต่ยังมีเรื่องสำคัญอีกอย่างที่เขาต้องจัดการนั่นคือการเผชิญหน้าระหว่างมินตราและมันตราสองพี่น้องฝาแฝดที่พลัดพรากกันไปนานแสนนานที่ชายหนุ่มต้องนัดให้สองพี่น้องมาเจอกันเพราะอยากให้มินตราอยู่ด้วยความสบายใจว่าจากนี้ชีวิตที่สวมรอยเป็นมันตราของเธอนั้นได้จบลงแล้วจริงๆวันนี้กวินภพนัดหมายให้มันตรามาพบที่คาเฟ่แห่งหนึ่งในย่านใจกลางเมือง เป็นคาเฟ่เล็กๆ ที่มีบรรยากาศอบอุ่นและเงียบสงบ เหมาะสำหรับการพูดคุยเรื่องสำคัญ เขาโทรศัพท์ไปบอกมินตราให้เตรียมตัวมาด้วย โดยไม่ได้บอกรายละเอียดอะไรมากนัก เพียงแค่บอกว่าอยากให้เธอมาเจอใครบางคนเมื่อถึงเวลากวินภพกับมินตราก็เดินทางมาถึงคาเฟ่ มินตราสังเกตเห็นผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่ที่โต๊ะริมหน้าต่าง หันหลังให้พวกเขา รูปร่างคล้ายกับเธอจนน่าตกใจ หญิงสาวพอจะรู้แล้วว่าคนที่กวินภพพาเธอออกมาเจอคือใครกวินภพเดินนำเข้าไปและเมื่อผู้หญิงคนนั้นหันหน้ามา มินตราก็ถึงกับยืนนิ่งราวกับถูกสาป ภาพตรงหน้าคือผู้หญิงที่เหมือนเธอราวกับแกะ ทุกรายละเอียดบนใบหน้าเหมือนกันทุกกระเบียดนิ้ว เว้นแต่แววตาที่ดูเฉี่ยวค
หลังจากกลับจากปราณบุรีได้ไม่กี่วัน กวินภพก็เรียกประชุมผู้ร่วมทุนโครงการโรงแรมทุกคน รวมถึงคุณสันติด้วย การประชุมจัดขึ้นที่ห้องประชุมใหญ่ของบริษัท บรรยากาศในห้องค่อนข้างตึงเครียด เพราะครั้งนี้นอกจากจะมีเจ้าสัวประเสริฐคนที่จะร่วมทุนด้วยแล้วยังมีผู้สนใจในโครงการนี้อีกสองคนจากยุโรปคือ มิสเตอร์จอห์นและมิสเตอร์เดวิด นั่งอยู่ร่วมกับคุณธีระกวินภพและผู้ร่วมทุนรายย่อยอื่นๆ ส่วนคุณสันตินั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามสีหน้าเคร่งขรึมกวินภพเริ่มต้นการประชุมด้วยการกล่าวถึงภาพรวมของโครงการก่อนจะส่งไม้ต่อให้กับมิสเตอร์จอห์น“เรียนท่านผู้บริหารทุกท่านครับ หลังจากที่ผมและมิสเตอร์เดวิดได้ศึกษาข้อมูลโครงการอย่างละเอียด รวมถึงประวัติของหุ้นส่วนทุกท่าน เรามีความกังวลบางประการเกี่ยวกับข้อเสนอของคุณสันติที่ต้องการใช้ที่ดินมาร่วมทุนโดยไม่จ่ายเงินสดครับ” มิสเตอร์จอห์นกล่าวด้วยสำเนียงอังกฤษที่ชัดเจนคุณสันติขมวดคิ้วเขาเริ่มรู้สึกไม่พอใจตั้งแต่คำพูดแรกของมิสเตอร์จอห์น“เรามองว่าการนำที่ดินมาร่วมทุนโดยไม่มีการตีมูลค่าที่ชัดเจน หรือแปลงเป็นเงินสดเข้ามา จะสร้างปัญหาในระยะยาว หากเกิดความขัดแย้งในอนาคต เราจึงขอเสนอให้คุณสันติขายท