หลังจากนั้นสามวันทุกอย่างก็เข้าสู่โหมดปกติ จะบอกว่าปีใหม่จำเหตุการณ์วันนั้นไม่ได้ก็คงไม่ใช่ ถึงเธอจะเมาแต่การตัดสินใจในวันนั้นเธอคิดว่าตัวเองมีสติครบถ้วนทุกประการ ที่สำคัญก็รู้สึกเหมือนกับว่าได้ปลดปล่อยบางสิ่งบางอย่างออกมา ถึงจะไม่รู้จักแม้กระทั่งชื่อของผู้ชายคนนั้นแต่เขาก็ทำให้ลืมไม่ลงเลยทีเดียว
หญิงสาวในชุดนักศึกษากระโปรงพีชเลยเข่า รองเท้าผ้าใบสีขาว สวมแว่นตาหนาปิดบังดวงตาคู่สวย ผมยาวสั้นประบ่าสีน้ำตาลไหม้ กำลังวิ่งกระหืดกระหอบเข้าตึกเรียนให้ทันการสอนในคาบแรก
“แฮ่กๆๆๆ ทันพอดี”
ทั้งเธอและอาจารย์ผู้สอนเข้ามาในห้องเรียนพร้อมกันพอดิบพอดี หญิงสาวเป่าปากเช็ดเหงื่อตามกรอบหน้าแล้วทิ้งตัวนั่งกับเก้าอี้ไม้ด้วยความรู้สึกเหนื่อย
“แล้วไหงวันนี้มาสายอ่ะปี ปกติเห็นมาคนแรกตลอด” แพรไหมกล่าวทักเพื่อนสาวอย่างสงสัย
หญิงสาวใบหน้าสวยหวาน ผมยาวสีน้ำตาลถึงกลางหลัง ดวงตากลมโต ผิวขาว ตัวเล็ก ดัดฟันสีชมพูน่ารักตามบิ้วตี้แสตนดาร์ดเธอสวมเสื้อนักศึกษารัดจนกระดุมแทบปริกับกระโปรงทรงเอเลยเข่าดูเซ็กซี่ เธอคือเพื่อนเพียงคนเดียวของปีใหม่ตั้งแต่ย้ายมาเรียนที่กรุงเทพ
“ตื่นสายน่ะแพร”
ปีใหม่เอ่ยเสียงเบา เธอไม่อยากขาดเรียนเพราะเดี๋ยวจะตามเพื่อนๆ ไม่ทัน เพิ่งฟื้นจากพิษไข้แม้จะยังรู้สึกเพลียๆ อยู่บ้างแต่ก็พยายามลุกจากที่นอน รีบอาบน้ำอาบท่าแล้วตรงดิ่งมามหาลัยทันทีเพื่อให้ทันเรียนคาบแรก
“ร้อยวันพันปี แพรไม่เห็นว่าปีจะตื่นสาย อย่าบอกนะว่าแอบไปมีแฟนน่ะ แพรไม่ยอมจริงๆ ด้วย ยังไงปีต้องโสดอยู่เป็นเพื่อนแพรก่อนนะ”
แพรไหมทำหน้าขรึมบอกเพื่อนสนิทว่าห้ามมีแฟนเด็ดขาด ทำให้ปีใหม่ยิ้มบางเพราะรู้อยู่แล้วว่าที่เพื่อนไม่มีแฟนเสียทีก็เพราะความเลือกมากของตัวแพรไหมเอง จะมีวันไหนบ้างที่หนุ่มๆ ทั้งในและนอกมหาลัยจะไม่แวะมาขายขนมจีบให้กับเธอ
“มีที่ไหน พูดไปเรื่อยน่ะแพร ปีนี่น่ะเหรอจะมีแฟน ดูหน้าตาปีด้วย” ปีใหม่พูดพร้อมกับส่ายหัว พลางหยิบหนังสือเรียนขึ้นมา ปีใหม่รู้ตัวเองว่าไม่ได้สวยเหมือนแพรไหม แถมหน้าตาก็งั้นๆ จนป่านนี้เธอยังไม่เคยมีแฟนเลยสักคนเดียว
“แล้วเรื่องของพี่คิมหันต์ล่ะเป็นไงบ้าง บอกความรู้สึกเขาไปหรือยัง” แพรไหมกระซิบถามจนปีใหม่ที่ง่วนกับการจัดโต๊ะเรียนของเธอต้องชะงักเมื่อได้ยินชื่อรุ่นพี่ที่เธอไปสารภาพรัก
“เขาบอกว่ามีคนที่ชอบแล้วน่ะ”
ปีใหม่พูดเสียงเบา พลางนึกถึงคิดถึงเหตุการณ์วันนั้นหัวใจก็พลันรู้สึกเจ็บจี๊ดทุกที ภาพที่เธอกล้าที่สารภาพรักต่อหน้าเขาคนนั้นย้อนกลับมา
“งั้นเหรอ พี่คิมหันต์มีคนที่ชอบอยู่แล้วงั้นสิ”
แพรไหมย่นคิ้วเล็กน้อย ทว่าภายใต้หน้ากากที่แสนหวังดีนั้นข้างในกลับยิ้มเยาะสะใจอยู่ลึกๆ ก่อนจะหันหน้าไปอีกทางแล้วเบะปากโดยไม่มีใครเห็นหน้ากากอีกอันของเธอ
การที่แพรไหมมาตีสนิทกับปีใหม่หลักๆ ก็เพื่อผลประโยชน์ด้วยกันทั้งนั้น ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นเรื่องเรียนเสียมากกว่าที่ปีใหม่จะถูกหลอกใช้ให้ทำโปรเจ๊กใหญ่ๆ แต่ถึงอย่างนั้นปีใหม่ก็ไม่เคยเอาเรื่องพวกนี้มาคิดเล็กคิดน้อยเพราะคิดว่าแพรไหมนั้นเป็นเพื่อนมาตลอด
หลังจากจบคาบเรียน อาจารย์วิชาสั่งงานเป็นอันดับสุดท้ายเช่นเคย ปีใหม่เก็บข้าวของใส่กระเป๋าเป้โชคดีหน่อยที่วันนี้มีเรียนแค่คาบเดียว เธอตั้งใจว่าจะรีบเคลียร์งานให้เสร็จแล้วค่อยกลับนอนพักผ่อนที่ห้องต่อ
“อาจารย์โหดมากเลยอะปี นี่สั่งงานหรือสั่งอาหารกันแน่เนี่ย” แพรไหมพูดบ่นอุบอิบหันมาหาปีใหม่ที่เก็บของใส่กระเป๋าเสร็จเรียบร้อย
“เอาน่าแพร...วันนี้แพรว่างไหม ปีกะว่าจะไปห้องสมุดเคลียร์งานให้มันจบๆ”
“งานตั้งเยอะเคลียร์หมดเหรอ อีกอย่างวันนี้แพรไม่ว่างด้วยสิ แพรฝากปีหน่อยได้ไหม เดี๋ยวแพรซื้อขนมมาฝากนะ” สาวตาหวานทำตาปริบๆ พูดด้วยน้ำเสียงออดอ้อนเช่นเคย
“โทษทีนะแพร วันนี้ปีไม่ไหวจริงๆ ปีรู้สึกไม่ค่อยสบาย ยังไงเราช่วยๆ กันแป๊บเดียวเดี๋ยวก็เสร็จดีไหม” ปีใหม่เอ่ยปฏิเสธอย่างสุภาพ ทำเอาแพรไหมถึงกับหน้านิ่วคิ้วขมวดแน่นอย่างไม่พอใจ
“ทำไมอะปี แพรฝากปีทำไม่ได้เหรอ ถ้าไม่ไหวก็ค่อยทำพรุ่งนี้ก็ได้ แพรไม่รีบ” แพรไหมเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
“แต่ปีช่วยแพรมาเยอะแล้วนะ ที่สำคัญรายงานพวกนี้มันก็เยอะมากๆ ลำพังแค่ปีทำของปีคนเดียวก็ไม่รู้จะทันหรือเปล่า ขอโทษนะแพร”
ปีใหม่พูดบอกตามตรง ทั้งที่พยายามพูดรักษาน้ำใจฝ่ายตรงข้ามให้มากที่สุด หลายครั้งหลายหนที่เธอช่วยแพรไหมมาตลอดจนอีกฝ่ายเริ่มไม่มีความเกรงใจกันแล้ว
“ถ้าเธอพูดขนาดนี้แพรทำเองก็ได้ รู้งี้ฉันไม่น่าช่วยเรื่องเธอกับพี่คิมหันต์เลย”
พูดจบก็ลุกพรวดออกไปด้วยความโกรธ พอแพรไหมเดินลับสายตาไปปีใหม่ก็ถอนหายใจแรงแล้วรีบเก็บข้าวของไปยังห้องสมุดโดยหวังว่าพรุ่งนี้แพรไหมจะเข้าใจและหายโกรธเธอ
ช่วงบ่ายปีใหม่หมกตัวเองอยู่ในห้องสมุดจนลืมเวลาพอรู้ตัวอีกทีก็มีเสียงประกาศตามสายว่าห้องสมุดใกล้จะปิดแล้ว หญิงสาวเก็บข้าวของเตรียมกลับหอเพื่อไปทำงานของตัวเองให้แล้วเสร็จ ที่เธอทำตัวเองให้ยุ่งอยู่ตลอดก็เพื่อจะได้ไม่คิดฟุ้งซ่าน ทั้งเรื่องของคิมหันต์และเรื่องของผู้ชายคนนั้น แต่ทว่าเจ้าของดวงตาสีนิลคู่นั้นกลับแวบเข้ามาให้หัวจนทำให้หญิงสาวต้องสะบัดหน้าไล่ความคิดนั้นออกไป
เมื่อตะวันคล้อยจะลับขอบฟ้า ท้องฟ้ากลายเป็นสีทองอร่าม หญิงสาวเดินเหม่อลอยคิดอะไรไปเรื่อยเปลือยไปตามทางเดินแสนทอดยาว ผู้คนเริ่มเบาบางมีเพียงเสียงลมและเสียงนกที่กำลังบินกลับรังร้องระงม นี่เป็นเวลาที่ปีใหม่ชอบมากที่สุดเพราะได้จะหลีกหนีความวุ่นวาย คิดถึงตัวเองในวัยเยาว์ หากเป็นเวลานี้เธอคงวิ่งเล่นอยู่กับเพื่อนสนิทอย่างสายป่านลืมเวลากลับบ้านจนพ่อโสต้องมาตามให้ไปทานข้าวจนหลายครั้งเธอโดนเอ็ดอยู่เป็นประจำ
เดิมทีแล้วปีใหม่เป็นเด็กต่างจังหวัดเกิดและเติบโตมาจากจังหวัดลำพูนซึ่งเป็นจังหวัดเล็กๆ ในประเทศไทย พ่อของเธอรับราชการครูอยู่ที่นั่นซึ่งท่านเป็นครูประถมอยู่ในตัวอำเภอ ส่วนแม่ของเธอก็แยกย้ายไปมีครอบครัวใหม่ตั้งแต่เธออายุได้หกขวบ แต่ถึงอย่างนั้นปีใหม่ก็ไม่เคยรู้สึกขาดความรักจากครอบครัว อาจเพราะพ่อของเธอเลี้ยงดูมาเป็นอย่างดีไม่มีขาดตกบกพร่อง ปีใหม่จึงเติบโตมาเป็นอย่างดีและเป็นที่รักของคนรอบข้าง กระทั่งเธอสอบติดมหาลัยในเมืองกรุงจึงขอพ่อมาเรียนต่อที่กรุงเทพ พ่อโสเองก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะเห็นว่าลูกสาวเพียงคนเดียวโตพอที่จะตัดสินใจเลือกอนาคตของตัวเองได้แล้วจึงตามใจปล่อยให้ปีใหม่ได้มาใช้ชีวิตอยู่คนเดียว
ร่างบางถือกระดาษรายงานไว้ในมือ พอเดินมาถึงป้ายคณะวิศวกรรมลมที่ไม่รู้มาจากไหนก็โหมแรงจนกระโปรงเธอบานออก ด้วยสัญชาตญาณหญิงสาวเอามือปิดกระโปรงตัวเองไว้ไม่ให้บานออก จนทำให้กระดาษที่ถือไว้หลุดลอยไปตามแรงลม ปีใหม่ถอนหายใจพร้อมกับมองบน นี่มันวันซวยอะไรของเธอกันนะ สุดท้ายแล้วก็ต้องก้มๆ เงยๆ ตามเก็บกระดาษที่ปลิวหาย ครั้นจะทำใหม่ก็คงต้องใช้เวลาอีกเป็นวันแน่ๆ เพราะฉะนั้นเธอไม่มีทางเลือกนอกจากเดินตามเก็บกระดาษที่กระจัดกระจายไปคนละทาง
ทว่าขณะที่เธอกำลังเดินตามหาเพื่อรวบรวมกระดาษมาให้ครบ สายตาก็พลันไปเห็นใครบางคนที่คุ้นตากำลังเดินมากับกลุ่มเพื่อนของเขา ด้วยความตกใจทำอะไรไม่ถูกทำให้ปีใหม่ยืนตัวแข็งทื่ออยู่แบบนั้น เจ้าของผมสีควันบุหรี่ในชุดเสื้อช็อปวิศวะสีแดงเลือดหมูกำลังมุ่งตรงมาทางนี้พอดิบพอดี ปีใหม่จำได้ทันทีว่าเขาคือผู้ชายในคืนนั้นนั่นเอง
“เมื่อไหร่มึงจะว่าง กูอยากตี้” หนึ่งในกลุ่มของลุกซ์ท้วงขึ้นมา เขารู้สึกว่าช่วงนี้เพื่อนทั้งสองคนไม่มีเวลาให้ตนเลย ปกติถ้าเป็นคืนวันศุกร์พวกเขาจะไปรวมกลุ่มกันที่ร้านของลุกซ์ แต่ช่วงหลังเขาเอ่ยชวนทั้งคู่ก็บอกว่าไม่ว่างตลอดทำให้เขารู้สึกเซ็งเป็นอย่างมาก
“กูไม่ได้ว่างเหมือนมึงไอ้เหม ช่วงนี้ป๋างดค่าขนมกู บังคับให้กูไปดูงานที่บริษัท เซ็งฉิบหาย” อีกคนชื่อสกายคิ้วขมวดทันที เขาเป็นถึงลูกเจ้าของบริษัทรถยนต์ขนาดใหญ่ ฐานะทางบ้านเรียกได้ว่ารวยระดับพันล้าน ไม่จำเป็นต้องทำงานก็มีกินมีใช้ตลอดชาติ แต่ก็ต้องทำงานเพราะครอบครัวบังคับ หวังจะพึ่งพาลูกชายคนรองมาช่วยงานด้วยอีกแรง ซึ่งอีกไม่กี่เดือนทั้งสามก็เรียนจบแล้ว
“แล้วมึง?”
“ร้านกูไม่ใช่โรงทาน อยากแดกก็จ่ายตังค์”
พูดจบเหมถึงกับหัวเราะเสียงดัง เขาไม่ได้โกรธที่อีกฝ่ายพูดจาแบบนั้น ลำพังแค่จ่ายค่าเหล้าพวกนี้ไม่ได้ทำให้ขนหน้าแข่งร่วงหรอก เป็นถึงลูกเจ้าของร้านทองชื่อดัง มีสาขาอยู่ทั่วทุกจังหวัดต่อให้ปิดร้านเลี้ยงเหมราชก็จ่ายได้
“งั้นก็ดี...พรุ่งนี้มึงเตรียมปิดร้านได้เลย กูเหมาเอง” เหมหันไปส่งสายตาล้อเลียนกับสกาย ทำเอาลุกซ์ถึงกับหัวเราะในลำคอ
“ถ้าอย่างนั้นกูไปด้วยนะ” สกายรีบพูด ของฟรีใครๆ ก็ชอบ อีกอย่างถ้าเป็นพรุ่งนี้เขาคงเคลียร์เอกสารที่กองอยู่บนโต๊ะได้ทันป๊าก็คงไม่ว่าอะไร
“ทีอย่างนี้ว่างเลยนะมึง ไหนบอกว่าไม่ว่างวะ” เหมพูดเหน็บก่อนจะใช้ศอกกระทุ้งไปที่ไหล่แกร่งไม่เต็มแรง ทั้งสองหัวเราะขำขันเพราะต่างก็รู้ทันกัน
“ก็มึงอุตส่าห์เลี้ยงทั้งทีจะไม่ไปก็เสียน้ำใจเพื่อนสิวะ”
“หึ…กูรู้นะว่ามึงคิดอะไรอยู่ คิดจะไปส่องสาวที่ร้านไอ้ลุกซ์อยู่สิท่า” เหมหรี่ตาอย่างจับผิดทำเอาสกายถึงกับหัวเราะลั่นที่เพื่อนรักรู้ทัน
“เดี๋ยวกูบอกเด็กที่ร้านให้แล้วกัน” ลุกซ์ตอบตกลงอย่างไม่ลังเล
ระหว่างที่ทั้งสามเดินคุยอยู่นั้น พวกเขาไม่ได้สนใจกับหญิงสาวในชุดนักศึกษาต่างคณะที่ยืนก้มหน้าก้มตา หญิงสาวพยายามไม่สบตาเมื่อชายหนุ่มผมสีควันบุหรี่เดินผ่าน หนำซ้ำกลับก้มหน้าซ้อนดวงตาสีน้ำตาลภายใต้กรอบแว่นตาหนา หัวใจดวงน้อยเต้นรัวราวกับตีกลอง ภาวนาอย่าให้เขาจำเธอได้เลย
“มึงรู้จักด้วยเหรอวะ” เหมเอ่ยถามเมื่อลุกซ์หยุดเดินแล้วหันกลับไปมองหญิงสาวที่เพิ่งเดินผ่านเมื่อครู่ ปีใหม่ได้ยินที่เหมถามลุกซ์แบบนั้นก็รู้สึกตกใจจนทำอะไรไม่ถูกเช่นกันได้แต่ยืนนิ่งเป็นหินอยู่อย่างนั้น แต่ทว่า...
“เปล่า ไม่รู้จัก” ลุกซ์ยกยิ้มที่มุมปากดวงตาคมมองร่างบางที่ยังคงหันหลังให้เขา ก่อนที่เขาตอบกลับเสียงดังแล้วหมุนตัวเดินออกไป
พอทั้งสามลับหายไปปีใหม่ก็ถึงกับเป่าปากอย่างโล่งอก ไม่อยากจะเชื่อว่าเธอจะเจอผู้ชายคนนั้น หนำซ้ำเขายังเรียนที่เดียวกับเธออีกต่างหาก โชคดีที่เขาจำเธอไม่ได้ แต่ถึงจะจำได้เขาก็คงไม่มาสนใจเด็กเฉิ่มๆ แบบเธอหรอกนะ