หนึ่งอาทิตย์ผ่านมา ชีวิตของปีใหม่เข้าสู่ภาวะปกติแบบจริงๆ จังๆ ตื่นเช้าไปเรียนช่วงบ่ายก็หมกตัวอยู่แต่ในห้องสมุดจนถึงเย็น กลับมาถึงห้องก็มานั่งปั่นงานที่ยังคงค้างให้แล้วเสร็จจนดึกดื่นมืดค่ำวนลูบแบบนี้ซ้ำๆ อยู่ร่วมสัปดาห์ แต่ทว่าก็มีสิ่งหนึ่งที่เปลี่ยนไป นั่นก็คือความสัมพันธ์ของเธอกับแพรไหมที่ยังคงต่อกันไม่ติด หลังจากวันที่ทั้งคู่ทะเลาะกันในวันนั้น แพรไหมก็แสดงออกอย่างชัดเจนว่าเธอยังคงงอนกับเรื่องที่ปีใหม่ไม่ยอมช่วยเรื่องรายงานเมื่อครั้งก่อน แม้ว่าปีใหม่จะพยายามตามง้อเพื่อนสาวเพราะเห็นแก่มิตรภาพที่ผ่านมาแต่ทว่าอีกฝ่ายก็ยังคงทำตัวเย็นชาใส่เธอราวกับคนไม่รู้จักกัน
“เราขอคุยหน่อยสิแพร”
ร่างบางยืนดักรอเพื่อนหน้าสวยระหว่างทางเดินด้วยความร้อนใจ หากวันนี้เธอยังไม่เคลียร์ปัญหาที่เกิดขึ้นแล้วปล่อยเวลาผ่านไปมากกว่านี้ก็คงต่อกันไม่ติดอย่างแน่นอน นั่นทำให้ปีใหม่รู้สึกกังวลใจอยู่ไม่น้อย
“ไปรอที่โรงอาหารก่อนนะพวกเธอ”
แพรไหมหันไปพูดกับเพื่อนอีกสองคน ทั้งคู่พยักหน้ารับเป็นอันตกลงแล้วหันมาจ้องหน้าปีใหม่ด้วยสายตาแปลกๆ
“อืม ตามมานะแพร”
ทั้งที่ทางเดินมีออกตั้งกว้างแต่หนึ่งในนั้นกลับจงใจเดินชนไหล่ของปีใหม่เข้าเต็มแรงแบบที่เธอไม่ทันตั้งตัว จนร่างบางเซไปเล็กน้อยก่อนที่พวกเธอทั้งสองจะหันมาหัวเราะเยาะเบาๆ ทำเอาปีใหม่ถึงกับหน้าเสีย พอทั้งคู่เดินลับหายไปปีใหม่ก็ถอนหายใจ ก่อนจะหันมาหาแพรไหมที่กำลังยืนพิงเสากอดอกด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“มีอะไรก็พูดมา ฉันไม่มีเวลามากนักหรอกนะ”
แพรไหมเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชาสองมือกอดอกพิงผนังทางเดิน ปรายตามองเหยียดอย่างชัดเจน
“ปีขอโทษ แต่แพรอย่าเย็นชากับปีได้ไหม”
ปีใหม่เอ่ยขอโทษทั้งที่ตัวเองไม่ใช่คนผิดด้วยซ้ำ ถ้าไม่ใช่เพราะเห็นความสัมพันธ์ที่ดีที่มีให้กันมาเกือบปีเธอคงไม่ตามง้อแพรไหมอยู่แบบนี้
“หึ แค่นี้เหรอ เสียเวลาชะมัด”
แพรไหมแสยะยิ้มที่มุมปากเผยธาตุแท้ที่เก็บซ่อนมาเนิ่นนาน ไม่มีอะไรต้องปิดบังในเมื่อปีใหม่เองก็หมดประโยชน์สำหรับเธอแล้ว ปั้นหน้ายิ้มทำดีใส่จนเธอรู้สึกเอียนเต็มทน
“แพร...ปีขอโทษ ปีจะต้องทำยังไงให้แพรหายโกรธ”
ร่างบางยังไม่ลดละความพยายามที่จะตามง้อเพื่อนสนิทต่อ เธอเดินเข้าไปจับข้อมือของคนตัวเล็กกว่ามากุมไว้ โดยที่ไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรผิดด้วยซ้ำไป แต่กลับถูกอีกฝ่ายสะบัดมือออกอย่างไร้เยื่อใย ปีใหม่รู้สึกอึ้งดวงตาเล็กสั่นระริกไม่เข้าใจว่าแพรไหมเป็นอะไรกันแน่ เธอทำอะไรผิดนักหนาเหรอ ทำไมแพรไหมถึงไม่ยอมให้อภัยเธอสักที
“พอเถอะ ฉันไม่อยากเล่นละครแล้ว” ปลายคางมนเชิดหน้ามองอีกฝ่ายด้วยสายตาดูแคลน ก่อนจะเบะปากคว่ำ
“แพรหมายความว่าไง”
“โธ่...อีโง่ ยังไม่รู้อีกเหรอว่าถูกฉันหลอกใช้ เลิกทำตัวเป็นนางเอกสักที…รำคาญ” เสียงแหลมเล็กพูดเน้นคำจนปีใหม่นิ่งค้าง
“...”
“ฉันขี้เกียจปั้นหน้าเป็นเพื่อนรักกับแกแล้วปีใหม่ ฉันเหนื่อยแล้ว ที่ฉันยอมทนเป็นเพื่อนแกมาเกือบสองเทอมมันก็มากพอแล้วนะ”
แพรไหมยืนเต็มความสูง นี่เป็นครั้งแรกเลยที่เธอยอมถอดหน้ากากคุยด้วย โดยที่เธอมั่นใจแล้วว่าทางเดินไม่มีใครอื่นนอกจากพวกเธอ ไม่อย่างนั้นภาพลักษณ์ดาวมหาลัยที่สะสมมาคงไม่เหลืออย่างแน่นอน
“เรื่องนั้นปีรู้”
คำตอบของปีใหม่ทำให้คิ้วเรียวสวยของแพรไหมขมวดแน่น จะบอกว่ารู้มาตลอดแต่แสร้งทำเป็นไม่รู้อย่างนั้นหรือตลกเกินไปไหม
“แต่ที่ปียอมแพรมาตลอด ก็เพราะว่าปีเห็นแพรเป็นเพื่อนไง”
“หึ นางเอกมากค่ะ รู้ตัวว่าตัวเองถูกโดนกระทำแล้วยังยอมอีกเหรอ นี่แกโง่หรือเปล่า”
พอปีใหม่พูดออกมาแบบนี้ก็ยิ่งเพิ่มความเกลียดชังให้แพรไหมมากยิ่งขึ้น เธอไม่ชอบให้ใครมาเห็นใจ แพรไหมเชื่อมาตลอดว่าโลกใบนี้คนที่แข็งแกร่งเท่านั้นถึงจะรอด เพราะฉะนั้นการที่เธอจะคบใครสักคนเธอถือว่าคนๆนั้นจะต้องมีประโยชน์กับเธอเท่านั้น
“ปีไม่ได้โง่ แต่เพราะคิดว่าคนอย่างแพรจะเปลี่ยนได้ แต่เปล่าเลย สันดานของแพรยังไม่เคยเปลี่ยน”
ปีใหม่ตอบกลับอย่างเจ็บแสบ ใช่แล้วเธอดูออกมาตั้งแต่วันแรก แต่ที่เธอยอมทนให้อีกฝ่ายหลอกใช้เพราะหวังว่าสิ่งที่เธอคิดมันผิด พอแพรไหมได้ยินดังนั้นร่างบางถึงกับนิ่วหน้าเพราะถูกอีกฝ่ายต่อว่าด้วยถ้อยคำรุนแรง
“อีปี…นี่มึงด่ากูเหรอ”
แพรไหมโกรธจัดก่อนจะเข้าไปคว้ามือบางกำไว้แน่นแล้วถลึงตาใส่ เห็นปีใหม่เงียบๆ ติ๋มๆ ไม่คิดว่าจะปากร้ายขนาดนี้ ดวงตากลมเลื่อนมองข้อมือที่ถูกบีบรัดแน่น
“แล้วแต่จะคิด”
พูดจบก็สะบัดข้อมือออกจากพันธนาการ เธอไม่มีอะไรพูดกับแพรไหมอีกต่อไป ร่างบางกำลังจะหมุนตัวจะเดินหนี แต่ต้องชะงักเท้าเมื่อได้ยินคำพูดของแพรไหมที่เอ่ยขึ้นมา
“คนอย่างพี่คิมหันต์เขาไม่มีวันมองแกหรอกนะยัยปี ไม่มีวัน”
พอได้ยินชื่อของคนที่ตนแอบชอบร่างบางจึงค่อยๆหันไปมองหน้าคนตัวเล็กกว่าด้วยความไม่เข้าใจ ส่วนแพรไหมยกยิ้มที่มุมปากเมื่อเห็นท่าทีตื่นตกใจของอีกฝ่าย
“พูดเรื่องอะไร”ถามย้ำ
“แกต้องขอบคุณฉันสิถึงจะถูก ที่ฉันให้โอกาสไปสารภาพรักกับผัวของตัวเอง” สองเท้าเดินเข้ามาประจันหน้ากับปีใหม่ราวกับผู้ชนะ
เกิดความเงียบไปชั่วขณะ หญิงสาวยืนตัวแข็งทื่อตะลึงงันกับคำพูดของเพื่อนรักเมื่อครู่ สมองประมวลเรื่องราวที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเรื่องที่แพรไหมคอยเป็นหูเป็นตาคอยสืบเรื่องคิมหันต์ให้เธอรู้อยู่ตลอดเวลา หนำซ้ำยังคอยเป็นที่ปรึกษาและเชียร์ให้ปีใหม่เข้าไปสารภาพรักกับคิมหันต์ตรงๆ ทั้งหมดนี้ไม่ใช่ความหวังดีแต่อีกฝ่ายจงใจที่จะแกล้งเธอต่างหากเพราะรู้อยู่แล้วว่ายังไงคิมหันต์ก็ปฏิเสธเธอ
‘คะ คือหนูชอบพี่ค่ะ’
ย้อนกลับไปวันเกิดเรื่อง…ด้วยฤทธิ์น้ำเมากับความรู้สึกที่พรั่งพรูทำให้ปีใหม่เดินไปดักรอคิมหันต์ที่หน้าห้องน้ำ เธอได้ข่าวจากแพรไหมว่าคิมหันต์จะมาดื่มกับเพื่อนที่ร้านนี้และเป็นโอกาสดีที่ปีใหม่จะสารภาพความรู้สึกออกไป แม้ในตอนแรกปีใหม่จะลังเลใจว่าควรบอกความรู้สึกหรือไม่ แต่เพราะมีแพรไหมคอยยุยงให้เธอทำตามหัวใจ ปีใหม่จึงกล้าที่จะสารภาพรักออกไปตรงๆ
‘ขอโทษนะ พี่มีคนที่ชอบแล้วน่ะ’
ร่างสูงผิวขาว ผมสีดำสนิทตัดสั้น คิ้วดกดำ ใบหน้าเรียวยาว จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากหยักสวย ในชุดเสื้อเชิ้ตสีเลือดหมู กางเกงขายาวสีดำ เขาคือคิมหันต์ อดีตเดือนคณะบริหารและยังเป็นเดือนมหาลัยเมื่อสองปีก่อน
ปีใหม่รู้จักคิมหันต์ตั้งแต่เข้ามาสมัครเรียน เธอเจอเขาที่ถูกอาจารย์ให้มาเป็นวิทยากรแนะนำมหาลัย ด้วยภาพลักษณ์ดูดียิ้มมีเสน่ห์ อีกทั้งยังเรียนเก่งคอยเป็นที่ปรึกษาทำให้เด็กสาวหลายๆ คนแอบปลื้มคิมหันต์อยู่ไม่น้อย ปีใหม่เองก็เช่นเดียวกัน เธอแอบปลื้มและคอยติดตามเรื่องราวของคิมหันต์ทั้งในมหาลัยและสื่อโซเชียล เรียกได้ว่าเป็นแฟนคลับตัวยงคนหนึ่งเลยก็ว่าได้
‘งั้นเหรอคะ’
ดวงตากลมน้ำตาคลอทิ้งสายตาลงพื้นไม่ให้อีกฝ่ายเห็นสีหน้าของเธอ ทั้งที่ทำใจมาแล้วแท้ๆ แต่ก็รู้สึกเศร้าอยู่ดี มือน้อยๆ ยกขึ้นเอาหลังมือปาดน้ำตาที่อยู่ๆ กันก็ร่วงหล่นลงมาอย่างสุดกลั้น
‘อีกอย่างเราไม่ใช่สเปคของพี่ พี่ชอบผู้หญิงผมยาวน่ะ ขอโทษนะ’
พูดจบก็ส่งยิ้มหล่อแล้วเดินจากไปทิ้งไว้ให้ปีใหม่ยืนเคว้งจมกับความรู้สึกเศร้าอยู่แบบนั้น พอคิดถึงภาพวันนั้นหัวใจของปีใหม่ก็รู้สึกบีบรัดขึ้นมาเสียดื้อๆ
“ผัว?”
ปีใหม่เอ่ยย้ำ เธอไม่ได้หูฟาดไปหรอกใช่ไหม
“จะบอกให้เอาบุญนะ ฉันกับพี่คิมหันต์เราเป็นแฟนกัน ที่สำคัญวันนั้นฉันก็เป็นคนบอกเขาเองว่าเธอจะตามไป”
ยกมือขึ้นกอดอกมองดูอดีตเพื่อนรักที่ยืนอึ้งด้วยสายตาสมเพช เรื่องที่เธอคบกับคิมหันต์นั้นคือเรื่องจริง การที่แพรไหมทำตัวเป็นสายข่าวแท้จริงแล้วนั้นมีจุดประสงค์ที่เข้าหารุ่นพี่อดีตเดือนมหาลัย ทั้งที่รู้ว่าปีใหม่นั้นแอบปลื้มรุ่นพี่ต่างคณะ แต่เพราะนิสัยอยากเอาชนะและอยากบริหารเสน่ห์ทำให้คิมหันต์ตกหลุมพรางได้ไม่ยากนัก
“เธอทำแบบนั้นทำไมแพร”
ปีใหม่ไม่เข้าใจว่าเธอไปทำอะไรให้อีกฝ่ายเกลียดชังนักหนา ทำไมแพรไหมถึงทำกับเธอเช่นนี้ ทั้งที่อีกฝ่ายก็เหนือกว่าเธอไปซะทุกอย่างไม่ว่าจะรูปร่าง หน้าตา ฐานะ ถ้าเทียบกับเธอที่หน้าตาบ้านๆ แล้วอีกฝ่ายเหนือกว่าอย่างเห็นได้ชัด
“ก็เพราะฉันเกลียดเธอไงปีใหม่”
“ทำไม ฉันไปทำอะไรให้เธอเกลียดอย่างนั้นเหรอแพร” ปีใหม่เอ่ยถามด้วยความคับข้องใจ เธอไปทำอะไรให้แพรไหมเกลียดชังเธอขนาดนี้
“ไม่มีอะไรมากหรอก ฉันก็แค่หมั่นไส้เธอก็เท่านั้นเอง เหตุผลแค่นี้ก็คงน่าจะเพียงพอนะ”
เรียวปากสวยแสยะยิ้มที่มุมปากก่อนจะชนไหล่เล็กแล้วเดินออกไปจากตรงนั้น ทิ้งไว้ให้ปีใหม่ยืนนิ่งจมอยู่กับความคิดวนเวียนอยู่ซ้ำๆ ช่างเป็นเหตุผลน่าตลกแต่ก็นั่นแหละเธอไปห้ามความรู้สึกใครไม่ให้ชอบเธอไม่ได้ มือเล็กค่อยๆ กำแน่นด้วยความเจ็บใจที่ถูกอีกฝ่ายหลอกใช้มานับปี หวังว่าต่อจากนี้ไปทั้งเธอและแพรไหมจะไม่มายุ่งเกี่ยวกันอีก
ไม่อย่างนั้นเธอคงไม่ทำเฉยแบบนี้อย่างแน่นอน
แอ๊ดดดดด
เหมียวๆๆๆๆ
เสียงเปิดประตูไม้ดังเอี๊ยดพร้อมกับเจ้าตัวเล็กสี่ขาสีขาวฟูฟ่องคือเจ้าสำลีแมวเปอร์เซียเพศเมียอายุหกเดือนกว่าเดินออกมาต้อนรับเจ้านายคนสวยของมันดั่งเช่นทุกวัน สำลีเดินเข้ามาคลอเคลียที่ช่วงขาเล็ก ดวงตากลมจ้องมองราวกับรับรู้ได้ถึงความเศร้าได้ของเจ้านายของมัน
“ขอบคุณนะสำลี”
พูดพร้อมกับคลี่ยิ้มสองมือยกเจ้าตัวเล็กอุ้มแนบอกเข้าไปในห้องไม่ลืมที่จะล็อกประตูให้มิดชิดเพราะกลัวว่าใครจะมาเห็นว่าเธอแอบเลี้ยงแมวไว้ในห้องแล้วไปฟ้องนิติที่ดูแลหอพักไม่อย่างนั้นเธอคงได้หาที่อยู่ใหม่เป็นแน่
เธอเพิ่งเจอกับเจ้าสำลีเมื่อสี่เดือนก่อน หลังจากการเรียนอันแสนเหน็ดเหนื่อยเธอเดินกลับหอพัก ผ่านกองขยะซึ่งมีกล่องเล็กๆ ใบหนึ่งวางอยู่ เสียงร้องเหมียวๆ ดังลอดทำให้ขาทั้งสองหยุดชะงัก พอรู้ว่าอะไรอยู่ในกล่องหญิงสาวไม่มีความลังเลที่จะเปิดมัน ปรากฏเป็นลูกแมวสองตัวสีขาวใบหน้าเต็มไปด้วยเชื้อราถูกนำมาทิ้งที่กองขยะ ตัวหนึ่งร่างกายซูบผอมหนังหุ้มกระดูกนอนนิ่งไม่ไหวติง พอปีใหม่จับตัวก็รู้ว่าน้องได้กลับดาวแมวไปแล้ว ส่วนอีกตัวคือเจ้าสำลีที่มีร่างกายซูบผอมเช่นกัน แต่มันก็ยังสู้ร้องเรียกรอคอยให้ใครที่ผ่านมาช่วยเหลือ สุดท้ายแล้วปีใหม่ก็ตัดสินใจว่าจะรับเลี้ยงเจ้าขนปุยสีขาวและนำร่างของพี่น้องเจ้าสำลีไปฝั่งที่ด้านหลังคณะของเธอ
เล่นกับเจ้าสำลีให้หายเหนื่อย ร่างบางเดินเข้าไปในห้องน้ำชำระล้างร่างกายด้วยใจที่แสนห่อเหี่ยว เจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลสั้นนุ่งผ้าขนหนูเดินกระโจมอกออกมาด้วยความรู้สึกโล่งหัว หันไปเห็นเจ้าตัวกลมกำลังนอนกลิ้งทำเสียงเพอร์แมวอย่างมีความสุขอดที่จะเข้าไปเกาพุงย้วยๆ ของมันไม่ได้ พลางคิดว่าทำไมจิตใจมนุษย์มันชั่งสุดหยั่งถึง หลายคนที่เข้ามาไม่ใช่ว่าเขาจะหวังดีกับเธอเสมอไป ผิดกับสัตว์เลี้ยงที่มันซื่อสัตย์กับเจ้าของเสียมากกว่า เพราะฉะนั้นเธอควรลืมและตั้งใจเรียนดั่งให้คำมั่นสัญญากับพ่อโส
Rrrrrrr
เสียงโทรศัพท์ทำให้ปีใหม่ล่ะจากเจ้าขนปุยแล้วเดินไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูหน้าจอมือถือ ปรากฏเบอร์แปลกโทรเข้ามาเกือบห้าสายแต่เพราะก่อนหน้านี้เธออยู่ในห้องน้ำจึงไม่ได้ยินเสียงโทรศัพท์ที่อยู่ด้านนอก นิ้วเรียวกดเลื่อนหน้าจอเพื่อรับโทรศัพท์พร้อมกับยกมันแนบหู
“ฮัลโหลค่ะ”
(ปีใหม่ ปีใหม่ใช่ไหม)
เสียงแหบพร่าของปลายสายดังลอดออกมา ปีใหม่ชะงักก่อนจะเอาโทรศัพท์ที่แนบหูมาดูเบอร์โทรเพื่อความแน่ใจ ไม่ว่าจะกี่ปีต่อกี่ปีเธอก็ยังจำเสียงของผู้หญิงปลายสายได้แม่น คนที่ทิ้งเธอกับพ่อไปเมื่อสิบปีก่อน
(นี่แม่เองนะ...ปีใหม่จำแม่ได้ไหมลูก)