Share

บทที่ 9

last update Last Updated: 2025-06-27 18:03:53

ค่ำคืนนี้ดูเหมือนเวลาช่างผ่านไปอย่างเชื่องช้าเหลือเกิน เคนเน็ธ ชาร์ลสตัน ยังนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานด้วยความรู้สึกกลัดกลุ้มและหงุดหงิด ทั้งที่พยายามบอกตัวเองว่าอัลเบิร์ตคงไม่กล้าทำอะไรอย่างที่พูดขู่เขา แต่หากเกิดคดีความขึ้นมาจริงๆ เขาก็ยังไม่รู้จะตัดสินใจอย่างไร ที่แน่ๆ มันคงจะกลายเป็นข่าวเสื่อมเสียให้อับอายไปทั้งแวดวงธุรกิจทีเดียว ปัญหาไม่ใช่ตรงนั้น แต่มหาเศรษฐีเฒ่ากลัวว่าเรื่องครั้งนี้จะสร้างบาดแผลร้าวลึกให้กับหัวใจอันบริสุทธิ์ของเจโคบีต่างหาก

หรือเขาควรจะยอมปล่อยวางทิฐิแล้วเสียเงินสักก้อนเพื่อซื้อกรรมสิทธิ์ในตัวหลานชายสุดที่รักแทน... แต่นั่นคงเป็นการส่งเสริมให้อัลเบิร์ตกลายเป็นแมงดา หากินกับลูกไปเรื่อยๆ อย่างไม่รู้จักจบสิ้น

ไม่มีทาง... เคนเน็ธจะไม่ยอมให้เจโคบีต้องตกเป็นเหยื่อความโลภของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นพ่อแท้ๆ อย่างเด็ดขาด...

“ท่านคะ” เสียงนุ่มละมุนสะกิดชายสูงวัยให้หลุดจากภวังค์ความคิด เขากระพริบตาถี่ๆ เพื่อเรียกสติของตัวเองกลับคืนมา

“นีนา... นี่ยังไม่เข้านอนอีกเหรอ” ทักทายกลับพลางหันไปมองด้วยความประหลาดใจ

“ดิฉันลงมาปิดประตูบ้าน พอดีเห็นไฟในห้องยังเปิดอยู่ก็เลยแวะมาดูน่ะค่ะ ท่านยังทำงานอยู่เหรอคะ จะรับน้ำชาหรือของว่างอะไรรองท้องซักหน่อยไหมคะ ดิฉันจะได้ไปเตรียมให้...”

ร่างบอบบางหยุดอยู่ที่หน้าประตูห้อง ลมเย็นๆ โชยเข้ามาทางหน้าต่างกระจกบานใหญ่ภายในห้องทำงาน ทำให้นรินทร์นารถต้องกระชับผ้าคลุมไหล่เข้าหาตัว

เคนเน็ธทอดสายตามองหญิงสาวในชุดนอนผ้าฝ้ายตัวเก่าที่ชินตา แล้วก็ต้องลอบยิ้มออกมาพร้อมกับส่ายหน้าน้อยๆ... คนบางคนก็รู้จักแต่ล้างผลาญ ไม่เคยเห็นคุณค่าของเงิน อีกคนกลับมัธยัสถ์เสียจนขัดหูขัดตา...

ทว่าสิ่งหนึ่งที่ชายสูงวัยต้องยอมรับก็คือ... ยามเมื่อเรือนผมดำขลับถูกมัดรวบเป็นหางม้าอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ยิ่งเผยให้เห็นใบหน้าเรียวเล็กที่ขาวกระจ่าง ทั้งดวงตาสุกใสและริมฝีปากสีกุหลาบ ส่งให้บุตรสาวบุญธรรมของเขาดูน่ารักชวนมองจริงๆ นี่เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ช่วยให้เคนเน็ธรู้สึกสบายใจขึ้นทุกครั้งเวลาที่ต้องเผชิญกับความเครียด...

“ไม่ต้องหรอก ขอบใจมาก...” มหาเศรษฐีเฒ่าตอบด้วยน้ำเสียงเอ็นดู “ถ้าเธอยังไม่ง่วงก็เข้ามานั่งคุยเป็นเพื่อนฉันสิ” เขาชักชวนต่อ

“ค่ะท่าน” หญิงสาวก็รับรู้ได้ถึงความกังวลที่แฝงอยู่ในสีหน้าของอีกฝ่าย ยิ่งก้าวเข้ามาภายในห้องแล้วสังเกตเห็นเศษขวดแก้วที่แตกกระจายอยู่บนพื้นมุมห้องก็ยิ่งเป็นห่วง “เอ่อ...คุณอัลเบิร์ต... ทำให้ท่านไม่สบายใจอีกแล้วเหรอคะ...” เธอลังเลใจที่จะถาม

“ก็จะมีเรื่องอะไรได้อีกล่ะ หือ...” เคนเน็ธแกล้งยิ้มแย้ม เห็นเป็นเรื่องขบขัน “ไอ้ลูกไม่เอาถ่านนั่นมันก็มาด้วยเรื่องเดิมๆ นั่นแหละ แต่ฉันก็ตั้งใจเอาไว้แล้วว่าถ้าหากมันยังเปลี่ยนนิสัยไม่ได้ มันก็จะไม่มีวันได้อะไรไปจากฉันอย่างเด็ดขาด”

“เขาคงคงจะหัวเสียมาก... แต่ดิฉันคิดว่า ซักวันคุณอัลเบิร์ตคงจะเข้าใจเหตุผลของท่านแน่ๆ ค่ะ...” หญิงสาวพยายามพูดปลอบ

“ถ้าหวังจะให้มันเข้าใจอย่างที่เธอว่า เห็นทีฉันคงจะแก่ตายไปเสียก่อนกระมัง... รู้ไหมนีนา คราวนี้มันกล้าถึงกับใช้เจค็อบมาข่มขู่ฉันเลยนะ...”

“ข่มขู่... ข่มขู่อะไรเหรอคะ” ดวงตาสีดำเบิกกว้างด้วยความสงสัย

“มันบอกว่าจะเอาเจค็อบกลับไปเลี้ยงเอง”

“เจค็อบ... ทำไมล่ะคะ... สองสามปีมานี้คุณอัลเบิร์ตกับคุณโรสแทบจะไม่เคยได้เจอหน้าเจค็อบด้วยซ้ำ... ทำไมจู่ๆ จะพาตัวเขากลับไปล่ะคะท่าน...” หญิงสาวลนลานถามจนมหาเศรษฐีเฒ่าต้องโบกมือปราม

“ฉันบอกแล้วไงว่ามันแค่ใช้เรื่องนี้มาข่มขู่ขอเงิน น้ำหน้าอย่างพวกมันผัวเมียน่ะเหรอจะมีปัญญาเลี้ยงลูก”

“แล้ว... ท่านจะทำยังไงต่อไปล่ะคะ” ความกังวลใจยังขมวดแน่นอยู่ที่กลางหว่างคิ้ว

“ฉันไม่มีวันยกหลานชายของฉันให้ไปอยู่กับพ่อแม่สันดานเลวๆ อย่างนั้นหรอก...”

“ท่านจะยอมให้เงินคุณอัลเบิร์ตเหรอคะ...”

“เรื่องนั้นก็ไม่มีวันอีกเหมือนกัน... คนอย่าง เคนเน็ธ ชาร์ลสตัน น่ะเหรอจะยอมให้ไอ้ลูกเมื่อวานซืนมาขู่” แค่นเสียงเฮอะ “ถ้ามันคิดจะเล่นกับฉัน มันก็ต้องไปหาทางสู้กันในชั้นศาลเท่านั้น แล้วฉันก็มั่นใจว่าทนายของฉันจะเล่นงานพวกมันจนหมดทางดิ้นรนอีก” นั่นคือทางเลือกสุดท้าย ถ้ามันจำเป็นจริงๆ... เขาคิด

นรินทร์นารถค่อยรู้สึกโล่งใจขึ้นมาได้บ้าง แต่ก็ยังอดห่วงไม่ได้ “หวังว่ามันจะไม่รุนแรงถึงขนาดนั้นนะคะ ถ้าเจค็อบต้องขึ้นศาลด้วยเรื่องนี้... เขาคงเสียใจมาก”

“ฉันก็เป็นห่วงเรื่องนี้เหมือนกันกับเธอนั่นแหละ นีนา...” เคนเน็ธถอนหายใจซ้ำๆ การได้ระบายกับหญิงสาวทำให้เขารู้สึกดีขึ้นมากก็จริง หากทว่าลางสังหรณ์บางอย่างก็บอกว่าเรื่องนี้คงไม่ลงเอยง่ายๆ อย่างที่คิด “ยังไงก็ตาม... ช่วงที่ฉันกลับไปลอนดอน คงต้องวานให้เธอดูแลเจค็อบอย่างใกล้ชิดเป็นพิเศษ...”

“หมายความว่ายังไงเหรอคะ... หรือคุณอัลเบิร์ตจะ...”

“ฉันคิดว่ามันคงไม่กล้าพาตัวเจค็อบไปในตอนที่ฉันไม่อยู่หรอก... แต่ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ ต่อให้ต้องแจ้งตำรวจเธอก็ต้องทำ เข้าใจใช่ไหมนีนา...”

“ท่านคะ เอ่อ...” หญิงสาวอึกอัก ลำบากใจที่จะรับปาก แต่สุดท้ายก็ต้องก้มหน้ารับคำ “ดิฉัน... จะดูแลเจค็อบจนสุดความสามารถค่ะ...”

“ไม่ต้องห่วงหรอกนะ... ฉันก็แค่พูดเผื่อเอาไว้เท่านั้นแหละ...” มหาเศรษฐีเฒ่าหัวเราะแกนๆ คนอย่างไอ้อัลเบิร์ตน่ะไม่กล้าเสี่ยงกับข้อหาบุกรุกหรอก มันรู้จักนิสัยพ่อของมันดี ถ้ากล้าลองดีกับฉัน ฉันก็ไม่ปล่อยมันไว้แน่ๆ” คำพูดนั้นสร้างความอุ่นใจให้แก่เธอได้มากโข “เสร็จงานคราวนี้ ฉันตั้งใจจะพักร้อนแล้วพาเธอกับเจค็อบหลบเรื่องบ้าๆ นี่ไปล่องเรือที่เมดิเตอร์เรเนียนกันซักครึ่งเดือนดีไหม...”

“ทุกอย่างก็แล้วแต่ท่านเถอะค่ะ ดิฉันไม่ขัดข้องอะไร แต่คนที่ดีใจที่สุดคงจะเป็นเจค็อบ เพราะรายนั้นดูจะคลั่งไคล้เรือเอามากๆ” นรินทร์นารถต้องยิ้มออกเมื่อคิดถึงภาพเด็กน้อยกำลังตื่นเต้นดีใจอยู่บนเรือยอชต์ลำใหญ่ท่ามกลางทะเลกว้าง

เคนเน็ธมองรอยยิ้มของบุตรสาวบุญธรรมผู้ดื้อรั้นด้วยความรักใคร่ ไม่ว่าเธอจะยอมรับหรือไม่ก็ตาม เขาตั้งใจเอาไว้แล้วว่าจะดูแลให้เธอได้รับทุกสิ่งทุกอย่างอย่างที่บุตรสาวคนหนึ่งควรจะได้รับจากบิดา และนั่นทำให้เขานึกถึงอีกเรื่องหนึ่งซึ่งเกือบจะลืมไปเสียแล้ว

“จะว่าไปแล้วฉันก็เอาแต่ห่วงเจค็อบจนลืมเรื่องเธอไปเลย...”

“เรื่องอะไรเหรอคะท่าน...” นรินทร์นารถเอียงคอสงสัย

“ก็เรื่องพ่อหนุ่มแม็คลาเรนที่ฉันเคยแนะนำให้รู้จักยังไงล่ะ เท่าที่เคยคุยกัน ฉันคิดว่าเขาดูจะเป็นคนหนุ่มที่มีความสามารถและนิสัยใจคอใช้ได้ทีเดียว... ในเมื่อจนป่านนี้แล้วเธอก็ยังไม่ยอมเรียกฉันว่าพ่อ เธอก็น่าจะหาคนมาทำหน้าที่นี้แทนเธอนะ นีนา...” เขาพูดกลั้วหัวเราะ “ถ้าได้นักธุรกิจเก่งๆ อย่างเขามาเป็นลูกเขยล่ะก็ คงจะพอทดแทนลูกชายไม่เอาอ่าวอย่างไอ้อัลเบิร์ตได้ ว่าไง หือ...”

ฟังคำสัพยอกของผู้สูงวัย แก้มของหญิงสาวชาวไทยก็แดงระเรื่อขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย พานนึกไปถึงใบหน้าอันหล่อเหลาของ โฮเวิร์ด แม็คลาเรน นักธุรกิจหนุ่มทายาทตระกูลผู้ดีในสกอตแลนด์ที่แวะมาติดต่องานกับเคนเน็ธที่คฤหาสน์ชาร์ลสตันอยู่เสมอๆ

“ท่านอย่าพูดล้อเล่นอย่างนั้นสิคะ... คุณแม็คลาเรนเป็นถึงผู้สืบสายเลือดของท่านเอิร์ล (3) ดิฉันไม่กล้าคิดอะไรกับคนระดับนั้นหรอกนะคะ” แม้จะลนลานปฏิเสธ แต่ลึกๆ ในใจหญิงสาวเองก็ชื่นชมอัธยาศัยของเขาอยู่ไม่น้อย

“ท่านองท่านเอิร์ลอะไรกัน สมัยนี้มีใครสนใจกับบรรดาศักดิ์โบราณไร้สาระนั่นล่ะ” เคนเน็ธดุยิ้มๆ “แต่ถึงเป็นเอิร์ลก็จะเป็นไรไป ทุกวันนี้ตระกูลแม็คลาเรนเองยังต้องพึ่งพาอาศัยพ่อค้าธรรมดาๆ อย่างฉันเลยนี่... นีนา ตอนนี้เธอได้ชื่อว่าเป็นลูกสาวของ เคนเน็ธ ชาร์ลสตัน แล้ว ฉันพูดได้เต็มปากว่าต่อให้เป็นมาร์ควิสหรือดยุคก็ไม่มีใครกล้าปฏิเสธเธอหรอกนะ” น้ำเสียงของเขาฟังดูเป็นจริงเป็นจัง

“แต่เรื่องนี้ เอ่อ... คุณแม็คลาเรนเขาไม่ได้สนใจดิฉันหรอกค่ะ ท่านเอาเรื่องนี้มาหยอกดิฉัน ใครได้ยินเข้าเขาจะหัวเราะเยาะเปล่าๆ...” หญิงสาวก้มหน้างุด ใบหน้าร้อนผ่าวแต่ก็แอบซ่อนรอยยิ้มเอาไว้ไม่ให้อีกฝ่ายเห็น

“ไม่สนใจก็ไม่สนใจ เอาเป็นว่าถ้าเขามาสู่ขอเธอกับฉันเมื่อไหร่ ฉันจะปฏิเสธไปก็แล้วกันนะ” มหาเศรษฐีเฒ่าแกล้งเย้า

“ท่านก็... ดิฉันไม่คุยกับท่านแล้วนะคะ” นรินทร์นารถทำเสียงกระเง้ากระงอด

“เอาล่ะๆ ฉันไม่พูดเรื่องนี้แล้ว เธอไปพักผ่อนเถอะ ฉันเองก็จะขึ้นไปนอนแล้วเหมือนกัน” เคนเน็ธบอกพร้อมๆ กับดันตัวเองลุกขึ้นจากเก้าอี้

“เอ่อ...” สายตาเธอเหลือบมองเศษแก้วบนพื้นด้วยความลังเลใจ ใจหนึ่งนึกอยากจะอยู่เก็บกวาดห้องให้เรียบร้อยเสียก่อน แต่หญิงสาวก็ไม่อยากสะกิดให้อีกฝ่ายหวนคิดถึงเรื่องที่เขากำลังกลัดกลุ้มอีก “ถ้าอย่างนั้น... ดิฉันขอตัวก่อนนะคะ”

“ราตรีสวัสดิ์ นีนา”

“ราตรีสวัสดิ์ค่ะท่าน” หญิงสาวย่อตัวน้อยๆ เป็นการลาตามมารยาท

สายตาเอื้ออาทรของเคนเน็ธเฝ้ามองร่างของบุตรสาวบุญธรรมก้าวออกไปจากห้องอย่างเศร้าๆ ถ้าหากเอลิซาภรรยาของเขายังมีชีวิตอยู่ ด้วยความที่อยากมีบุตรสาว เธอคงจะรักใครเอ็นดูนรินทร์นารถมาก และเธอก็คงจะทุกข์ใจมากกว่าเขา ถ้ารู้ว่าอัลเบิร์ตกลายเป็นคนต่ำช้าขนาดนี้

มหาเศรษฐีเฒ่าถอนหายใจหนักๆ อีกครั้งก่อนจะเดินตามออกไปช้าๆ แสงไฟจากโคมระย้าในห้องมืดดับลงพร้อมกับเสียงประตูค่อยๆ แง้มปิด เคนเน็ธได้แต่ภาวนาและหวังว่าช่วงเวลาสี่ห้าวันที่เขากลับไปลอนดอนจะไม่มีเรื่องร้ายใดๆ เกิดขึ้นกับคนที่เขารักทั้งสองคน

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • คลื่นรักเชลยหัวใจ 1 เมียเชลย   บทส่งท้าย

    ทันทีที่ประตูห้องชั้นบนสุดของตึกหน้าเปิดออก อัลเฟรโดก็ดึงแขนนรินทร์นารถซึ่งมีท่าทีไม่เต็มใจ ให้เดินตามเข้าไปจนถึงชุดโซฟาสำหรับนั่งพักผ่อนด้านใน ก่อนที่เขาจะนั่งลงบนเก้าอี้ตัวหนึ่งเป็นการบังคับกลายๆ ให้เธอนั่งตามตั้งแต่เขาพาตัวเธอและเจโคบีกลับมาถึงคฤหาสน์ทะเลทราย ชายหนุ่มก็เอาแต่นิ่งเงียบ ไม่ยอมพูดอะไรอีกแม้แต่คำเดียว ทำให้ในใจของนรินทร์นารถเต็มไปด้วยความวิตกกังวล กลัวว่าหลังนี้เขาจะควบคุมตัวเธอเอาไว้แต่ในตึกหลังโดยไม่อนุญาตให้เจอกับเจโคบีเพื่อป้องกันไม่ให้เธอมีโอกาสพาเด็กชายหนีไปอีก“คุณอัลเฟรโดคะ...” หลังจากทิ้งตัวลงบนโซฟายาวที่อยู่เยื้องกัน ถึงจะยังหวั่นๆ กับความผิดของตัวเอง แต่หญิงสาวก็ตัดสินใจเอ่ยปาก ดีกว่าต้องทนอยู่ในบรรยากาศที่น่าอึดอัดอย่างนี้ต่อไป “ฉันรู้ว่าทำให้คุณโกรธ... แต่ว่าฉัน...” เธอเคยบอกเขาหลายครั้งแล้วว่าเธอจำเป็นต้องพาเจโคบีกลับไปคืนให้เคนเน็ธ“ฉันไม่ได้โกรธเธอ...” ชายหนุ่มพูดขัดคอด้วยน้ำเสียงที่คาดเดาไม่ถูก“แล้วคุณ... พาฉันมาที่นี่ทำไมคะ...”นรินทร์นารถไม่เข้าใจว่าเขาต้องการอะไร แต่ไม่คิดว่าอัลเฟรโดจะพาเธอขึ้นมาถึงที่นี่เพื่อลงโทษด้วยการร่วมรักอย่างโหดเหี้ยมอำมห

  • คลื่นรักเชลยหัวใจ 1 เมียเชลย   บทที่ 55

    “นะ...นี่ตกลงว่าจะเอายังไงกันแน่!” เขาตะคอกอย่างลืมตัว“ฉันทิ้งลูกชายเอาไว้ที่ตลาด... ให้ฉันไปรับตัวเขามาที่นี่ก่อน ไม่อย่างนั้นฉันก็ยังให้ของคุณไม่ได้หรอกค่ะ...”ดวงตาสีฟ้าจ้องเขม็งมายังใบหน้าของหญิงสาวชาวเอเชีย ตอนแรกเขาคิดว่าถ้าเธอเกิดเปลี่ยนใจอย่างกะทันหันเพราะเสียดายตุ้มหูเพชรคู่นั้นขึ้นมา เขาก็ยังพอตัดใจได้ แต่เมื่อได้เห็นสร้อยเพชรที่น่าจะหนักมากกว่าสามสิบกะรัต สตินึกคิดและความยับยั้งชั่งใจก็ขาดผึง“อย่าต่อรองกับฉันดีกว่าน่า! หรืออยากจะให้ฉันเรียกตำรวจมาก่อน หา!”กัปตันเรือสินค้าวัยกลางคนปักใจเชื่อว่านรินทร์นารถจะต้องเป็นทาสหรือไม่ก็นางบำเรอของเศรษฐีคนใดคนหนึ่งที่พยายามหลบหนีไปจากที่นี่พร้อมๆ กับของมีค่าที่เธอขโมยมา แล้วเรือของเขาก็เป็นทางเดียวที่จะช่วยเธอได้... เพราะฉะนั้น อย่างน้อยๆ เขาก็น่าจะรีดเอาเครื่องเพชรของเธอมาได้มากกว่าแค่ตุ้มหูคู่นั้น จึงเจตนาข่มขู่ให้เธอหมดทางเลือก...“ฉัน... ฉันไม่ไปกับคุณแล้ว... ฉันจะกลับไปหาเจค็อบ...” หญิงสาวละล่ำละลัก สภาพการณ์ที่เห็นทำให้เธอเกิดไม่ไว้เขาขึ้นมาหลังจากผ่านเหตุการณ์มากมาย ถูกสองกุ๊ยชาวจีนลักพาตัวมาขังบนเรือประมง ถูกคนหัวล้านท่าทาง

  • คลื่นรักเชลยหัวใจ 1 เมียเชลย   บทที่ 54

    ขณะที่ยืนลังเลตัดสินใจอะไรไม่ถูกอยู่นั้น จู่ๆ เธอก็ได้ยินเสียงเอ็ดตะโรที่ท่าเรือด้านใน จึงรีบหันไปมองด้วยความตกใจ หญิงสาวพบว่าเจ้าของเสียงเป็นชายวัยกลางคนรูปร่างสูงใหญ่ เขากำลังยืนชี้นิ้วตวาดคนงานที่ขนลังสินค้าอะไรสักอย่างขึ้นไปบนเรือขนาดใหญ่ลำหนึ่งชายคนนั้นมีศีรษะล้านเลี่ยน หนวดเครารุงรัง ดูจากการแต่งตัวลำลองแบบชาวตะวันตกและท่าทางวางอำนาจกับเหล่าคนงานพื้นเมืองแล้ว ทำให้เดาได้ไม่ยากว่าเขาจะต้องเป็นกัปตันของเรือขนส่งสินค้าลำนั้นอย่างแน่นอน...ถึงแม้ว่าใบหน้าที่เธอมองเห็นจะบอกถึงความดุร้ายเจ้าอารมณ์ แต่สิ่งที่ทำให้ดวงตานรินทร์นารถต้องเบิกกว้าง หัวใจเต้นระทึก ก็คือรูปร่างหน้าตาของเขา... มันเป็นลักษณะของชาวตะวันตกอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะดวงตาสีฟ้าอมเทา ผมสีทอง หรือผิวที่กลายเป็นสีแดงจัดเพราะถูกแดดเผา...“เอ่อ... ขอโทษนะคะ ไม่ทราบว่าคุณพอจะพูดภาษาอังกฤษได้หรือเปล่า...” ด้วยเวลาแห่งความปลอดภัยที่มีเหลืออยู่เพียงน้อยนิด หญิงสาวไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้ว นอกจากเสี่ยงดวงเดินเข้าไปทักเขาตรงๆ“มีอะไร” เขาถามเธอกลับแทนคำตอบ “เห็นหรือเปล่าว่าฉันกำลังยุ่งอยู่ เธอมีธุระอะไรกับฉันก็รีบว่ามาเร็วๆ” น้ำเสียง

  • คลื่นรักเชลยหัวใจ 1 เมียเชลย   บทที่ 53

    “เฮ้ย! อย่ามานอนแถวนี้ ลุกออกไปเร็วๆ เข้า ลุกๆ!” เสียงโหวกเหวกโวยวายของชายแปลกหน้าชาวโมร็อกโกปลุกร่างสองร่างที่ซุกตัวอยู่ใต้ผ้ากระสอบผืนใหญ่ให้ตื่นขึ้นด้วยความตกใจ ขณะที่เขาไม่สนใจปฏิกิริยาของคนทั้งคู่ เดินเข้ามายกลังไม้เปล่าๆ สองสามใบที่ตั้งอยู่ข้างๆ เธอกลับออกไปถึงแม้จะไม่เข้าใจภาษาอาหรับที่เขาใช้ แต่ดูจากสีหน้าท่าทางของเขาเมื่อสักครู่ เธอก็รู้ว่าเขาไม่ต้องการให้เธอและเจโคบีอยู่ที่นั่นต่อนรินทร์นารถรีบประคองเด็กชายยืนขึ้น เขายังมีสีหน้างัวเงีย แต่ก็ยอมลุกเดินตามเธอออกจากซอกอาคารแคบๆ แห่งนั้นโดยดีหญิงสาวเหลือบมองชายวัยกลางคนคนเดิมวางลังไม้ลงบนพื้นแล้วปูด้วยเสื่อเก่าๆ ผืนหนึ่ง จากนั้นก็เดินเข้าไปยกเอาลังกระดาษใบใหญ่จากด้านในตัวอาคารมาวางตั้ง ก่อนที่จะหยิบอินทผลัมสุกหลายทะลายในลังออกมาวางเรียงรายบนนั้น“ยังจะมองอะไรอยู่อีก! ไปๆๆ! อย่ามายืนขวางหน้าร้าน” เขาเงยหน้าขึ้นพูดด้วยถ้อยคำที่เธอยังคงฟังไม่รู้เรื่องพลางโบกไม้โบกมือไล่ “แต่งเนื้อแต่งตัวก็ดี หอบหิ้วลูกออกมาเร่ร่อนเป็นขอทานซะได้... ไม่ไหวจริงๆ ผู้หญิงสมัยนี้...” พ่อค้าผลไม้คนเดิมบ่นไล่หลังชายคนนั้นไม่ได้แปลกใจที่เห็นเธอและเจโคบี

  • คลื่นรักเชลยหัวใจ 1 เมียเชลย   บทที่ 52

    เช้าตรู่วันนั้น ภายในตึกเล็กของคฤหาสน์ทะเลทรายก็เกิดความวุ่นวายโกลาหล เมื่อบุตรชายของอัลเฟรโดพบว่าน้องชายคนใหม่ของเขาเกิดหายตัวไปจากห้องอย่างลึกลับ ตอนแรกอิสซามเข้าใจว่าเด็กชายคงจะตื่นและลงไปเดินเล่นที่สวนหน้าตึก แต่เมื่อถามจากปากยามซึ่งมีหน้าที่ดูแลประตู เขาจึงรู้ว่ามีเรื่องไม่ชอบมาพากลเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อคืน“ใครบอกแกว่าเมื่อคืนนี้อัลวาโรไม่สบาย อามีน” อิสซามตะคอกใส่ยามวัยกลางคนที่กำลังยืนก้มหน้างุด ข้างๆ ยังมียามหนุ่มอีกคนซึ่งมีสีหน้าหวาดหวั่นไม่ต่างกันถึงแม้จะมีวัยแค่สิบขวบ แต่เด็กชายผิวคล้ำหน้าตาคมเข้มก็เป็นทายาทเพียงคนเดียวของพ่อค้าอาวุธสงครามผู้ทรงอิทธิพล โดยเฉพาะสติปัญญาอันเฉลียวฉลาดและบุคลิกเปี่ยมด้วยอำนาจที่ได้รับการถ่ายทอดมาจากผู้เป็นพ่อ ทำให้ไม่มีใครในคฤหาสน์ของอัลเฟรโดมองเขาเป็นแค่เด็กตัวเล็กๆ คนหนึ่ง“สะ...สาวใช้ที่ราเนียส่งมาดูแลครับ คุณอิสซาม...” อามีนตอบตะกุกตะกัก“ไอ้โง่! บอกแค่นั้นแกก็ยอมให้เข้ามาในตึกแล้วหรือไง ถ้าทำงานได้แค่นี้ฉันบอกให้พ่อเลี้ยงหมายังจะดีซะกว่า”“ไอ้หนู เอ่อ คุณอัลวาโร... หายไปอย่างนั้นเหรอครับ” อีกฝ่ายถามกลับอย่างกล้าๆ กลัวๆ“ก็ใช่น่ะสิ รอให้พ่อ

  • คลื่นรักเชลยหัวใจ 1 เมียเชลย   บทที่ 51

    “หนาวไหมจ๊ะ” นรินทร์นารถกระซิบถามเจ้าของร่างน้อยๆ ที่เดินอยู่เคียงข้างเด็กชายส่ายหน้าแทนคำตอบ แต่การที่เขาคอยเป่าลมหายใจใส่อุ้งมือทั้งสองข้างตลอดเวลามันก็บอกชัดเจนอยู่แล้วว่าเจโคบีไม่ต้องการให้เธอเป็นห่วงจริงอยู่ที่ทาร์ฟายาเป็นเมืองท่าติดทะเล ได้รับอิทธิพลจากลมทะเลในตอนกลางวัน ทำให้มีอุณหภูมิเย็นสบายตลอดทั้งปี แต่สภาพภูมิประเทศส่วนใหญ่ยังคงรายล้อมไปด้วยทะเลทราย เมื่อถึงเวลากลางคืนอากาศจึงเย็นจัดเนื่องจากพื้นที่ที่เป็นทรายจะไม่สามารถกักเก็บความร้อนเอาไว้ได้เหมือนพื้นดินหญิงสาวเปลื้องผ้าคลุมบนศีรษะ ย่อตัวลงนั่งคุกเข่าตรงหน้าเขาก่อนจะห่มผ้าผืนนั้นให้“ผมไม่หนาวหรอกฮะ... นีนาเอาเก็บไว้ห่มเองเถอะ...” ปากบอกอย่างนั้นแต่ฟันกระทบกันเสียงดังกึกกักพี่เลี้ยงสาวไม่ฟังคำพูดของเขา กระชับผืนผ้าให้แน่นแล้วยัดชายทั้งสองข้างใส่ไว้ในมือน้อยๆ“ห่มเอาไว้ จะได้ไม่เป็นหวัด...” ยกมือขึ้นหยิกแก้มของเขาเบาๆ “เจค็อบเหนื่อยหรือยัง... อดทนอีกหน่อยนะจ๊ะ อีกไม่นานก็จะถึงในเมืองแล้ว...”“ทำไมเราไม่ไปตามถนนล่ะฮะ... ตอนที่มากับพวกโจรสลัดเราไม่เห็นต้องเดินบนทรายอย่างนี้เลย...”เจโคบีหันไปมองรอบๆ ตัวที่มีแต่ผืนทรายก

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status