Masukในเวลานี้ที่บ้านของรองอธิการบดีฐานิน เริ่มร้อนระอุขึ้นหลังจากญานินทราบเรื่องที่เขมมิกาได้ย้ายมาเป็นอาจารย์สอนพิเศษในมหาวิทยาลัยเกษมเมฆา
“ญาไม่ยอมนะคะพ่อ นางนั่นจะกลับมาแย่งศาสตราจารย์ปรเมศไปจากญาไม่ได้เด็ดขาด”
“ใจเย็น ๆ สิลูก”
“จะให้ญาใจเย็นยังไงไหวล่ะคะ”
“ด็อกเตอร์เขมมิกาเคยแต่งงานมาแล้ว เธอมีลูกกับผู้ชายอื่น ยังไงศาสตราจารย์ปรเมศคงไม่ไปคว้าเอาแม่ม่ายลูกติดมาเป็นคู่ชีวิตอย่างแน่นอน” รองอธิการบดีผู้รักลูกสาวยิ่งกว่าไข่ในหิน พยายามหาข้อบกพร่องของเขมมิกา เพื่อให้ญานินดูเหนือกว่าอีกฝ่ายทุกประการ
“เด็กคนนั้นเป็นลูกของใครคะ คงไม่ใช่ลูกของศาสตราจารย์ปรเมศหรอกนะ”
“พ่อให้คนไปสืบมาแล้ว เด็กคนนั้นเป็นลูกของผู้ชายอีกคนชื่อว่ามาลิค”
“คุณพ่อแน่ใจนะคะว่าข้อมูลไม่ผิดพลาด”
“แน่ใจสิ หนูอยากไปชอปปิงไหม เอาบัตรนี่ไปรูดได้ตามใจชอบ ไม่ได้จำกัดวงเงิน” เวลานี้ท่านรองอธิการฐานินกำลังใช้เงิน เพื่อหลอกล่อให้ลูกสาวคลายความกังวลใจ ทั้งที่ผู้ชายเขาไม่มีใจให้หล่อนเลยสักนิ
“ขอบคุณค่ะพ่อ” หล่อนโผเข้าไปซบผู้เป็นบิดา พลางคว้าบัตรเครดิตมาถือเอาไว้ด้วยใบหน้ายิ้มระรื่น
“สองพ่อลูกกำลังคุยอะไรกันอยู่เอ่ย” น้ำเสียงของมารดาดังขึ้น ซึ่งทำให้ญานินรีบโชว์บัตรในมือขึ้นมา
“วันนี้ญาขอตัวไปชอปปิงก่อนนะคะ รักคุณพ่อคุณแม่ที่สุดในโลกเลยค่ะ จุ๊บ! จุ๊บ!” หล่อนหันไปจุ๊บบิดามารดาคนละที ก่อนจะเอื้อมมือไปคว้ากระเป๋าถือรุ่นลิมิเต็ดราคาหกหลัก เดินนวยนาดออกไปจากบ้านอย่างมีจริตจะก้าน มองมาจากดาวอังคารก็รู้ว่าหล่อนเอาแต่ใจตัวเองเป็นหลัก
“คุณตามใจลูกอีกแล้วนะคะ”
“เรามีลูกสาวคนเดียว อะไรคือความสุขของลูกผมยินดีหามาให้ แม้แต่เดือนกับดาว ผมก็ยังจะคว้ามันมาให้กับญานินลูกสาวของเรา”
ในเวลานี้ความถูกต้องกลายเป็นสิ่งผิดไปแล้ว เพราะในนิยามของชายสูงวัยมีแต่ความถูกใจ ไม่ว่ายังไงลูกสาวของเขาก็คือจุดกลางของจักรวาล น่าเสียดายความรู้ที่ร่ำเรียนมาไม่ได้ทำให้ญานินได้ใช้ประโยชน์ไปในทางสร้างสรรค์เลยสักนิด
///////
รถยนต์คันหรูแล่นเข้ามาในบ้านหลังใหม่ ที่ยังตกแต่งไม่เสร็จ ทว่าเขาไม่ได้โฟกัสในจุดนั้น คนบ้านข้าง ๆ ต่างหากคือจุดหมายที่เขากำลังตามหา ทว่าเธอกลับมีลูกกับผู้ชายคนอื่นไปแล้ว “คุณแม่ขา... วันนี้มิรามีเพื่อนใหม่หลายคนเลยค่ะ” ปาร์ตี้เล็ก ๆ หน้าบ้านของสองแม่ลูก กำลังกลายเป็นจุดสนใจของใครบางคน
“ไปโรงเรียนลูกดูสนุกดีนะ แบบนี้แม่ค่อยสบายใจหน่อย” เขมมิกายิ้มให้มิรา พลางแกะกุ้งให้ลูกสาวไปด้วย
“มิราเป็นเด็กฉลาดแม่ไม่ต้องห่วงนะคะ คุณครูบอกว่ามิราเก่งพูดได้หลายภาษา ที่สำคัญคุณครูชมว่าแม่ของมิราสวยมาก ๆ เลยค่ะ”
เขมมิกาตั้งใจฟังลูกสาวสาธยายเป็นเรื่องเป็นราวยังกับผู้ใหญ่ เธอรู้สึกภูมิใจที่วันนี้มีมิราอยู่ข้างกาย จากชีวิตที่เคยมืดมนแสงสว่างจากเทียนเล่มเล็ก ๆ กลับนำทางให้เธอได้ค้นเจอทางออกของชีวิต
“พูดเก่งไม่มีใครเกิน แม่ภูมิใจในตัวหนูมากเลยนะเด็กดี”
“มิราก็ภูมิใจในตัวแม่ค่ะ”
“เข้าใจพูดนะเราเนี่ย อิ่มหรือยังคะ”
“อิ่มแล้วค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นแม่เอาของไปเก็บเลยนะ หนูเข้าบ้านเลยไหม”
“มิราขอนั่งวาดรูปตรงนี้ก่อนได้ไหมคะคุณแม่”
“ได้สิจ๊ะ แม่เอาของไปเก็บก่อนนะ ห้ามออกนอกบ้านเข้าใจไหมคะ”
“เข้าใจแล้วค่ะ แม่ย้ำทุกวันจนมิราจำขึ้นใจแล้วค่ะ”
“รู้ก็ดีแล้วค่ะ แม่ย้ำเพราะเป็นห่วงรู้ไหมยัยเด็กแสบ” เขมมิกาพูดพลางส่ายศีรษะไปมาเบา ๆ ลูกสาวของเธอต่อปากต่อคำเก่งเหมือนใครก็ไม่รู้ ตัวแค่นี้แต่ใจนักเลง ไม่ยอมถูกรังแกอยู่ฝ่ายเดียว จนเขมมิกากลัวว่าลูกสาวของเธอจะเป็นเด็กก้าวร้าว
หลังจากเขมมิกาเก็บของเข้าไปในบ้าน ศาสตราจารย์ด็อกเตอร์ปรเมศ ถึงกับยกมือขึ้นมาแตะอกข้างซ้ายเบา ๆ หัวใจของเขามันเต้นแรง เสียจนแทบกระเด็นออกมา นานแค่ไหนแล้วที่เขาไม่ได้เจอหน้า นานแค่ไหนแล้วที่เขาไม่ไดยินน้ำเสียงอ่อนหวานกับท่าทีอ่อนโยนของเธอ
“มันสายไปแล้วใช่ไหมเขมมิกา ผมคงไม่สามารถพาคุณกลับมาใช้คำว่าเราได้อีกแล้วใช่ไหม” เขาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงแหบพร่า แววตาที่เคยเป็นประกาย ในเวลานี้กลับแฝงไปด้วยร่องรอยของความสิ้นหวัง
“เจ้าคาโก้กลับมาเดี๋ยวนี้นะ” เจ้าแมวเหมียวสีขาวขนปุกปุย เป็นของขวัญที่เนเน่ซื้อให้กับมิรา แทนตัวเดิมที่อยู่อเมริกา ซึ่งมันได้หายไปอย่างไม่ทราบสาเหตุ จนมิราร้องไห้รอมันกลับมาหาทั้งเช้าเย็น แต่แล้วก็ต้องตัดใจ
แมวตัวนั้นกระโดดข้ามรั้วเข้าไปในบ้านข้าง ๆ ซึ่งทำให้มิรายืนขึ้น พลางถอนหายใจราวกับผู้ใหญ่ เธอแสดงสีหน้าโกรธขึ้งก่อนจะกรอกตามองบนอย่างไม่ชอบใจเจ้าคาโก้ ซึ่งมันไม่ฟังคำสั่งของเธอเลยสักนิด
“คาโก้! เจ้าคาโก้” มิราเรียกชื่อเจ้าแมวเหมียวขึ้นมาอีกครั้ง แต่เจ้ากรรมมันกลับกระโดดหายไปต่อหน้าต่อตาของเธอ
มิราก้าวเท้าเบา ๆ แล้วชะเง้อคอมองเข้าไปในบ้าน พอเห็นมารดากำลังง่วนอยู่กับการล้างจานอยู่ในครัว เธอจึงค่อย ๆ เดินกลับมาแล้วข้ามรั้วกั้นเขตแดนที่ไม่สูงมาก เข้าไปในบ้านหลังข้าง ๆ
“เจ้าคาโก้... เหมียว... เหมียว” เด็กน้อยผู้น่ารักกำลังเรียกเจ้าแมวกลับบ้าน แต่ดูเหมือนเจ้าขนปุกปุยสีขาวอยากแกล้งเธอให้วิ่งตามเข้าไปข้างในบ้าน
หมับ! ศาสตราจารย์ด็อกเตอร์ปรเมศคว้าเจ้าแมวเหมียวจอมซนมาอุ้มเอาไว้ ทั้งที่ปกติแล้วเขาไม่ชอบสัตว์เลี้ยงพวกนี้เอาเสียเลย
“ขอโทษนะคะคุณลุง หนูมาขอแมวของหนูคืนค่ะ” ดวงตากลมโตปากนิดจมูกหน่อยของหนูน้อย มองยังไงก็ดูน่ารักไปเสียหมด ถ้าเธอเป็นลูกสาวของเขาคงดี แต่ทำไมเด็กคนนี้ไม่มีเค้าของมาลิคเลยสักนิด
“น่ารักจัง หนูชื่ออะไรเหรอ” เขาอดที่จะเอ่ยชมหนูน้อยออกมาไม่ได้ ก่อนจะนั่งคุกเข่าคุยกับผู้มาเยือนด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแก้มแทบปริ
“มิราค่ะ หนูชื่อมิรา ส่วนเจ้าเหมียวมันชื่อคาโก้ค่ะ”
“ทำไมชื่อคาโก้ล่ะครับ... หืม”
“อืม... ไม่รู้สิค่ะ มิราชอบชื่อนี้ค่ะ”
“บ้านของหนูสวยดีนะครับ พ่อกับแม่ไปไหนกันล่ะ” เขาลองหยั่งเชิงถามหนูน้อยออกไป พลางจดจ่อรอฟังคำตอบ
“แม่กำลังล้างจานค่ะ ส่วนพ่อ... พ่อของหนูตายแล้วค่ะ เขาตายไปตั้งแต่สงครามโลกแล้วค่ะ แต่หนูยังมีแด๊ดดี้มาลิคนะคะ”
“ฮ่ะ! ตัวแค่นี้ใครเป็นคนสอนหนูให้พูดแบบนี้”
“แม่ค่ะ แม่บอกว่าพ่อตายไปแล้ว แม่ยังสั่งห้ามให้หนูพูดถึงพ่ออีกด้วยค่ะ”
ความใสซื่อของมิรากำลังทำให้ศาสตราจารย์ปรเมศโกรธเขมมิกาอยู่เนือง ๆ แต่มันก็ไม่ใช่ความผิดของเธอ หากเด็กคนนี้เป็นลูกของเขาจริง ๆ เขมมิกาคงไม่ยอมรับ ยังไงก็ต้องหาทางพิสูจน์
“แล้วมาลิคล่ะ เขาไม่ใช่พ่อของหนูเหรอ”
“ไม่ใช่ค่ะ หนูมีแด๊ดดี้มาลิค แต่เขาก็ไม่ใช่พ่ออยู่ดี”
“อะไรกันสรุปแล้วเด็กคนนี้เป็นลูกของใครกันแน่” ศาสตราจารย์หนุ่มพูดออกมาเบา ๆ ใบหน้าของเขาแฝงไปด้วยร่องรอยของความสงสัย
“มิรา! วาดรูปเสร็จแล้วรีบเข้าบ้านนะลูก” เสียงเรียกของเมมิกาดังขึ้น ซึ่งทำให้มิรารีบหันมาขอบคุณเจ้าของบ้าน
“คุณลุงใจดี มิราขอบคุณมาก ๆ นะคะ ที่จับเจ้าคาโก้ไว้ให้”
“ถ้าลุงย้ายเข้ามาอยู่ที่นี่เมื่อไหร่ หนูมาวิ่งเล่นที่บ้านของลุงได้เลยนะ”
“แต่ต้องขออนุญาตคุณแม่ก่อนนะคะ”
“เอาแบบนี้ดีไหม ไหน ๆ เราสองคนก็เป็นเพื่อนกันแล้ว อย่าเพิ่งให้แม่หนูรู้ เก็บเป็นความลับก่อน หนูห้ามบอกว่าเจอลุงที่บ้านหลังนี้ดีไหม”
“ทำไมเหรอคะ”
“ถ้าบอกไปลุงกลัวว่าแม่ของหนู จะไม่ยอมให้เจ้าคาโก้มาวิ่งเล่นที่บ้านของลุงอีกน่ะสิ”
“ลุงก็ชอบเจ้าคาโก้เหรอคะ”
“ใช่! ใช่! ชอบมากเลยแหละ แล้วลุงก็อยากเป็นเพื่อนกับหนูด้วย”
“โอเคค่ะ เรามาเกี่ยวก้อยกัน”
“มาสิ หนูเป็นเพื่อนกับลุงแล้วนะ” ไม่คิดเลยว่าผู้ชายอย่างศาสตราจารย์ด็อกเตอร์ปรเมศจะมีมุมอ่อนโยนขนาดนี้ เมื่อเทียบกับสิ่งที่เขาเคยทำเอาไว้กับเขมมิกา ถ้าหากเด็กคนนี้คือลูกสาวของเขาจริง ๆ เธอคงไม่ยอมให้เขาได้เข้าใกล้มิราอย่างแน่นอน
เมื่อตกลงทำสัญญาใจที่จะเป็นเพื่อนกันเสร็จเรียบร้อย จึงทำให้หนูน้อยอุ้มเจ้าคาโก้กลับเข้าไปในบ้านของเธอ คำพูดของเด็กบางทีก็เชื่อถือไม่ได้ แต่ศาสตราจารย์หนุ่มกลับปักใจเชื่อในสิ่งที่มิราเล่ามาทั้งหมด
ศาสตราจารย์ด็อกเตอร์ปรเมศเรียกเขมมิกาไปพบเขาที่ห้อง เพื่อเตรียมตัวออกเดินทางไปทำกิจกรรมช่วยเหลือชุมชน ซึ่งทางมหาวิทยาลัยได้ปฏิบัติสืบต่อกันมาทุกปี ทว่าในปีนั้นต้องขึ้นดอย เพื่อนำอุปกรณ์กีฬารวมทั้งเครื่องเขียนต่าง ๆ ไปมอบให้กับทางโรงเรียนที่อยู่ห่างไกลความเจริญ “ที่ผมเรียกคุณมาพบ เพราะพรุ่งนี้ต้องออกเดินทางแต่เช้าเดี๋ยวผมจะขับรถไปรับที่บ้าน” “บุคลากรในมหาลัยมีตั้งมากมายทำไมต้องเป็นฉันล่ะคะ” หญิงสาวชักสีหน้าใส่เขาด้วยความไม่พอใจ“มันเป็นระเบียบของทางมหาลัย อาจารย์คนใหม่ต้องไปช่วยสังคมกับผม” “ใช้ตรรกะอะไรคะเนี่ย บ้าชัดๆ” เขมมิการู้ดีว่าเธอกำลังถูกมัดมือชก ทว่าศาสตราจารย์หนุ่มกลับแสยะยิ้มร้าย เมื่อเขากำลังต้อนให้เธอจนมุมได้ “คุณกลับไปเตรียมตัวเถอะ พรุ่งนี้เราต้องออกเดินทางแต่เช้า” “ใครบอกว่าฉันจะไปกับคุณ” ความพยศของเขมมิกายังคงแสดงทีท่าไม่ยอมอ่อนข้อให้เขาง่าย ๆ“ที่นี่ผมคือผู้บริหารสูงสุด ถ้าคุณกล้าปฏิเสธจะฉีกสัญญาทิ้งก็ได
เวลาผ่านไปคนทั้งคู่ได้กลับมาถึงคอนโดมิเนียมหรู พอเดินเข้ามาในห้องนอนเนเน่ตัดสินใจถามมาลิคเกี่ยวกับโปรเจ็กต์นั้นอีกครั้ง ซึ่งพ่อบุญธรรมของเธอคงกำลังกลัดกลุ้มใจ ส่วนมาลิคเองก็เสียผลประโยชน์อยู่เช่นกัน “คุณไม่เปลี่ยนใจแน่นะคะ” “พวกเขาเคยทำอะไรไว้กับคุณบ้าง ผมจะเป็นคนตามคิดบัญชีให้คุณเองเนเน่” ครานี้ดวงตาของมาลิคแฝงไปด้วยร่องรอยเย็นเยียบจนชวนให้หนาวสะท้าน รอบกายแผ่รังสีคุกคามอำมหิตออกมา เมื่อเขาโกรธแค้นคนในบ้านหลังนั้นแทนภรรยา “คุณคือสามีแห่งชาติชัด ๆ” หญิงสาวพูดพลางเขย่งปลายเท้า ก่อนจะโน้มริมฝีปากเข้าไปกดจูบชายหนุ่มด้วยความดูดดื่ม เมื่อคนตัวเล็กเปิดโอกาสให้เขาได้สัมผัสกับรสจูบแสนหวาน มาลิคไม่รอช้าเขาตอบสนองเธอด้วยความเต็มใจ ปลายลิ้นร้อนสอดแทรกเข้าไปในโพรงปากของเธอ “อืม... อื้อ
ณ ห้องอาหารสุดหรู เนเน่เดินเข้ามาพร้อมกับมาลิค ทว่าสามีของเธอเจอเพื่อนเก่าพอดี จึงให้หญิงสาวเดินเข้าไปข้างในก่อน เพราะเขามีเรื่องสำคัญจะคุยกับเพื่อนสักครู่ พอหญิงสาวเดินเข้ามาถึง เธอถึงกับชะงักเมื่อเห็นสองพ่อลูกกำลังพูดถึงท่านประธานหนุ่มผู้มีศักดิ์เป็นสามีของเธอ ซึ่งดูเหมือนทับทิมกำลังคิดจะเป็นศัตรูหัวใจกับเนเน่อย่างไม่รู้ตัว “คุณมาลิคทั้งหล่อทั้งรวยเขาโสดแน่นะคะ ทับทิมแอบปลื้มเขามานาน คุณพ่อคิดว่าคุณมาลิคชอบผู้หญิงแบบไหนเหรอคะ” หล่อนจีบปากจีบคำตั้งคำถามกับบิดาอย่างไม่มีท่าทีเขินอายเลยสักนิด “พ่อได้ข่าวว่าคุณมาลิคเพิ่งมารับช่วงต่อจากประธานคนเก่า แต่ก็ไม่เคยได้ยินคนวงในพูดถึงภรรยาเขาเลยนะ” นายประจักษ์นักธุรกิจผู้มั่งมั่งกล่าวถึงอีกฝ่ายด้วยความชื่นชม เขายังแอบคิดในใจอยากได้มาลิคมาเป็นลูกเขยอีกด้วย
เมื่อสองแม่ลูกกลับไป เขมมิกาพยายามคิดหาทางพูดกับศาสตราจารย์ปรเมศ เธอไม่อยากให้เขาได้เข้าใกล้มิรา ทว่าที่ฟังจากลูกสาวเล่ามานั้น เขามีอิทธิพลต่อจิตใจของลูกสาวเธอไปแล้ว คุณลุงข้างบ้านที่มิราพูดถึงบ่อย ๆ ที่แท้ก็เป็นเขานี่เอง “คิดจะเปิดศึกคงอยากเล่นสงครามประสาทกับฉันสินะศาสตราจารย์ปรเมศ” คราวนี้เขามิกาพูดพลางกำหมัดแน่น ก่อนที่เธอจะตัดสินใจเดินตรงไปที่บ้านของเขาทันที “คุณพ่อขา...อันนี้ล่ะคะ” “มาเดี๋ยวพ่อช่วยนะ” สองพ่อลูกกำลังช่วยกันสร้างปราสาทเจ้าหญิง ไม่คิดว่าผู้ชายอย่างศาสตราจารย์ด็อกเตอร์ปรเมศจะมีมุมอ่อนโยนละมุนขนาดนี้ เมื่อมาถึงบ้านของคู่กรณี เขมมิกายืนมองคนทั้งคู่ด้วยแววตาสุดแสนเจ็บปวด เธอไม่อยากทำลายความรู้สึกของมิราที่มีต่อเขา แต่จะให้ปล่อยผ่านไปได้อย่างไร ในเมื่อศาสตราจารย์หนุ่มเป็นคนออกคำสั่งให้เธอกำจัดมิราด้วยตัวเอง
หลังจากการวางยาเขมมิกาไม่สำเร็จ ทำให้รองอธิการฐานินโกรธมาก เขาไม่คิดที่จะยื่นมือเข้าไปช่วยอาจารย์สุชาติ ปล่อยลอยแพเขาไปกับโชคชะตาแสนโหดร้าย “ท่านจะไม่ช่วยเขาจริง ๆ เหรอครับ” มือขวาของชายสูงวัยเอ่ยขึ้น หลังจากรู้ว่าอาจารย์สุชาติกำลังจะถูกส่งตัวออกนอกประเทศ “มันทำงานไม่สำเร็จก็สมควรโดนแล้วไม่ใช่เหรอ” “แต่เขายังมีภรรยากับลูกชายเพิ่งคลอดได้ไม่ถึงเดือนนะครับท่าน” “พูดแบบนี้หรือว่าแกอยากเป็นคนถูกส่งออกนอกประเทศเสียเอง” “ปะ... เปล่าครับท่าน” ชายหนุ่มรีบปฏิเสธออกไปทันควัน เพราะไม่เช่นนั้นเขาอาจโดนหางเลขไปด้วย“คุณพ่อขา... วันนี้ญาไปหาศาตราจารย์ปรเมศ แต่ก็ไม่เจอถามแม่บ้านก็ไม่ได้คำตอบ ญาโทรหาเขาจนสายจะไหม้เขากลับไม่รับสาย สรุปแล้วเขาเห็นญาเป็นตัวอะไรคะคุณพ่อ” ญานินเข้ามานั่งลงข้าง ๆ ผู้เป็นบิดา พลางบีบน้ำตาร้องไห้ออกมา เมื่อผู้ชายที่หมายปองไม่ยอมแม้แต่จะกดรับสายหล่อน “เขาคงยุ่งอยู่น่ะ”
ณ เวลานี้ มาลิคกำลังวุ่นวายอยู่กับงานที่บริษัท จึงทำให้เขาไม่มีเวลามากพอที่จะไปส่งสาวน้อย หน้าที่นี้จึงต้องตกไปอยู่กับภรรยาของเขา หลังจากไปส่งมิราที่โรงเรียน เนเน่ขับรถตรงมายังบริษัทที่เพิ่งรับเธอเข้าทำงานในตำแหน่งผู้ช่วยนักออกแบบ ซึ่งมีบรรจุภัณฑ์หลากหลายชนิดให้เลือก บรรดาลูกค้าต่างไว้วางใจในความประณีตและใส่ใจของนักออกแบบ ซึ่งเนเน่ไม่รู้ว่าประธานบริษัทคือมาลิค เธอไม่สงสัยเขาเลยสักนิด เพราะคิดว่าชายหนุ่มเป็นเพียงพนักงานบริษัท ตำแหน่งของเขาคงไม่ใหญ่โตอะไร แน่นอนว่าเธอไม่ได้สนใจ เพราะหญิงสาวรักเขาที่เป็นมาลิคไม่ใช่ชื่อเสียงเงินทอง “เนเน่ทำไมมาช้าจัง ผมรอคุณอยู่ตั้งนาน” “อ้าว! ทำไมไม่ขึ้นไปก่อนล่ะคะ” “ผมขึ้นไปแล้ว แต่ก็กลับลงมารอคุณมิรางอแงไหม” หญิงสาวฉีกยิ้มกว้าง ให้กับการเอาใจใส่ของสามี เขานั้นช่างแสนดีเป็นเทพบุตร







