Share

หญ้าอ่อนน่าเคี้ยว

last update Last Updated: 2025-10-11 17:52:46

‘ถ้าปีกกล้าขาแข็งแล้ว ลื้ออยากจะไปอยู่ที่ไหนก็ไปเถอะนะ เลี้ยงให้โตแล้ว’ บุญกวงเคยพูดไว้ตอนปรมาได้ทุนเรียนมหาวิทยาลัยชั้นนำที่กรุงเทพฯ แค่พูดออกไปด้วยอารมณ์หงุดหงิดจากการที่ลูกตัวเองสอบไม่ติดเลยสักที่จนต้องส่งไปเรียนต่างประเทศแทน

แต่คนฟังยังจำได้จนถึงทุกวันนี้

ไม่ผิดที่ปรมาเป็นคนหัวดีจนได้รับทุนเรียนฟรีมาตั้งแต่เด็ก แม้จะเรียนแค่โรงเรียนเทศบาลที่ไม่ไกลจากศาลเจ้าก็ตาม พอจบป.6 บุญกวงก็ให้ไปสมัครสอบเรียนต่อ ม.1 ที่โรงเรียนประจำจังหวัดภูเก็ต แค่ให้ไปเป็นเพื่อนลูก แต่ดันสอบได้อันดับต้น ๆ จากนักเรียนที่สอบผ่านกว่า 190 คน ส่วนลูกตัวเองไม่ติดแม้ตัวสำรอง

ปรมาเกือบต้องสละสิทธิ์เพราะเดินทางไปกลับตัวเมืองภูเก็ตกับพังงาไม่ไหว ที่สำคัญหากจะอยู่ประจำที่โรงเรียนก็มีค่าใช้จ่ายเพิ่มอีกต่างหาก

แต่เพชรอยู่ที่ไหนก็คือเพชร

ปรมาได้รับทุนเรียนฟรีและได้อยู่โรงเรียนประจำเรื่อยมาจนจบ ม.6 แทบไม่ได้ขอเงินจากบุญกวงเลย ชีวิตจริงของคนไม่มีที่จะไปเริ่มขึ้นหลังเรียนจบ ด้วยความที่เป็นสาวร่างเล็กหน้าตาจิ้มลิ้มเลยมีคนจะมาขอเลี้ยงดู รวมถึงทาบทามไปเป็นบ้านเล็กในชนิดหัวกะไดไม่แห้ง จนบุญกวงต้องออกมาสั่งห้ามทุกคนมาวุ่นวายกับคนในปกครอง ไม่งั้นจะเลิกค้าขายด้วย

เมื่อเร็ว ๆ นี้บุญกวงต้องฉุกคิดถึงบางสิ่ง

‘ทำไมไม่ยื่นข้อเสนอกับนังเด็กนั่นล่ะ ถ้าซ้อไม่อยากให้กินในเด็กในบ้าน พี่กวงก็แค่ให้นังถิงมันย้ายอยู่บ้านหลังอื่นแล้วก็เลี้ยงมันเป็นเมียน้อยไปซะ’ น้องชายร่วมสาบานอดีตข้าราชการท้องถิ่นได้เอ่ยออกมาตรง ๆ

‘ผมรู้นะว่าที่ผ่านมาพี่ด่าไล่นังถิงมันไปอย่างงั้นแหละ แต่ใจจริงอยากให้มันอยู่ด้วยใช่มั้ยล่ะ’ ผู้ที่อ้าปากก็เห็นลิ้นไก่ช่างรู้ใจพี่ชายไปเสียทุกเรื่องให้เหตุผลเเพิ่ม

‘รู้ดีนักนะไอ้เหม’ เขาหันไปเอ็ดใส่ เหมราชเห็นปุ๊บก็รู้ทันทีที่ว่าตัวเองคิดถูก

‘งั้นถามจริง ถ้าวันหนึ่งนังถิงมันเจอทางของมันแล้วเก็บของออกไปจริง ๆ พี่ยอมรับได้ใช่มั้ย’

‘จะมีวันนั้นได้ไง เพราะเถ้าแก่กวงคนเนี้ยคือเจ้าชีวิตหนึ่งเดียวของนังถิงมัน มันไปไหนได้ไม่ไกลหรอก อย่างมากก็นอนข้างถนนล่ะวะ’

‘พี่กวงสงสารมันเหรอหรือหึงเวลามีคนมาเข้าใกล้มัน’

‘นี่ถามอยู่นั่นล่ะ งั้นบอกให้นะไอ้เหมน้องรัก เพราะกูชุบเลี้ยงนังถิงมันมากับมือไง กูเลยไม่อยากเป็นสมภาณกินไก่วัด ชิชะ! ถ้ามันเป็นลูกชาวบ้านทั่วไป กูไม่ปล่อยจนทุกวันนี้หรอก’ แต่บุญกวงไม่รู้ว่าคนถูกกล่าวถึงบังเอิญผ่านมาได้ยินพอดี ด้วยเหตุนี้ปรมาจึงไม่ย้ายไปอยู่ห้องพักคนรับใช้ที่บ้านหลังใหญ่และไปหางานทำที่ภูเก็ตแทนการไปทำงานที่คลังสินค้าของบุญกวง

“ถิงไปกินชาบูกันมั้ย” เพื่อนต่างแผนกวิ่งพรวดพราดเข้ามาชวนอย่างกะไม่ได้คิดว่าจะชวนแต่แรก ปรมาเหลือบตาไปมองกลุ่มคนที่กำลังรอคำตอบอยู่ก็รู้ได้ทันทีว่ามีใครคนหนึ่งอยากให้เธอไปด้วยใจจะขาด

“แค่ชาบูอย่างเดียวใช่มั้ย”

“จริง ๆ กินเสร็จแล้วเราจะไปร้านนั่งชิลล์ต่อด้วยน่ะ วันนี้วันศุกร์นะถิง ไปด้วยกันสิ” แต่ปรมาเม้มยิ้มน้อย ๆ แล้วส่ายหน้าแทนคำตอบ

“ถิงไม่ลองเปิดโอกาสให้พี่นัดหน่อยเหรอ เขาอยากรู้จักถิงนะ” แต่ที่ทุกคนรู้คือพี่คนนั้นเจ้าชู้มากและขึ้นชื่อเรื่องคบซ้อน

“ขอบคุณนะแต่ถิงไม่สะดวกจริง ๆ ต้องไปเตรียมงานขอรับบริจาคที่ศาลเจ้าน่ะ งั้นถิงขอตัวก่อนนะ” ทว่าระหว่างรอรถประจำทางกลับบ้านอยู่นั้น จู่ ๆ เธอก็เปลี่ยนใจมุ่งหน้าไปยังเมืองเก่าภูเก็ตทันที แต่ด้วยความที่เป็นวันศุกร์หลังเลิกงานรถจึงหนาแน่นมากกว่าปกติหลายเท่าตัว

ปรมามองสภาพผิวการจราจรสลับกับโทรศัพท์ด้วยความร้อนรนที่เกรงว่าจะไปถึงไม่ทันการ จากตรงนี้เดินเข้าซอยลัดเลาะไปอีกหน่อย อาจจะถึงที่หมายก่อนรถประจำทางอีกต่างหากจึงตัดสินใจลงเดินให้รู้แล้วรู้รอดไป

เธอกำลังจะไปหาเจมีไนน์

[ลุงถึงแล้วนะ] บาร์เทนเดอร์หนุ่มใหญ่กดส่งข้อความ

ปลายทางก็ตอบกลับมาภายในไม่กี่วินาทีว่าอยู่ระหว่างทางและบ่นว่ารถติดมากจนอยากจะลงเดินแทน

“ไม่เป็นไรไม่ต้องรีบนะ ลุงตรงระเบียงชั้นสองนะ มาถึงก็น่าจะเห็นเลย” เจมีไนน์คลี่ยิ้มจาง ๆ ด้วยความยินดี ก่อนจะโพสต์รูปถ้วยกาแฟและเช็คอินที่คาเฟ่แห่งหนึ่งในย่านเมืองเก่าภูเก็ตแล้วหันไปพูดคุยกับเจ้าของคาเฟ่ตามประสาคนคุ้นเคย

ไม่นานนักปรมาก็พอตัวเองมาถึงที่หมายด้วยสภาพเหนื่อยหอบ พอเงยหน้ามองไปที่ระเบียงชั้นสองหัวใจดวงน้อยก็พองโตขึ้นมาในทันใดเหมือนเจมีไนน์มัวแต่ชะเง้อมองไปที่ถนนเส้นหลักจนไม่ทันสังเกตุเห็น

ร่างเล็กสั่งเครื่องดื่มที่เคาน์เตอร์แล้วรีบไปซับเหงื่อเติมหน้าในห้องน้ำ จากนั้นก็ขึ้นบันไดไปชั้นสอง…เจ้าของไหล่กว้างน่าซบนั่งหันหลังอยู่ตรงนั้น ปรมาเป่าปากเบา ๆ ก้าวฉับ ๆ เข้าไปด้วยความมั่นใจ

ทำทีมาหาที่นั่งริมระเบียงแต่บังเอิญไปเจอเจมีไนน์เข้า

“อ้าว! สวัสดีค่ะลุงเจมส์ จำถิงได้มั้ยคะ” หญิงสาวคลี่ยิ้มหวานพลางยกมือไหว้

“อ๋อ…เอ่อ สวัสดีครับ อ้อ! ถิงถิงที่เจอที่ศาลเจ้านี่เอง ลุงจำได้สิคะ” เจมีไนน์สวมเสื้อเชิ้ตปลดกระดุมโชว์แผงอกล่ำวับ ๆ แวม ๆ หันมาทักทายพลางเลื่อนเก้าอี้ชวนให้นั่งข้างกัน

“ขอบคุณค่ะ บังเอิญจังเลยค่ะ”

“ลุงมาที่นี่ประจำค่ะ พอดีเป็นเพื่อนกับเจ้าของร้านด้วย”

ทุกครั้งที่เขาขยับตัวจะมีกลิ่นหอม ๆ ชวนหลงใหลฟุ้งออกมา

“อย่างงั้นเองเหรอคะ ถิงว่าจะมาที่นี่ตั้งหลายทีแล้ว เพิ่งมีโอกาสได้มา” ปรมาไม่เคยต้องเก็บอาการเขินถึงเพียงนี้ ยังต้องแสร้งว่าชอบดื่มกาแฟจนบังเอิญสั่งเมนูเดียวกันอีก แต่ดันมาหลุดโป๊ะทำหน้าเหยเกออกมาหลังจากดื่มเข้าไปอึกแรก

มันขมเหมือนยางไหม้ไม่ถูกปากเลยสักนิด

เพียงเท่านี้เจมีไนน์ก็รู้แล้วว่าเธอไม่ใช่คนดื่มกาแฟ แต่ก็สั่งเมนูซิกเนเจอร์ที่เป็นกาแฟคั่วเข้มด้วยเหตุผลบางอย่าง เขาคลี่ยิ้มอย่างรู้เท่าทันและชวนคุยต่อ

“หลังจากนี้แวะมาบ่อย ๆ สิคะ ชวนเพื่อนมาด้วยยิ่งดี”

“ถิงไม่ค่อยมีเพื่อนชอบนั่งคาเฟ่น่ะค่ะ ส่วนใหญ่ชอบไปร้านนั่งชิลล์กัน” เธอตอบแบบไม่คิดอะไร แต่คำตอบที่ได้กลับมาทำหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ

“ให้ลุงนั่งเป็นเพื่อนมั้ยล่ะ” ร่างสูงเผยยิ้มมุมปากขยิบตาให้คนที่กำลังแก้มแดงเระเรื่อจนอยากจะกระเซ้อเย้าแหย่เล่นด้วยความเอ็นดู

“ว่าไงคะถิงถิง อยากให้ลุงมานั่งเป็นเพื่อนด้วยมั้ย ลุงถ่ายรูปเก่งนะให้ถ่ายให้ดูเลยมั้ย”

“อ่อ…เดี๋ยวค่อยถ่ายก็ได้ค่ะ คือ…ถ้าลุงเจมส์จะมานั่งเป็นเพื่อน ถิงก็…ยินดีค่ะ” ปรมาเม้มยิ้มอย่างเคอะเขิน หน้าจิ้มลิ้มร้อนวูบวาบไม่หยุด

ทั้งสองพูดคุยกันต่อสักพัก เจมีไนน์มั่นใจเกินร้อยแล้วว่าเธอกำลังสนใจเขา

“ลุงเจมส์ว่าเราควรจะรู้จักกันมากกว่านี้นะ ถิงว่าดีมั้ยคะ” ใบหน้าคมคายอยู่ห่างปรมาไม่ถึงช่วงแขน ดวงตายาวเบิกโตขึ้นเล็กน้อยระหว่างรอคำตอบ

“เอ่อ…ก็ ก็ดีค่ะ ถ้า ถ้าลุงเจมส์ อยากรู้จักถิง…ถิงก็อยากรู้จักลุงเจมส์ด้วยค่ะ”

“สะดวกทางไลน์หรือวอทแอปคะ”

“ไลน์ค่ะ ไลน์แล้วกัน” ขณะแลกไอดีไลน์อยู่นั้น คนที่เจมีไนน์กำลังรอก็มายืนอยู่บนฟุตบาตหน้าร้านและโบกมือไหว ๆ ให้ประจวบเหมาะกับปรมาขอตัวกลับพอดี

“พอดีลุงนัดคนไว้ ถิงกลับดี ๆ นะคะ ถึงบ้านแล้วส่งมาบอกลุงด้วยนะ”

“ได้ค่ะ ลุงเจมส์ก็กลับบ้านดี ๆ นะคะสวัสดีค่ะ” ทีแรกแค่แวะมาทักทาย แต่กลายเป็นฝ่ายโดนจีบซะงั้น

แพทย์หนุ่มปลายตามองปรมาแวบหนึ่งตอนเดินสวนกัน

เจย์! เจย์! ลุงเจมส์มีสาวคุยด้วยแล้ว แง~ อัยยาลิณณ์วิ่งนำหน้าขึ้นมาก่อนเลยได้เห็นภาพบาดตาบาดใจตอนเจมีไนน์ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กับสาวผู้โชคดีเข้าอย่างจัง

“คนผมสั้น ๆ เมื่อกี้เหรอครับ ว้าว~ลุงเจมส์ร้ายนะเนี่ย บอกเคล็ดลับจีบสาวเจย์บ้างสิครับ” จักรทัศน์ได้ยินปุ๊บก็หลุดปากแซวออกมาปั๊บ ทำให้เจมีไนน์ขมวดคิ้วแน่นด้วยความประหลาดใจ

“หมอเพิ่งมาถึงเองนะ ทำไมถึงรู้ล่ะว่าลุงกำลังคุยกับใครอยู่ อย่างกะมีพรายกระซิบ” คนทำหน้าที่พรายกระซิบก็ยืนเหรอหราอยู่ข้างจักรทัศน์นั่นแหละ

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ความรัก...อาการเป็นไงบอกหมอซิ   ตอนพิเศษ (เจมีไนน์)

    บาร์รูฟท๊อปที่คืนนี้เต็มไปด้วยแสงไฟอบอุ่นและเสียงเปียโนคลอเบา ๆ เจมีไนน์ยืนอยู่หลังเคาน์เตอร์ในสูทสีดำเข้ารูป เงาสะท้อนในแก้วคริสตัลทำให้ใบหน้าคมเข้มของเขาดูอ่อนกว่าที่เป็นจริงนิดหน่อย เขายิ้มต้อนรับลูกค้าเหมือนเช่นทุกคืน แต่สายตากลับสะดุดกับชายหนุ่มคนหนึ่งที่เพิ่งเดินเข้ามาหนุ่มคนนั้นอายุราว 26 – 27 ปี หน้าตาคมคายเหมือนจะเคยเห็นผ่านจอทีวีหรือบทสัมภาษณ์ทางออนไลน์ ที่สำคัญแววตาของเขายามสบกับตนมีแววเขินอายเล็ก ๆ จนคนที่ผ่านโลกมามากอย่างเจมีไนน์ยังเผลอหัวใจสะดุด“สายัณห์สวัสดิ์ครับคุณผู้ชาย จะรับอะไรดีครับ?” บาร์ทนเดอร์หนุ่มใหญ่เอ่ยเสียงนุ่ม“เอ่อ…เอาเป็น เอ่อ อะไรก็ได่แก้วนึงครับ” ชายหนุ่มยกยิ้มบางอย่างเก้ ๆ กัง ๆ คล้ายไม่คุ้นชินกับบรรยากาศบาร์หรู“ได้ครับ รบกวนรอสักครู่นะครับ”เจมีไนน์โชว์ลีลาการผสมเครื่องดื่มที่ใครเห็นก้ต้องหยุดมอง ครู่ต่อมาค็อกเทลสีอำพันจะถูกดันมาตรงหน้า หนุ่มใหญ่ยกยิ้มมุมปากพลางโน้มตัวลงเล็กน้อย แสงไฟนวลเหนือบาร์ทอดเงาบนกรอบหน้าคมเข้มที่แม้ผ่านกาลเวลามากว่า 50 ปี แต่ยังดูน่าหลงใหลไม่ต่างจากชายหนุ่มวัยกลางคนทั่วไปหรืออาจจะยิ่งกว่านั้น“ลองชิมดูสิครับ สูตรพิเศษคืนนี้

  • ความรัก...อาการเป็นไงบอกหมอซิ   อีกปีให้หลัง...

    ปีแรกในนอร์เวย์คือการเดินทางที่โหดหินที่สุดของชีวิตอัยยาลิณณ์ที่นี่ไม่ใช่เชียงราย อุณหภูมิที่หนาวจัด การสื่อสารที่ไม่คล่องแคล่วและกระบวนการรักษาที่ซับซ้อนกว่ามาก ทำให้ทุกวันเต็มไปด้วยความเหน็ดเหนื่อยทั้งกายและใจทุกครั้งที่เข้าสู่การทดลองปรับคลื่นสมอง เธอต้องนอนในห้องแล็บสีขาวที่มีเครื่องมือรุงรังติดเต็มศีรษะ แสงไฟจ้าและเสียงเครื่องจักรดังต่อเนื่อง จนบางทีแอบน้ำตาไหลเงียบ ๆ ใต้ผ้าห่มแต่ถึงอย่างนั้น เธอก็ไม่เคยคิดถอย เพราะรู้ว่ามีใครบางคนที่เฝ้ามองจากแดนไกล[สู้ ๆ นะ ตาลเอ๊ย พ่อแม่กับต้มอยู่ตรงนี้เสมอ][อีกไม่นานนะตาล รอเจย์ก่อน]ข้อความจากครอบครัว เพื่อนฝูงและจักรทัศน์ในวิดีโอคอลคือกำลังใจสำคัญแม้บางคืนเธอจะหลับลึกไปโดยไม่ตั้งใจ แต่ครั้งแล้วครั้งเล่าวิญญาณก็ไม่เคยหลุดจากร่างอีกเลย มันคือสัญญาณว่าการรักษากำลังไปในทิศทางที่ถูกต้อง“อีกไม่นาน…เราจะได้ใช้ชีวิตเหมือนคนปกติแล้ว” อัยยาลิณณ์พึมพำกับตัวเองพร้อมกับกำมือแน่นและทุกครั้งที่เหนื่อยล้า ภาพรอยยิ้มของเขาก็จะปรากฏขึ้นในความคิดเสมอหนึ่งปีเต็มหลังยื่นเอกสารขอทุนเรียนต่อ ชีวิตของจักรทัศน์คือการวิ่งวนระหว่างงานโรงพยาบาล การสอนรุ่นน้องแ

  • ความรัก...อาการเป็นไงบอกหมอซิ   การเริ่มต้นใหม่

    วันนี้คฤหาสน์วิวทะเลอันดามันของเจมีไนน์บรรยากาศคึกคักกว่าทุกครั้งเพราะมีนัดถ่ายภาพครอบครัวประทานชัยเซ็ตใหม่ภาพที่มีสมาชิกพร้อมหน้าอย่างแท้จริงกล้องตั้งอยู่บนขาตั้งหันหน้าออกไปทางวิวทะเลสีคราม เด็กชายวัยสามขวบอย่างขุนพลซึ่งเป็นลูกชายของพลพยัคฆ์วิ่งหัวเราะเอิ๊กอ๊ากอยู่หน้ากล้องทำเอาทุกคนเรียกหาด้วยความเอ็นดู เขาพยายามจะอุ้มแต่ก็โดนลูกชายดิ้นหนีเล่นซ่อนหากับคุณพ่อแทนสมาชิกใหม่อีกหนึ่งคนที่วัยเพียงหกเดือนในอ้อมกอดของคุณปู่สุดเฮี๊ยบอย่างเอื้อมพัฒน์ที่ประกาศกร้าวว่า…คืนนี้จะไม่เมาทำเอาทุกคนส่ายหัวพร้อมกัน“ขอบใจที่ให้ยืมบ้านจัดปาร์ตี้นะแดน” เมธากรพูด“ยินดีครับพี่เรย์”เจมีไนน์เองก็ไม่นึกว่าจะได้มีช่วงเวลานี้ ขณะยืนมองทุกคนด้วยแววตาอิ่มเอม หันไปมองไดอาน่าแล้วเหลือบมาทางหลานฝาแฝด จักรทัศน์กับเจนีนที่กำลังจัดแจงยืนบังแสงไฟให้พอดี เขาสูดลมหายใจลึกรู้สึกเหมือนฝันที่ได้ยืนอยู่ตรงนี้“ในที่สุด…ก็ไม่ต้องใช้วิธีตัดต่อโง่ ๆ อีกแล้วเนอะ” เขาพูดพลางหัวเราะแห้ง ๆ แล้วสารภาพกับทุกคนว่าเคยหยิบภาพถ่ายจากคอนโดมาสแกนตัต่อดตัวเองลงไป เพื่อให้รู้สึกว่ามีส่วนอยู่ด้วยเจนีนที่นั่งแต่งหน้าเติมปากแดงอยู่ก็ร้อง

  • ความรัก...อาการเป็นไงบอกหมอซิ   เมื่ออาทิตย์ขึ้น

    หนึ่งสัปดาห์สุดท้ายของอัยยาลิณณ์ก่อนเดินทางไปนอร์เวย์ เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วเหมือนน้ำไหลที่ไม่เคยหยุด ทุกวันเต็มไปด้วยการเตรียมตัว ทั้งด้านเอกสารและสภาพร่างกายเธอต้องจัดเก็บแฟ้มรายงานการรักษาที่ผ่านมาทั้งหมด เอกสารภาษาไทยที่ต้องแปลเป็นภาษาอังกฤษ รวมถึงหนังสือรับรองแพทย์ที่จักรทัศน์ช่วยประสานมาให้อย่างละเอียดบนโต๊ะทำงานเล็ก ๆ ในห้องนอนมีกองเอกสารที่เรียงเป็นตั้ง ๆ พร้อมปากกาไฮไลท์ที่ใช้เน้นข้อความสำคัญทุกคืนก่อนนอนเธอจะนั่งตรวจเช็กทีละหน้าเหมือนกลัวว่าจะตกหล่นอะไรสักอย่างในอีกด้านหนึ่ง อัยยาลิณณ์ก็ใช้เวลาอยู่กับครอบครัวอย่างเต็มที่ พ่อกับแม่แทบจะไม่ปล่อยให้ลูกสาวอยู่ห่างสายตา ทำอาหารโปรดให้แทบทุกมื้อ ตั้งแต่แกงฮังเลสูตรคุณแม่ ไปจนถึงข้าวซอยเนื้อที่พ่อภูมิใจนำเสนอบ่อยครั้งที่เธอนั่งหัวเราะทั้งน้ำตา เพราะรู้ดีว่าทุกจานคือความรักและความห่วงใยที่ครอบครัวอยากส่งมอบให้ก่อนที่จะจากบ้านไปไกลแสนไกลอธิพงษ์ก็คอยตามติดแทบตลอดเวลา ชวนพี่สาวดูหนัง ตัดต่อคลิปเล่น ๆ หรือแม้แต่เล่นเกมคอนโซลด้วยกันเหมือนสมัยเด็ก แม้จะเถียงกันหยอกล้อเหมือนเคย แต่ในแววตาของน้องชายก็เต็มไปด้วยความห่วงใยที่ปิดไม่มิดคื

  • ความรัก...อาการเป็นไงบอกหมอซิ   เมื่ออาทิตย์ตกดิน

    สองอาทิตย์เต็ม ๆ นับจากวันที่ส่งเอกสารชุดสุดท้ายไปยังนอร์เวย์ อัยยาลิณณ์ค่อย ๆ ฟื้นตัวอย่างเห็นได้ชัด อาการเหนื่อยล้าเมื่อเดินไม่กี่ก้าวลดลง กล้ามเนื้อที่เคยอ่อนแรงกลับมามีเรี่ยวแรงมากขึ้น แม้แพทย์จะยังย้ำว่าเธอควรใช้ชีวิตอย่างระมัดระวัง แต่อัยยาลิณณ์ก็รู้สึกเหมือนได้กลับมาหายใจเต็มปอดอีกครั้งส่วนจักรทัศน์ แม้งานโรงพยาบาลที่ภูเก็ตจะรุมเร้า ทั้งเวรกลางวันกลางคืน แต่เขาไม่เคยพลาดจะโทรหรือวิดีโอคอลหาอัยยาลิณณ์ บางวันคุยเพียงไม่กี่นาทีก่อนเขาเข้าเคสฉุกเฉิน บางวันคุยนานจนเสียงหัวเราะของเธอดังไปทั้งบ้าน เหมือนทุกวินาทีของวันไม่วุ่นวายเกินกว่าจะหาเวลาให้กันได้กระทั่งคืนหนึ่ง ที่ห้องพักแพทย์“หือ ใครอะ!?” จักรทัศน์สะดุ้งเฮือก เมื่อหันมาเห็นเงาคนยืนอยู่ข้างเตียง“ตาลไง จะใครเล่า” ร่างเล็กมือเล็กไขว้ไว้ด้านหลัง รอยยิ้มหวานส่งมาให้“อ๋อ ตาลเองเหรอ เอ่อ…อืม ๆ เดือนนึงแล้วสินะ” เขาดันร่างขึ้นจากที่นอนพร้อมใบหน้าสะลืมสะลือ แต่ยังจำรายละเอียดได้แม่น วันนี้ครบเดือนพอดี หลังการหลับยาวจนเข้าขั้นวิกฤตของเธอ“ไหน ๆ ตาลก็มาคือตาลมีเรื่องจะสารภาพน่ะ ตาลพูดกับหมอก็ไม่ได้ พูดที่บ้านไม่ได้ มันอึดอัดมากเลย”

  • ความรัก...อาการเป็นไงบอกหมอซิ   ไม่ยอมแพ้

    “หน๊อย! ไอ้ฝรั่งมึง”จักรทัศน์สบถออกมาโดยลืมไปว่าพ่อตัวเองก็เป็นฝรั่งกว่าจะรวบรวมเอกสารได้ครบก็ปาเข้าไปเกือบสองสัปดาห์ ครอบครัวอัยยาลิณณ์ช่วยกันแทบทุกวัน ทั้งถ่ายเอกสาร เก็บแฟ้ม เรียงผลตรวจย้อนหลังตั้งแต่ครั้งแรกที่เธอมีอาการ ทุกคนเห็นพ้องกันว่ามันยุ่งยากสิ้นดี แต่ถ้านี่คือความหวังเดียวที่จะช่วยให้เธอหายขาด ทุกคนก็ยอมกัดฟันสู้โชคดีที่ระหว่างนั้นอัยยาลิณณ์ไม่ได้หลับลึกเพิ่ม อาการยังทรงตัวเมื่อเอกสารครบ ทุกอย่างก็ถูกสแกนส่งไปศูนย์วิจัยนอร์เวย์ ทุกคนถอนหายใจโล่งอก คิดว่าต่อจากนี้ก็เหลือเพียงรอผลการพิจารณาเท่านั้นแต่แล้วอีเมลตอบกลับก็มาพร้อมรายการยาวเหยียด ทั้งรายละเอียดเพิ่มเติม หนังสือรับรอง และที่สำคัญที่สุดคือ หนังสือยืนยันจากผู้อำนวยการศูนย์วิจัยเชียงราย ว่าอัยยาลิณณ์เข้ารับการรักษาที่นั่นจริงปัญหาคือผู้อำนวยการเดินทางไปสัมมนาต่างประเทศและกว่าจะกลับอีกก็เกือบสองสัปดาห์ จักรทัศน์อ่านข้อความซ้ำไปซ้ำมาจนแทบขึ้นใจ แววตาเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง“นี่มันอะไรกันนักหนา…หรือพวกนั้นกำลังเล่นตุกติก”“ถ้าต้องรออีกสองอาทิตย์…ตาลก็รอได้” อัยยาลิณณ์ถอนหายใจเบา ๆ“สองอาทิตย์?” จักรทัศน์เงยหน้าขึ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status