LOGINบทที่ 5
เปรมาจ้องเขาตรง ๆ เห็นสายตาคมเข้มยังกวาดไล้ไปบนร่างกายของเธอดั่งประเมินตีราคางานที่เขาประมูล และเธอไม่ชอบมันเลยสักนิด
“ผมทำอะไรเลิฟ”
“ก็คุณกำลังกวาดตาประเมินราคาฉันอยู่น่ะสิ แล้วชื่อนั้นมีไว้สำหรับคนที่สนิทเท่านั้น”
แซคยิ้มกว้างจนเปรมาสะอึกสะดุดลมหายใจของตัวเอง เธอคิดว่าเขารู้ตัวดีเลยทีเดียวว่าถ้าเขาทำแบบนี้สาว ๆ ทั้งหลายจะพากันหลอมละลาย
“แต่เรากำลังจะเกี่ยวดองเป็นญาติกัน นั่นยังไม่ถือว่าสนิทกันอีกหรือครับ และผมชอบดูของสวย ๆ งาม ๆ ซึ่งคุณเป็นหนึ่งในนั้น”
บ้าจริง! เปรมาสะบัดหนีดวงตาคมเข้ม เธอรู้สึกว่าเขากำลังเปลื้องผ้าเธอออกทีละชิ้นอย่างช้า ๆ ด้วยสายตา และประเมินว่าเธอเหมาะสมกับครอบครัวของเขาหรือเปล่า
“พูดสิ่งที่คุณคิดดีกว่าคุณฮิวส์”
“สิ่งที่ผมคิดก็คือพวกเขายังเด็กเกินไป”
“พวกเขาไม่เด็กแล้ว ปีหน้าพวกเขาก็อายุยี่สิบซึ่งบรรลุนิติภาวะ”
“นั่นมันเรื่องของปีหน้า แต่ปีนี้พวกเขาเพิ่งสิบเก้าปีเท่านั้น”
“แต่เด็กทั้งสองคนรักกัน และฉันคิดว่าเราควรสนับสนุน”
“เลิฟ พวกเขายังเด็กเกินไป”
แซคเสียงเข้มขึ้นเมื่อพูดถึงเรื่องของลูกชาย เขาเองไม่อยากให้แซมต้องหยุดชีวิตวัยรุ่นเพียงผู้หญิงคนเดียวตั้งแต่อายุยังน้อย แซมควรได้เผชิญโลกกว้างและใช้ชีวิต ทำสิ่งที่ต้องการเพื่อตัวเองก่อนลงหลักปักฐาน
เปรมาหันดวงหน้าคมกลับมา เธอเม้มริมฝีปากเมื่อพยายามพูดลอดไรฟัน
“คุณก็สิบเก้าเมื่อมีแซม คุณฮิวส์”
“บ้าฉิบ! เลิฟ ก็เพราะผมเคยผ่านมันมาก่อนผมถึงรู้ว่าไม่ควรให้พวกเขาแต่งงานกัน”
“อย่ามาสบถใส่ฉัน!”
“งั้นคุณก็อย่าตะวาดผมด้วยเสียง.. เสียงหวาน ๆ ของคุณ”
เปรมาสะบัดหน้าหนีอีกครั้งอย่างเหลืออด เธอมองแก้วกาแฟอเมริกาโน่และเค้กช็อกโกลแลตที่เขาทานเหลือไว้
เขาว่ากันว่าของกินบ่งบอกนิสัย เขาเลือกอเมริกาโน่ก็แสดงว่าเป็นคนที่มีความมั่นใจในตัวเองมาก กล้าคิดกล้าทำ มีจุดยืนที่หนักแน่นไม่ว่าใครก็ไม่สามารถเปลี่ยนความคิดได้ ทานคู่กับเค้กช็อกโกแลต หมายถึงเขาเป็นคนโรแมนติกหรือหมายถึงมากรัก พวกเซ็กซ์จัด
แซคมองตามสายตาของเปรมาไปยังแก้วกาแฟและจานเค้กที่เหลือบนโต๊ะ ใคร่สงสัยว่าเธอกำลังคิดอะไรแต่คงไม่ใช่ความคิดที่ดีเท่าไรนักถ้าสังเกตจากสายตา
“เอาเป็นว่า ผมไม่ยอมเด็ดขาด”
เปรมาละสายตาจากของบนโต๊ะกลับมาสนใจบทสนทนา พ่อของแซมพูดว่า ไม่ยอมเด็ดขาด! ดวงตาคมรีหรี่ลง
“หมายความว่ายังไงคุณฮิวส์ คำว่าไม่ยอม”
“ผมไม่ยอมให้พวกเขาแต่งงานกันเด็ดขาด และผมจะแน่ใจได้ยังไงว่าพวกคุณเป็นคนยังไง”
เปรมาตกตะลึง เธอเบิกตากว้างจ้องเขา แม้หน้าตาของเขาหล่อเหลาแต่จิตใจช่างสกปรก
“คุณ คุณหมายความว่ายังไงที่บอกว่า ..”
“พี่เลิฟคะ พวกหนูกลับก่อนนะคะ”
เสียงขัดจังหวะแทรกเข้ามา เปรมามองนาฬิกาบนผนังในร้าน จึงตกใจ ไม่น่าเชื่อว่าเวลาผ่านไปเร็วขนาดนี้ เลยเวลาร้านปิดมาสักพักแล้ว
“จ๊ะไปเถอะ ที่เหลือพี่จัดการเอง”
“ค่ะ กลับก่อนนะคะ”
แซคมองตามเปรมาที่ลุกขึ้นจากโต๊ะไปหน้าร้านเพื่อเก็บป้ายและช่วยพนักงานร้านปิดประตูเหล็กลูกกรงแบบเก่าก่อนจะล็อคประตูกระจกด้านใน
ร่างอวบอิ่มเดินกลับมายังแซคที่ลุกขึ้นยืนเต็มตัวแล้ว เขาสูงใหญ่มากทีเดียว ทำให้เธอรีบหยุดเท้าลงเสียก่อนถึงร่างแกร่งพอประมาณ
“เราต้องคุยกันต่อคุณฮิวส์ คุณหมายความยังไงคำว่า พวกคุณเป็นคนยังไง คุณเห็นพวกฉันเป็นคนยังไง”
แซคเริ่มสาวเท้าเข้าใกล้เม่นสาวที่ยืนพองขนอยู่ห่างจากเขา แล้วหยุดลงเมื่อใกล้พอจะกลิ่นของเธอ กลิ่นหอมแปลกประหลาด
“ในชีวิตของผมมีคนหลายจำพวกที่ต้องการเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิต ซึ่งอาจจะเป็นพวกคุณสองพี่น้อง ฉะนั้นผมแค่ต้องกันไว้ก่อนดีกว่ามานั่งแก้ปัญหาทีหลัง”
เปรมาเบิกตาคมกว้าง สิ่งที่นายแซคกำลังพูดถึงคือพวกเธอสองพี่น้องเป็นพวกนักตกทอง ที่จ้องจับแต่คนรวย ดวงตาคมรีจ้องปากหนาที่ยังพ่นประโยคต่อไป
“โดยเฉพาะแซม เป็นคนหัวอ่อนและเชื่อคนง่าย ผมจะไม่ยอมให้ลูกชายของผมต้องตกเป็นเหยื่อพวกคุณเด็ดขาด”
“คุณมัน มัน เป็นพวกเอาความคิดตัวเองเป็นใหญ่ คุณก็เห็นว่าพวกแกรักกันแต่ยังขัดขวาง และพวกฉันก็ไม่เคยคิดต้องการเงินทองของใคร ฉันหาเลี้ยงตัวเองได้”
“รักงั้นเหรอ เลิฟ คุณเคยมีคนรักหรือยังผมถามหน่อย คุณรู้หรือว่ารักน่ะมันเป็นยังไง อีกอย่างคุณอาจเบื่อที่ต้องทำงานหนักมาตลอดเพื่อเลี้ยงดูน้องสาว ใครจะรู้”
เปรมาสะอึก เขาตีเธอตรงจุดแสดงว่าเขาได้สืบข้อมูลของเธอมาอย่างดีก่อนมาหาที่ร้าน
“ฮึ ทำไมเงียบไป คุณไม่รู้หรอกหรือว่าในช่วงวัยรุ่นฮอร์โมนของหนุ่มสาวมันพลุ่งพล่านขนาดไหนเลิฟ”
ร่างอวบอิ่มเริ่มเดินถอยหลังเมื่อแซคก้าวเท้าเข้าใกล้เธออีก จนกระทั่งแผ่นหลังกระทบเคาน์เตอร์จึงทำให้ไม่สามารถถอยได้อีกแล้ว
ร่างสูงใหญ่ย่างเท้าเข้าใกล้โน้มร่างลงใกล้หญิงสาว ใบหน้าแกร่งร้อนชะโงกลงชิดติดแก้มนวลใสจนเธอได้กลิ่นบุหรี่อ่อนจาง
“ความลุ่มหลงเร่าร้อนของฮอร์โมนจะทำให้คนเราตาบอดเห็นผิดเป็นชอบ เห็นสิ่งที่เรียกว่าความใคร่เป็นความรัก แซมกำลังหลั่งเทสโทสเตอโรน และลิฟกำลังมีเอสโตรเจน ซึ่งนั่นคือเหตุผลที่ทำให้คนทั้งคู่คิดว่าตัวเองกำลังตกหลุมรักกันและกัน”
“คุณมันบ้า!”
เปรมาตะลึงงัน นอกจากหน้าตาดีแล้วพ่อของแซมคงไม่มีอย่างอื่นในตัวให้ชื่นชม อ้อ คงจะเป็นรูปร่างภายนอกอีกอย่างที่พอให้เจริญตา
“คุณมีกลิ่นวนิลาปนอบเชย”
ดวงหน้าหวานคมของเปรมามีสีระเรื่อขึ้นเมื่อจู่ ๆ เขาก็เปลี่ยนเรื่อง ลมหายใจอุ่นร้อนของแซคยังเป่ารดที่ข้างแก้มนวล แต่แล้วร่างสูงใหญ่พลันยืดกายขึ้นหากแต่ยังใกล้เธอเกินไป
“ผมหิวแล้ว ไปทานข้าวกันแล้วจะได้คุยกันต่อ”
“ไม่ค่ะ เชิญคุณตามสบาย”
“อย่าบอกนะว่าคุณกลัวผม”
เปรมาเบือนหน้าออกจากภาพด้านหน้า แผงอกกว้างอยู่ในระดับสายตาของเธอพอดี กระดุมสามเม็ดที่เขาปลดออกทำให้เห็นขนหน้าอกรำไร
“ฉันไม่ได้กลัวคุณ แต่มันคงไม่เหมาะ เชิญคุณตามสบายเถอะค่ะ”
แซคยังก้มหน้ามองดวงหน้างามที่หันมองทางอื่นที่ไม่ใช่เขา แก้มนวลใสเสียจนเขาอยากใช้นิ้วลูบไล้ เขายิ้มมุมปากก่อนถอยออกเพื่อให้เธอคลายใจ บางครั้งการรุกรวดเร็วในครั้งแรกอาจใช้ไม่ได้ผลกับผู้หญิงบางคน
“ถ้าอย่างนั้น ผมคงพูดให้คุณได้ยินชัดเจนดีแล้ว”
เปรมาหันกลับมาอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงประตูเปิด ร่างอวบวิ่งไปหน้าร้านตามชายหนุ่มออกไปหากแต่เจอแต่ความว่างเปล่า
บ้าจริง ทำไมหายไปเร็วขนาดนี้
บทที่ 7เปรมาวางแฟ้มเอกสารลงบนโต๊ะด้านหน้าระหว่างรอ จากหางตาเห็นแซคเดินไปมุมห้องอีกด้านมีบาร์เครื่องดื่มเล็ก ๆ“นี่ค่ะใบเสนอราคา”เธอรีบยื่นเอกสารไปตรงหน้าเมื่อเขากลับมานั่งที่เก้าอี้ตรงข้ามเธอหลังจากวางแก้วน้ำเปล่าแซครับแฟ้มเอกสารเปิดออกดูเล็กน้อยแล้วจึงวางลงตรงหน้า เขามองสาวร่างอิ่มที่วันนี้มวยผมอวดดวงหน้าคมเรียวและลำคอระหง สายตาหลุบลงกวาดไล้ไปยังเสื้อเชิ้ตที่ผลิพุ่งจากทรวงอกอวบ ก่อนจะเหลือบขึ้นปะทะสายตารีที่กำลังหรี่ลงเอาเรื่อง“เป็นยังไงคะ ไม่ทราบว่าคุณพอใจกับราคาหรือเปล่า”“ครับ คุณเสนอมายังไงทางบริษัทผมก็รับหมด”แซคเอนกายไปด้านหลังยกมือประสานประกบไว้ใต้คางยกขาไขว้ห้างระหว่างพิจารณาหญิงสาวด้านหน้า“อันที่จริงที่ผมให้คุณมาวันนี้เพราะมีข้อเสนอให้คุณเช่นกัน”เปรมาหยิบแฟ้มเอกสารกลับมาไว้กับตัว เธอเงยหน้าขึ้นมองแซค ท่วงท่านักธุรกิจที่กำลังพิจารณาประเมินสิ่งของทำเธอฉุนเฉียวเล็กน้อยหากแต่ข่มไว้“ค่ะ ถ้างั้นอันที่จริงคุณไม่ได้ต้องการขนมของร้านฉันใช่ไหมคะ”“ไม่ครับ ทางบริษัทต้องการอย่างยิ่ง ซึ่งมันไม่เกี่ยวกับที่ผมจะพูด”เปรมาค่อยใจชื้นขึ้น อย่างน้อยเธอจะยังได้งานส่งขนมกับบริษัทยักษ์ใหญ่
บทที่ 6ความคิดกังวลยังวนเวียนแม้ผ่านมาแล้วหลายวัน พ่อของแซมไม่ยอมให้เด็กทั้งสองแต่งงานกัน แล้วเธอที่เป็นพี่สาวจะบอกน้องสาวที่เธอรักมากยังไงดีแม้มือยังเทส่วนผสมลงในเครื่องผสมสำหรับทำคุกกี้ แต่ใจยังวกวนหาทางออกไม่ได้ นึกภาพปาริมาที่ยังคงปกติดีไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นหรือเขาจะเพียงแค่ขู่ เสียงทุ้มยังก้องอยู่ในหัวสลัดออกไม่ได้เลยเธอพยายามเลิกสนใจเรื่องของแซค แล้วกลับมาทำงานต่อ เปรมาบีบแบทเทอร์[1]คุกกี้เนยสดลงบนถาดที่ปูรองด้วยแผ่นรองกระดาษสำหรับอบเค้ก มือบีบวนขดเป็นรูปขดหอยเป็นแถว ๆ เรียงเป็นระเบียบแล้วจึงวางเม็ดอัลมอนด์ตรงกลางเธอทำซ้ำวนไปอีกถาดอย่างต่อเนื่อง งานในร้านกาแฟกึ่งเบเกอรี่เป็นงานค่อนข้างหนักและมักทำให้เธอไม่มีเวลาหยุดพัก ยกเว้นช่วงหลังเลิกงานที่จริงเธอตั้งใจจะเพิ่มพนักงานอีกสักสองคนหลังร้านเพื่อมาช่วยงาน ถ้าเธอได้ลูกค้ารับขนมส่งเป็นประจำนั่นอาจจะพอทำได้“กริ๊ง กริ๊ง”เปรมาเหลือบตามองโทรศัพท์ ตายยากเสียจริง เธอวางถุงบีบคุกกี้ถอดถุงมือยางเพื่อปัดรับโทรศัพท์“สวัสดีค่ะ”“คุณรับสายช้า”ดวงตารีเหลือบตามองบนอย่างระอาใจ แค่เรื่องเล็กน้อยเขายังเอาแต่ใจเพียงนี้“ฉันกำลังทำงานอยู่ ค
บทที่ 5เปรมาจ้องเขาตรง ๆ เห็นสายตาคมเข้มยังกวาดไล้ไปบนร่างกายของเธอดั่งประเมินตีราคางานที่เขาประมูล และเธอไม่ชอบมันเลยสักนิด“ผมทำอะไรเลิฟ”“ก็คุณกำลังกวาดตาประเมินราคาฉันอยู่น่ะสิ แล้วชื่อนั้นมีไว้สำหรับคนที่สนิทเท่านั้น”แซคยิ้มกว้างจนเปรมาสะอึกสะดุดลมหายใจของตัวเอง เธอคิดว่าเขารู้ตัวดีเลยทีเดียวว่าถ้าเขาทำแบบนี้สาว ๆ ทั้งหลายจะพากันหลอมละลาย“แต่เรากำลังจะเกี่ยวดองเป็นญาติกัน นั่นยังไม่ถือว่าสนิทกันอีกหรือครับ และผมชอบดูของสวย ๆ งาม ๆ ซึ่งคุณเป็นหนึ่งในนั้น”บ้าจริง! เปรมาสะบัดหนีดวงตาคมเข้ม เธอรู้สึกว่าเขากำลังเปลื้องผ้าเธอออกทีละชิ้นอย่างช้า ๆ ด้วยสายตา และประเมินว่าเธอเหมาะสมกับครอบครัวของเขาหรือเปล่า“พูดสิ่งที่คุณคิดดีกว่าคุณฮิวส์”“สิ่งที่ผมคิดก็คือพวกเขายังเด็กเกินไป”“พวกเขาไม่เด็กแล้ว ปีหน้าพวกเขาก็อายุยี่สิบซึ่งบรรลุนิติภาวะ”“นั่นมันเรื่องของปีหน้า แต่ปีนี้พวกเขาเพิ่งสิบเก้าปีเท่านั้น”“แต่เด็กทั้งสองคนรักกัน และฉันคิดว่าเราควรสนับสนุน”“เลิฟ พวกเขายังเด็กเกินไป”แซคเสียงเข้มขึ้นเมื่อพูดถึงเรื่องของลูกชาย เขาเองไม่อยากให้แซมต้องหยุดชีวิตวัยรุ่นเพียงผู้หญิงคนเดียวตั้งแต่
บทที่ 4แซคพาร่างสูงใหญ่ในชุดสูทสีเทาเข้มปลดเนคไทออก คลายกระดุมบนสามเม็ดเพื่อต้องการให้ไม่ดูเป็นทางการมากเกินไปนัก เขาเปิดประตูร้านคาเฟ่ขนาดไม่ใหญ่แต่ก็ไม่ได้เล็กประมาณห้องสองคูหา ซึ่งมันทำให้เขาแปลกใจที่เปรมาสามารถหาร้านขนาดนี้ได้ท่ามกลางย่านธุรกิจกลางเมืองเสียงพนักงานต้อนรับเอ่ยด้วยสำเนียงหวานใสชวนไพเราะ มีเสียงกระซิบกระซาบเบา ๆ เป็นภาษาไทยขณะที่เขาเดินตรงไปยังเคาน์เตอร์“สวัสดีค่ะ ไม่ทราบว่ารับอะไรดีคะ”“ขอไอซ์อเมริกาโน่ไม่รับไซรับครับ”“ได้ค่ะ รับเค้กทานเพิ่มด้วยไหมคะ”แซคก้าวไปยังตู้แช่เค้กแบบกระจกโค้งด้านหน้าถัดไปที่เคาน์เตอร์ มองเค้กหลากหลายหน้าตาดูดีทีเดียว แล้วจึงสั่งช็อกโกแลตเค้กนมสดหนึ่งชิ้นหลังจากชำระค่ากาแฟเรียบร้อยจึงไปนั่งรอตรงมุมห้องเป็นโซฟาทรงเตี้ยนุ่มสบาย มองดูไปรอบ ๆ ร้านตกแต่งแบบผู้หญิงแท้ ๆ ด้วยสีละมุนตาโทนชมพูและครีมเป็นหลัก“ได้แล้วค่า”พนักงานสาวหน้าตาหมดจดย่อกายลงนิดเพื่อวางแก้วกาแฟและจานเค้กบนโต๊ะเตี้ยด้านหน้าชายหนุ่มหล่อ เขายิ้มรับขอบคุณจนสาวน้อยหน้าแดงอายม้วนซอยเท้าถี่เข้าไปยังด้านหลังเคาน์เตอร์แซคทำเพียงนั่งเอนกายกับพนักพิงโซฟา ขาทั้งสองข้างแยกออกจากกัน
บทที่ 3“ตุบ”เปรมาโยนกุญแจรถลงบนตู้เก็บของทางเข้าคอนโดมิเนียมที่เธอซื้อไว้สำหรับพักอาศัยกับน้องสาวสองคนความเหน็ดเหนื่อยจากการทำงานและกล้ามเนื้อตึงเครียดทำให้เธอต้องการแช่อยู่ในอ่างอาบน้ำเสียหน่อยเปรมาเดินเข้าไปยังห้องน้ำแล้วเปิดน้ำอุ่นลงอ่างอาบน้ำขนาดไม่ใหญ่มากนักในคอนโดมิเนียมราคาปานกลาง พาร่างอวบอิ่มกลับเข้าไปยังห้องแต่งตัวเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าเปรมาหยุดลงที่กระจกบานยาวในห้องแต่งตัว ดวงหน้าอาจดูสวยคมแต่ผมหยักศกเป็นลอนทำให้ใบหน้ากลับหวาน เธอยืดร่างเปลือยเปล่าเขย่งปลายเท้ามองกระจก เอวเธออาจเล็กหากแต่หน้าอกและสะโพกผายทำให้เธอดูอ้วนท้วม เธอบิดกายหันข้างก่อนถอนหายใจเฮ้อ รู้สึกเหมือนจะน้ำหนักขึ้น ฉันกำลังจะกลายเป็นสาวขึ้นคานอายุยี่สิบหกที่มีหุ่นเหมือนคุณป้าเธอหยิบผ้าเช็ดตัวและโทรศัพท์เข้าห้องน้ำ หย่อนร่างลงในน้ำที่เพิ่งเริ่มเติมได้แค่ค่อนล่างของอ่าง“ป่านนี้เจ้าหนูสองคนเป็นยังไงบ้างนะ”เปรมาสงสารน้องสาว ปาริมาค่อนข้างหัวอ่อนและเรียบร้อย เจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์ดูท่าทางแล้วคงดุใช่เล่น ไม่รู้ว่าน้องของเธอรับมือไหวหรือเปล่า“กริ๊ง กริ๊ง”ร่างอวบอิ่มสะดุ้งด้วยที่ว่ากำลังคิดเพลิน มองหน้าจอโท
บทที่ 2เปรมาเปลี่ยนท่าจากเท้าแขนเป็นเอนตัวพิงพนัก ดวงตาคมรีนิ่งใช้ความคิด“พี่เลิฟอยากเห็นพ่อของแซมไหมคะ นี่ไงคะ พ่อแซมชื่อแซค รูปนี้เพจเพิ่งลงเมื่อสองวันก่อน พ่อของแซมไปงานเลี้ยงธุรกิจในโรงแรม ดารา คนดังไปกันเยอะเลยค่ะ”คิ้วโก่งสวยบนหน้าหวานยกขึ้น เธอชะโงกตัวไปยังกลางโต๊ะเพื่อมองหน้าจอโทรศัพท์ที่น้องสาวเปิดภาพพ่อของแซมให้ดูในภาพเธอเห็นผู้ชายคนหนึ่งอายุราวปลายสามสิบหรืออาจต้นสี่สิบ สวมสูทราคาแพงพอดีตัวรูปร่างสูงใหญ่ ใบหน้าแกร่งคมด้วยคิ้วเข้มดกหนาได้รูป จมูกโด่งสูงแต่ปลายงุ้มลงเล็กน้อย นัยน์ตาดำคมกริบดุดัน ผมสีเข้มดำสนิท ทุกสิ่งทุกอย่างบนร่างกายชายคนนี้ช่างผิดแผกแตกต่างไปจากลูกชายของเขาโดยสิ้นเชิงเปรมาเงยหน้าขึ้นมองแซมด้วยใบหน้าฉงน จนแม้แต่แซมเองยังเข้าใจยิ้มแห้ง ๆ ออกมา“ผมเหมือนแม่น่ะครับพี่เลิฟ”เปรมาพยักหน้าแล้วก้มมองรูปภาพในโทรศัพท์อีกครั้ง นอกจากรูปร่างสูงใหญ่แล้ว เธอยังเห็นความสง่างามและหยิ่งทะนงอยู่ในท่ายืนตรงมือล้วงกระเป๋าหนึ่งข้าง มองกล้องดั่งชายผู้มีความมั่นใจในตัวเองสูงและครอบครองโลกใบนี้ด้วยมือข้างเดียว ส่วนมืออีกข้างของเขาโอบเอวนางแบบชื่อดังไว้แนบกาย“ลิฟ กลับไปคอนโดอา







