LOGINบทที่ 6
ความคิดกังวลยังวนเวียนแม้ผ่านมาแล้วหลายวัน พ่อของแซมไม่ยอมให้เด็กทั้งสองแต่งงานกัน แล้วเธอที่เป็นพี่สาวจะบอกน้องสาวที่เธอรักมากยังไงดี
แม้มือยังเทส่วนผสมลงในเครื่องผสมสำหรับทำคุกกี้ แต่ใจยังวกวนหาทางออกไม่ได้ นึกภาพปาริมาที่ยังคงปกติดีไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น
หรือเขาจะเพียงแค่ขู่ เสียงทุ้มยังก้องอยู่ในหัวสลัดออกไม่ได้เลย
เธอพยายามเลิกสนใจเรื่องของแซค แล้วกลับมาทำงานต่อ เปรมาบีบแบทเทอร์[1]คุกกี้เนยสดลงบนถาดที่ปูรองด้วยแผ่นรองกระดาษสำหรับอบเค้ก มือบีบวนขดเป็นรูปขดหอยเป็นแถว ๆ เรียงเป็นระเบียบแล้วจึงวางเม็ดอัลมอนด์ตรงกลาง
เธอทำซ้ำวนไปอีกถาดอย่างต่อเนื่อง งานในร้านกาแฟกึ่งเบเกอรี่เป็นงานค่อนข้างหนักและมักทำให้เธอไม่มีเวลาหยุดพัก ยกเว้นช่วงหลังเลิกงาน
ที่จริงเธอตั้งใจจะเพิ่มพนักงานอีกสักสองคนหลังร้านเพื่อมาช่วยงาน ถ้าเธอได้ลูกค้ารับขนมส่งเป็นประจำนั่นอาจจะพอทำได้
“กริ๊ง กริ๊ง”
เปรมาเหลือบตามองโทรศัพท์ ตายยากเสียจริง เธอวางถุงบีบคุกกี้ถอดถุงมือยางเพื่อปัดรับโทรศัพท์
“สวัสดีค่ะ”
“คุณรับสายช้า”
ดวงตารีเหลือบตามองบนอย่างระอาใจ แค่เรื่องเล็กน้อยเขายังเอาแต่ใจเพียงนี้
“ฉันกำลังทำงานอยู่ คุณมีธุระอะไรหรือเปล่าคะ”
“ผมอยากจะให้คุณช่วยเสนอราคาขนมของว่างมาให้ที่บริษัทผมหน่อย ตอนนี้ร้านประจำเขามาขอยกเลิกสัญญาเพราะเหตุผลส่วนตัว”
เธอชะงักเล็กน้อย ทำไมเขาช่างรู้ว่าเธอกำลังต้องการอะไร
“ได้ค่ะ รีบมากไหมคะ”
“ครับ ขอพรุ่งนี้ได้ยิ่งดี”
“ได้ค่ะ ให้ฉันนำใบเสนอราคาไปฝากไว้ที่แผนกไหนคะ”
เปรมายกโทรศัพท์แนบหูใช้ไหล่ดันไว้ก่อนจะเดินไปล้างมือ แล้วกลับมาหยิบถาดคุกกี้ที่บีบแล้วเข้าตู้เย็นขนาดใหญ่ไว้ก่อนเพื่อรอให้เตาอบวอร์มความร้อนได้ที่จึงจะนำเข้าอบ
“ผมจะแจ้งไว้ที่โต๊ะประชาสัมพันธ์ คุณมาถามตรงนั้นได้เลย”
“ค่ะ”
“เดี๋ยวอีกเรื่อง”
“คะ”
เปรมาหยุดมือที่กำลังตั้งเวลาหน้าเตาอบ ตั้งใจฟังเสียงทุ้มที่ดูเหมือนจะมีน้ำเสียงหงุดหงิด
“ผมไม่ชอบให้คนที่กำลังคุยกับผมทำอย่างอื่นไปด้วย”
เปรมาวางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะเมื่อบทสนทนาจบลงที่ประโยคนั้น แม้ใจเธอยังกรุ่นโกรธแต่พอคิดว่าเขาได้ขอให้เสนอราคาของว่างแก่บริษัท แสดงว่าเขาเองก็พอมีน้ำใจอยู่บ้างจึงได้ลดความโมโหลง
เธอนั่งลงพร้อมกับหยิบกระดาษในลิ้นชักโต๊ะสำหรับจดวัตถุดิบออกมาพรางใช้ตูดปากกาเคาะไปที่ใบหน้า ครุ่นคิดคำนวณการเสนอราคาก่อนจะนำไปจัดพิมพ์ให้ถูกต้องเป็นระเบียบต่อไป
เปรมาค่อยยิ้มเมื่อนึกถึงอนาคตว่าบริษัทเขาจะรับขนมจากที่ร้านของเป็นประจำและนั่นจะทำให้เธอจ้างพนักงานมาเพิ่มได้เสียที
อย่าไปคิดว่าตัวเองเห็นแก่เงินสิยายเลิฟ คิดเสียว่าอย่างน้อยเขาก็มีข้อดีมีน้ำใจให้งานเรา
อาคารบริษัทฮิวส์คอนสตรัคชั่นเป็นอาคารสำนักงานค่อนข้างใหญ่ทีเดียวจนเปรมาตกใจ อาคารสูงเกือบสามสิบชั้นที่แบ่งซอยด้านล่างเป็นห้างสรรพสินค้าและสำนักงานให้เช่า ส่วนสิบชั้นด้านบนสำหรับบริษัทของเขา เปรมาเข้ามายังส่วนโถงต้อนรับบนชั้นที่ยี่สิบ
วันนี้เธอเลือกสวมกางเกงขายาวสีเข้มเสื้อเชิ้ตสีขาวทับด้วยสูทตัวสั้นเว้าเอวแบบผู้หญิงดูทะมัดทะแมง รวมผมยาวสยายขึ้นมวยไว้ท้ายทอยปล่อยลูกผมเล็กน้อยพอให้ดูหน้าหวาน
“สวัสดีค่ะ มีอะไรให้รับใช้ค่ะ”
เสียงหวานนุ่มของพนักงานต้อนรับด้านหลังเคาน์เตอร์ช่วยให้เธอผ่อนคลายร่างที่เครียดขมึงลงบ้าง
“ค่ะ นำเอกสารเสนอราคาขนมของว่างมายื่นค่ะ สามารถนำไปยื่นได้ที่แผนกไหนคะ”
“อ้อ ค่ะ ท่านประธานสั่งไว้แล้วค่ะ เชิญทางนี้ค่ะ”
เปรมาเดินตามพนักงานเข้าไปในลิฟต์อีกครั้งเพื่อขึ้นไปชั้นบนสุดของอาคาร โถงกลางบนชั้นบนตกแต่งแตกต่างไปจากชั้นล่าง ดูจริงจังหากแต่เรียบหรู
“สวัสดีค่ะ คุณเปรมาใช่ไหมคะ”
เธอหันมาทางเสียงเรียกด้านข้าง ชั้นบนทั้งชั้นปูพรมสีเข้มทำให้เวลาเดินไม่ได้ยินเสียงฝีเท้าของหญิงสาวรูปร่างสูงโปร่งสวยจัดทีเดียว สวมกระโปรงสั้นสีเข้มพอดีตัวยิ่งทำให้เห็นสัดส่วนได้ชัดเจน
“สวัสดีค่ะ ฉันเปรมาค่ะ”
“ดิฉันเป็นเลขาท่านประธานค่ะ ท่านกำลังรออยู่ค่ะ เชิญทางนี้ค่ะ”
เปรมาหน้าเจื่อนลงเล็กน้อยเมื่อทราบว่าเป็นแซคที่รอรับเอกสารเสนอราคา
“ไม่ใช่ว่าเป็นหน้าที่ของฝ่ายจัดซื้อเหรอคะ”
เลขาสาวหยุดเดินที่หน้าประตูไม้หนาทึบบานใหญ่ยิ้มหวานตอบคำถาม
“ค่ะ แต่ท่านประธานต้องการพบคุณก่อนค่ะ”
เปรมามองประตูที่เปิดออกกว้างรอให้เธอพาร่างอวบอิ่มเข้าไป เธอมองห้องกว้างไร้ท่านประธาน จึงค่อยเดินเข้าไปข้างในพลางเหลียวมองหา เธอหันมองประตูที่ถูกเลขาปิดตามหลังเมื่อเธอเดินเข้าห้องแล้ว
หญิงสาวมองหน้าต่างบานใหญ่ที่เปิดม่านรับแสงสว่างเข้ามาในห้องอย่างเต็มที่
“เชิญนั่งก่อน”
ร่างสูงใหญ่เดินออกมาจากประตูเล็กที่เชื่อมติดกัน ภาพชายหนุ่มที่เสื้อเชิ้ตสีขาวเหยียดตึงแนบไปกับกล้ามเนื้อทำเธอใจเต้นรัว เขาไม่สวมเสื้อสูททำเพียงปลดกระดุมลงสามเม็ดเหมือนเมื่อวานวันก่อน พับแขนเสื้อขึ้นมาถึงข้อศอก ดวงตาคมล้ำลึกจนเธอต้องเบือนหน้าหนี
เธอนั่งลงที่เก้าอี้สำนักงานตรงโต๊ะทำงานที่ทำจากไม้จริงตัวใหญ่ทาสีเข้ม
“รับน้ำอะไรดีครับ ผมมีน้ำส้ม น้ำเปล่า หรือจะดื่มสักเล็กน้อย”
“น้ำเปล่าค่ะ ขอบคุณค่ะ”
[1] ส่วนผสมข้นของขนมที่ผ่านการผสมกันดีแล้ว
บทที่ 7เปรมาวางแฟ้มเอกสารลงบนโต๊ะด้านหน้าระหว่างรอ จากหางตาเห็นแซคเดินไปมุมห้องอีกด้านมีบาร์เครื่องดื่มเล็ก ๆ“นี่ค่ะใบเสนอราคา”เธอรีบยื่นเอกสารไปตรงหน้าเมื่อเขากลับมานั่งที่เก้าอี้ตรงข้ามเธอหลังจากวางแก้วน้ำเปล่าแซครับแฟ้มเอกสารเปิดออกดูเล็กน้อยแล้วจึงวางลงตรงหน้า เขามองสาวร่างอิ่มที่วันนี้มวยผมอวดดวงหน้าคมเรียวและลำคอระหง สายตาหลุบลงกวาดไล้ไปยังเสื้อเชิ้ตที่ผลิพุ่งจากทรวงอกอวบ ก่อนจะเหลือบขึ้นปะทะสายตารีที่กำลังหรี่ลงเอาเรื่อง“เป็นยังไงคะ ไม่ทราบว่าคุณพอใจกับราคาหรือเปล่า”“ครับ คุณเสนอมายังไงทางบริษัทผมก็รับหมด”แซคเอนกายไปด้านหลังยกมือประสานประกบไว้ใต้คางยกขาไขว้ห้างระหว่างพิจารณาหญิงสาวด้านหน้า“อันที่จริงที่ผมให้คุณมาวันนี้เพราะมีข้อเสนอให้คุณเช่นกัน”เปรมาหยิบแฟ้มเอกสารกลับมาไว้กับตัว เธอเงยหน้าขึ้นมองแซค ท่วงท่านักธุรกิจที่กำลังพิจารณาประเมินสิ่งของทำเธอฉุนเฉียวเล็กน้อยหากแต่ข่มไว้“ค่ะ ถ้างั้นอันที่จริงคุณไม่ได้ต้องการขนมของร้านฉันใช่ไหมคะ”“ไม่ครับ ทางบริษัทต้องการอย่างยิ่ง ซึ่งมันไม่เกี่ยวกับที่ผมจะพูด”เปรมาค่อยใจชื้นขึ้น อย่างน้อยเธอจะยังได้งานส่งขนมกับบริษัทยักษ์ใหญ่
บทที่ 6ความคิดกังวลยังวนเวียนแม้ผ่านมาแล้วหลายวัน พ่อของแซมไม่ยอมให้เด็กทั้งสองแต่งงานกัน แล้วเธอที่เป็นพี่สาวจะบอกน้องสาวที่เธอรักมากยังไงดีแม้มือยังเทส่วนผสมลงในเครื่องผสมสำหรับทำคุกกี้ แต่ใจยังวกวนหาทางออกไม่ได้ นึกภาพปาริมาที่ยังคงปกติดีไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นหรือเขาจะเพียงแค่ขู่ เสียงทุ้มยังก้องอยู่ในหัวสลัดออกไม่ได้เลยเธอพยายามเลิกสนใจเรื่องของแซค แล้วกลับมาทำงานต่อ เปรมาบีบแบทเทอร์[1]คุกกี้เนยสดลงบนถาดที่ปูรองด้วยแผ่นรองกระดาษสำหรับอบเค้ก มือบีบวนขดเป็นรูปขดหอยเป็นแถว ๆ เรียงเป็นระเบียบแล้วจึงวางเม็ดอัลมอนด์ตรงกลางเธอทำซ้ำวนไปอีกถาดอย่างต่อเนื่อง งานในร้านกาแฟกึ่งเบเกอรี่เป็นงานค่อนข้างหนักและมักทำให้เธอไม่มีเวลาหยุดพัก ยกเว้นช่วงหลังเลิกงานที่จริงเธอตั้งใจจะเพิ่มพนักงานอีกสักสองคนหลังร้านเพื่อมาช่วยงาน ถ้าเธอได้ลูกค้ารับขนมส่งเป็นประจำนั่นอาจจะพอทำได้“กริ๊ง กริ๊ง”เปรมาเหลือบตามองโทรศัพท์ ตายยากเสียจริง เธอวางถุงบีบคุกกี้ถอดถุงมือยางเพื่อปัดรับโทรศัพท์“สวัสดีค่ะ”“คุณรับสายช้า”ดวงตารีเหลือบตามองบนอย่างระอาใจ แค่เรื่องเล็กน้อยเขายังเอาแต่ใจเพียงนี้“ฉันกำลังทำงานอยู่ ค
บทที่ 5เปรมาจ้องเขาตรง ๆ เห็นสายตาคมเข้มยังกวาดไล้ไปบนร่างกายของเธอดั่งประเมินตีราคางานที่เขาประมูล และเธอไม่ชอบมันเลยสักนิด“ผมทำอะไรเลิฟ”“ก็คุณกำลังกวาดตาประเมินราคาฉันอยู่น่ะสิ แล้วชื่อนั้นมีไว้สำหรับคนที่สนิทเท่านั้น”แซคยิ้มกว้างจนเปรมาสะอึกสะดุดลมหายใจของตัวเอง เธอคิดว่าเขารู้ตัวดีเลยทีเดียวว่าถ้าเขาทำแบบนี้สาว ๆ ทั้งหลายจะพากันหลอมละลาย“แต่เรากำลังจะเกี่ยวดองเป็นญาติกัน นั่นยังไม่ถือว่าสนิทกันอีกหรือครับ และผมชอบดูของสวย ๆ งาม ๆ ซึ่งคุณเป็นหนึ่งในนั้น”บ้าจริง! เปรมาสะบัดหนีดวงตาคมเข้ม เธอรู้สึกว่าเขากำลังเปลื้องผ้าเธอออกทีละชิ้นอย่างช้า ๆ ด้วยสายตา และประเมินว่าเธอเหมาะสมกับครอบครัวของเขาหรือเปล่า“พูดสิ่งที่คุณคิดดีกว่าคุณฮิวส์”“สิ่งที่ผมคิดก็คือพวกเขายังเด็กเกินไป”“พวกเขาไม่เด็กแล้ว ปีหน้าพวกเขาก็อายุยี่สิบซึ่งบรรลุนิติภาวะ”“นั่นมันเรื่องของปีหน้า แต่ปีนี้พวกเขาเพิ่งสิบเก้าปีเท่านั้น”“แต่เด็กทั้งสองคนรักกัน และฉันคิดว่าเราควรสนับสนุน”“เลิฟ พวกเขายังเด็กเกินไป”แซคเสียงเข้มขึ้นเมื่อพูดถึงเรื่องของลูกชาย เขาเองไม่อยากให้แซมต้องหยุดชีวิตวัยรุ่นเพียงผู้หญิงคนเดียวตั้งแต่
บทที่ 4แซคพาร่างสูงใหญ่ในชุดสูทสีเทาเข้มปลดเนคไทออก คลายกระดุมบนสามเม็ดเพื่อต้องการให้ไม่ดูเป็นทางการมากเกินไปนัก เขาเปิดประตูร้านคาเฟ่ขนาดไม่ใหญ่แต่ก็ไม่ได้เล็กประมาณห้องสองคูหา ซึ่งมันทำให้เขาแปลกใจที่เปรมาสามารถหาร้านขนาดนี้ได้ท่ามกลางย่านธุรกิจกลางเมืองเสียงพนักงานต้อนรับเอ่ยด้วยสำเนียงหวานใสชวนไพเราะ มีเสียงกระซิบกระซาบเบา ๆ เป็นภาษาไทยขณะที่เขาเดินตรงไปยังเคาน์เตอร์“สวัสดีค่ะ ไม่ทราบว่ารับอะไรดีคะ”“ขอไอซ์อเมริกาโน่ไม่รับไซรับครับ”“ได้ค่ะ รับเค้กทานเพิ่มด้วยไหมคะ”แซคก้าวไปยังตู้แช่เค้กแบบกระจกโค้งด้านหน้าถัดไปที่เคาน์เตอร์ มองเค้กหลากหลายหน้าตาดูดีทีเดียว แล้วจึงสั่งช็อกโกแลตเค้กนมสดหนึ่งชิ้นหลังจากชำระค่ากาแฟเรียบร้อยจึงไปนั่งรอตรงมุมห้องเป็นโซฟาทรงเตี้ยนุ่มสบาย มองดูไปรอบ ๆ ร้านตกแต่งแบบผู้หญิงแท้ ๆ ด้วยสีละมุนตาโทนชมพูและครีมเป็นหลัก“ได้แล้วค่า”พนักงานสาวหน้าตาหมดจดย่อกายลงนิดเพื่อวางแก้วกาแฟและจานเค้กบนโต๊ะเตี้ยด้านหน้าชายหนุ่มหล่อ เขายิ้มรับขอบคุณจนสาวน้อยหน้าแดงอายม้วนซอยเท้าถี่เข้าไปยังด้านหลังเคาน์เตอร์แซคทำเพียงนั่งเอนกายกับพนักพิงโซฟา ขาทั้งสองข้างแยกออกจากกัน
บทที่ 3“ตุบ”เปรมาโยนกุญแจรถลงบนตู้เก็บของทางเข้าคอนโดมิเนียมที่เธอซื้อไว้สำหรับพักอาศัยกับน้องสาวสองคนความเหน็ดเหนื่อยจากการทำงานและกล้ามเนื้อตึงเครียดทำให้เธอต้องการแช่อยู่ในอ่างอาบน้ำเสียหน่อยเปรมาเดินเข้าไปยังห้องน้ำแล้วเปิดน้ำอุ่นลงอ่างอาบน้ำขนาดไม่ใหญ่มากนักในคอนโดมิเนียมราคาปานกลาง พาร่างอวบอิ่มกลับเข้าไปยังห้องแต่งตัวเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าเปรมาหยุดลงที่กระจกบานยาวในห้องแต่งตัว ดวงหน้าอาจดูสวยคมแต่ผมหยักศกเป็นลอนทำให้ใบหน้ากลับหวาน เธอยืดร่างเปลือยเปล่าเขย่งปลายเท้ามองกระจก เอวเธออาจเล็กหากแต่หน้าอกและสะโพกผายทำให้เธอดูอ้วนท้วม เธอบิดกายหันข้างก่อนถอนหายใจเฮ้อ รู้สึกเหมือนจะน้ำหนักขึ้น ฉันกำลังจะกลายเป็นสาวขึ้นคานอายุยี่สิบหกที่มีหุ่นเหมือนคุณป้าเธอหยิบผ้าเช็ดตัวและโทรศัพท์เข้าห้องน้ำ หย่อนร่างลงในน้ำที่เพิ่งเริ่มเติมได้แค่ค่อนล่างของอ่าง“ป่านนี้เจ้าหนูสองคนเป็นยังไงบ้างนะ”เปรมาสงสารน้องสาว ปาริมาค่อนข้างหัวอ่อนและเรียบร้อย เจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์ดูท่าทางแล้วคงดุใช่เล่น ไม่รู้ว่าน้องของเธอรับมือไหวหรือเปล่า“กริ๊ง กริ๊ง”ร่างอวบอิ่มสะดุ้งด้วยที่ว่ากำลังคิดเพลิน มองหน้าจอโท
บทที่ 2เปรมาเปลี่ยนท่าจากเท้าแขนเป็นเอนตัวพิงพนัก ดวงตาคมรีนิ่งใช้ความคิด“พี่เลิฟอยากเห็นพ่อของแซมไหมคะ นี่ไงคะ พ่อแซมชื่อแซค รูปนี้เพจเพิ่งลงเมื่อสองวันก่อน พ่อของแซมไปงานเลี้ยงธุรกิจในโรงแรม ดารา คนดังไปกันเยอะเลยค่ะ”คิ้วโก่งสวยบนหน้าหวานยกขึ้น เธอชะโงกตัวไปยังกลางโต๊ะเพื่อมองหน้าจอโทรศัพท์ที่น้องสาวเปิดภาพพ่อของแซมให้ดูในภาพเธอเห็นผู้ชายคนหนึ่งอายุราวปลายสามสิบหรืออาจต้นสี่สิบ สวมสูทราคาแพงพอดีตัวรูปร่างสูงใหญ่ ใบหน้าแกร่งคมด้วยคิ้วเข้มดกหนาได้รูป จมูกโด่งสูงแต่ปลายงุ้มลงเล็กน้อย นัยน์ตาดำคมกริบดุดัน ผมสีเข้มดำสนิท ทุกสิ่งทุกอย่างบนร่างกายชายคนนี้ช่างผิดแผกแตกต่างไปจากลูกชายของเขาโดยสิ้นเชิงเปรมาเงยหน้าขึ้นมองแซมด้วยใบหน้าฉงน จนแม้แต่แซมเองยังเข้าใจยิ้มแห้ง ๆ ออกมา“ผมเหมือนแม่น่ะครับพี่เลิฟ”เปรมาพยักหน้าแล้วก้มมองรูปภาพในโทรศัพท์อีกครั้ง นอกจากรูปร่างสูงใหญ่แล้ว เธอยังเห็นความสง่างามและหยิ่งทะนงอยู่ในท่ายืนตรงมือล้วงกระเป๋าหนึ่งข้าง มองกล้องดั่งชายผู้มีความมั่นใจในตัวเองสูงและครอบครองโลกใบนี้ด้วยมือข้างเดียว ส่วนมืออีกข้างของเขาโอบเอวนางแบบชื่อดังไว้แนบกาย“ลิฟ กลับไปคอนโดอา







