LOGIN“แต่ว่าภายใต้เงื่อนไขนั้น เลิฟ คุณต้องบินไปภูเก็ตกับผมเจ็ดวัน หรือพูดให้เข้าใจง่ายหน่อยก็คือ คุณต้องนอนกับผม” “อะไรนะ!!” “เจ็ดวันกับสองปี นั่นมันจะเรียกว่ายังไงดี คุณได้เปรียบมากเลยนะเลิฟ” ....................... “แซค คุณเป็นพ่อแซม ได้ยินไหม!” เปรมาตะคอกกลับ ในเมื่อเขาส่งเสียงใส่เธอ เธอก็จะไม่ยอมให้เขากระทำกับเธอฝ่ายเดียว “แล้วยังไง! ผมไม่เห็นว่ามันจะผิดปกติตรงไหน” “บ้าจริง! ก็ถ้าลิฟเป็นน้องสาวฉัน ลิฟเรียกคุณว่าพ่อ แล้วฉันล่ะจะเรียกคุณว่ายังไง” “ก็เรียกผัวยังไงล่ะเลิฟ เราเอากันสะขนาดนั้นจะให้เรียกพ่อหรือไง!!” “หยุดนะ!! คุณไม่ใช่ผัวฉัน แซค” “แล้วที่ร้องครางหงิงๆ จะให้เรียกว่าอะไร คุณเรียกผมว่าพ่อหรือไง!!” ข้อเสนอสุดแสนหวาบหวามที่จะทำให้ทั้งเขาและเธอหลงวนอยู่ในห้วงเสน่หาจนยากจะถอดตัว
View Moreบทที่ 1
“สวัสดีค่า”
เสียงพนักงานภายในร้านคาเฟ่กึ่งเบเกอรี่ที่ตั้งอยู่ในใจกลางเมืองทำเลทำเงินของมหานครเมืองหลวงในเมืองไทยเปล่งเสียงต้อนรับลูกค้าที่เข้ามาในร้านต่อเนื่อง
เปรมา สถิตวงศ์ หรือ เลิฟ ชื่อเล่นที่ไว้ใช้กับคนสนิทเท่านั้น ละสายตาจากจานขนมเค้กที่กำลังวางในตู้โชว์เค้กมองไปยังประตูทางเข้าร้าน
ร้าน 96 café กำลังเป็นที่นิยมในย่านนี้ เธอตัดสินใจไม่ผิดที่เปิดร้านแห่งนี้หลังจากออกจากงานแผนกเบเกอรี่จากโรงแรมชื่อดัง สาวร่างสูงอวบอิ่มผิวสองสีที่มีรอยยิ้มกว้างพร้อมลักยิ้มข้างขวา ดวงตาคมรีจมูกโด่งปลายเชิดเล็กน้อยบ่งบอกลักษณะดื้อรั้น ผมดำขลับเป็นลอนหยักศกที่เธอไม่ใคร่ชอบถูกซ่อนไว้ในหมวกคลุมสีขาวสำหรับเชฟ
“พี่เลิฟ”
เสียงหวานใสของน้องสาว ปาริมา สถิตวงศ์ หรือ ลิฟ เดินแกมวิ่งเข้าไปกอดพี่สาวเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่
“มากันแล้ว กินอะไรมาหรือยัง”
เปรมารีบวางจานแล้วปิดตู้แช่เค้กหันมากอดน้องสาวเอ่ยถามน้ำเสียงห่วงใย มองผู้ชายอีกคนที่มาด้วยกัน แซม ฮิวส์ หนุ่มชาวอเมริกันที่กำลังคบหากับน้องสาวเธอ
แซมรูปร่างหน้าตาหล่อจัด สูงโปร่งแต่มีกล้ามเนื้อดั่งคนชอบเล่นกีฬา สีผิวแทนเพราะมักชอบอยู่กลางแจ้ง ผมสีน้ำตาลอ่อน นัยน์ตาสีฟ้ากระจ่างใส แต่ที่เปรมาชอบในตัวเด็กหนุ่มคนนี้มากที่สุดคือนิสัยใจคออ่อนโยนและเป็นสุภาพบุรุษ
เปรมาดึงแขนน้องให้ไปนั่งที่โต๊ะด้านข้าง ปาริมารูปร่างผอมบางอย่างสมัยนิยม สูงโปร่งและผิวขาวผ่องผิดไปจากเธอค่อนข้างมาก ใบหน้าหวานเฉี่ยวทำสีผมน้ำตาลอ่อน
“มีอะไรทานบ้างคะพี่เลิฟ ลิฟกับแซมหิวมากเลยค่ะ”
เปรมายิ้มให้กับคนทั้งคู่แล้วจึงหันไปสั่งลูกน้องในร้านให้นำแซนวิชที่เธอเตรียมไว้มาจัดเสิร์ฟ
“ทานแซนวิชไปก่อนนะเด็ก ๆ พี่ยังไม่มีเวลาทำของหนักเลยจ๊ะ”
“ได้ค่ะพี่เลิฟ วันนี้ลูกค้าเยอะเหรอคะ”
ปาริมาขยับแก้วน้ำที่พนักงานนำมาวางให้แซมแล้วยกแก้วของตัวเองขึ้นดื่ม ใบหน้าหวานเฉี่ยวมีเหงื่อเล็กน้อย ยังมองพี่สาวตาแป๋ว
“ใช่แล้วจ๊ะ อ้อ นี่ทั้งสองคนเตรียมตัวดีหรือยัง”
เปรมรีบเอ่ยถามเมื่อนึกขึ้นได้ว่าเย็นนี้ทั้งปาริมาและแซมต้องไปพบกับพ่อของแซม นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ชื่อดังที่เข้ามาขยายกิจการในประเทศไทยหลายปีแล้ว นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้แซมมาเรียนต่อมหาวิทยาลัยเอกชนในไทยจนได้เจอกับน้องสาวของเธอ
สีหน้าปาริมาจ๋อยลงเล็กน้อยเมื่อพูดถึงพ่อของแซมก่อนจะเอี้ยวหน้าไปมองเพื่อนชาย
“ครับ เราทั้งคู่เตรียมตัวเตรียมใจไว้แล้วครับ”
ปาริมาขยับจานแซนวิชที่พนักงานนำมาวางไปทางข้างหน้าคนทั้งสอง พรางยิ้มเบา ๆ
“ถึงขนาดต้องเตรียมใจเชียวเหรอแซม”
“พี่เลิฟ พ่อผมดุมากเลยนะครับ”
“อะไรกัน แต่เขาน่าจะเข้าใจเรื่องพวกนี้นะ ในเมื่อเขาก็เคยผ่านมันมาก่อน”
เปรมาวางข้อศอกกับโต๊ะกระจกเท้าคางมองคนทั้งคู่ที่กำลังทานแซนวิชหิวกระหาย
“อืม อร่อยจังเลยค่ะพี่เลิฟ”
“อร่อยก็ทานเยอะๆ สิ ยังมีอีก”
สายตาเปรมาวกกลับมายังแซมเพื่อรอให้เขาตอบคำถาม เด็กหนุ่มหน้าตาดีและน้องสาวของเธอเหมาะสมกันทุกประการในความคิดของเธอ คนทั้งคู่เรียนอยู่ที่เดียวกันแม้ว่าน้องสาวของเธอจะอายุมากกว่าหนึ่งปี แต่นั่นไม่ใช่ปัญหา
“ครับ ผมไม่ทราบแน่ชัดนักว่าเมื่อตอนพ่อยังเป็นวัยรุ่นเป็นยังไง เขาไม่ค่อยเล่าอะไรให้ผมหรอกครับ แต่อันที่จริงพ่อกับผมก็ไม่ค่อยได้เจอกันสักเท่าไรเพราะพ่อเป็นพวกบ้างาน”
แซมเช็ดมือกับกระดาษอเนกประสงค์หลังจากทานเสร็จ นัยน์ตาสีฟ้ายังจ้องเธอด้วยแววตาแจ่มใส
“แล้วแซมได้เจอแม่บ้างหรือเปล่า”
“ก็ตั้งแต่พวกเขาหย่ากันผมก็ไม่ค่อยได้เจอกัน ซึ่งมันก็นานมากแล้วจนแม้แต่ผมเองก็แทบจำหน้าแม่ไม่ได้ ไม่สิพี่เลิฟ ผมได้เห็นแม่เหมือนกัน แต่ในหน้าคอลัมสาวสังคมเท่านั้นครับ ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
คำพูดติดตลกเหมือนผ่อนคลายของแซมไม่ได้ทำให้เปรมาขบขันไปด้วย ยิ่งทำให้เห็นว่าแซมขาดความอบอุ่นมากขนาดไหน ขนาดเธอเสียทั้งพ่อและแม่เมื่อช่วงวัยรุ่นสภาพจิตใจยังย่ำแย่ พยายามเต็มที่ดูแลน้องสาวเพียงคนเดียว ให้ความรักความอบอุ่นทดแทนบิดามารดา และเธอทำได้เป็นอย่างดีเยี่ยมดูได้จากปาริมาเติบโตขึ้นมาเป็นเด็กสาวมองโลกในแง่ดี อบอุ่นและเรียนเก่ง
ตอนนี้ปาริมาทานเสร็จแล้วเช่นกัน ปัดไม้ปัดมือด้านข้างก่อนจะยกน้ำดื่ม
“พี่เลิฟ พ่อของแซมเขาเป็นพวกบ้างาน แล้วเนี่ยมาเมืองไทยก็จะอยู่ไม่นาน น่าจะราวสองสามเดือนเท่านั้นก็บินกลับแล้วค่ะ”
บทที่ 7เปรมาวางแฟ้มเอกสารลงบนโต๊ะด้านหน้าระหว่างรอ จากหางตาเห็นแซคเดินไปมุมห้องอีกด้านมีบาร์เครื่องดื่มเล็ก ๆ“นี่ค่ะใบเสนอราคา”เธอรีบยื่นเอกสารไปตรงหน้าเมื่อเขากลับมานั่งที่เก้าอี้ตรงข้ามเธอหลังจากวางแก้วน้ำเปล่าแซครับแฟ้มเอกสารเปิดออกดูเล็กน้อยแล้วจึงวางลงตรงหน้า เขามองสาวร่างอิ่มที่วันนี้มวยผมอวดดวงหน้าคมเรียวและลำคอระหง สายตาหลุบลงกวาดไล้ไปยังเสื้อเชิ้ตที่ผลิพุ่งจากทรวงอกอวบ ก่อนจะเหลือบขึ้นปะทะสายตารีที่กำลังหรี่ลงเอาเรื่อง“เป็นยังไงคะ ไม่ทราบว่าคุณพอใจกับราคาหรือเปล่า”“ครับ คุณเสนอมายังไงทางบริษัทผมก็รับหมด”แซคเอนกายไปด้านหลังยกมือประสานประกบไว้ใต้คางยกขาไขว้ห้างระหว่างพิจารณาหญิงสาวด้านหน้า“อันที่จริงที่ผมให้คุณมาวันนี้เพราะมีข้อเสนอให้คุณเช่นกัน”เปรมาหยิบแฟ้มเอกสารกลับมาไว้กับตัว เธอเงยหน้าขึ้นมองแซค ท่วงท่านักธุรกิจที่กำลังพิจารณาประเมินสิ่งของทำเธอฉุนเฉียวเล็กน้อยหากแต่ข่มไว้“ค่ะ ถ้างั้นอันที่จริงคุณไม่ได้ต้องการขนมของร้านฉันใช่ไหมคะ”“ไม่ครับ ทางบริษัทต้องการอย่างยิ่ง ซึ่งมันไม่เกี่ยวกับที่ผมจะพูด”เปรมาค่อยใจชื้นขึ้น อย่างน้อยเธอจะยังได้งานส่งขนมกับบริษัทยักษ์ใหญ่
บทที่ 6ความคิดกังวลยังวนเวียนแม้ผ่านมาแล้วหลายวัน พ่อของแซมไม่ยอมให้เด็กทั้งสองแต่งงานกัน แล้วเธอที่เป็นพี่สาวจะบอกน้องสาวที่เธอรักมากยังไงดีแม้มือยังเทส่วนผสมลงในเครื่องผสมสำหรับทำคุกกี้ แต่ใจยังวกวนหาทางออกไม่ได้ นึกภาพปาริมาที่ยังคงปกติดีไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นหรือเขาจะเพียงแค่ขู่ เสียงทุ้มยังก้องอยู่ในหัวสลัดออกไม่ได้เลยเธอพยายามเลิกสนใจเรื่องของแซค แล้วกลับมาทำงานต่อ เปรมาบีบแบทเทอร์[1]คุกกี้เนยสดลงบนถาดที่ปูรองด้วยแผ่นรองกระดาษสำหรับอบเค้ก มือบีบวนขดเป็นรูปขดหอยเป็นแถว ๆ เรียงเป็นระเบียบแล้วจึงวางเม็ดอัลมอนด์ตรงกลางเธอทำซ้ำวนไปอีกถาดอย่างต่อเนื่อง งานในร้านกาแฟกึ่งเบเกอรี่เป็นงานค่อนข้างหนักและมักทำให้เธอไม่มีเวลาหยุดพัก ยกเว้นช่วงหลังเลิกงานที่จริงเธอตั้งใจจะเพิ่มพนักงานอีกสักสองคนหลังร้านเพื่อมาช่วยงาน ถ้าเธอได้ลูกค้ารับขนมส่งเป็นประจำนั่นอาจจะพอทำได้“กริ๊ง กริ๊ง”เปรมาเหลือบตามองโทรศัพท์ ตายยากเสียจริง เธอวางถุงบีบคุกกี้ถอดถุงมือยางเพื่อปัดรับโทรศัพท์“สวัสดีค่ะ”“คุณรับสายช้า”ดวงตารีเหลือบตามองบนอย่างระอาใจ แค่เรื่องเล็กน้อยเขายังเอาแต่ใจเพียงนี้“ฉันกำลังทำงานอยู่ ค
บทที่ 5เปรมาจ้องเขาตรง ๆ เห็นสายตาคมเข้มยังกวาดไล้ไปบนร่างกายของเธอดั่งประเมินตีราคางานที่เขาประมูล และเธอไม่ชอบมันเลยสักนิด“ผมทำอะไรเลิฟ”“ก็คุณกำลังกวาดตาประเมินราคาฉันอยู่น่ะสิ แล้วชื่อนั้นมีไว้สำหรับคนที่สนิทเท่านั้น”แซคยิ้มกว้างจนเปรมาสะอึกสะดุดลมหายใจของตัวเอง เธอคิดว่าเขารู้ตัวดีเลยทีเดียวว่าถ้าเขาทำแบบนี้สาว ๆ ทั้งหลายจะพากันหลอมละลาย“แต่เรากำลังจะเกี่ยวดองเป็นญาติกัน นั่นยังไม่ถือว่าสนิทกันอีกหรือครับ และผมชอบดูของสวย ๆ งาม ๆ ซึ่งคุณเป็นหนึ่งในนั้น”บ้าจริง! เปรมาสะบัดหนีดวงตาคมเข้ม เธอรู้สึกว่าเขากำลังเปลื้องผ้าเธอออกทีละชิ้นอย่างช้า ๆ ด้วยสายตา และประเมินว่าเธอเหมาะสมกับครอบครัวของเขาหรือเปล่า“พูดสิ่งที่คุณคิดดีกว่าคุณฮิวส์”“สิ่งที่ผมคิดก็คือพวกเขายังเด็กเกินไป”“พวกเขาไม่เด็กแล้ว ปีหน้าพวกเขาก็อายุยี่สิบซึ่งบรรลุนิติภาวะ”“นั่นมันเรื่องของปีหน้า แต่ปีนี้พวกเขาเพิ่งสิบเก้าปีเท่านั้น”“แต่เด็กทั้งสองคนรักกัน และฉันคิดว่าเราควรสนับสนุน”“เลิฟ พวกเขายังเด็กเกินไป”แซคเสียงเข้มขึ้นเมื่อพูดถึงเรื่องของลูกชาย เขาเองไม่อยากให้แซมต้องหยุดชีวิตวัยรุ่นเพียงผู้หญิงคนเดียวตั้งแต่
บทที่ 4แซคพาร่างสูงใหญ่ในชุดสูทสีเทาเข้มปลดเนคไทออก คลายกระดุมบนสามเม็ดเพื่อต้องการให้ไม่ดูเป็นทางการมากเกินไปนัก เขาเปิดประตูร้านคาเฟ่ขนาดไม่ใหญ่แต่ก็ไม่ได้เล็กประมาณห้องสองคูหา ซึ่งมันทำให้เขาแปลกใจที่เปรมาสามารถหาร้านขนาดนี้ได้ท่ามกลางย่านธุรกิจกลางเมืองเสียงพนักงานต้อนรับเอ่ยด้วยสำเนียงหวานใสชวนไพเราะ มีเสียงกระซิบกระซาบเบา ๆ เป็นภาษาไทยขณะที่เขาเดินตรงไปยังเคาน์เตอร์“สวัสดีค่ะ ไม่ทราบว่ารับอะไรดีคะ”“ขอไอซ์อเมริกาโน่ไม่รับไซรับครับ”“ได้ค่ะ รับเค้กทานเพิ่มด้วยไหมคะ”แซคก้าวไปยังตู้แช่เค้กแบบกระจกโค้งด้านหน้าถัดไปที่เคาน์เตอร์ มองเค้กหลากหลายหน้าตาดูดีทีเดียว แล้วจึงสั่งช็อกโกแลตเค้กนมสดหนึ่งชิ้นหลังจากชำระค่ากาแฟเรียบร้อยจึงไปนั่งรอตรงมุมห้องเป็นโซฟาทรงเตี้ยนุ่มสบาย มองดูไปรอบ ๆ ร้านตกแต่งแบบผู้หญิงแท้ ๆ ด้วยสีละมุนตาโทนชมพูและครีมเป็นหลัก“ได้แล้วค่า”พนักงานสาวหน้าตาหมดจดย่อกายลงนิดเพื่อวางแก้วกาแฟและจานเค้กบนโต๊ะเตี้ยด้านหน้าชายหนุ่มหล่อ เขายิ้มรับขอบคุณจนสาวน้อยหน้าแดงอายม้วนซอยเท้าถี่เข้าไปยังด้านหลังเคาน์เตอร์แซคทำเพียงนั่งเอนกายกับพนักพิงโซฟา ขาทั้งสองข้างแยกออกจากกัน





