“ใครครับ” เขาถามเสียงเบาๆ อยู่ในลำคอ เมื่อฝนแก้วได้ยินเช่นนั้นจึงค่อยๆ ลุกขึ้นยืนและเห็นว่าเขากำลังใช้สายตามองสอดส่องเข้ามาในรั้วบ้านของเธอ เมื่อชายหนุ่มเจ้าของคำถามเห็นใบหน้าของหญิงสาวถึงกับผงะถอยหลังในทันที เพราะแสงไฟสว่างสลัวแบบนั้นยังทำให้พอจะเห็นสิ่งที่อยู่ตรงหน้าชัดเจนอยู่บ้าง
“เฮ้ย ผี” เสียงของชายหนุ่มตะโกนดังลั่นพร้อมกับวิ่งสอยเท้าเข้าไปในบ้านของตัวเองอย่างรวดเร็ว เสียงฝีเท้าของเขาที่วิ่งนั้น ทำให้ฝนแก้วต้องรีบวิ่งเข้าบ้านของตัวเองด้วยเช่นกัน
“ผีเหรอ ผีที่ไหน ที่บ้านฉันมีผีเหรอ” ฝนแก้วหายใจหอบถี่ด้วยอาการตกใจอย่างมากที่เขาเห็นผีในบ้านของเธอเอง หรือว่าจะมีผีจริงๆ แต่ช่วงนี้เธอเองก็ดวงไม่ดีด้วยน่ะสิ แต่ถ้ามีผีจริงๆ ทำไมเธอถึงไม่เคยเห็นล่ะ
ชายหนุ่มร่างสูงสมส่วนรีบเดินขึ้นบ้านไปยังชั้นสองแล้วเปิดไฟทุกดวงในบ้านให้สว่าง
“ผีเหรอ แม่งเอ๊ยไม่น่าออกไปวิ่งตอนดึกแบบนี้เลย โคตรหลอนว่ะ” ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาตาชั้นเดียวนัยน์ตาคมกริบสบถพร้อมกับถอดเสื้อผ้าออกเหลือไว้เพียงผ้าขนหนูผืนเดียวเท่านั้นที่พันท่อนล่างของเขาเอาไว้
“ไรวะ มีอะไรโทรมาดึกๆ บอกไว้ก่อนถ้าให้ฉันไปรับตอนนี้ฉันไม่ไปหลอกนะ” เสียงที่อยู่ปลายสายพูดอย่างงัวเงียเพราะนี่มันเป็นเวลานอนของเขานั่นเอง
“เออๆ ไม่ได้ให้มารับโว้ย เมื่อกี้ฉันเจอผีว่ะไอ้ไร” ชายหนุ่มร่างสูงยืนเปิดผ้าม่านมองไปที่บ้านฝั่งข้างๆ ที่เขาเพิ่งเจอผีมา
“ไรอันโว้ย ช่วยเรียกให้เต็มด้วย ผีบ้าบออะไรมาหลอกนายวะ” เสียงปลายสายพูดอย่างไม่สบอารมณ์เมื่อเพื่อนของตัวเองเรียกชื่อย่อของเขา เพราะคำว่าไรมันฟังดูแปลกๆ คล้ายๆ จัญไรนั่นเอง
“ผีผู้หญิงว่ะ หน้าตาขาวโพลนอยู่ที่บ้านข้างๆ ฉันนี่แหละ” ชายหนุ่มที่นุ่งผ้าขนหนูอยู่รีบปิดผ้าม่านเมื่อเขามองให้มั่นใจแล้วว่าผีไปจากตรงนั้นแล้ว จึงเดินมานั่งที่เตียงนุ่มทันที
“ผีผู้หญิงเหรอวะ จะไปกลัวอะไรถ้ามาหลอกก็จับทำเมียซะเลยสิ แค่นี้นะจะนอน” ยังไม่ทันที่เขาจะพูดตอบ คนที่อยู่ปลายสายก็ตัดสายทิ้งทันที
“ไอ้บ้า จะคุยเป็นเพื่อนหน่อยก็ไม่ได้ เออถ้าผีมาหลอกจริงๆ จะจับทำเมียแม่งให้หมด รับรองได้ตายรอบสองแน่ๆ “ชายหนุ่มยืนยืดอกพร้อมกับลูบเป้าของตัวเองอย่างภูมิใจ
ที่ห้องนอนของฝนแก้ว
“โอ๊ย ฮ่าๆ ฉันอยากจะบ้าตาย ฮ่าๆ” เสียงหัวเราะของฝนแก้วดังลั่นห้องน้ำเมื่อเธอกำลังยืนส่องกระจกดูใบหน้าของตัวเองอยู่ ยิ่งเธอเห็นใบหน้าสวยที่พอกมาส์กไว้จนขาวเรืองแสงก็ยิ่งหัวเราะจนตัวงอเพราะพื้นที่ว่างที่ไม่โดนมาส์กมีแค่รอบดวงตากับริมฝีปากเท่านั้น
จนมาร์กที่พอกไว้แตกหลุดเป็นแผ่นๆ ออกมา
“ฉันขอโทษนะ ป่านนี้เขาหัวใจวายตายแล้วมั้งจะบาปไหมเนี่ยเรา ฮะๆ ทำไมฉันต้องมาขำอะไรแบบนี้ตอนตีหนึ่งด้วยเนี่ย” หญิงสาวรีบจัดการอารมณ์ที่ตลกขบขันของตัวเองแล้วรีบล้างหน้าเข้านอนในทันที
เช้าวันใหม่
เสียงกดกริ่งหน้าบ้านของฝนแก้วดังในขณะที่เธอกำลังเตรียมตัวออกไปทำงาน วันนี้เธอออกไปเช้าหน่อยเพราะต้องไปขึ้นรถที่ทางเข้าหมู่บ้านห่างจากบ้านของเธอประมาณสองร้อยเมตร
หญิงสาวเดินมาที่ประตูอย่างงงๆ เพราะผู้ชายที่มากดกริ่งนั้นเธอไม่รู้จักเขาด้วยซ้ำ
“คุณมาหาใครคะ” หญิงสาวถามผู้ชายร่างสูงที่อยู่ในเสื้อเชิตสีขาวสะอาดสะอ้านที่ถือกล่องขนมอยู่ในมือ
“สวัสดีครับ ผมอยู่บ้านข้างๆ นี่เองครับเพิ่งย้ายมาอยู่ใหม่” ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเจ้าเล่ห์พูดพลางยื่นปากบู้ยไปทางบ้านของตัวเอง จนฝนแก้วมองตามปากของเขาที่ชี้ไป แล้วลืมตัวหัวเราะออกมาเบาๆ เพราะเธอนึกถึงผู้ชายคนเมื่อคืนที่วิ่งหนีเธอเพราะคิดว่าเธอเป็นผี คงเป็นเขาเองสินะ
“ค่ะ มีอะไรหรือเปล่าคะ” ฝนแก้วถามอมยิ้ม เขาคงไม่กลัวผีจริงๆ สินะถึงกล้ามากดกริ่งแบบนี้ หรืออาจจะเป็นมารยาทก็ได้ บ้านใกล้เรือนเคียงเผื่อมีอะไรจะได้ช่วยเหลือกัน
“ผมมีขนมมาฝาก ผมชื่อ ราม ครับ” ชายหนุ่มหน้าตาหล่อร้ายเจ้าเล่ห์ใช้สายตาโปรยเสน่ห์แพรวพราวใส่หญิงสาวไม่หยุด
“รามเหรอคะ พระรามหรือเปล่าคะ” หญิงสาวเอียงคอถามยิ้มมุมปากอย่างอ่อนโยน เพราะเธอเองก็ไม่ได้รังเกียจอะไรเขากับรู้สึกผิดด้วยซ้ำที่เมื่อคืนทำเขาตกใจ
“รามสูร ครับ” ชายหนุ่มย้ำชื่อเต็มของเขาพร้อมกับแววตาคมกริบแวววาวจ้องมองหญิงสาวอย่างสนใจมากกว่าเดิม
“รามสูร หรือคะ” หญิงสาวเบิกตาโพลงในสิ่งที่เธอได้ยินและชื่อนี้เป็นสิ่งที่เธอต้องเลี่ยงด้วยหรือเปล่านะ เพราะชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าก็มีเสน่ห์และยังหล่อเหลาแถมหุ่นยังดีเอามากๆ ด้วย
“ครับ รามสูร ที่เป็นยักษ์ที่ขว้างขวานใส่เมขลาแต่คุณไม่ต้องกลัวผมหรอกนะครับ เพราะยักษ์คนนี้จะไม่ทำร้ายผู้หญิงสวยๆ แบบคุณแน่นอนครับ แล้วคุณชื่ออะไรครับ” ชายหนุ่มยังคงยืนรอให้หญิงสาวเปิดประตูมารับขนมจากเขา แต่ฝนแก้วไม่ยอมตอบ กลับรีบเปิดประตูและเดินเลี่ยงเขาออกมา
“ฉันไม่ชอบขนมค่ะ คุณเก็บไว้ทานนะคะขอตัวก่อนค่ะฉันต้องรีบไปทำงาน” หญิงสาวไม่รอให้เขาตอบอะไรก็รีบซอยเท้ากึ่งวิ่งกึ่งเดินออกมาจากเขาอย่างรวดเร็วคล้ายๆ กับจะวิ่งหนีอย่างนั้น
“ให้ผมไปส่งไหมครับ เผื่อทางเดียวกัน” เขาตะโกนตามหลังเธอไป
“ไม่เป็นไรค่ะ” หญิงสาวหันมาตอบทีนี้เธอก็เปลี่ยนจากเดินมาเป็นวิ่งหนีเขาแทน
“อะไรของเธอนะ หรือว่าจะตกใจเราที่มาจู่โจมถึงบ้านขนาดนี้” เขามองตามหลังร่างบางไปจนสุดถนนแล้วยักไหล่ไหวแบบงงๆ พร้อมกับมองสำรวจเข้าไปในบ้านของฝนแก้ว ผีน่ะก็กลัวอยู่นะ แต่อยากรู้จักเจ้าของบ้านหลังนี้มากกว่า แค่ได้คุยก็ทำให้เขาตื่นตัวมากขนาดนี้กลิ่นน้ำหอมของหญิงสาวยังคงติดจมูกรัญจวนใจ จนเขาอยากจะลองสูดดมเจ้าของเนื้อหอมๆ นั่นซะแล้วสิ
คุณรามสูรคะ กรุณาอย่ารุกแรงนะคะ น้องตกใจหมดแล้ว
ขอขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านและติดตาม กดเข้าชั้น กดใจด้วยนะคะ
เรื่องแบบนี้มันเป็นความเชื่อและใช้วิจารณญาณส่วนบุคคล ตอนแรกเธอไม่เชื่อเลย และก็เริ่มเชื่อจนในที่สุด เธอเชื่อแล้วว่าคำที่หมอดูบอกเธอเป็นเรื่องจริงทั้งนั้น เธออยากจะบ้าตายที่เขาอยู่ตรงหน้าของเธอแบบนี้ ใบหน้าดวงตาคมเข้มฉายแววซุกซนให้เธอตลอด ใบหน้าเรียบเนียนของเขาเพียงเธอทาไพรเมอร์ก็ทำให้ดูดีโดยที่ไม่ต้องแต่งแต้มอะไรมากแล้ว ดวงตาชั้นเดียวแต่มันคมเข้มของเขาจ้องมองหญิงสาวตลอดจนเธอเองอยากจะเอานิ้วจิ้มลูกตาของเขาให้บอดไปซะให้รู้แล้วรู้รอด‘ลูกค้าๆๆ ท่องไว้’ หญิงสาวพูดในใจและเธอสังเกตเห็นว่าเขามีไฝตรงปีกจมูกและด้านข้างของจมูกตรงกลางอย่างละเม็ดเรียงกัน ไฝไม่ใหญ่มาก แต่ถ้ามองใกล้ๆ แบบนี้ก็จะเห็นอยู่‘ไฝเสน่ห์ สินะ ฉันไม่หลงเสน่ห์ของนายหลอกย่ะ” และเธอก็ตบแป้งพัฟแรงขึ้น“โอ๊ย ผมเริ่มเจ็บแล้วนะครับ” ชายหนุ่มรู้ดีว่าหญิงสาวจงใจแกล้งแต่งหน้าเขาแรงๆ เพราะเขาก็ใช้สายตารุ่มร่ามกับเธอจริงๆ หมับ! เจ้าของเสียงที่ร้องเจ็บ จับข้อมือของหญิงสาวเอาไว้ราวกับว่าจะให้หญิงสาวหยุด แต่เปล่าเลย เขาจับคว้าข้อมือของเธอแล้ว ให้หญิงสาวแต่งหน้าของเขาเบาๆ อย่างอ่อนโยน ให้ตายเถอะ! เขากลับไม่โกรธเธอเลยสักนิด กลับแสดงท่าทา
รถยนต์คันหรูมาจอดหน้าบ้านของหญิงสาว “ขอบคุณนะคะที่มาช่วยฉันเมื่อกี้ และให้ฉันติดรถมาด้วย” ฝนแก้วพูดก่อนจะเปิดประตูลงจากรถคันงามนั้น“ถ้าคุณยังกลัววัยรุ่นพวกนั้น คุณแจ้งความได้นะ ผมจะพาคุณไปเอง” รามสูรลงจากรถและเดินมาดักหน้าเธอเอาไว้“ไม่หรอกค่ะ ฉันคิดว่าพวกนั้นคงไม่กล้าแล้ว แล้วอีกอย่างฉันก็ไม่ได้เป็นอะไรด้วยค่ะ” เธอตอบเสียงเรียบเพราะในใจคิดแต่เรื่องคำพูดของหมอดูคนนั้น เช้าวันใหม่ชายร่างสูงมาจอดรถยนต์รออยู่หน้าบ้านของฝนแก้ว เพราะรอเวลาที่หญิงสาวจะเดินออกมาทำงานแต่กลับต้องพบหญิงวัยสี่สิบกว่าๆ เดินถือกระเป๋าใบเดียวกับเมื่อคืนที่ฝนแก้วถืออยู่เดินออกมาจากบ้านและปิดรั้วประตูอย่างทะมัดทะแมง“สวัสดีครับป้า ฝนแก้วไม่อยู่บ้านเหรอครับ” ชายหนุ่มเปิดประตูรถลงมาทักทายพร้อมยกมือไหว้ แต่ป้าวัยสี่สิบกว่าๆ กลับทำตาโตใส่ราวกับตกใจที่เจอหน้ารามสูร“คือผมอยู่บ้านข้างๆ นี่ไงครับ เพิ่งย้ายมาอยู่ใหม่” ชายหนุ่มพูดพร้อมกับชี้บ้านหลังถัดไปที่อยู่ติดกับเธอ“ฝนแก้วเหรอ เธอไปทำงานแล้ว นี่ฉันกำลังจะเอากระเป๋าไปให้หลานสาวสงสัยจะลืม” ป้าวัยสี่สิบกว่าๆ พูดดัดเสียงนิดหน่อยและชูกระเป๋าในมือขึ้น พลางคิดในใจ ว่าเธอแต่
“รามคะ สูบบุหรี่เสร็จหรือยังคะ ริชชี่รอนานแล้วนะคะ” สาวเซ็กซี่แต่งตัวเปรี้ยวเข็ดฟันมายืนโอบต้นคอของชายหนุ่มที่กำลังทักทายสาวข้างบ้านอยู่ “เสร็จแล้วครับ งั้นเช็กบิลกลับกันเลยดีไหม ผมจะไปส่งคุณเอง” ชายหนุ่มเดินโอบเอวหญิงที่มาด้วย โดยเดินตามหลังฝนแก้วมาห่างๆ“ไม่พาริชชี่ไปบ้านใหม่ของรามเหรอคะ ริชชี่อยากไปค่ะ”“ไม่ได้ครับ” เขาพูดเสียงเข้มโทนต่ำใส่หญิงสาว“ก็ได้ค่ะ งั้นไม่ไปก็ได้ ริชชี่รู้ค่ะว่าสถานะของตัวเองเป็นแบบไหน” สาวเจ้าทำเสียงน้อยใจจนฝนแก้วต้องหันหลังมามองคนทั้งสอง ที่ผู้หญิงทำเสียงน้อยใจแต่ก็เกาะแขนของเขาไม่ปล่อยด้วยเช่นกัน ผู้ชายคนนี้ไม่ธรรมดาจริงๆ เธอคิดในใจและระหว่างที่ฝนแก้วกำลังไปนั่งที่โต๊ะก็ถูกสายตาของรามสูรมองตามหลังเธอตลอด และเห็นว่าเธอมากับผู้ชายและผู้หญิงอีกคน “ชักจะอยากรู้จักแล้วสิ หึๆ ถ้าเธอมีแฟนฉันก็จะถอยออก แต่ถ้าไม่ก็อยากจะจีบสักครั้ง” เขาพูดไหวไหล่เชิงเหนือชั้น ทำให้หญิงสาวที่มากับรามสูรถึงกับมองตามฝนแก้วที่กำลังเดินออกจากร้านไป“รามคะ” ริชชี่พูดตะคอกใส่เขาจนดังลั่นร้าน ทำให้เขาขมวดคิ้วใส่เธอและเดินออกมานอกร้านทันที “ริชชี่ขอโทษค่ะราม ต่อไปจะไม่ทำแบบนี้กับรามอ
เมื่อได้เวลาเลิกงานหญิงสาวจึงรีบไปซื้อเสื้อผ้าคนสูงวัยกับจินทันที ที่ห้างสรรพสินค้าแถวๆ ที่ทำงานของจินนั่นเองฝนแก้วเดินไปได้สักพัก ก็ต้องหยุดชะงักฝีเท้าทำให้จินที่เดินตามหลังมาชนเธอเข้าจังๆ จนฝนแก้วเองเซไปโดนคนข้างหน้า จนคนตรงหน้าต้องรีบคว้าเธอไว้ได้ทันก่อนที่ฝนแก้วจะล้มหน้าคว่ำลงกับพื้นไปซะก่อน“ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวที่ถูกชายหนุ่มตรงหน้าจับมือไม่ปล่อยค่อยๆ ดึงมือของตัวเองออกอย่างเบาๆ“ขอโทษครับ” ชายหนุ่มตาหวาน ยิ้มเขินอาย“ฉันต้องขอโทษคุณซันด้วยนะคะ เกือบจะทำคุณล้มไปด้วยเลย ถ้าไม่ได้คุณจับไว้ฉันกับยัยจินต้องเจ็บตัวแน่ๆ ะ” หญิงสาวยิ้มหวานเพราะเธอเขินนิดหน่อย ที่ทำตัวซุ่มซ่ามต่อหน้าผู้ชายที่เธอเพิ่งแต่งหน้าไปเมื่อตอนกลางวัน“เอ๊ะ คุณเองเหรอคะ” จินพูดขึ้น“โอ๊ะ คุณ ผมจำได้แล้ว เพื่อนของคุณเป็นยังไงบ้างครับ” เขาพูดพร้อมกับเอามือจับศีรษะของตัวเอง เป็นการบอกใบ้ด้วยท่าทางให้อีกฝ่ายได้รับรู้“นี่ไงคะ ฝนแก้วคนที่คุณช่วยรับกระถางไว้ รู้จักกันแล้วนี่คะ” จินชี้มาทางฝนแก้วแต่หญิงสาวกลับทำหน้าสงสัย“อ๋อ วันนั้นผมเห็นหน้าไม่ชัดครับแล้วอีกอย่างตอนนั้นก็รีบด้วย ไม่คิดว่าจะเป็นฝนแก้ว” เขายิ้มอย่างพอใจท
เมื่อฝนแก้วมาถึงบริษัทก็รีบโทรศัพท์หา จิน เพื่อนสนิทของเธอโดยไม่รอช้า“ได้ๆ งั้นเดี๋ยวเราไปกินมื้อเที่ยงด้วยกัน วันนี้ฉันมีงานแต่งหน้าให้กับนักแสดงใกล้ๆ ที่ทำงานของแกด้วยเดี๋ยวเจอกันนะ” ฝนแก้วพูดจบก็วางสายและจัดการดูตารางงานที่เธอต้องออกไปข้างนอก และยกกระเป๋าอุปกรณ์แต่งหน้าไปนอกสถานที่ทันที งานที่ฝนแก้วมาทำวันนี้ก็คือ แต่งหน้าให้กับนักแสดงประกอบในละครเรื่องหนึ่งที่เธอต้องแต่งหน้าให้มีสามคน“ฝนแก้วมาแล้วเหรอ พี่ฝากน้องๆ ด้วยนะ ช่วยแต่งให้สวยให้หล่อเพราะพี่จะดันน้องๆ ให้แจ้งเกิดเรื่องนี้เลย” ผู้กำกับสาวพูดพลางพาฝนแก้วไปที่ห้องแต่งตัวของทีมงาน เมื่อเข้าไปข้างในก็พบช่างแต่งหน้าทำผมไม่กี่คนที่นักแสดงมารอแต่งหน้าเพื่อเข้าฉาก หญิงสาวจึงไปนั่งตรงมุมหนึ่งของห้องเพื่อไม่ให้เกะกะคนอื่นมากนักเพราะมีทีมงานเดินเข้าออกตลอด ไม่นานก็มีน้องๆ ผู้หญิงสองคนเดินเข้ามาหาเธอพร้อมกับผู้ชายอีกหนึ่งคน ฝนแก้วรู้งานทันทีจึงเชิญให้ทั้งสามนั่งก่อน“สวัสดีค่ะ พี่ชื่อฝนแก้วนะคะวันนี้พี่มารับหน้าที่แต่งหน้าให้น้องๆ เห็นผู้กำกับบอกว่าจะแจ้งเกิดน้องๆ จากเรื่องนี้พี่จะแต่งให้สุดฝีมือเลยค่ะ เชื่อใจพี่ได้ ว่าแต่ใครจะเริ
“ใครครับ” เขาถามเสียงเบาๆ อยู่ในลำคอ เมื่อฝนแก้วได้ยินเช่นนั้นจึงค่อยๆ ลุกขึ้นยืนและเห็นว่าเขากำลังใช้สายตามองสอดส่องเข้ามาในรั้วบ้านของเธอ เมื่อชายหนุ่มเจ้าของคำถามเห็นใบหน้าของหญิงสาวถึงกับผงะถอยหลังในทันที เพราะแสงไฟสว่างสลัวแบบนั้นยังทำให้พอจะเห็นสิ่งที่อยู่ตรงหน้าชัดเจนอยู่บ้าง“เฮ้ย ผี” เสียงของชายหนุ่มตะโกนดังลั่นพร้อมกับวิ่งสอยเท้าเข้าไปในบ้านของตัวเองอย่างรวดเร็ว เสียงฝีเท้าของเขาที่วิ่งนั้น ทำให้ฝนแก้วต้องรีบวิ่งเข้าบ้านของตัวเองด้วยเช่นกัน“ผีเหรอ ผีที่ไหน ที่บ้านฉันมีผีเหรอ” ฝนแก้วหายใจหอบถี่ด้วยอาการตกใจอย่างมากที่เขาเห็นผีในบ้านของเธอเอง หรือว่าจะมีผีจริงๆ แต่ช่วงนี้เธอเองก็ดวงไม่ดีด้วยน่ะสิ แต่ถ้ามีผีจริงๆ ทำไมเธอถึงไม่เคยเห็นล่ะ ชายหนุ่มร่างสูงสมส่วนรีบเดินขึ้นบ้านไปยังชั้นสองแล้วเปิดไฟทุกดวงในบ้านให้สว่าง“ผีเหรอ แม่งเอ๊ยไม่น่าออกไปวิ่งตอนดึกแบบนี้เลย โคตรหลอนว่ะ” ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาตาชั้นเดียวนัยน์ตาคมกริบสบถพร้อมกับถอดเสื้อผ้าออกเหลือไว้เพียงผ้าขนหนูผืนเดียวเท่านั้นที่พันท่อนล่างของเขาเอาไว้“ไรวะ มีอะไรโทรมาดึกๆ บอกไว้ก่อนถ้าให้ฉันไปรับตอนนี้ฉันไม่ไปหลอกนะ” เสี