เมื่อฝนแก้วมาถึงบริษัทก็รีบโทรศัพท์หา จิน เพื่อนสนิทของเธอโดยไม่รอช้า
“ได้ๆ งั้นเดี๋ยวเราไปกินมื้อเที่ยงด้วยกัน วันนี้ฉันมีงานแต่งหน้าให้กับนักแสดงใกล้ๆ ที่ทำงานของแกด้วยเดี๋ยวเจอกันนะ” ฝนแก้วพูดจบก็วางสายและจัดการดูตารางงานที่เธอต้องออกไปข้างนอก และยกกระเป๋าอุปกรณ์แต่งหน้าไปนอกสถานที่ทันที
งานที่ฝนแก้วมาทำวันนี้ก็คือ แต่งหน้าให้กับนักแสดงประกอบในละครเรื่องหนึ่งที่เธอต้องแต่งหน้าให้มีสามคน
“ฝนแก้วมาแล้วเหรอ พี่ฝากน้องๆ ด้วยนะ ช่วยแต่งให้สวยให้หล่อเพราะพี่จะดันน้องๆ ให้แจ้งเกิดเรื่องนี้เลย” ผู้กำกับสาวพูดพลางพาฝนแก้วไปที่ห้องแต่งตัวของทีมงาน
เมื่อเข้าไปข้างในก็พบช่างแต่งหน้าทำผมไม่กี่คนที่นักแสดงมารอแต่งหน้าเพื่อเข้าฉาก หญิงสาวจึงไปนั่งตรงมุมหนึ่งของห้องเพื่อไม่ให้เกะกะคนอื่นมากนักเพราะมีทีมงานเดินเข้าออกตลอด ไม่นานก็มีน้องๆ ผู้หญิงสองคนเดินเข้ามาหาเธอพร้อมกับผู้ชายอีกหนึ่งคน ฝนแก้วรู้งานทันทีจึงเชิญให้ทั้งสามนั่งก่อน
“สวัสดีค่ะ พี่ชื่อฝนแก้วนะคะวันนี้พี่มารับหน้าที่แต่งหน้าให้น้องๆ เห็นผู้กำกับบอกว่าจะแจ้งเกิดน้องๆ จากเรื่องนี้พี่จะแต่งให้สุดฝีมือเลยค่ะ เชื่อใจพี่ได้ ว่าแต่ใครจะเริ่มก่อนคะ” ฝนแก้วยิ้มอย่างอ่อนโยน เพราะเธอมั่นใจในฝีมือของตัวเองมากว่าไม่เป็นรองใครแน่ๆ
“หนูค่ะ พี่ฝนแก้ว” สาวน้อยวัยยี่สิบหน้าตาน่ารักรีบยกมือขึ้น
“ได้ค่ะ เรามาเริ่มกันเลยค่ะ ก่อนอื่นต้องเช็ดหน้าเพื่อความสะอาดก่อนนะคะ” ฝนแก้วเปิดกระเป๋าเครื่องสำอางแล้วหยิบโทนเนอร์มาเช็ดหน้าอย่างแผ่วเบา แล้วเริ่มทาครีมบำรุงและต่อด้วยไพรเมอร์และรองพื้นต่างๆ อย่างชำนาญจนเนรมิตให้สาวที่อยู่ตรงหน้าสวยสะพรั่งอย่างกับคนละคนกัน จนมาถึงชายหนุ่มที่ถูกแต่งหน้าเป็นคนสุดท้ายเพราะรายละเอียดไม่ต้องเพิ่มเติมมากนัก จึงง่ายต่อการแต่งและเร็วกว่าสาวๆ ก่อนหน้านี้มาก
“พี่ฝนแก้วเป็นช่างแต่งหน้ามานานหรือยังครับ” ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ตรงหน้าของหญิงสาวถามพลางแอบลอบมองริมฝีปากของหญิงสาวอย่างลืมตัว
“ก็ได้ประมาณสี่ปีแล้วมั้ง ตั้งแต่อายุยี่สิบเอ็ดตอนเรียนมหาวิทยาลัยค่ะ” หญิงสาวพูดพลางค่อยๆ ตบแป้งพัฟเบาๆ ไปที่ใบหน้าหล่อใสของเขา ดูๆ แล้วเขาน่าจะอายุไม่ถึงยี่สิบสามแน่ๆ
“งั้นตอนนี้ พี่ก็อายุยี่สิบห้าสินะครับ อายุเท่าผมเลยผมก็ยี่สิบห้าเหมือนกัน” ชายหนุ่มยิ้มหวานราวกับว่าถูกใจที่เธอมีอายุใกล้เคียงกันกับเขา
“เหรอคะ แต่หน้าของคุณยังเด็กอยู่เลย อิจฉาจัง” ฝนแก้วยิ้มแบบอายๆ เมื่อรู้สึกว่าหน้าของเขาอ่อนกว่าเธอ อาจเป็นเพราะทรงผม ผิวพรรณและการแต่งตัวด้วยมั้งเลยทำให้เขาดูเด็กกว่าเธอ เพราะเธอต้องแต่งตัวรัดกุมและเรียบร้อยจะได้เป็นการให้เกียรติลูกค้าด้วย คงไม่เหมาะแน่ๆ ถ้าหากเธอจะใส่เสื้อผ้าเปิดตรงนั้นโชว์ตรงนี้มาทำงานคงจะถูกหัวหน้าต่อว่าไม่น้อย
“งั้นผมเรียกฝนแก้วเฉยๆ ได้ไหมครับ” ชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้ายกคิ้วสูงเป็นเชิงถาม
“ได้…ค่ะ” ฝนแก้วเอียงคอตอบอย่างไม่ค่อยมั่นใจเพราะเธอกับเขาเพิ่งเจอกันทำไมเขาถึงคุยไม่ถือตัวแบบนี้ เมื่อชายผิวขาวตาสองชั้นได้ยินก็ยิ้มอย่างพอใจในคำตอบ จนฝนแก้วเกาท้ายทอยของตัวเองอย่างงงๆ ไม่เธอก็เขาแหละที่เข้ากับคนง่ายขนาดนี้ อัธยาศัยดีเกินเบอร์อะไรขนาดนั้น
“ผมชื่อ ซัน นะครับ” ชายหนุ่มส่งสายตาทอประกายไปให้ฝนแก้ว จนหญิงสาวเองต้องรีบหลบตา คนอะไรจะดูอัธยาศัยดีขนาดนั้น
“ค่ะ คุณซัน” หญิงสาวเอ่ยชื่อของเขา
“เรียกผมว่าซันเฉยๆ ก็ได้ครับ” ชายหนุ่มยิ้มจนตาหยี
จนฝนแก้วยิ้มตาม แต่เธอก็ไม่ได้พูดอะไรต่อเพราะอาจจะไม่ค่อยได้เจอกันแล้วหลังจากนี้ แล้วอีกอย่างใครจะกล้าเรียกเขาว่าซันเฉยๆ โดยไม่มีคำว่าคุณนำหน้า เพราะไม่ได้สนิทกันเลยด้วยซ้ำ หญิงสาวมองตามหลังชายหนุ่มที่ลุกเดินออกไปหลังจากที่เธอแต่งหน้าให้เขาเสร็จเพราะมีพี่ๆ มาเรียกเขาออกไปเข้าฉากนั่นเอง
เมื่อจบการทำงานฝนแก้วจึงขอกลับก่อนและออกไปทานข้าวกับจินเพื่อนสนิทที่นัดกันไว้
ณ ร้านอาหารตามสั่งแถวๆ ออฟฟิศที่จินทำงานอยู่
“เป็นยังไงยัยฝนแก้ว แกมีอะไรจะเล่าให้ฉันฟังเหรอ”
“แกจำ หมอดูที่บอกว่าให้ฉันอยู่ให้ห่างจากยักษ์ได้ไหม”
“ได้สิ ทำไม”
“ฉันเจอยักษ์แล้ว”
“แกเจอยักษ์ ตัวเป็นๆ เลยเหรอ แกเจอที่ไหนบอกฉันหน่อยสิ”
“ใจเย็นๆ ค่อยๆ ถามสิ ฉันน่ะไม่ได้เจอยักษ์ตัวเป็นๆ หรอก แต่ฉันเจอคนที่ชื่อรามสูรอยู่ข้างบ้านของฉันเอง เขาเพิ่งย้ายมาอยู่ใหม่”
“รามสูรเหรอ รามสูรที่แปลว่ายักษ์น่ะเหรอ”
“ใช่ แบบนี้ฉันจะต้องหลีกเลี่ยงยังไงล่ะ อยู่บ้านใกล้กันขนาดนี้”
“แกต้องปลอมตัวเป็นคนแก่เลย ไม่ว่าจะออกมาทำงานหรือว่าจะกลับเข้าบ้านไป” จินพูดขึ้นเพราะว่านี่มันเป็นทางป้องกันภัยร้าย ที่ได้ผลที่สุดตามที่แม่หมอดูดวงเอาไว้
และเหมือนว่าฝนแก้วจะเห็นด้วย เพราะขนาดเมื่อเช้า เขายังเดินมากดกริ่งเรียกเธอ ทั้งที่เธอยังไม่ทันตั้งตัวเลย ทำแบบที่จินเพื่อนสาวของเธอแนะนำน่ะก็ดีเหมือนกัน
หญิงสาวพยักหน้าถอนหายใจ เพราะเธอจะต้องแต่งหน้าเป็นคนสูงวัย และยังต้องใส่เสื้อผ้าที่ดูเป็นผู้หญิงอายุเยอะอีก
“เอาอย่างนั้นก็ได้ ฉันจะเอาเสื้อผ้าไปเปลี่ยนตอนทำงานแล้วกัน ขืนให้ฉันทำงานด้วยสภาพคนแก่แบบนั้นลูกค้าหายหมดพอดี”
ยัยน้องเตรียมใจแล้วนะ แต่จะแก่ขนาดไหนถึงจะไม่ถูกยักษ์รามสูรขวางขวานใส่ เอาแบบหนังเหนียวเลยไหม ดึงเนื้อทีเป็นยางยืดหนังสติ๊กก็สงสารพ่อยักษ์รามสูรอยู่เหมือนกันนะ
เรื่องแบบนี้มันเป็นความเชื่อและใช้วิจารณญาณส่วนบุคคล ตอนแรกเธอไม่เชื่อเลย และก็เริ่มเชื่อจนในที่สุด เธอเชื่อแล้วว่าคำที่หมอดูบอกเธอเป็นเรื่องจริงทั้งนั้น เธออยากจะบ้าตายที่เขาอยู่ตรงหน้าของเธอแบบนี้ ใบหน้าดวงตาคมเข้มฉายแววซุกซนให้เธอตลอด ใบหน้าเรียบเนียนของเขาเพียงเธอทาไพรเมอร์ก็ทำให้ดูดีโดยที่ไม่ต้องแต่งแต้มอะไรมากแล้ว ดวงตาชั้นเดียวแต่มันคมเข้มของเขาจ้องมองหญิงสาวตลอดจนเธอเองอยากจะเอานิ้วจิ้มลูกตาของเขาให้บอดไปซะให้รู้แล้วรู้รอด‘ลูกค้าๆๆ ท่องไว้’ หญิงสาวพูดในใจและเธอสังเกตเห็นว่าเขามีไฝตรงปีกจมูกและด้านข้างของจมูกตรงกลางอย่างละเม็ดเรียงกัน ไฝไม่ใหญ่มาก แต่ถ้ามองใกล้ๆ แบบนี้ก็จะเห็นอยู่‘ไฝเสน่ห์ สินะ ฉันไม่หลงเสน่ห์ของนายหลอกย่ะ” และเธอก็ตบแป้งพัฟแรงขึ้น“โอ๊ย ผมเริ่มเจ็บแล้วนะครับ” ชายหนุ่มรู้ดีว่าหญิงสาวจงใจแกล้งแต่งหน้าเขาแรงๆ เพราะเขาก็ใช้สายตารุ่มร่ามกับเธอจริงๆ หมับ! เจ้าของเสียงที่ร้องเจ็บ จับข้อมือของหญิงสาวเอาไว้ราวกับว่าจะให้หญิงสาวหยุด แต่เปล่าเลย เขาจับคว้าข้อมือของเธอแล้ว ให้หญิงสาวแต่งหน้าของเขาเบาๆ อย่างอ่อนโยน ให้ตายเถอะ! เขากลับไม่โกรธเธอเลยสักนิด กลับแสดงท่าทา
รถยนต์คันหรูมาจอดหน้าบ้านของหญิงสาว “ขอบคุณนะคะที่มาช่วยฉันเมื่อกี้ และให้ฉันติดรถมาด้วย” ฝนแก้วพูดก่อนจะเปิดประตูลงจากรถคันงามนั้น“ถ้าคุณยังกลัววัยรุ่นพวกนั้น คุณแจ้งความได้นะ ผมจะพาคุณไปเอง” รามสูรลงจากรถและเดินมาดักหน้าเธอเอาไว้“ไม่หรอกค่ะ ฉันคิดว่าพวกนั้นคงไม่กล้าแล้ว แล้วอีกอย่างฉันก็ไม่ได้เป็นอะไรด้วยค่ะ” เธอตอบเสียงเรียบเพราะในใจคิดแต่เรื่องคำพูดของหมอดูคนนั้น เช้าวันใหม่ชายร่างสูงมาจอดรถยนต์รออยู่หน้าบ้านของฝนแก้ว เพราะรอเวลาที่หญิงสาวจะเดินออกมาทำงานแต่กลับต้องพบหญิงวัยสี่สิบกว่าๆ เดินถือกระเป๋าใบเดียวกับเมื่อคืนที่ฝนแก้วถืออยู่เดินออกมาจากบ้านและปิดรั้วประตูอย่างทะมัดทะแมง“สวัสดีครับป้า ฝนแก้วไม่อยู่บ้านเหรอครับ” ชายหนุ่มเปิดประตูรถลงมาทักทายพร้อมยกมือไหว้ แต่ป้าวัยสี่สิบกว่าๆ กลับทำตาโตใส่ราวกับตกใจที่เจอหน้ารามสูร“คือผมอยู่บ้านข้างๆ นี่ไงครับ เพิ่งย้ายมาอยู่ใหม่” ชายหนุ่มพูดพร้อมกับชี้บ้านหลังถัดไปที่อยู่ติดกับเธอ“ฝนแก้วเหรอ เธอไปทำงานแล้ว นี่ฉันกำลังจะเอากระเป๋าไปให้หลานสาวสงสัยจะลืม” ป้าวัยสี่สิบกว่าๆ พูดดัดเสียงนิดหน่อยและชูกระเป๋าในมือขึ้น พลางคิดในใจ ว่าเธอแต่
“รามคะ สูบบุหรี่เสร็จหรือยังคะ ริชชี่รอนานแล้วนะคะ” สาวเซ็กซี่แต่งตัวเปรี้ยวเข็ดฟันมายืนโอบต้นคอของชายหนุ่มที่กำลังทักทายสาวข้างบ้านอยู่ “เสร็จแล้วครับ งั้นเช็กบิลกลับกันเลยดีไหม ผมจะไปส่งคุณเอง” ชายหนุ่มเดินโอบเอวหญิงที่มาด้วย โดยเดินตามหลังฝนแก้วมาห่างๆ“ไม่พาริชชี่ไปบ้านใหม่ของรามเหรอคะ ริชชี่อยากไปค่ะ”“ไม่ได้ครับ” เขาพูดเสียงเข้มโทนต่ำใส่หญิงสาว“ก็ได้ค่ะ งั้นไม่ไปก็ได้ ริชชี่รู้ค่ะว่าสถานะของตัวเองเป็นแบบไหน” สาวเจ้าทำเสียงน้อยใจจนฝนแก้วต้องหันหลังมามองคนทั้งสอง ที่ผู้หญิงทำเสียงน้อยใจแต่ก็เกาะแขนของเขาไม่ปล่อยด้วยเช่นกัน ผู้ชายคนนี้ไม่ธรรมดาจริงๆ เธอคิดในใจและระหว่างที่ฝนแก้วกำลังไปนั่งที่โต๊ะก็ถูกสายตาของรามสูรมองตามหลังเธอตลอด และเห็นว่าเธอมากับผู้ชายและผู้หญิงอีกคน “ชักจะอยากรู้จักแล้วสิ หึๆ ถ้าเธอมีแฟนฉันก็จะถอยออก แต่ถ้าไม่ก็อยากจะจีบสักครั้ง” เขาพูดไหวไหล่เชิงเหนือชั้น ทำให้หญิงสาวที่มากับรามสูรถึงกับมองตามฝนแก้วที่กำลังเดินออกจากร้านไป“รามคะ” ริชชี่พูดตะคอกใส่เขาจนดังลั่นร้าน ทำให้เขาขมวดคิ้วใส่เธอและเดินออกมานอกร้านทันที “ริชชี่ขอโทษค่ะราม ต่อไปจะไม่ทำแบบนี้กับรามอ
เมื่อได้เวลาเลิกงานหญิงสาวจึงรีบไปซื้อเสื้อผ้าคนสูงวัยกับจินทันที ที่ห้างสรรพสินค้าแถวๆ ที่ทำงานของจินนั่นเองฝนแก้วเดินไปได้สักพัก ก็ต้องหยุดชะงักฝีเท้าทำให้จินที่เดินตามหลังมาชนเธอเข้าจังๆ จนฝนแก้วเองเซไปโดนคนข้างหน้า จนคนตรงหน้าต้องรีบคว้าเธอไว้ได้ทันก่อนที่ฝนแก้วจะล้มหน้าคว่ำลงกับพื้นไปซะก่อน“ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวที่ถูกชายหนุ่มตรงหน้าจับมือไม่ปล่อยค่อยๆ ดึงมือของตัวเองออกอย่างเบาๆ“ขอโทษครับ” ชายหนุ่มตาหวาน ยิ้มเขินอาย“ฉันต้องขอโทษคุณซันด้วยนะคะ เกือบจะทำคุณล้มไปด้วยเลย ถ้าไม่ได้คุณจับไว้ฉันกับยัยจินต้องเจ็บตัวแน่ๆ ะ” หญิงสาวยิ้มหวานเพราะเธอเขินนิดหน่อย ที่ทำตัวซุ่มซ่ามต่อหน้าผู้ชายที่เธอเพิ่งแต่งหน้าไปเมื่อตอนกลางวัน“เอ๊ะ คุณเองเหรอคะ” จินพูดขึ้น“โอ๊ะ คุณ ผมจำได้แล้ว เพื่อนของคุณเป็นยังไงบ้างครับ” เขาพูดพร้อมกับเอามือจับศีรษะของตัวเอง เป็นการบอกใบ้ด้วยท่าทางให้อีกฝ่ายได้รับรู้“นี่ไงคะ ฝนแก้วคนที่คุณช่วยรับกระถางไว้ รู้จักกันแล้วนี่คะ” จินชี้มาทางฝนแก้วแต่หญิงสาวกลับทำหน้าสงสัย“อ๋อ วันนั้นผมเห็นหน้าไม่ชัดครับแล้วอีกอย่างตอนนั้นก็รีบด้วย ไม่คิดว่าจะเป็นฝนแก้ว” เขายิ้มอย่างพอใจท
เมื่อฝนแก้วมาถึงบริษัทก็รีบโทรศัพท์หา จิน เพื่อนสนิทของเธอโดยไม่รอช้า“ได้ๆ งั้นเดี๋ยวเราไปกินมื้อเที่ยงด้วยกัน วันนี้ฉันมีงานแต่งหน้าให้กับนักแสดงใกล้ๆ ที่ทำงานของแกด้วยเดี๋ยวเจอกันนะ” ฝนแก้วพูดจบก็วางสายและจัดการดูตารางงานที่เธอต้องออกไปข้างนอก และยกกระเป๋าอุปกรณ์แต่งหน้าไปนอกสถานที่ทันที งานที่ฝนแก้วมาทำวันนี้ก็คือ แต่งหน้าให้กับนักแสดงประกอบในละครเรื่องหนึ่งที่เธอต้องแต่งหน้าให้มีสามคน“ฝนแก้วมาแล้วเหรอ พี่ฝากน้องๆ ด้วยนะ ช่วยแต่งให้สวยให้หล่อเพราะพี่จะดันน้องๆ ให้แจ้งเกิดเรื่องนี้เลย” ผู้กำกับสาวพูดพลางพาฝนแก้วไปที่ห้องแต่งตัวของทีมงาน เมื่อเข้าไปข้างในก็พบช่างแต่งหน้าทำผมไม่กี่คนที่นักแสดงมารอแต่งหน้าเพื่อเข้าฉาก หญิงสาวจึงไปนั่งตรงมุมหนึ่งของห้องเพื่อไม่ให้เกะกะคนอื่นมากนักเพราะมีทีมงานเดินเข้าออกตลอด ไม่นานก็มีน้องๆ ผู้หญิงสองคนเดินเข้ามาหาเธอพร้อมกับผู้ชายอีกหนึ่งคน ฝนแก้วรู้งานทันทีจึงเชิญให้ทั้งสามนั่งก่อน“สวัสดีค่ะ พี่ชื่อฝนแก้วนะคะวันนี้พี่มารับหน้าที่แต่งหน้าให้น้องๆ เห็นผู้กำกับบอกว่าจะแจ้งเกิดน้องๆ จากเรื่องนี้พี่จะแต่งให้สุดฝีมือเลยค่ะ เชื่อใจพี่ได้ ว่าแต่ใครจะเริ
“ใครครับ” เขาถามเสียงเบาๆ อยู่ในลำคอ เมื่อฝนแก้วได้ยินเช่นนั้นจึงค่อยๆ ลุกขึ้นยืนและเห็นว่าเขากำลังใช้สายตามองสอดส่องเข้ามาในรั้วบ้านของเธอ เมื่อชายหนุ่มเจ้าของคำถามเห็นใบหน้าของหญิงสาวถึงกับผงะถอยหลังในทันที เพราะแสงไฟสว่างสลัวแบบนั้นยังทำให้พอจะเห็นสิ่งที่อยู่ตรงหน้าชัดเจนอยู่บ้าง“เฮ้ย ผี” เสียงของชายหนุ่มตะโกนดังลั่นพร้อมกับวิ่งสอยเท้าเข้าไปในบ้านของตัวเองอย่างรวดเร็ว เสียงฝีเท้าของเขาที่วิ่งนั้น ทำให้ฝนแก้วต้องรีบวิ่งเข้าบ้านของตัวเองด้วยเช่นกัน“ผีเหรอ ผีที่ไหน ที่บ้านฉันมีผีเหรอ” ฝนแก้วหายใจหอบถี่ด้วยอาการตกใจอย่างมากที่เขาเห็นผีในบ้านของเธอเอง หรือว่าจะมีผีจริงๆ แต่ช่วงนี้เธอเองก็ดวงไม่ดีด้วยน่ะสิ แต่ถ้ามีผีจริงๆ ทำไมเธอถึงไม่เคยเห็นล่ะ ชายหนุ่มร่างสูงสมส่วนรีบเดินขึ้นบ้านไปยังชั้นสองแล้วเปิดไฟทุกดวงในบ้านให้สว่าง“ผีเหรอ แม่งเอ๊ยไม่น่าออกไปวิ่งตอนดึกแบบนี้เลย โคตรหลอนว่ะ” ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาตาชั้นเดียวนัยน์ตาคมกริบสบถพร้อมกับถอดเสื้อผ้าออกเหลือไว้เพียงผ้าขนหนูผืนเดียวเท่านั้นที่พันท่อนล่างของเขาเอาไว้“ไรวะ มีอะไรโทรมาดึกๆ บอกไว้ก่อนถ้าให้ฉันไปรับตอนนี้ฉันไม่ไปหลอกนะ” เสี